นับจากปฏิวัติ 19 กันยาฯ 49 เป็นต้นมาเป็นเวลากว่าหนึ่งขวบปีที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องระหกระเหินอยู่นอกประเทศ ไม่มีโอกาสเข้ามาสัมผแผ่นดินเกิดอีกเลย นับจากวันนั้น... เขาเฝ้ารอ...รอวันที่จะเข้ามาต่อสู้กับคดีฟ้องร้องมากมาย...เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และกอบกู้ชื่อเสียงของตน และคนในครอบครัว...และหลังเลือกตั้ง 23 ธันวาฯนี้ หรือมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว... เขาจะกลับมา... จะกลับอย่างไร? คำถามแรกที่พบ 'จะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่' อดีตนายกฯทักษิณ หัวเราะพร้อมตอบแบบติดตลก... 'ผมจะกลับประเทศเมื่อไหร่ต้องไปถามเฉลิม(ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง) วันที่ 21 นี้ เดี๋ยวเฉลิมจะบอกเองว่า ให้ผมกลับวันไหน ผมจะกลับวันนั้น...'
ไม่เอาแล้วการเมือง...แต่?
'ผมประกาศไปแล้วว่า จะวางมือทางการเมือง'...พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง... ผมต้องการเลิกเล่นการเมืองจริงๆ แต่ยังมาบีบผมทุกวัน อย่าบีบ อย่าบังคับผมสิ! บอกแล้วว่า ผมเลิก ผมเลิกแล้ว...จะบังคับให้ผมเข้ามาการเมืองอีกทำไม...
สำหรับอนาคต...เมื่อวางมือจากการเมือง 'โอ้ย! มีเยอะแยะ หนึ่งปีมานี้เดินทางไปหลายประเทศ ทั้งรัสเซีย จีน อังกฤษ อเมริกา ไปเห็นสิ่งที่เขาทำ...โอ้โฮ... ประเทศเรายังทำอะไรได้อีกเยอะแยะ โดยที่ผมไม่ต้องเป็นนายกฯ (นายกรัฐมนตรี) ผมทำอะไรให้บ้านเมืองได้เยอะ เพราะหนึ่งผมอาจมีทุน สองเราอาจมีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ'
อดีตนายกฯ กล่าวด้วยว่า 'เดิมที...ผมก็มีความคิดอยู่แล้วว่า หลังรีไทร์จะไปทำอะไรบ้าง หนึ่ง สอนหนังสือมหาวิทยาลัยชินวัตร... สอง เล่นกอล์ฟที่อัลไพน์ และสาม ไปกินข้าวที่โรงแรมของลูกสาว (มีแผนที่จะลงทุน)...โอเค วันๆหนึ่งก็อยู่แค่นี้'
พูดถึงธุรกิจในเมืองไทย ถึงวันนี้...ธุรกิจที่เหลืออยู่มี เอสซี แอสเสท (บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น-ธุรกิจพัฒนาที่ดิน บ้านจัดสรร และอาคารให้เช่า) และมหาวิทยาลัยชินวัตร...ให้ลูกๆเขาบริหารกันไป... ส่วนผมเมื่อกลับเมืองไทยจะไปสอนหนังสือ
'ผมยังสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกเยอะ เอาทิ้งไว้นอกประเทศเสียของ ไม่ต้องให้ผมเป็นนักการเมืองหรอก' ส่วนจะให้เป็นปรึกษาก็ได้ แต่ต้องเป็นแบบไม่มีเงินเดือน มีอะไรก็ถาม ให้ความคิดเห็นกัน...จะตั้งแบบให้กินเงินเดือน หรือรับตำแหน่งเป็นทางการเลยไม่เอา...ไม่ว่าพรรคการเมืองใด อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ ทำทั้งนั้น...ทั้งผ่านการสอนหนังสือ การกุศล และการเอาโมเดิร์น เทคโนโลยีไปใช้...ยินดี!
ส่วนธุรกิจในต่างประเทศ ก็สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้(แมนฯซิตี้) มีแผนที่จะขยายเครือข่ายไปทั่วโลก อาทิ แมนฯซิตี้ไชน่า แมนฯซิตี้เจแปน แมนฯซิตี้ยู.เอส. และแมนฯซิตี้ไทยแลนด์...ทำให้ดังไปเลยว่า เป็นสโมสรฟุตบอลของคนไทย 100% ที่มีเครือข่ายรอบโลก ซึ่งในเมืองไทยนั้น โอ๊ค(พานทองแท้ บุตรชายคนโต) กำลังลงทุนทำอะคาเดมีแมนซิตี้ที่มหาวิทยาลัยชินวัตร...
อายัดทรัพย์...คดีความ...ผมพร้อม!
พูดถึงเรื่องการยึดทรัพย์ อดีตนายกฯ ตอบ' โถ! อายัด เดี๋ยวก็คืน...เพราะอายัดไปโดยไม่มีกฎหมายรองรับ...' แต่ก็ยอมรับว่า ช่วงแรกๆหลังจากถูกคำสั่งอายัดทรัพย์ 'ลำบากแสนสาหัส เพราะทำอะไรลำบาก ต้องไปนั่งอธิบาย ดีที่กูเกิลเขาใส่ประวัติชีวิตผมไว้เยอะ และก็มีคนเข้าไปค้นประวัติผมจากกูเกิล เยอะ ทำให้เขาเข้าใจตัวผมโดยที่ผมไม่ต้องอธิบายมาก...'
ส่วนเรื่องคดีต่างๆนั้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณกล่าวมั่นใจว่า ไม่มีปัญหา คดีฟ้องร้องต่างๆก็ต้องต่อสู้กันไป ผมมั่นใจ...ไม่มีอะไรเลย เพราะเขา(คตส.)เห็นโลกซีกเดียวก็สรุปเลย... สิ่งที่ผมทำไปทุกอย่าง มันอธิบายได้ หากให้โอกาสผมอธิบาย..." ซึ่งพร้อมเสมอที่จะชี้แจงทุกเรื่อง ทุกคดี เพราะเงินมีที่มาที่ไป
แต่ช่วงที่ผ่านมาต้องขอเลื่อนไปเลื่อนมา เพราะเราก็รู้ว่า ความไม่เป็นธรรมมันมี...จะพูด จะชี้แจง... หรืออธิบายอย่างไร...เขาคงไม่ฟัง..ด้วยความที่เป็นองค์กรพิเศษ ตั้งมาเพื่อจัดการกับครอบครัวผม..ครอบครัวเดียว
ไม่ท้อ..ไม่เครียด แต่ห่วงลูก-เมีย
อย่างที่บอกช่วงแรกๆ เครียดเหมือนกัน..แต่ผ่านมาถึงวันนี้ ทำใจได้! อโหสิ..' ชีวิตตั้งอยู่แล้วดับไป พระพุทธเจ้าสอนไว้ เกิดมาเป็นคนไทยมีศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาที่ดีมาก มีแนวคิดในการดำรงชีวิตที่ดีมาก แต่เรากลับไม่จริงจัง ไม่เชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน กลับไปเชื่อเครื่องรางของขลังมากกว่าตัวปรัชญา ถ้าลองเอาไปศึกษาให้ดีๆ จะทำให้ชีวิตรอดปลอดภัย'
เรื่องคดีความทีแรกก็รู้สึกว่า...เอ! เราไปทำอะไรมา แต่พอมาโดนหนักๆเข้าเลยรู้สึกว่า เออ..ดีเหมือนกัน ทำไมเขาถึงเล่นเราอยู่ครอบครัวเดียว.. เล่นทั้งครอบครัว หาเรื่องทุกเรื่อง.. และก็ไปขุดเรื่องมาตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ ไปขุดมาหมด..เลยได้ย้อนดูประวัติตัวเองที่บางเรื่องก็ลืมไปแล้ว ก็ถือเป็นสิ่งที่พิเศษ คิดว่ามีอยู่ประเทศเดียว ที่ทำกันแบบนี้ เพราะเท่าที่ผมดูหลายประเทศที่การเมืองแย่ๆ เขายังไม่ทำกันแบบนี้เลย..สรุปแล้ว การเมืองทั้งนั้น การเมืองจริงๆ..
ถามว่า ท้อใจไหม..เสียใจไหม! อดีตนายกฯตอบ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ..ทำไม! ทำกันได้ถึงขนาดนี้ สิ่งที่ผมห่วงคือ ผมห่วงลูก-เมียผมว่า จะคิดกันอย่างไร แต่พวกเขาเข้มแข็งกันดี ซึ่งเราก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะยามนี้เป็นยามที่เราถือว่าเป็นวิบากกรรม ไม่รู้ชาติที่แล้ว เราไปทำอะไรเขาไว้บ้าง บังเอิญระลึกชาติไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าไปทำอะไรกับเขาไว้ในชาติที่แล้ว...
การเลือกตั้งกับ 'ประชานิยม'..
ที่ด่าผม ด่านโยบายประชานิยม แต่วันนี้ทั้งลอกตรงๆ ลอกแบบลืมเปลี่ยน พ.ศ.และลอกแบบเปลี่ยนชื่อ หรือทำให้มากกว่าเดิมก็มี...ไม่เป็นไร แต่จะต้องเข้าใจปรัชญาของมันว่า แต่ละนโยบายมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร มีผลต่อการสร้างความแข็งแรงของเศรษฐกิจและสังคมอย่างไร
ไม่ใช่วันนี้..แจกประชานิยมแล้วชนะเลือกตั้ง..ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะมันต้องทำได้จริง..
ประเทศชาติไปรอด..ไม่ใช่ประเทศเจ๊ง อย่างที่เราทำ ทำแล้ว..ทำไมถึงมีเงินใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ.. ทำไมจีดีพีประเทศถึงโต..ที่บอกว่าเจ๊ง เจ๊ง เนี่ย..คุณเจ๊งเพราะปากคุณพูดเอง ไม่ใช่เพราะว่าตัวเลขมันเจ๊ง ตัวเลขมันดีหมดทุกตัว อัตราการว่างงานต่ำสุดแบบไม่เคยมีมาก่อน
ใครจะเสนอนโยบายนี้จะต้องเข้าใจก่อน..หนึ่งจะเอาเงินที่ไหนมาทำ ส่วนใหญ่แล้วนักการเมืองก็ดี ข้าราชการก็ดี จะเข้าใจวิธีใช้เงินมากกว่าการหาเงิน.. ถ้าเข้าใจวิธีการใช้เงินแล้วหาเงินไม่เป็น..อันตราย...พร้อมยกตัวอย่าง.. 'ผมฟังข่าวว่า น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ก็บอกว่าต้องสร้างเขื่อนรอบกรุงเทพฯ โห..ใช้เงินมาก...แต่วิธีคิดของผมไม่ใช่..คิดว่าใช้วิธีถมดีกว่า.. ถมทะเลเป็นเขื่อน..แล้วเอาตรงนั้นมาพัฒนา..สมมติถมไร่ละแสน เอามาพัฒนาเป็นไร่ละสิบล้าน..'
'มันอยู่ที่วิธีคิด หากคิดใช้เงิน ก็สร้างเขื่อน..แต่วิธีของผม..ไม่ได้ถมแล้ว..นิเวศและทิวทัศน์มันเปลี่ยนไปเยอะ เพราะเราจะพัฒนาให้ที่ตรงนั้นสวยงาม 'อดีตนายกฯทักษิณกล่าวและว่า ปัญหา ณ วันนี้ อยู่ที่ว่า รัฐบาลหาเงินเป็นมั้ย.. สำหรับผมมองว่า ประชานิยมตอนนี้..ยังน้อยไป..
ผมจะเล่าให้ฟัง..ที่ลอนดอน มีคนคนหนึ่งไปซื้อโรงแรมที่มีเชนบริหารอยู่..มี 600 ห้อง..ราคา 150 ล้านปอนด์ เท่ากับหมื่นกับห้าร้อยล้านบาท เขาใช้เงินเท่าไหร่รู้ไหม..ใช้เงินแค่ 9 ล้านปอนด์ไปซื้อเท่านั้น เพราะอะไร เพราะเขาบอกว่า เชนที่บริหารนี่ช่วยรับรองให้ได้ไหมว่า สิบปีนับจากนี้ยอดขายจะเป็นเท่าไหร่..เห็นไหม เพราะเขาเอารายได้เป็นตัวตั้ง มิใช่เอาทรัพย์สินเป็นตัวตั้ง..ส่วนบ้านเรา ทรัพย์สินตัวนี้ 150 คุณต้องหามา 75 เป็นอย่างน้อย..หาก็หาไม่ได้ ราคาก็ขึ้นไปเรื่อย..
ดังนั้นผลพวงนโยบายประชานิยมของผม..ไม่เคยทำให้เสียเงิน มีแต่ได้เงิน..โอท็อปส่งออกเท่าไหร่ ไม่มีเสียตังค์เลย หวยใต้ดิน บนดินเหมือนกัน เอาเงินที่อยู่กับมาเฟีย..มาช่วยให้เด็กได้เรียนหนังสือ... แต่วันนี้กลับเอาไปให้มาเฟียอย่างเก่า เพราะเป็นเครือข่ายที่ช่วยล้มผม แล้วมาบอกว่าผมทำผิดกฎหมาย...
'วันนี้มันต้องเลิกฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพราะถ้าจะฟื้น.. มันก็ฟื้นไม่จบ มันมีตะเข็บจมเลย.. เพราะถ้าฟื้นได้คงฟื้นไปถึงสมัยจอมพลสฤษดิ์ (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี)ก็มี ถามว่าจะฟื้นกันไหม.. 'พ.ต.ท.ดร.ทักษิณกล่าวเชิงตัดพ้อพร้อมแนะว่า 'วันนี้มันต้องมองไปข้างหน้าเพื่อประเทศจะได้ก้าวหน้า.. คือวันนี้ที่เราทะเลาะกัน คนที่ทะเลาะอาจไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ แต่ชาวบ้าน คนหาเช้ากินค่ำ พ่อค้าที่เพิ่งเริ่มลงทุน นักธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น..มันจะตายเอา..
การเมืองหลังเลือกตั้ง..ไม่มีปฏิวัติ
สถานการณ์เลือกตั้งวันที่ 23 เดือนนี้ อดีตนายกฯทักษิณ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน เชื่อผมเถอะ.. ฝืนกระแสประชาชนไม่ได้.. ตอนนี้ประชาชนตั้งหลักได้แล้ว ในที่สุดการตัดสินใจของประชาชนวันที่ 23 ธันวาฯนี้ เราจะรู้ว่า...ประชาชนบอกว่า ผมเผลอคุณปฏิวัติ แต่จากนี้ผมไม่เอาแล้วนะ ถ้าไม่เอาปฏิวัติก็จะแสดงออกได้ชัดวันที่ 23 เพราะฉะนั้นคนที่ไปปฏิวัติก็อย่าคิดมาก เอานะผิดก็ผิด พลาดไปแล้วไม่เป็นไร ไม่มีใครฟื้นฝอยหาตะเข็บ ผมก็ไม่กลับไปเอาเรื่องเอาราวหรอก ขอกลับไปตีกอล์ฟ ทำงานการกุศลของผม ช่วยเหลือชาวบ้านไปเรื่อยๆ มีความสุขแล้วกลับไปอยู่กับลูกกับเมีย..
ส่วนผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ต้องยอมรับคำตัดสินของประชาชน..เราจะมาบอกว่า คนนั้นเป็นนายกฯ ได้ คนนั้นเป็นไม่ได้..เพราะมันไม่ใช่การเลือกนายกฯ..เราเลือกพรรคการเมือง และในพรรคการเมือง ก็จะเลือกกันเองว่า ใครเป็น...ส่วนใหญ่แล้วก็คือ หัวหน้าพรรค ก็เห็นกันอยู่ ใครเป็นใคร..
'จากนี้ไปอีก 5 ปีผมบอกได้เลยว่า ไม่มีใครกล้าปฏิวัติหรอก เพราะว่าประเทศมันช้ำหมด' พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ยืนยัน พร้อมกับกล่าวด้วยว่า ประเทศตะวันตก..อย่างสหภาพยุโรป รัฐธรรมนูญของเขาระบุเลย ไม่ให้รับรองรัฐบาล ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะไปค้าขาย ไปหากิน ทำอะไรก็จะลำบาก..จะเจริญสัมพันธไมตรีก็ลดระดับลง..เรียกว่า เราจะเสียโอกาสหมด..ทั้งๆที่เราสร้างขึ้นมา นำประเทศขึ้นมา มีศักดิ์ศรีระดับเวทีโลก เคยเสนอความเห็นต่างๆ ให้กับเวทีโลก วันนี้ตกไปหมด เพราฉะนั้นมันช้ำพอแล้ว..
กับผบ.ทบ.คนใหม่..และอดีตสมาชิกแตกทัพ
ถามถึงความสัมพันธ์กับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.คนใหม่ที่เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ตอบว่า เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน เสร็จแล้วเขาแยกเหล่าไปทบ. ส่วนผมไปตำรวจ... หลังจบก็เจอกันบ้าง ในงานเลี้ยงรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 ไม่มีอะไรเป็นเพื่อนกัน.. หลังจากเข้ารับตำแหน่งผบ.ทบ.ก็ยังไม่ได้คุยกัน เพราะเราต้องเคารพการทำหน้าที่ และไม่รู้ว่าจะคุยกันในฐานะอะไร..แต่ไม่มีอะไร
ส่วนบรรดาอดีตลูกพรรคไทยรักไทยที่ออกไปอยู่ในพรรคต่างๆ เท่าที่ฟังจากน้ำเสียงของอดีตนายกฯ ทักษิณแล้ว ออกจะ 'ผิดหวัง' ในการกระทำหรือแสดงออกของหลายคน โดยพูดเป็นเชิงเปรียบเปรยว่า "ตอนนั้นผมให้ทำงานโรคซาร์ส ก็เป็นโรคปอดอักเสบกันเยอะ บางคนก็ปอดวิ่งไปซุกเขา' แต่ก็มีบางคนไปกล่าวหาผม แบบเท็จๆ ลอยๆก็มี แบบเป็นลายลักษณ์อักษรก็มี ไปกล่าวหาผมกับคตส.(คณะกรรมการตรวจสอบ...) เป็นเท็จก็มี
'ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ผมเหมือนตายแล้ว 2 ครั้ง ได้รู้จักคน..ได้รู้เพื่อนยามยากเป็นใคร.. แล้วเพื่อนยามเสวยสุขเป็นใคร..ก็ได้เห็นกัน..ก็ดี' อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยกล่าวและบอกด้วยว่า หลังจากกลับประเทศ ผมจะไม่ไปชำระแค้นผู้ที่ทำอะไรกับผม แต่ผมจะไปตอบแทนบุญคุณผู้ที่ไม่ลืมผม และคมช.ก็เช่นกัน บอกเขา ผมเป็นนักเรียนนายร้อย เลือดผมเข้มพอ มีเลือดของความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนกันอยู่ ฉะนั้นเรื่องล้างแค้นไม่มี..
แนะแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
วกเข้าเรื่องเศรษฐกิจ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ กล่าวว่า เศรษฐกิจปี 40 หลอมละลายจากส่วนบน นั่นก็คือ แบงก์กับธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเริ่มจากแบงก์ชาติพังก่อน ตามด้วยสถาบันการเงิน ในช่วงนั้นค่าเงินบาทอ่อน แต่เรากลับทำให้แข็ง เที่ยวนี้ค่าเงินบาทแข็งแต่เราพยายามทำให้อ่อน คราวที่แล้วเราต่อสู้ค่าเงิน โดยขายดอลลาร์ออกจนหมดคลัง
มาคราวนี้ค่าเงินแข็งเราทำให้อ่อน โดยออกบาทบอนด์เพื่อเอาดอลลาร์กลับเข้ามา เงินสำรอง เลยขึ้นมามาก มโหฬาร แต่ไม่ได้เอาไปทำไร เอาไปฝากไว้.. ขณะที่หลายประเทศเอาไปลงทุน เอาไปแก้ความยากจน ของประเทศ แต่เรากลับเอาไปฝาก ทำให้สถานการณ์ตอนนี้เท่ากับเรากู้แล้วเอามาฝาก นั่นคือข้อที่หนึ่ง
ข้อที่สอง ราคาน้ำมัน ซึ่งผมเคยพูดไว้เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วว่า จะขึ้นถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล วันนี้แตะแล้ว เมื่อน้ำมันแพง ก็ทำให้ข้าวของแพงอย่างหนีไม่พ้น..
อีกเรื่องคือความเชื่อมั่น..ถ้าเมื่อไหร่ความเชื่อมั่นไม่มี ไม่กลับมา ตั้งแต่ระดับนักลงทุนไป จนถึงภาคประชาชน..บอกได้เลยว่า เหนื่อย.. และแนวโน้มมันก็เหนื่อย.. เพราะปัญหารอบนอกเข้ามาประดัง อาทิ ราคาน้ำมัน ปัจจัยเรื่องศักยภาพการแข่งขันของประเทศเศรษฐกิจฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่ความเชื่ทอ ค่าเงินดอลลาร์ เศรษฐกิจอเมริกาเพราะปัญหาซับไพรม์ และรวมถึงปัจจัยในเรื่องศักยภาพการแข่งขันของประเทศยังลดลงไปอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้การลงทุนย้ายถิ่นฐาน เห็นได้จากนักลงทุนญี่ปุ่นเริ่มไปลงทุนในเวียดนาม มาเลเซีย ซึ่งการแก้ปัญหาหรือการจะเรียกให้เขากลับมาต้องใช้เวลาพอสมควร
แต่ครั้งนี้เมื่อปฏิวัติผมแล้ว.. มากล่าวหาว่า นโยบายประชานิยมเป็นอันตราย เท่ากับโจมตีตรงฐานราก นั่นคือ ฐานชาวบ้าน เมื่อโจมตีฐานราก เศรษฐกิจหลอมละลายเลยหลอมละลายจากส่วนล่างหรือฐานล่างขึ้นไปสู่ข้างบน หรือจากล่างขึ้นบน และปัญหาจะแพร่ขยายไปรวดเร็วมากเพราะคนกลุ่มนี้มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่า และนี่ก็คือปัญหาประเทศในช่วงนี้
อดีตนายกฯทักษิณ แนะนำว่า การแก้ปัญหาเหล่านี้ ไม่ยาก สามารถทำได้ แต่ต้องเข้าใจเศรษฐกิจ มีความเกี่ยวพันหลายตัว ต้องเข้าใจ ต้องทำพร้อมๆกันทุกตัว ซึ่งประเทศไทยยังมีคนเก่งๆอีกแยะ แต่บางคน อาจไม่กล้าแสดงตัวลงการเมือง (เลือกตั้ง) เนื่องจากว่าความข่มขู่ยังรุนแรง ก็เลยกลัว ไม่กล้าแสดงตัว ก็ขนาดอดีตนายกฯยังโดนย่ำยีขนาดนี้ พวกเลยกลัวกัน
ส่วนปีหน้าจะเป็นอย่างไรอยากบอกว่า อย่ายอมแพ้ เศรษฐกิจโลกที่เขาขยายตัวกัน เราเอารายได้เป็นส่วน สำคัญ ไม่ใช่เอารายจ่ายเป็นตัวนำ ตอนนี้เงินในตลาดเยอะมาก แต่หาที่พัก(ลงทุน)ที่ปลอดภัย ได้ดอกได้ผลดี เขาไม่ปล่อยทั้งปล่อยขว้าง แหล่งลงทุนแต่ละที่ก็แข่งกันอยู่
ประเทศไทยหากเอาเงินนอกใส่ปีละสัก 1 หรือ 2ล้านล้าน 5 ปีเท่านั้นประเทศเราไปไหนไม่รู้ คนหายจนหมด.. เด็กรุ่นใหม่รับการศึกษาใหม่หมด ถามว่า ทำยากไหม.. หลักการไม่ยาก แต่วิธีการยาก เพราะเราทะเลาะกันเอง
อีกปัญหาที่เป็นจุดเสียของบ้านเรา คือ เราไม่รวมสมองแล้ววางเป็นยุทธศาสตร ์ชาติแล้วทุกคน ปฏิบัติ ไปในทางเดียวกันหมด เราบอกว่าหน่วยงานนี้อิสระนะ..พอแตะปั๊บ..โดนด่าทันที แทนที่จะไปช่วยกันคิด...ยกตัวอย่าง เงินบาทแข็งเพราะมีเซอร์พลัสนอกเหนือจากดอลลาร์อ่อนตัว เซอร์พลัสที่ว่า คือ เกินดุลการค้า เพราะอะไร เพราะเราส่งออกมาก ขณะที่สินค้าทุนเราไม่สั่งเข้ามา เนื่องจากไม่มั่นใจค่าเงินก็ดี สถานการณ์การเมืองก็ดี ทำให้โรงงานต่างๆเริ่มไม่ปรับปรุงเครื่องจักร ศักยภาพการแข่งขันก็ตก เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหา ต้องเอาความเชื่อมั่น ผู้บริโภค ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาให้ได้เสียก่อน
มาตรการ 30% ไม่ช่วย!
ไม่ได้ช่วย คือ เขาจะเอาเงินเข้าประเทศ เราบอกว่าต้องเอามาไว้ 30% แต่ขณะเดียวกัน เรากลับออกบาท บอนด์ไปกู้ดอลลาร์เข้ามาแทน การที่เขาจะเอาเงินเข้ามาเยอะ..ก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะเราต้องการ ดอลลาร์เยอะเพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนใช่ไหม เมื่อต้องการดอลลาร์เยอะ ทำไมต้องเอา 30% ไปขวางล่ะ..
แต่อย่าไปโทษแบงก์ชาติเลย เพราะการที่เขาทำแบบนั้น มันก็ถูกของเขา เพราะเขามีเครื่องมือเดียว คือการออกมาตรการทางการเงิน
นี่คือคำให้สัมภาษณ์ของอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 ธันวาฯ ณ ประเทศฮ่องกง ถือเป็นท่าทีล่าสุดก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง 23 ธันวาฯ ..ส่วนเรื่องที่ว่า เขาจะกลับมาเมืองไทย กลับวันไหน กลับอย่างไร คงต้องรอให้ถึงวันที่ 21 เดือนนี้จากเพื่อนเก่าอดีตสารวัตรกองปราบที่ชื่อเฉลิม อยู่บำรุง บนเวทีปราศรัยท้องสนามหลวงของพรรคพลังประชาชน!
ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
จาก http://www.hi-thaksin.org/home.php