บทความ โดย ลูกชาวนาไทย |
ผมประเมินว่าสถานการณ์ทางการเมืองในในขณะนี้ สมัครตัวเลือกที่ดีที่สุดของคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย
แม้นายกฯสมัคร จะไม่ใช่คนที่มวลชนที่สนับสนุนกลุ่มอำมาตย์ ให้ความชื่นชมนัก สื่อมวลชนไทยก็ไม่ได้ชอบนายกฯสมัครเลย
แต่สถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้ "แกนนำ" ระดับบนของคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย ต้องการสะพานเชื่อมที่สามารถจะสื่อสารถึงกันได้ ต้องการ "ช่องทางการสื่อสาร" โดยไม่คิดว่าจะปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมด เพราะไม่อย่างนั้น เ่ท่ากับทิ้งให้ทั้งสองฝ่ายต้องตัดสินใจและดำเนินการต่อสู้ทางการเมือง โดยไม่รับทราบความตั้งใจและความต้องการของอีกฝ่ายหนึ่ง
เครื่องมือสื่อสารอื่นๆ เช่น ป.สี่เสา เป็นต้น เดี้ยงหมดแล้ว
ผมว่าในตอนนี้ "แกนนำระดับสูง (ต้องสูงอย่างแท้จริง)" ของกลุ่มศักดินาอำมาตยาธิปไตย คงประเมินได้แล้วว่า ไม่อาจกำจัดระบอบทักษิณออกไปจากประเทศไทยได้อย่างแน่นอน และทำอย่างไร ก็ไม่สามารถมีประเทศไทยอยู่ได้ โดยไม่มีอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น ยุทธวิธี การไล่บดขยี้ให้สูญพันธุ์ไปอย่างที่ดำเนินการมา 3 ปีแล้ว ก็ไม่อาจบรรลุผลได้ มีแต่สร้างความวุ่นวายและไร้เสถียรภาพทางการเมือง และภาวะอนาธิปไตยให้กับประเทศไทย
เมื่อไม่สามารถกำจัดออกไปได้ การประนีประนอมในระดับหนึ่ง ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แกนนำระดับสูงมากของของกลุ่มศักดินาอำมาตย์ คงเห็นแล้วว่า "แม้ทักษิณจะออกไปจากวังวนการเมืองไทย" แล้ว แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด แต่มีทีท่าจะเลวร้ายลงไปกว่าเดิมอีก สถานการณ์ได้เลยพ้นไปจากทัีกษิณแล้ว
ตอนนี้ผมคิดว่า สถานภาพของนายกฯสมัคร สุนทรเวช ที่วางบทบาททำหน้าที่ประสานทั้งสองฝ่าย นั้น น่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นของ แกนนำีระดับสูงมาก ของกลุ่มศักดินาอำมาตยาธิปไตย เราจะเห็นได้ว่านายสมัครได้เดินทางไปบางที่หลายครั้ง และมีการประเมินว่าจะลาออก แต่นายกฯสมัคร ก็ไม่ได้ลาออกแต่อย่างใด แสดงว่าการสนับสนุนยังมีอยู่
การกำจัดนายสมัครออกไป จะทำให้ช่องทางการสื่อสารขาดสะบั้นลง ไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงกับพรรคพลังประชาชน และแกนนำทางอำนาจของกลุ่มระบอบทักษิณได้ดีอีก ไม่มีใครสามารถสื่อกับ สส. กว่า 200 คนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีก
หากนายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ข้อเท็จจริงทางการเมืองขณะนี้ ที่ "รัฐธรรมนูญปี 2550" ยังคงบังคับใช้อยู่ นายกฯ ต้องมาจาก สส. และรัฐบาลต้องมาจากเสียงข้างมากในสภา ซึ่งในที่สุด นายกฯก็ต้องเป็นคนของพรรคพลังประชาชน ซึ่งอาจเป็น นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงลี หรือ นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ หรืออาจเป็นคนอื่นๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ความใกล้ชิดต่อแกนอำนาจเบื้องบนก็ต่ำกว่านายสมัคร ซึ่งการยกหูโทรศัพท์อาจทำไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งสภาวะเช่นนี้ ย่อมคุมไม่ได้อย่างแน่นอน และอะไรก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อ "โครงสร้างอำนาจส่วนบน" มากมายนัก
ดังนั้น นายสมัคร สุนทรเวช ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่างน้อยก็ทำให้การเมืองมีเสถียรภาพได้ในระดับหนึ่ง
เมื่อเป็นอย่างนี้ จะทำอย่างไรกับกลุ่ม "นักรบรับจ้าง" ที่จ้างมาเพื่อโค่นล้มทักษิณ
สถานการณ์ของกลุ่มนักรบรับจ้างเช่น พธม.นี้ เข้าขั้นอนาธิปไตย เกินกว่าที่จะควบคุมได้แล้ว เกิดภาวะสูญเสียการควบคุมไปอย่างสิ้นเชิง
ผมว่า นักรบรับจ้างที่สงครามเลิกแล้ว แต่ยังไม่ยอมหยุดรบ ท้ายที่สุดก็ต้องกำจัดทิ้ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้่ ของใช้แล้วที่เหลือเกินความจำเป็น และอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ต้องมีการกำจัดทิ้งอย่างแน่นอน
แต่ผมไม่คาดว่า พวกศักดินาอำมาตยาธิปไตย จะสามารถกำจัดกลุ่มพันธมิตรและแกนนำออกไปได้อย่างง่ายดายนัก คงต้องใช้เวลา
การยอมให้ออกหมายจับ หรือยืนยันหมายจับ นั้นผมคาดว่านั้นคือ "เชือกที่จะเอาไว้รัีดคอ" แกนนำกลุ่มพันธมิตร เมื่อเวลามาถึงแล้ว
สภาพในขณะนี้ ม็อบยังคงร้อนแรงอยู่ การดับไฟยังคงทำได้ไม่รวดเร็วนัก คงต้องทอดระยะเวลาไปอีกพักหนึ่ง
การเสนอการเมืองใหม่ เช่น ระบบ 70/30 ในขณะนี้มันย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ โดยไม่ฉีกรัฐธรรมนูญปี 2550 ทิ้งไปก่อน ซึ่งการฉีกรัฐธรรมนูญ ก็ไม่แคล้วที่จะต้องทำรัฐประหาร
การทำรัฐประหาร ต้องถาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ว่าจะรับมือกับแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างรุนแรงได้หรือไม่
การเปลี่ยนแปลงระับบการเมือง โดยไม่ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งย่อมทำไม่ได้
จะคิดว่าจะกระทำโดย "การปฎิวัติโดยประชาชน" อย่างฝรั่งเศส หรือ สมัย 14 ตุลาคม 2516 นั้น ผมว่าสถานการณ์ยังห่างไกลยิ่งนัก
มันจึงเป็นแ่ค่ความฝันจาก "คุกในทำเนียบรัฐบาล" ของคนที่อยู่ในสนามรบกว่า 100 วัน ที่กำลังเริ่มบ้าแล้วเท่านั้น
ยุทธศาสตร์รับมือกับคนกลุ่มนี้ของนายสมัครคือ ไม่ออก ไม่ยุบ ไม่สลายม็อบ ปล่อยให้แห้งตายไปเอง
และนายสมัคร ก็หาสถานการณ์มาเพื่อดึงความสนใจของผู้คนในบ้านเมืองออกไปจากกลุ่มพันธมิตรเรื่อยๆ เช่น ในช่วงนี้มีการประชุมงบประมาณประจำปีของสภา แล้วอาจตามด้วย การเปิดสภาอภิปราย ไม่ลงมติ
การเสนอให้มีการลงประชามติ จะทำได้หรือไม่ได้ ผมคิดว่าไม่สำคัญเท่าใดนั้น แต่มันก็ทำให้สังคมมาถกกันในประเด็นเหล่านี้แทน หมดประเด็นเหล่านี้ก็น่าจะหาประเด็นอื่นๆ มาอีก เช่น การไปบูมการเลือกผู้ว่า กทม. ใครจะชนะ ก็ไม่ได้สำคัญมากมายอะไรนัก สำหรับสภาพการเมืองในขณะนี้ แต่มันก็ดึงประชาชนให้หันเหความสนใจออกไปจาก พันธมิตรได้
ปล่อยให้พันธมิตร แห้งตายอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ที่แปรสภาพ เป็น “คุก” ไปโดยเรียบร้อยแล้ว