WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, August 15, 2009

แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ระบุสำนักราชเลขาธิการไม่ได้ติดต่อให้เข้ายื่นถวายฎีกา

ที่มา MCOT News คลิ้กที่นี่ชมรายละเอียดกรุงเทพฯ 15 ส.ค. - แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุสำนักราชเลขาธิการ ไม่ได้ติดต่อให้เข้ายื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้อดีตนายกรัฐมนตรี

นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจ ที่มีข่าวว่าสำนักราชเลขาธิการติดต่อให้แกนนำเข้ายื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้อดีตนายกรัฐมนตรี สำหรับสาเหตุที่เกิดกระแสข่าวนั้น เกิดจากการสื่อสารที่ไม่ตรงกัน ในวันที่แกนนำติดต่อไปยังราชเลขาธิการ ท่านติดธุระ จึงมอบให้รองราชเลขาธิการติดต่อกลับมา

ส่วนกรณีที่ 29 ปลัดกระทรวง ร่วมลงนามคัดค้านการถวายฎีกา มองว่า ข้าราชการไม่ควรเข้ามาห้ามประชาชนที่เดือดร้อนร้องทุกข์ ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดถูกฝ่ายการเมืองบีบบังคับให้ทำ สำหรับขั้นตอนการยื่นถวายฎีกา ในช่วงเช้าเวลา 10.00 น. จะมีกิจกรรมที่ท้องสนามหลวง จากนั้นเวลา 12.00 น. จะเริ่มตั้งขบวนเพื่อเดินไปสำนักราชเลขาธิการ โดยผู้ที่จะเป็นตัวแทนเข้ายื่น จะประกอบด้วยพระสงฆ์ 5 รูป และตัวแทนแกนนำ 10 คน คาดว่าจะใช้เวลาในการยื่นประมาณ 40 นาที และกลับมาแจ้งข่าวให้ผู้ชุมนุมทราบที่ท้องสนามหลวง พร้อมยอมรับว่ามีการทาบทามอดีตนายทหารยศ พล.อ.จริง แต่เจ้าตัวปฏิเสธ จึงไม่ขอเปิดเผยชื่อ. -สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2009-08-15 17:07:17

พรรคโฆษก

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน




นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ออกมาเซย์โน ไม่รับตำแหน่งโฆษกรัฐบาล ตามที่ นายชุมพล กาญจนะ ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทาบทาม

โดยระบุว่าอยากทำเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การศึกษา การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การพัฒนาเขตพื้นที่พิเศษเฉพาะกิจในภาคใต้ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน

ทำให้ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ต้องทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลต่อไป จนกว่าจะมีคนที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ พอใจและเห็นว่าเหมาะสมมานั่งแทน

นายปณิธานอาจไม่สันทัดกับการตอบโต้ทางการเมืองจริง แต่ก็แทบไม่ได้มีผลกระทบต่อรัฐบาลเลยด้วยซ้ำ

เพราะคนของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่หัวยันหาง ต่างถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว อาจเพราะเป็นฝ่ายค้านมานานก็ได้

นายอภิสิทธิ์เอง ก็เคยนั่งโฆษกรัฐบาลมาก่อน เก่งกาจขนาดไหน ฉายา "โฆษกเทวดา" คงไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ๆ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ก็ใช่ย่อย เคยยอมให้รัฐบาลและพรรคตัวเองถูกด่าฟรีที่ไหน

ยิ่งโฆษกและรองโฆษกพรรค ก็ล้วนแต่ "ดังทางด่า" ทั้งนั้น

น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค ก็เปิดแถลงได้ทุกเรื่องรายวัน วาจาไม่แพ้ใคร

ตอบโต้ได้แม้กระทั่งประเด็นไข้หวัดพันธุ์ใหม่ดื้อยาว่าเป็นเรื่องปกติ ที่อื่นพบมากกว่าในไทยเสียอีก

นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษก ก็ฮึกเหิมขนาดจะเล่นงานการ์ตูนิสต์ ข้อหาด่าพรรค วิจารณ์รัฐบาล

น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคอีกคน ก็ไม่เบา ลุยแม้กระทั่งอดีตรัฐมนตรีที่ล้มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่าต้องการดิสเครดิตรัฐบาล

ยังไม่นับโทรโข่งประจำตัวนายกรัฐมนตรี อย่าง นายเทพไท เสนพงศ์ ที่ออกมาชนดะ สะใจซาดิสต์ทั้งนั้น แต่จะสมานฉันท์หรือไม่

ถามชาวบ้านร้านตลาดดูได้

ที่น่าสนใจ ก็คืองบประมาณการประชาสัมพันธ์ของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ใช้จ่ายสำหรับซื้อสื่อโฆษณาตีปี๊บสร้างภาพให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี

บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี ประเทศไทย ได้รายงานตัวเลขยอดเงินในการซื้อสื่อโฆษณาประจำเดือนก.ค.2552 ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 7,423 ล้านบาท

อันดับ 1 บริษัทยูนิลีเวอร์(ไทย)โฮลดิ้ง ใช้เงิน 507.12 ล้านบาท

อันดับ 2 บริษัทพีแอนด์จี ใช้เงิน 211.54 ล้านบาท

อันดับ 3 สำนักนายกรัฐมนตรี ใช้เงิน 160.04 ล้านบาท

เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของเดือนมิ.ย.2552 ที่ใช้ไป 76 ล้านบาท

ลงทั้งเงินและใช้ทั้งคนมากมายขนาดนี้ ยังต้องใช้ฝีปากจากโฆษกรัฐบาลอีกหรือ

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์เอง ก็ยึดจอทีวีจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ทุกอาทิตย์อยู่แล้ว แถมยังเกาะโพเดี้ยม เดินสายบรรยายปาฐกถาเกือบทุกวัน ประชาสัมพันธ์ตัวเองทุกที่

เป็นโฆษกยิ่งกว่าโฆษกทั้งปวงอยู่แล้ว!!

ชวนประกาศลั่น ใครเอี่ยวทุจริต ต้องรับโทษไม่เว้น

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_26578

นายชวน หลีกภัย

แม้แต่คนชายคาปชป. เข้าไปมีส่วนทุจริตโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ยันไม่เห็นด้วยหากมีการออกมาปกป้องคนทุจริต แนะผู้รับผิดชอบโครงการ ควรออกมาชี้แจงถึงการดำเนินการสอบสวนผู้กระทำผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (15 ส.ค.) ว่า เมื่อเวลา 14.00 น.นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางกลับบ้าน จ.ตรัง ถึงกรณีการเคลื่อนไหวใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างการหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ว่า ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ หากมีการแสดงบทบาทอะไรอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายทุกคนมีสิทธิทำได้ และเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะสามารถดูแลบ้านเมืองได้ภายใต้กฎหมายโดยเคร่งครัดไม่ให้เกิดความรุนแรงใดๆ

นายชวน กล่าวถึงโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนโครงการอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น ว่า ใครก็ตามที่ทุจริตในรัฐบาลนี้ ต้องไม่ละเว้น และจะต้องเอาผิดให้ได้ โดยเฉพาะโครงการเศรษฐกิจพอเพียง เป็นชื่อพระราชทาน ซึ่งเมื่อมีการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นมากเป็นน้อย แต่ถือว่าได้มีการทุจริตเกิดขึ้นแล้ว ตนก็ไม่เห็นด้วยหากมีการออกมาปกป้องคนทุจริต แม้ว่าจะเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม เพราะเราถือมาตรฐานเดียวกัน

ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่จะช่วยเหลือประชาชน แต่เห็นว่าเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดทุจริตได้มาก ดังนั้นผู้รับผิดชอบโครงการ ก็ควรออกมาชี้แจงถึงการดำเนินการสอบสวนผู้กระทำผิดด้วย ต้องคำนึงว่าปัจจุบันการตรวจสอบโครงการต่างๆ มีหลายแนวทาง ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้จะต้องไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น

เดือนอันตราย

ที่มา ไทยรัฐ

โดย หมัดเหล็ก

ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นมาซ้ำเติมวิกฤติเศรษฐกิจอีกกระทอก ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะด้านจิตวิทยา

ย่ำแย่ลงทันตาก็มีคำถามถึงกระทรวงพลังงานว่า ทำไมราคาน้ำมันตลาดโลกเวลานี้ อยู่ที่ประมาณบาร์เรลละ 70 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศกลับอยู่ใกล้เคียงกับเมื่อช่วงที่ราคาน้ำมันโลกสูงทะลุเพดานที่บาร์เรลละ 100 กว่าดอลลาร์สหรัฐฯ

เพ่งเล็งไปที่ภาษีสารพัดชนิดที่เก็บเอาจากน้ำมัน รวมทั้งเงินที่หักเข้ากองทุนน้ำมันด้วย ปรากฏว่า แพงกว่าต้นทุนราคาน้ำมันเสียอีก

ต้นทุนน้ำมันบางประเภทอยู่ที่ลิตรละ 17 บาทกว่าๆ พอขายปลีกหน้าปั๊มกลายเป็นลิตรละ 40 กว่าบาท

เอาเปรียบผู้บริโภคเกินไปหน่อย

ค้ากำไรเกินควร ผมเคยเกริ่นไปแล้วว่า ปัญหาน้ำมันจะเป็นวิกฤติระลอกใหม่ เพราะเวลานี้กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันกำลังสุมหัววางแผนการตลาด และปรับแผนบริหารน้ำมันในอนาคต ระหว่างการกำหนดราคาน้ำมันกับปริมาณการผลิต และทรัพยากรน้ำมันที่เหลืออยู่อย่างจำกัด

แน่นอนว่า เราคงไม่มีข่าวดี

และข่าวร้ายคือ วิกฤติการเมืองไทยยังไม่สงบ ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมเป็นต้นไป คดีความที่ค้างคากันอยู่จะกลายเป็นชนวนจุดไฟอย่างดี

ทั้งคดีเขาพระวิหาร รายการทุจริตกล้ายาง ปมหุ้น ส.ส. คดีสลายชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ไปจนถึงคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์

ออกมุมไหน ยังไงก็หนีไม่พ้นแรงกระเพื่อม

ไม่นับรวมกับความขัดแย้งทางการเมืองที่เพิ่มดีกรีขึ้นทุกวัน โดยมีหัวเชื้อโหมไฟ ทั้งประเด็นการยื้อแย่งโผโยกย้ายนายตำรวจที่กลายเป็นคำตอบสุดท้ายของเกมลับ ลวง พราง ล่อกันเองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับขุมอำนาจสีเขียวที่โอบอุ้มกันขึ้นมา ไหนจะรายการถวายฎีกา คดียิงแกนนำม็อบพันธมิตรฯ คดีก่อการร้ายปิดสนามบิน ฯลฯ

ถ้าไม่มีข่าวดีอย่างที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ แพลมๆไต๋เอาไว้

สถานการณ์เมืองไทย ไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต.

ระทึกวันล้มเดิมพัน!

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_26450

ชัดเจนเลยว่า มาเป็น "แพ็กเกจ"

หลังจากเขี่ยลูกให้ "หล่อใหญ่" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยปม "เคลียร์ตอ" คดีลอบสังหาร "เดอะลิ้ม" นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำม็อบพันธมิตรฯ ล่อเป้า "บิ๊กป๊อด" พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.

งอมจนแทบไม่ต้องสอย

เฉลยคำตอบสุดท้ายของเกม ลับ ลวง พราง ล่อกันเองในหมู่ "ผู้มีอุปการคุณ" รัฐบาล "อภิสิทธิ์ชน" อยู่ที่คิวหักหอกข้างแคร่ ขุมข่ายอำนาจน้องพี่ "3 ป" ในปีกของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม "บิ๊กบราเธอร์" ทหารเสือราชินี

กัดฟัน กลืนเลือดไปหลายอึก


ล่าสุดโดยอาการขยับของ "ขาใหญ่" ม็อบพันธมิตรฯ นำโดย "มหาจำลอง" พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวด่าแหลก "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. โทษฐานไม่ปกป้องสถาบัน

เพิกเฉยต่อการเดินหน้าถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง

เขี่ยลูกให้ "อภิสิทธิ์" โละจากเก้าอี้ ผบ.ทบ.

ล่อกันตามคิว ตีกันเป็นลูกระนาด

โดยการออกมาเปิดหน้า "ตีกราด" อีกรอบ "เดอะลิ้ม" ได้ทีเย้ยแกมตอกลิ่ม รัฐบาลนี้น่าสงสารที่ไม่สามารถโยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้

เพราะนายกรัฐมนตรี ไม่มีความกล้าหาญ

พร้อมกับเขี่ยไฟจุดพลุล่วงหน้า เชื่อว่า ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ จะเกิดเหตุสร้างสถานการณ์ม็อบชนม็อบ ระหว่างเสื้อแดงที่ตั้งแท่นถวายฎีกา กับคนเสื้อน้ำเงินที่จะเดินทางมาให้กำลังใจ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ฟังคำพิพากษาคดีทุจริตกล้ายาง

โดยมีการกำหนดแผนไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อหวังล้างบางอย่างที่ค้างอยู่ในศาลและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่คงไม่สามารถบอกได้ในขณะนี้ว่า เหตุจะรุนแรงเหมือนการปะทะกันที่พัทยาในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนหรือไม่

"เดอะลิ้ม" ออกจากที่ซุ่มมาเล่นเอง ย่อมไม่ใช่คิวธรรมดา

ยิ่งเกณฑ์กันมาทั้งแถวแกนนำม็อบพันธมิตรฯ ตั้งท่าล่อเป้า "บิ๊กป๊อก" ต่อคิวจาก "บิ๊กป๊อด" ในอารมณ์ย่ามใจไล่บี้ "บิ๊กป้อม"

กะให้จนกลางกระดาน


และก็ให้บังเอิญรับมุกกับรายการตีปี๊บของฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ออกมาดักทางคิว เดินทางไปราชการต่างประเทศของ พล.อ.ประวิตร และมีผู้มีบารมีนอกพรรคร่วมรัฐบาล เดินทางตามไปสมทบที่ต่างประเทศ

คงมีการหารือเรื่องบางอย่างร่วมกัน ซึ่งอาจมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ จึงอยากให้นายกฯ อภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ เร่งตรวจสอบโดยด่วนว่า จะมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือไม่

และก็เป็น "ปู่ชัย" นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ออกมาปฏิเสธแทนลูกชาย บอกปัดกระแสข่าวนายเนวิน ชิดชอบ ไม่ได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ในช่วงใกล้ตัดสินคดีกล้ายาง

เกมเร้า ขุน ม้า โคน ขยับ ในห้วงที่หมากมาถึงจุดเข้าด้ายเข้าเข็ม

17 สิงหาคม วันล้มเดิมพัน

ฟากหนึ่งของสนามหลวง "ตุ๊ดตู่" นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. ออกมาประโคมข่าวล่าสุด เป็นที่แน่ชัดว่าการยื่นถวายฎีกาของคนเสื้อแดงขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สามารถทำได้


เพราะดูว่าสำนักราชเลขาธิการ และสำนักพระราชวัง ได้ติดต่อมาโดยตรงกับแกนนำ นปช. จากเดิมให้ส่งตัวแทนจำนวน 8 คน เพื่อยื่นใบฎีกาที่ศาลาลูกขุน ขณะนี้อนุญาตให้เพิ่มเป็น 15 คน โดยมี นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. และรวมไปถึงพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง โดยคาดว่าจะยื่นประมาณเวลา 13.00 น.

เมื่อยื่นถวายฎีกาแล้วจะมารวมตัวกันที่ท้องสนามหลวง ร่วมกับประชาชนเรือนแสนที่รออยู่ที่นั่น จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมาขอบคุณประชาชน

อีกฟากหนึ่ง ข้ามถนนไปที่ศาลฎีกา "ปู่จิ้น" นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำชัด ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ จะไปให้กำลังใจนายเนวิน ในการฟังคำพิพากษาในคดีทุจริตกล้ายาง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

โดยได้ยกเลิกภารกิจในวันดังกล่าวทั้งหมด

บรรยากาศเร้าใจ นาทีลุ้นระทึกจริงๆ.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

มหาโชว์ร่วม ถวายฎีกา ไม่ขอมติมส.

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_26557

นายวีระ มุสิกพงศ์

พระมหาโชว์ ทัสสนีโย นำคณะสงฆ์กลุ่มสังฆสามัคคี 2,000 รูป ร่วมถวายฎีกาช่วย"ทักษิณ" ยันไม่ต้องขอความเห็น มส. อ้างไม่ขัดพระธรรมวินัย-กฎหมาย รวมทั้งไม่ก้าวก่ายการเมือง "วีระ" เผย อดีตนายกฯโฟนอิน 10โมง

เมื่อ เวลา 13.30 น. วันที่ 15 ส.ค. ที่บริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ ชั้น6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว กลุ่มพระสงฆ์สังฆสามัคคี นำโดย พระมหาโชว์ ทัสสนีโย รองผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพระศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) พร้อมด้วยนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) แถลงว่า คณะสงฆ์กลุ่มสังฆสามัคคี ที่มีสมาชิกทั่วประเทศอยู่ประมาณ 2,000 รูป จะร่วมทูลเกล้าฯ ถวายฎีการ้องทุกข์เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกลุ่มนปช. ในวันที่ 17 ส.ค. นี้ เพราะบ้านเมืองขณะนี้ อยู่ในช่วงตกทุกข์ได้ยาก สังคมแตกแยก เศรษฐกิจยำแย่ การเมืองการปกครองยากสามัคคี เมื่อเห็นประชาชนมีความทุกข์เดือดร้อนไปทั่ว กลุ่มสังฆสามัคคีในฐานะที่เป็นตัวแทนคณะสงฆ์เห็นว่า เป็นบทบาทของสงฆ์ต้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา หาทางออกให้เกิดความสามัคคีในบ้านเมือง เช่นกับบทบาทของพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาล จึงถือโอกาสถวายฎีการ้องทุกข์ร่วมกับคนเสื้อแดง เพราะต้องการเห็นบ้านเมืองมีความสามัคคีและสงบสุข เพื่อนำ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมา เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ แต่ที่ถูกดำเนินคดีและพิพากษาจำคุก ด้วยกระบวนการยุติธรรม บิดเบี้ยว การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ของกลุ่มสังฆสามัคคี ไม่จำเป็นต้องขอความเห็นใดๆ จากมหาเถรสมาคม เพราะถือเป็นมติของคณะสงฆ์ในกลุ่ม การร่วมถวายฎีการ้องทุกข์นี้ไม่ได้ขัดต่อพระธรรมวินัย ไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย หรือทำให้คณะสงฆ์เสื่อมเสีย เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่ได้ก้าวก่ายการเมือง

ด้าน นายวีระ กล่าวว่า การยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 17 ส.ค. จะเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนเสื้อแดงทั่วทุกสารทิศที่ท้องสนามหลวง และในเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมาทักทาย และขอบคุณประชาชนที่ได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีการพูดเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง สำหรับตัวแทนคนเสื้อแดงที่จะเข้าไปยื่นฎีกาที่ศาลาลูกขุน ในพระบรมมหาราชวัง จะมีการเพิ่มจาก 8 คน เป็น 15 คน เนื่องจากมีพระสงฆ์ร่วมถวายฎีกาด้วย โดยแบ่งเป็นตัวแทนคณะสงฆ์ 5 รูป และแกนนำ นปช. 10 คน โดยไม่มีคนนอกที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เข้าร่วมเช่นที่เป็นข่าวออกมา โดยเฉพาะในระดับองคมนตรี เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่นปช.จะเชิญมาร่วมถวายฎีกา ส่วนผู้ใหญ่คนอื่นๆ เป็นนายทหารและนายตำรวจใหญ่นั้น ยอมรับว่าได้เข้าไปคุยจริง แต่ทุกคนต่างปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า ไม่เหมาะสมที่จะเข้าไปเพราะไม่ได้เป็นผู้ทำงานเคลื่อนไหวการเมืองตั้งแต่ต้น ส่วนกรณี 29 ปลัดกระทรวงออกแถลงการณ์คัดค้านการถวายฎีกานั้น ตนเข้าใจว่า คงจะถูกบีบบังคับจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงให้ออกมาแสดงความ เห็นคัดค้านการร้องทุกข์ของประชาชน คนเป็นข้าราชการะดับสูงควรที่มีศักดิ์ศรีของข้าราชการประจำ ทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน ไม่ใช่ออกมากระทำการขัดขวางการถวายฎีการ้องทุกข์ของประชาชนที่มีความทุกข์ ร้อนเช่นนี้

แม้วมีของเล่นใหม่'ไลฟ์เรดิโอ'เปิดตัว1กย.

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_26427

เสื้อแดงพัทยาคึกคัก ร่วมชุมนุมกว่า 2 หมื่นคน "ทักษิณ" โฟนอินพร้อม "มานิตย์" อ้อนอยากรีบกลับมารับใช้ประชาชน เตรียมเปิดตัว "ทักษิณ ไลฟ์ เรดิโอ" เป็นดีเจเอง ให้วิทยุชุมชนทุกจังหวัดร่วมแจม..

เมื่อช่วงค่ำวันนี้ (14 ส.ค.) ที่ลานคนรักประชาธิปไตย ซอยเขาตาโล เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในการชุมนุมกลุ่ม นปช. ได้มีการตั้งเวทีปราศัย โดยมีบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ นายวีระ มุสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุรชัย แซ่ด่าน นาย ขวัญชัย ไพรพนา และนายชาญยุทธ เฮงตระกูล ขึ้นปราศรัยบนเวที บรรยากาศไปไปอย่างคึกคัก โดยมีกลุ่มเสื้อแดงที่ในเมืองพัทยา และ จังหวัดต่างๆใกล้เคียงเข้าร่วมกว่า 20,000 คน ส่งผลการจราจรบนท้องถนนติดขัดเป็นระยะ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังไว้รอบๆ บริเวณงานกว่า 100 นาย และมีการตั้งด่านตรวจตามเส้นทางต่างๆ

ขณะที่การปราศรัย เน้นไปที่เรื่องการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ต่อมา เวลาประมาณ 21.10 น. พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมด้วย นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ แกนนำและที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โฟนอินจากประเทศดูไบ ผ่านระบบวิดีโอลิงค์ เข้ามาพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม

โดยอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวโจมตีกลุ่มนักการเมืองที่ปฏิบัติหน้าที่และแทรกแซงการทำงานของข้าราชการ การไม่เป็นประชาธิปไตย การให้ข้อมูลบิดเบือนความจริงกับประชาชน และอยากเห็นทุกฝ่ายร่วมมือกันในการพัฒนาประเทศ และขอบคุณประชาชนที่ร่วมลงรายชื่อ พร้อมทั้งอยากจะรีบกลับมารับใช้พี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเผยว่าเตรียมโครงการเปิดสถานีวิทยุทางอินเทอร์เน็ต โดยใช้ชื่อว่า "ทักษิณ ไลฟ์เรดิโอ" ซึ่งจะได้ฟังกันทั่วโลก ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยที่ตัวเขาจะเป็นดีเจเอง พร้อมทั้งให้คลื่นวิทยุชุมชนแต่ละจังหวัดออกอากาศร่วมได้อีกด้วย โดยอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ใช้เวลาโฟนอินประมาณ 28 นาที และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนเสื้อแดง จ.พะเยา ได้จัดประชุมเร่งด่วนเพื่อขอมติและวางแผนในการชุมนุมต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงใน จ.พะเยา ทุกกลุ่มหารือกัน ณ ศูนย์ประสานงานกลุ่มพะเยาเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งผลการประชุมมีมติยกเลิกการชุมนุมประท้วงการเสวนาการเมืองของพันธมิตรฯ ที่ร้านอาหารศรีสกุล อ.เมือง จ.พะเยา ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.)

นายทูล เวชกลาง หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์กลุ่มพะเยาเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกภารกิจดังกล่าว เนื่องจากว่าทางฝ่าย ส.ส.เกรงว่าหากกลุ่มคนเสื้อแดงและพันธมิตรฯ เกิดการปะทะกัน อาจทำให้สถานการณ์รุนแรงถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ และหากวันพรุ่งนี้ มีกลุ่มคนที่ไปต่อต้านพันธมิตรฯ จะอ้างว่าเป็นเสื้อแดงพะเยานั้น ทางกลุ่มเสื้อแดงพะเยาจะไม่รับผิดชอบในการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเสื้อแดงพะเยาไม่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย รวมถึงเสียภาพลักษณ์ที่ดีงามของเสื้อแดงพะเยาด้วย

สัมภาษณ์ คำ ผกา: ว่าด้วยเรื่องวัฒนธรรมมั่วๆ หมีแพนด้า-ไข้หวัด2009 และการเมืองที่ซับซ้อนกว่าเรื่อง 2 สี

ที่มา ประชาไท

หากเอ่ยนาม ‘คำ ผกา’ ภาพของหญิงสาวร้อนแรงแต่แฝงความแสบสันต์คงผุดขึ้นมาในหัวของใครหลายคน ถ้าใครได้สัมผัสตัวตนของเธอผ่านหนังสืออย่าง ‘กระทู้ดอกทอง’ ของเธอด้วยแล้ว คงจะยิ่งรับรู้ถึงความ ‘แสบ’ แบบผู้หญิงนอกกรอบ อย่างไรก็ตาม ตัวตนส่วนหนึ่งของ ‘คำ ผกา’ ย่อมประทับภาพของความเป็น นักเขียน ที่กล้าท้าทายขนบประเพณีของสังคมไทยอย่างมีเหตุผล
‘คำ ผกา’ เป็น 1 ในนามปากกาของ ลักขณา ปันวิชัย ในขณะที่นามปากกาอื่นๆ ก็เป็นที่รู้จักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็น ฮิมิโตะ ณ เกียวโต
‘คำ ผกา’ จบการศึกษาภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาระดับปริญญาโทและเอกด้านไทยศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกียวโต
ปัจจุบัน นอกจากเธอจะเขียนหนังสือให้กับนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ และนิตยสารชื่อดังอีกหลายฉบับแล้ว นิตยสารที่อ่านประจำคือ เฮลโหล, OK!, คลีโอ ว่างๆ ชอบ ช็อปฯ ช็อปฯ และช็อปฯ
ล่าสุด ‘ประชาไท’ มีโอกาสสัมภาษณ์เธออีกครั้ง- - ว่าด้วยเรื่องสัพเพเหระ ชาวบ้านๆ สังคม วัฒนธรรม เรื่องการหลง ‘เจ้า’ รวมทั้งเรื่องการเมืองไทย ที่ยังคงว่ายวน หลงครำ และหวนทวนย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเองอยู่ในขณะนี้

(ที่มาของภาพ:-จากนิตยสาร VOLUME)

ในฐานะที่คุณเป็นคนเชียงใหม่ คุณมองเชียงใหม่เปลี่ยนไปมากไหม? ตั้งแต่มีพ่อแพนด้า แม่แพนด้า ลูกหมีแพนด้ามาอยู่เชียงใหม่ วัฒนธรรมเปลี่ยนไปมากไหม?

มีคนถามคำถามนี้กับดิฉันบ่อย บ่อยจนอยากตอบว่านับแต่ครั้งแรกที่ถูกถาม เชียงใหม่ไม่ค่อยเปลี่ยนแล้วล่ะ (หัวเราะ) เชียงใหม่ไม่เปลี่ยนในแง่ที่เป็นเมืองที่ทางเท้าห่วย แคบ ขรุขระเหมือนเดิม เป็นเมืองที่ให้ priority กับรถยนต์มากกว่าคนเดินเท้าและจักรยานเช่นเดิม เป็นเมืองที่มีแต่คนตั้งหน้าตั้งตาสร้างโรงแรม ขายความ exotic ล้านนา พุกาม จีน แขก ขอม ได้มั่วซั่วเหมือนเดิม มีงานevent เปิดตัวสินค้า เปิดห้างสรรพสินค้าที่ผูกขาดโดยออร์กาไนซ์เซอร์กลุ่มหนึ่งที่ถนัดแต่ทำกาดหมั้ว แบบมั่วๆ จับสาวๆ หนุ่มๆ มาใส่ชุดเหมือนหนังจักรๆ วงศ์ๆ มีฟ้อนประหลาดๆ มีเต้นย้อนยุคสุนทราภรณ์ เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ขายวัฒนธรรมได้น่าขบขันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เชื่อลองเปิดดูหน้าข่าวสังคมตามหนังสือที่เรียกว่า free newspapers ดูสิ มีแต่เรื่องตลกๆ งานตลกๆ

เทรนด์ล่าสุดของเชียงใหม่ที่น่าจับตามองมากคือ อาการโหยหา “เจ้า” เจ้าเชียงใหม่เหลือกี่คน ขุดมาใช้ให้คุ้ม ออกทุกงาน และพยายามจะพูดถึง “เจ้า” แบบนับญาติสนิทชิดเชื้อ ราวกับจะสถาปนาตัวเองเป็น “เจ้า” ไปด้วย อาการนี้น่าจะสืบเนื่องมาจากแฟชั่นแต่งตัวเป็น เจ้านายฝ่ายเหนือตามสตูดิโอในไนท์บาร์ซาร์ที่มาพร้อมกับกิจการเช่าชุด- ผ้าพื้นเมืองโบราณที่เริ่ม เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว

ล่าสุดได้ยิน “เจ้า” เชียงใหม่คนหนึ่งบอกว่าภูมิใจที่ตระกูลของท่านอยู่ที่นี่มา 700 ปี เราก็เอ๊ะ ตระกูล เจ้า เชียงใหม่นี่ เพิ่งจะมีมาเมื่อ สัก 200ปี ตอนที่เป็นอิสระจากพม่าแล้วย้ายมาสวามิภักดิ์กับ
สยามแทนไม่ใช่เหรอ มันเป็น 700 ปีตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?

ตั้งเป็นข้อสังเกตให้จับตาดูเอาไว้ว่าเดี๋ยวจะมี “เจ้า” ผุดขึ้นมาในหน้าข่าวสังคมเชียงใหม่อีกมากพร้อมกับพิธีกรรม และ ประเพณีที่จะถูกประดิษฐ์โดยกลุ่มธุรกิจจัดงานอีเวนต์นี่แหละ แห่ช้างแห่ม้าหาเงินกันสนุก ส่วนเราก็นั่งดูพลางปลงพลางว่า เฮ้อ “เจ้า” ของเราทางเหนือเนี่ยะ จริงๆ แล้วไม่ได้ทำการทำงานให้เป็นที่ภูมิใจได้สักนิด – คนเชียงใหม่ในฐานะที่เป็นคนไทยก็ไม่รู้ประวัติศาสตร์ไทย และคนเชียงใหม่ในฐานะที่ครั้งหนึ่งเป็นเมืองขึ้นสยามก็ไม่เคยได้มีโอกาสทำความรู้จักตัวเอง เศร้าสองต่อนะคะ

เรื่องแพนด้า ไม่อยากแสดงความเห็นมาก ดิฉันว่า ชาวบ้านร้านช่องไม่ได้ตื่นเต้นกับแพนด้ามากเท่ากับที่ “สื่อ” พยายามจะสร้าง และบอกตามตรง ค่าเข้าสวนสัตว์ เพื่อจะดูแพนด้าและอื่นๆ ที่เป็นไฮไลต์นั้นแพงเกินกว่าที่ชาวบ้านชาวช่องจะเข้าไปดูได้ค่ะ สมมุติค่าใช้จ่ายในการไปสวนสัตว์เท่ากับ 500 บาทต่อคน (รวมค่ารถ ค่าอาหาร) ครอบครัวหนึ่งมี 4 คน ต้องใช้เงิน 2,000 บาทแล้วนะคะ สมมุติค่าแรงขั้นต่ำวันละ 250 บาท พ่อมีรายได้เดือนละ 7,500 บาท แม่อีก 7,500 บาท การไปเที่ยวครั้งละ 1,500 บาทนี่คิดเป็น 10 % เลยนะคะ ยังไม่นับว่าในครอบครัวมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ อีก เช่น ค่าเช่าบ้าน อาหาร ค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของลูก เพราะฉะนั้นการไปสวนสัตว์สำหรับบางครอบครัวเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยไปแล้ว เพื่อนของดิฉันเคยบอกว่า เงินน้อยก็ไปเดินเล่นหน้ากรงลิง กรงนกแก้วไปก่อน

ดิฉันถึงตั้งคำถามไปยังสวนสัตว์ว่า ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ต้องตะกายดาวไปเอาหิมะ เอาเท่าที่ทรัพยากรของเราที่มี สวนสัตว์จะให้ (Contribute) อะไรกับคนท้องถิ่นและคนส่วนใหญ่ที่มีรายได้น้อยได้บ้าง?

กรณีปัญหาไข้หวัด 2009 ที่กำลังกลายเป็นกระแสของการตื่นกลัวในขณะนี้ คุณมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร ชาวบ้านอย่างเราๆ จะตั้งรับกันอย่างไรดีละ...เพราะดูเหมือนชาวบ้านเริ่มไม่เชื่อมั่นต่อคำพูดของรัฐบาลแล้ว ที่ก่อนหน้านั้น จะบอกว่า “เราควบคุมการแพร่ระบาดได้” ซึ่งว่ากันว่านั่นเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาด ทำให้ประชาชนไม่ได้เตรียมตัวเท่าที่ควร เป็นความผิดพลาดในเรื่องของการบริหารจัดการของรัฐบาล ?

อันนี้ดิฉันไม่รู้ ตอบไม่ได้จริงๆ คำว่า “หวัด” มันเป็นเหมือนเรื่องเล็กน้อย และเส้นแบ่งของความระมัดระวังกับการตระหนกตกตื่นจนเกินกว่าเหตุมันบางมาก เมื่อก่อนดิฉันอยู่ญี่ปุ่น คนใส่ มาสก์เวลาเป็นหวัดเป็นเรื่องปกติมาก เราเป็นหวัด เราต้องปิดปาก ในแง่ของภาษาที่สื่ออกไปคุณกำลังบอกกับสังคมว่า “ฉันมีความรับผิดชอบต่อสังคมนะ ฉันป่วยและฉันระวังไม่เอาเชื้อโรคไปติดใคร” แต่การใส่มาสก์ในเมืองไทยที่รณรงค์กันอยู่คือ คนไม่ป่วยใส่ เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ติด มันกลับกัน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นสองอย่าง

อย่างแรก คือ คนไทยรู้ว่าพึ่งรัฐไม่ได้ ก็พึ่งตนเอง ป้องกันตนเอง อย่างที่สอง เราไม่ได้ใส่มาสก์เพราะคิดถึงคนอื่นหรือเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อคนอื่นที่อยู่ร่วมกับเราแต่เราใส่มาสก์เพื่อป้องกันตัวเราเอง เป็นการเอาตัวรอดแบบ ดิฉันไม่อยากพูดว่า “แบบคนไทย” คือมันเป็น mentality ที่อยู่กับสังคมไทยที่เราคุ้นเคย คนอื่นเป็นไงก็ช่าง สังคมเป็นไงก็ช่าง ตัวกู ลูกกู ครอบครัวกูรอดก็แล้วกัน ถ้าโยงไปหาปัญหาอื่นๆ ก็คือ สมมุติว่าจะมีคนมาสร้างเตาเผาขยะข้างบ้านเรา เราเดือดร้อน แต่ถ้ามันไกลจากบ้านเราไป เราจะคิดว่า อื่ม...ไม่ใช่ปัญหาของเรา ปล่อยให้คนที่นั่นสู้กันไป เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปสนับสนุนหรือส่งเสียงไปเพื่อช่วย support เผลอๆไปด่าเขาอีก

ที่น่าจับตาดูคือ หลังการระบาดของหวัดมันจะทำให้เกิดกระแสคลั่ง Hygiene ขึ้นมาในสังคมไทยหรือเปล่า ตอนนี้เราก็บ้าเจลล้างมือกันแล้ว อีกหน่อยจะเหมือนญี่ปุ่นที่มีคนผลิตทิชชูไว้เช็ดราวบันไดเลื่อน เพราะประสาทแดก กับเชื้อโรค กลัวว่าคนก่อนหน้าเราที่จับราวนั้นอาจจะสกปรก –ไม่ใช่สกปรกธรรมดา แต่สกปรกจนรับไมได้ - ทีนี้ในสังคมไทยที่ช่องว่างทางชนชั้น ทางเศรษฐกิจมันถ่างกว้างมาก แถมมาด้วยมีแรงงานต่างชาติ ทีนี้เชื้อโรค ความป่วยไข้ ความสกปรก จะถูกโยนไปที่คนจน แรงงานต่างด้าว คนไร้บ้าน และคนชายขอบของสังคมทั้งหมด อันนี้จะเป็นโศกนาฏกรรมยิ่งกว่าโรคระบาด

วกกลับมาเรื่องการเมืองในสายตาชาวบ้านบ้าง จากการที่คุณคลุกคลีอยู่กับคนท้องถิ่น มองชาวบ้านร้านถิ่นตอนนี้เขาสนใจการเมือง เข้าใจไปในทิศทางใดบ้าง... หลังผ่านรัฐประหาร ผ่านทั้งรัฐบาลแต่งตั้งและเลือกตั้งฯ ผ่านทั้งเหลืองๆ แดงๆ แล้วชาวบ้านเขารู้จักประชาธิปไตย เขารู้จักเผด็จการกันดีขึ้นบ้างหรือไม่ หลังจากได้ลิ้มลองมาหลายรสหลายแบบ มานานหลายปีแล้ว ?

คำถามนี้ไม่ตอบได้ไหมคะ แบบว่า เบื่อแล้ว (หัวเราะ) ดิฉันว่ามันชัดเจนในบทความที่ดิฉันเขียนเรื่อง “นับแต่นี้ไปไม่เหมือนเดิม” (หมายเหตุ...อ่านบทความล้อมกรอบท้ายบทสัมภาษณ์)

แล้วคุณมีความเห็นยังไงที่ดูเหมือนสีเหลืองจะเริ่มจาง และสีแดงกลับดูเหมือนจะเข้มข้นขึ้นทุกที? (...ดูได้จากปฏิกิริยาตีกลับ กรณีพระเอกกลายเป็นผู้ก่อการร้าย ถูกตั้งข้อหาฯ...หรือรัฐบาลอภิสิทธิ์เคลื่อนไปทางไหน ก็จะถูกแดงลุกฮือขัดขวางไปทั่ว)

ดิฉันคิดว่าตอนนี้มันซับซ้อนกว่าเรื่อง 2 สี ต้องมองว่า กลุ่มสีแดงจะขยับกระบวนการให้ไปสู่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ไม่ใช่แค่เอาทักษิณกลับมา (เว้นแต่ทักษิณจะเป็นสัญลักษณ์ของอีกสิ่งหนึ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาอยากขจัดให้พ้นจากการเมืองไทย เขาจึงชูทักษิณในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์เท่านั้น) ดิฉันคิดว่าจุดเปลี่ยนผ่านการเมืองไทยช่วงนี้ละเอียดอ่อนมาก ไม่มีซ้าย ขวา เหลือง แดง น้ำเงิน ที่เป็นเส้นแบ่งออกจากกันชัด ชนชั้นนำทุกกลุ่มไม่ว่าจะสีอะไรมีผลประโยชน์เกี่ยวกันอีรุงตุงนังกันไปหมด แต่ประเด็นสำคัญคือ สิ่งที่ประชาชนได้เรียนรู้จากกระบวนการที่เกิดขึ้น

ดิฉันคิดว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับประชาชนสำคัญมากกว่า และความเปลี่ยนแปลงอันนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นแบบเป็นเส้นตรงพุ่งไปข้างหน้า มันเปลี่ยนตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย มันมีความขัดแย้งกันเองในอุดมการณ์ ในตรรกะที่เราใช้ มีการเดินหน้า มีการถอยหลัง ซึ่งดิฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เวลาเรามอง เราชอบจะไปจัดระบบ พยายามจะไปขีดเส้นแบ่งตรงนั้นออกจากตรงนี้ และหากมันไม่เป็นอย่างที่เราคิด ไม่ก้าวหน้าเท่าที่หวังเราก็หงุดหงิด

แล้วคุณคิดว่าทางออกมันไปทิศทางไหนละนี่... ในขณะที่หลายคนก็หันมาเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญอีกตามเคย รวมทั้ง นปช.ก็ออกนโยบายเฉพาะหน้าของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) “แดงทั้งแผ่นดิน”

ดิฉันมองว่า การเรียนรู้ทางการเมืองมันเป็น “กระบวนการ” มันไม่จำเป็นต้องมีทางออก คำว่า ทางออกนี่คล้ายๆ นิพพาน (ยิ้ม) ทำไมเราต้องหาทางออก ออกแล้วจะไปไหน? ใช่ไหม ออกแล้วจะไปไหน มันไม่มีหรอกทางออก มันมีแต่การคลี่คลายจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกหนึ่ง ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดิฉันมีความหวังกับพลังของประชาชนมากขึ้น และนี่เป็นสัญญาณที่ดีมาก เราไม่มีคำตอบที่สำเร็จรูปรออยู่ข้างหน้าว่า เมืองไทยต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่กระบวนการเมืองและตัวละครการเมืองจะเล่นต่อไปเรื่อยๆ

เราปฏิเสธไม่ได้ว่า จากที่ประชาชนเป็นตัวประกอบในละครการเมืองประเทศไทย ไม่ใช่ตัวประกอบธรรมดานะคะ เป็นตัวประกอบแบบเป็นต้นไม้ เป็นภูเขา ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นตัวแสดงนำ ทีนี้ตัวประชาชนที่ขยับขึ้นมาเป็นตัวแสดงนำ จะนำพาละครเรื่องนี้ไปสู่อะไร หรือจะพลาดถูกจับไปเล่นเป็นต้นไม้ เป็นภูเขาอีกหรือเปล่า ก็เป็นเรื่องที่เราต้องดู และแสดงไปพร้อมๆ กัน ทีนี้เราจะแสดงแบบที่อยากให้ประชาชนเป็นตัวนำ หรือแสดงแบบอยากเอาพระเอก นางเอกคนเก่ากลับคืนสู่เวที ตัวเราเองก็มีส่วนในการกำหนดทิศทางของละครด้วยเหมือนกัน

คุณอยากพูด อยากทำอะไรมากที่สุดในตอนนี้ ?

อยากพูดว่า ตอนนี้ดิฉันรังเกียจพรรคประชาธิปัตย์อย่างบอกไม่ถูก –personal มากนะคะ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว และอยากถาม รัฐบาลชุดนี้ว่า ไม่อายน้ำหน้าตัวเองบ้างเลยหรือกับการขึ้นมาเป็นรัฐบาล แต่ละคนก็มีการศึกษาดีๆ มาจากครอบครัวดีๆ มีกินมีใช้ ไม่ได้ลำบากยากจนอะไรนักหนา ไม่ได้เป็นรัฐบาล เมียก็เดินซื้อเพชรได้ทุกวันอยู่แล้ว ทำไม๊ ทำไมหน้าด้านกันนัก

บทความประกอบ

นับแต่นี้ไปไม่เหมือนเดิม

คำ ผกา

มติชน สุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 24-30 เมษายน 2552



ป้าทองไม่ได้สวมเสื้อแดง แกเป็นแค่ชาวบ้านสันคะยอม เรียนหนังสือจบชั้นประถมหรือเปล่าไม่แน่ใจอาชีพของแกคือ แม่บ้าน

แม่บ้านในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเมีย เพราะผัวแกตายไปนานแล้วแม่บ้านในที่นี้ ภาษาละครหลังข่าวเขาเรียกกันว่า คนใช้

ป้าทองจะเป็นอะไรก็ช่างฉันรู้แต่ว่า แกเป็นคนบ้านเดียวกับฉัน วันหนึ่งแกมาซื้อเนื้อที่หมู่บ้าน ฉันก็เลยหยั่งเสียงเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง และเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นระหว่างสงการณ์ ในขณะที่พวกเรากำลังยุ่งอยู่กับการทำแกงฮังเลไปวัด

“คนเขาไปเดินขบวนไล่รัฐบาลกันป้าทองว่ายังไง”

“อู๊ยย...บ้านเมืองวุ่นวายร้อนร้าย ถ้าป้าทองเป็นรัฐบาล จะลาออก รู้ทั้งรู้ว่าประชาชนไม่ได้เลือกตัวเองมาเป็นรัฐบาลยังจะหน้าด้านอยู่ได้ เออ ถ้ายุบสภา เลือกตั้งใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ชนะ ป้าไม่ว่าซ๊ากคำ จะยอมรับเสียงคนที่เขาเลือกโดยดี แต่นี่อะไรไม่รู้ อยู่ๆ ก็ขึ้นมาเป็นรัฐบาล สมควรแล้วที่จะโดนประชาชนขับไล่ จริงไหม”

ป้าตอบยืดยาว สมฉายา ป้าทอง (โว) โว แปลว่าคุยโวโอ้อวดนั่นเอง

ฉันยอมรับว่าอึ้งกับคำตอบของป้าทอง ป้าไม่ได้เรียนหนังสือมาก ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ ป้าดูข่าวและติดละครของแพนเค้ก เหมือนชาวบ้านอีกทั้งประเทศไทย ไม่ได้พูดคำว่าประชาธิปไตยแต่ป้าช่างอธิบายมันออกมาชัดเจนแจ่มกระจ่าง ความจำของป้าไม่ได้สั้นเหมือนใครบางคน ป้ายังจำได้ว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุด หลังจากรัฐบาลของ คมช.ป้ายังจำได้ว่าพรรคที่ได้เสียงข้างมากคือพรรคพลังประชาชน และหัวหน้าพรรคคือนายสมัคร สุนทรเวช ที่เป็นหัวหน้าพรรค ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

เหตุการณ์หลังจากนั้นป้าคงเข้าใจไม่ได้ ทำไม นายกฯ ที่มาจากพรรคที่ครองเสียงข้างมากถึงถูกถีบออกไปจากเวทีการเมืองไทยในเวลาอันสั้น

ทำไมพันธมิตร ถึงสามารถชุมนุมยืดเยื้อได้หลายเดือนโดยไม่มีใครกล้าทำอะไร

ทำไมคนเหล่านั้นถึงเข้าไปร้องรำทำเพลงในทำเนียบได้ นานนานแถมยังมีใครไม่รู้ไปอุตริจัดงานแต่งงานเป็นที่ครื้นเครง

ทำไมแก๊สน้ำตาทำให้คนแขนขาขาดอย่างมีนัยสำคัญ

งง ยิ่งกว่านั้น กลุ่มพันธมิตรไปยึดสนามบินตั้งหลายวัน ผู้คนเดือดร้อนมหาศาล เศรษฐกิจของชาติยับเยิน แต่คนที่เสียงดังในสังคมนี้กลับยกย่องคนยึดสนามบินว่าเป็นพวกกู้ชาติ กู้ประชาธิปไตย แกนนำไม่มีใครโดนจับดำเนินคดี

น่าเจ็บใจกว่านั้น บางคนที่ชื่นชมม็อบพันธมิตรออกหน้าออกตา ยังได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่กระทรวงขี้หมูขี้หมา เป็นกระทรวงการต่างประเทศเสียด้วย

ป้าทองไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์หรอก และไม่รู้ด้วยว่าฉายาของรัฐบาลนี้คือ เทพประทาน ป้าทองแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงโหวตของประชาชนจึงไม่ได้รับการเคารพ ป้าทองไม่เข้าใจหรอกว่ามือที่มองไม่เห็น แปลว่าอะไร และเป็นใคร ป้าทองเข้าใจตามประสาป้าทองว่า เรามีการเลือกตั้งและเราควรจะยอมรับผลการเลือกตั้งนั้นแม้มันจะไม่ถูกใจเรา

ฉันอึ้งกับคำตอบของป้าทอง เพราะมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสังคมไทยไม่เหมือนเดิม และไม่มีวันจะเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ไม่มีครั้งไหนในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ชาวบ้านธรรมดาๆ อย่างป้าทองจะตระหนักในความหมายของเสียงหนึ่งเสียงที่ตัวเองกากบาทลงไปในบัตรลงคะแนน

ไม่ว่าสื่อมวลชน ชนชั้นกลาง คนมีการศึกษา ที่คิดว่าตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐเหนือชาวบ้านร้านช่อง จะเฝ้าเรียกคนที่มาร่วมชุมนุมเสื้อแดงว่า เป็นผู้หลงผิด เป็นสาวกทักษิณ เป็นพวกขายสิทธิ ขายเสียง และยังไม่รู้ทันเล่ห์กลของนักการเมือง

หนังสือพิมพ์บางเล่มยิ่งอาการหนัก เพราะเรียกผู้ชุมนุมสีแดงว่า หางแดง หรือ แดงประจำเดือน สะท้อนและส่อให้เห็นถึงวุฒิภาวะ และรสนิยมของหนังสือพิมพ์นั้นได้อย่างดี นักวิชาการที่สังวาสเสพสุขกับสื่อชนิดนี้ คงหมดแล้วซึ่งสามัญสำนึกแห่งผิดชอบชั่วดี โดยสิ้นเชิง

มีคนพูดกันมากเรื่อง 2 มาตรฐาน ความแตกต่างระหว่างม็อบมีเส้น กับไม่มีเส้น มีหลายคนบอกว่าม็อบเสื้อแดงกำลังรุกเร้าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ทั้งการเผารถเมล์ การเอารถแก็สมาขู่ การปะทะกันตรงนั้นตรงนี้ระหว่างคนหลายกลุ่ม หลายฝ่าย และความตึงเครียดระหว่างวันที่ 12-15 เมษายน ที่ผ่านมา

แต่ฉันอยากจะทบทวนอีกสักนิดว่าก่อนที่จะเกิดการจลาจลและกีฬาสีสงคราม แดง เหลือง น้ำเงินนั้น มันเกิดอะไรขึ้น

จะปฏิเสธไหมว่า หากไม่มีรัฐประหาร 2549 จะไม่มีสงครามสีในวันนี้

และใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารควรสำเหนียกว่าประเทศไทย ณ พ.ศ.นี้ ไม่เหมือนกับประเทศไทยปี 2550 อีกต่อไปแล้ว คนไทย ชาวนา ชาวไร่ กรรมกรไทย ไม่ใช่ราษฎรโง่ๆ เชื่องๆ แบบตัวละครเรื่องสั้น เขียดขาคำ ของลาว คำหอมอีกต่อไป

ชาวบ้านไม่ได้เห็นนายอำเภอแล้วรีบก้มกราบอีกแล้ว เราไม่ได้อยู่ในยุคที่ขึ้นไปบนที่ว่าการอำเภอแล้วขาสั่นผับๆ เพราะกลัวเจ้ากลัวนาย เราไม่ได้อยู่ในยุคที่เรียกข้าราชการว่า เจ้าคนนายคน

เราอยู่ยุคที่ นายกเทศบาลตำบลนั้นเป็นลูกของลุงศรีทน ที่มีนาติดกับนาของเราแถมยังฟ้อนผีมดร่วมกันทุกปี นายก อบต.ก็เป็นลูกหลานของคนบ้านนี้ เราอยู่ในยุคที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับการไปดำหัวผู้ว่าฯ ที่ขอโทษเดี๋ยวนี้แทบไม่รู้เรื่องว่าชื่ออะไร เพราะมันช่างเป็นตำแหน่งที่ไร้ความหมาย หลังการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นเป็นรูปธรรมมากขึ้น

คำว่าสถานที่ราชการ ที่เคยทรงอำนาจขู่ให้ประชาชนต้องเดินตัวลีบๆ บางทีถึงขั้นถอดรองเท้านั้นเกือบจะมีความหมายเท่ากับศาลพระภูมิ ในสมัยที่ชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา

เทคโนโลยีของการสื่อสาร วิทยุชุมชน การทำงานภาคประชาชนของ NGO ที่ดำเนินการมายาวนานเราต้องยอมรับว่ามีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกของประชาชนคนเดินดิน ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นประชาชน มีสิทธิ มีเสียง มีอำนาจในการกำหนดชะตากรรมของตนเองผ่านสิ่งที่เรียกว่านโยบายของรัฐบาล ชาวบ้านได้เรียนรู้ว่าหากเราไม่พอใจการตัดสินใจของรัฐบาล เราสามารถเรียกร้อง ต่อรอง ทำการรณรงค์กับประชาชนกลุ่มอื่นๆ เพื่อหาแนวร่วม หรือเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ขอมูลข่าวสาร ที่แตกต่างออกไปจากโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาล

สังคมไทยมีคนอย่างยายไฮ เกิดขึ้นแล้ว มีสมัชชาคนจน มีสหภาพแรงงานที่กำลังตื่นตัว มีกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ของผู้บริโภคอย่างแข็งขัน เรามีคนไข้ที่ลุกขึ้นฟ้องร้องหมอ (50 ปีที่แล้วยังเห็นหมอเป็นเทวดา และพูดภาษาเทพที่คนธรรมดาไม่เคยฟังรู้เรื่อง)

เรามีกลุ่มองค์กรนอกรัฐที่เกิดขึ้นมาเพื่อยืนยันสิทธิ์ศักดิ์ศรีของคนไทย ที่หรือหน่วยราชการไม่เคยอ่าน เขาว่าเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีและสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ เท่ากับคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ เครือข่ายหญิงบริการ ฯลฯ

ลองคิดดูแล้วกันว่าสังคมเราเดินมาไกลขนาดไหน ไกลจนถึงจุดที่ทั้งกะหรี่ ทั้งกะเทย ออกมาเป็นแอ็คทิวิสต์ เดินสายประชุมกับเฟมินิสต์ นักวิชาการ และเพื่อนนักกิจกรรมทั่วโลกเพื่อยืนยันศักดิ์ศรีแห่งอาชีพของตน

แล้วใครหน้าไหน ยังจะคิดว่าจะลุกขึ้นมาทำรัฐประหารได้ง่ายดายเหมือนยุคของสฤษดิ์ แล้วใครอย่ามาคิดว่าจะลุกขึ้นมา Exercise อำนาจอย่างเดียวกับที่ สฤษดิ์ เคยทำกับคนไทยสมัยนั้น ร้ายไปกว่านั้นในยุคแห่งการรื้อสร้างและเสียดสี การรณรงค์และโฆษณาชวนเชื่อในกฤษฏาภินิหารต่างๆ นานาเพื่อให้ประชาชนสมยอมอำนาจนั้นทำได้ยากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากจะไม่ชวนเชื่อ แล้วยังน่าหัวเราะเยาะและรังแต่จะถูกนำมาล้อเลียนให้เสียผู้เสียคนกันไปข้าง

เราอยู่ในยุคเทคโนโลยีอยู่แค่การ คลิก คลิก คลิก โทรศัพท์มือถือของนาย ก. นาง ข. ที่ไหนก็ถ่ายรูปได้ สื่อของรัฐแสดงรูปๆ หนึ่ง ประชาชนก็สามารถเอารูปอีกรูปหนึ่งมาแสดงทาบกันคัดง้างความหมาย ความเชื่อกันได้อย่างทันท่วงที เพราะฉะนั้น การผูกขาดข้อมูลข่าวสารนั้นเป็นแค่ฝันเปียกของรัฐบาล ICT ทำได้แค่วิ่งไปปิดเว็บนั้น เว็บนี้ไปวันๆ ทว่ายิ่งปิดกั้น ยิ่งกักกัน ประชาชนยิ่งหลีกเร้น แหวกทางหาช่องใหม่ ภาษาใหม่ ถ้อยคำใหม่ สัญลักษณ์ใหม่ๆ ทีรัฐไม่มีวันจะตามไปปิดหูปิดตาได้มิดชิดอีกต่อไป ยิ่งปิดเรายิ่งสามารถค้นหาทางหนีได้แยบยลยิ่งขึ้น

คำสามัญอย่าง “ซาบซึ้ง” กลับซ่อนนัยชวนหัวมีพลังถึงขั้นพลิกขั้วของโลกให้กลับตาลปัตรได้

เพราะฉะนั้นที่วิ่งไล่ปิดวิทยุชุมชน จนหัวสั่นหัวคลอนนั้นอย่าหวังว่าจะสามารถทำการผูกขาดข่าวสารข้อมูลได้ง่ายดาย และจะเอาประชาชนมาใส่ขื่อใส่คาได้ตามใจชอบ เพราะยิ่งปิดก็จะยิ่งมีช่องทางใหม่ๆ มาทดแทน

นี่จึงเป็นกระบวนการต่อต้านรัฐประหาร (และขอไว้อาลัยแก่ภาพประชาชนที่เอาดอกกุหลาบไปให้ทหาร) หลังจากนั้นที่ดำเนินการมาอย่างเป็นอารยะนั่นคือ ไม่มีการออกมาชุมนุมหรือใช้ความรุนแรงใดๆ นอกจากภาพการรณรงค์ด้วยข้อมูลเท่าที่จะทำได้ ส่วนชาวบ้านอย่างป้าทองเชื่อว่า เมื่อมีการคืนอำนาจให้กับประชาชนด้วยการเลือกตั้ง ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

ทีไหนได้ กลายเป็นว่ามีการใช้สถาบันตุลาการอย่างตั้งใจที่จะตัดตอนพรรคไทยรักไทย สุดท้ายเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา กลับมีความพยายามที่จะใช้วิธีนอกกฎหมายในการกำจัดพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้ามาอย่างกดดันและต่อเนื่องผ่านพันธมิตรฯ ใส่เสื้อสีเหลือง

มาถึงวันนี้ฉันคงไม่ต้องอ้อมค้อม เด็กมัธยม ยังรู้เลยว่านี่ไม่ใช่การเมืองภาคประชาชน แต่เป็นการ exploit การเมือง ภาคประชาชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด corrupt ที่สุดหน้าด้านและดัดจริตที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

วาทกรรมว่าด้วยประชาธิปไตยแบบไทยๆ บวกกับมายาคติว่าด้วยนักการเมืองชั่วช้าสามานย์ เข้ามาเพื่อกอบโกย มือสกปรกโกงกิน ถูกนำเสนออย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกระแสเรียกร้องหาผู้ปกครองในอุดมคติปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน การเมืองโปร่งใส good governance ศีลธรรม คุณธรรม ไปจนถึงเกมชิงความจงรักภักดีอย่างเข้มข้นถึงตอนนี้คำว่า ประชาธิปไตย ไม่สำคัญเท่ากับ ฆ่าทักษิณออกจากจักรวาลการเมืองไทย ไม่มีประชาธิปไตยไม่เป็นไรขอให้เอาทักษิณออกไปให้ได้ก่อน ความผิด และความไม่ชอบธรรมของทักษิณ ไม่ได้นำมาพิจารณาไต่สวนกันด้วยเหตุผล

แต่ข้อเท็จจริงเหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อปลุกเร้าความเกลียดชังและ simplified ปัญหาของประเทศไปไว้ที่ผู้ชายชื่อทักษิณ ราวกับว่าหากไม่มีทักษิณเสียคน ประเทศไทยจะเรืองรองผ่องอำไพ ผุดผ่องงดงาม ขึ้นมาในบัดดล เมื่อดึงดัน ถีบส่ง และฆ่าทิ้งรัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้ามาอย่างหน้าด้าน และอีกพรรคหนึ่งก็หน้าด้านพอที่จะขึ้นมาเป็นรัฐบาล คุณอภิสิทธิ์ก็กล้าขึ้นมาเป็นนายกฯ ท่ามกลางเครื่องหมายคำถามจากทั่วโลก (ฉันอายแทนมากๆ ) และในที่สุดประชาชนก็ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ กลุ่มคนเสื้อแดงจึงลุกข้นมาชุมนุมเพื่อทวงถามความเป็นธรรม ความยติธรรม และความหมายของประชาธิปไตย ในขณะที่ก่อนหน้านี้กลุ่มพันธมิตรทำในสิ่งตรงกันข้าม

นี่คือสัญญาณที่บอกชนชั้นนำไทยว่า การเมืองไทยจะไม่เหมือนเดิม คนไทย ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วสำนึกทางการเมืองของพวกเราเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ชนชั้นนำไม่อาจ manipulate ชี้นำและสนตะพายเราด้วยคำพูดเพราะๆ หน้าหล่อๆ ยิ้มหวานๆ พิธีกรรมสารพัดพิธี อย่างที่เคยทำอีกต่อไป

ประชาชนไทยเปลี่ยนไปแล้วมีแต่ชนชั้นนำที่ไม่รู้ตัว หรือเฝ้าหลอกตัวเองว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิม และจะต้องเหมือนเดิมตลอดไป

ลือ “กกต.” มีมติ ยกคำร้อง เงินบริจาค “ปชป.”

ที่มา ประชาไท

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุคณะอนุกรรมการไต่สวนมีมติ 3 ต่อ 2 ให้ยกคำร้องกรณีสำนวนเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจมีการได้รับซึ่งอาจขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ตนไม่ทราบว่ามีการลงมติแล้วหรือไม่ เพราะอนุกรรมการไต่สวนจะต้องทำให้แล้วเสร็จเพื่อเสนอให้ กกต.ในวันที่ 18 ส.ค.นี้ ซึ่งทางอนุกรรมการยืนยันว่าจะแล้วเสร็จซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการลงมติแล้ว อีกทั้งยังไม่ทราบผลสำนวนด้วย เพราะ กกต.ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงาน ซึ่งเหมือนกรณีวินิจฉัย ส.ส.ถือหุ้น กกต.ก็ไม่ยืนตามอนุกรรมการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการไต่สวนของ กกต.ได้มีการประชุมและลงมติโดยเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 ให้ยกคำร้องกรณีสำนวนเงินบริจาค 258 ล้านบาทของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ที่มีการบริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์โดยผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เนื่องจากการให้ปากคำของผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ต่างยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินจำนวนดังกล่าว ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงการให้ปากคำของนายประจวบ สังข์ขาว อดีตผู้บริหารบริษัทเมซไซอะฯ รวมทั้งการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ระบุเพียงว่าเงินดังกล่าวเมื่อเข้ามาในบริษัทแล้วก็ถูกโอนให้กับคนใกล้ชิดผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น โดยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่าเงินนั้นได้ถูกโอนไปให้กับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคหรือแม้แต่นายนิพนธ์ บุญญามณี รองเลขาธิการพรรคในขณะนั้น

ส่วนประเด็นการใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับจาก กกต.จำนวน 29 ล้านบาทนั้น ทางอนุกรรมการก็มีมติให้ยกคำร้อง เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีการแจ้งรายละเอียดการปฏิบัติตามโครงการที่ได้ขอรับการสนับสนุนไว้อย่างครบถ้วน แม้ในบางรายการจะมีการขอเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายงบประมาณไปเพื่อโครงการอื่นๆ ก็ได้มีการแจ้งรายการไว้ โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองขณะนั้นคือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ก็ได้ลงนามอนุญาตทุกครั้ง จึงถือว่าไม่มีพยานหลักฐานที่ชี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินกองทุนฯ ผิดวัตถุประสงค์ อย่างไรก็ตาม อนุกรรมการอาจมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เพื่อจะตรวจสอบรายงานสรุปและลงนามก่อนที่จะเสนอนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมวันที่ 18 ส.ค.นี้

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

แม่นไหมไม่ทราบ ประจำวันที่ 15-21 สิงหาคม 2552

ที่มา ประชาไท

โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

วันอมาวสี วันที่ 20 สิงหาคมค่ะ


ลีอองเป็นเด็กช่างคิด


มีมุมมองที่หลากหลาย


สนใจการพลิกแพลงข้าวของเครื่องใช้


มามี้อย่าข้องใจ


เป็นเรื่องชิลๆ ของเด็กที่มีลีลา


ราศีเมษ
Aries (13 เมย.-13 พค.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ Queen of Wands การจัดการกับสิ่งต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผน การสั่งการ ตลอดจนการร่วมมือกับคนเก่ง ผู้มีประสบการณ์หรืออยู่ในตำแหน่งสูง
ความรัก ความสัมพันธ์ Four of Cups คุณอาจกำลังเหนื่อยล้า ต้องการเวลาพัก การทบทวน หรืออย่างน้อยชาร์ตแบตให้ตัวเองสักระยะหนึ่ง อาจเป็นการดีหากจะปลีกตัวพักผ่อนจากเรื่องยุ่งๆ สักพัก
สถานการณ์การเงิน Page of Pentacles การเริ่มต้นที่ดีค่ะ มักหมายถึงโอกาสใหม่ด้านการเงิน การลงทุน หรือทุนขั้นพื้นฐานที่มีความมั่นคงไม่น้อย
ธุรกิจ การงาน Ten of Pentacles หากทำงานกับครอบครัว หรือเป็นธุรกิจในครอบครัว ถือเป็นไพ่ที่ให้ผลสำเร็จด้านค่าตอบแทนอย่างมาก อีกด้านหนึ่งหมายถึงการได้รับแรงสนับสนุนจากผู้คนที่รักใคร่กันอย่างจริงใจคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น The High Priestess ช่วงเวลาอ่อนไหว เปราะบาง มีความคิดหลายอย่างอยู่ในจิตใต้สำนึก

คำแนะนำพิเศษ Ten of Cups ความสุขในครอบครัวอาจเป็นสิ่งที่มีความหมายที่สุดในเวลานี้

ราศีพฤษภ Taurus (14 พค.-13 มิย.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ Four of Cups การเลือกและการตัดสินใจ ในสภาวะที่คุณยังไม่พร้อม หรือพอใจกับเงื่อนไขที่มีเข้ามา ยังต้องการเวลามากกว่านี้ หรือขอตัวเลือกเพิ่มเติม
ความรัก ความสัมพันธ์ Seven of Pentacles หลายอย่างที่คุณกับคนรักสั่งสมร่วมกันมา อาจเป็นประสบการณ์ทั้งวันร้ายและดี สิ่งเหล่านั้นเองคือรากฐานแข็งแรงที่จะนำคุณไปสู่อนาคตร่วมกัน
สถานการณ์การเงิน Page of Cups ข่าวดีค่ะ ข่าวดีที่ทำให้คุณมีความหวัง ความเบิกบานใจ อาจได้ค่าตอบแทนชื่นใจจากงานอดิเรก งานศิลปะ งานที่ทำแล้วมีความสุขอย่างมาก
ธุรกิจ การงาน Three of Cups จะมีเรื่องน่ายินดี ได้รับคำชื่นชม หรือเข้าร่วมในกิจกรรมที่ทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ จากผู้คนรอบข้าง ได้พบมิตรภาพที่ทำให้ทำงานสนุกมากขึ้น
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Seven of Wands เจอกับอุปสรรคที่ทำให้ต้องหาวิธีมาแก้ไขตลอดเวลา ปัญหาหน้างานที่ไม่จบลงง่ายๆ

คำแนะนำพิเศษ The Chariot การเดินทางไกลของคุณ หรือเป้าหมายใดๆ อย่าชะล่าใจ อย่าละเลยเป้าหมายแท้จริงของตนเองค่ะ

ราศีเมถุน Gemini (14 มิย.-14 กค.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ The Hierophant การให้หรือรับคำปรึกษา ความสัมพันธ์กับคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยเฉพาะผู้ที่มีสติปัญญา มีประสบการณ์ชีวิต เข้าใจมิติทางจิตวิญญาณ หรืออาจเป็นตัวคุณเองที่เริ่มให้ความสนใจสิ่งเหล่านี้
ความรัก ความสัมพันธ์ Two of Pentacles ปัญหาวุ่นวายให้ต้องแก้ไขพลิกแพลงอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องการจัดสรรเวลา (ให้ตรงกัน) ความสัมพันธ์กับคนที่มีคู่รักหลายคน
สถานการณ์การเงิน Queen of Pentacles มักหมายถึงเจ้าชะตาที่มีฐานะดี หรือมีบทบาท มีความสามารถในการทำมาหาเงิน ตลอดจนการบริหารสินทรัพย์ต่างๆ ลองสังเกตดูว่าช่วงนี้คุณมีโอกาสดีๆ ทางการเงินมากน้อยแค่ไหน
ธุรกิจ การงาน Nine of Pentacles คุณน่าจะมีความหวังเกี่ยวกับการเงินก้อนโตในงานที่กำลังทำอยู่ หรือรอผลตอบแทนงามๆ หลังความเหน็ดเหนื่อยผ่านพ้นไป ไม่ต้องกังวลใจ คุณจะ "ได้" สมประสงค์
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Judgement คำประกาศหรือผลลัพธ์ที่ออกมาไม่สบอารมณ์

คำแนะนำพิเศษ King of Pentacles ดูเหมือนจะเป็นสัปดาห์ของการเงิน การจัดสรรทรัพย์สิน การบริหารทุนต่างๆ ขอให้คุณใช้ศักยภาพให้เต็มที่ ทำความเข้าใจใน "มูลค่า" ของสิ่งนั้นๆ และตัวคุณเองด้วย

ราศีกรกฎ Cancer (15 กค.-16 สค.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ Two of Cups ความสุขสมหวัง การพบรัก พบสิ่งที่เป็นไปดังฝัน อาจเจอคนน่ารัก มีเสน่ห์ หรือมีสิ่งชื่นชูใจ การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่โสภา
ความรัก ความสัมพันธ์ The Emperor มักแสดงถึงความสัมพันธ์ที่มั่นคง มีรากฐานแข็งแกร่ง แต่ก็มีปัญหากันอยู่ในที บางคนอาจใช้อำนาจต่อกัน มีลักษณะการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ การปกครอง "คนของตัวเอง"
สถานการณ์การเงิน Page of Wands จะมีงานใหม่ที่นำรายได้เข้ามาอีก แต่อาจเป็นเงินก้อนเล็ก หรือได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มีค่าเช่นกัน
ธุรกิจ การงาน The Fool อาจมีการเดินทาง หรือพบกับเรื่องใหม่ๆ น่าตื่นเต้นอีกครั้ง หากคุณได้ทำงานร่วมกับวัยรุ่น คนหนุ่มสาว งานบันเทิงแขนงต่างๆ ถือว่าจะพบความสนุกสนาน แต่ก็อย่าชะล่าใจจนเสียการเสียงาน
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Nine of Cups เรื่องที่ซุกซ่อนเอาไว้ อาจเป็นหัวใจที่แบ่งปันหลายเสี้ยวหลายส่วน หรือความลับที่งำไว้ เกี่ยวกับรสนิยมส่วนตัว

คำแนะนำพิเศษ Knight of Swords สำรวจตัวเองว่าพร้อมแค่ไหน หากจะคว้าดาบออกไปสู้ให้รู้ดำรู้แดง แน่ใจแล้วก็ลุยเถอะค่ะ

ราศีสิงห์ Leo (17 สค.-16 กย.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ Queen of Cups แม้จะมีสิ่งต่างๆ เติมเต็มเข้ามา แต่ดูเหมือนภายในของคุณจะยังมีความปรารถนาที่ไม่สมหวัง อาจเป็นการรอคอยใครสักคนที่ยังมาไม่ถึง ก็ในเมื่อ "เค้า" ไม่มีตัวตนนินา
ความรัก ความสัมพันธ์ The Moon ความวิตกกังวล ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ หรือทำให้คุณรู้สึกไม่แน่ใจว่าควรทำตัวอย่างไร มีความหวาดระแวงกับคนที่คบหากันอยู่
สถานการณ์การเงิน Death รายได้บางอย่างของคุณอาจหดหาย เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือละทิ้งสัญญาที่มีมูลค่าไป ระวังการใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพด้วยค่ะ
ธุรกิจ การงาน Ten of Swords คุณอาจกำลังทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน หรือต้องร่วมงานกับคนหมู่มาก ปัญหาจึงมักถมทับซับซ้อนหลายอย่าง ระวังงานที่มากเกินไปจนจัดการไม่ไหว
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Queen of Swords ความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีอำนาจ มีจิตใจแข็งแกร่ง หรือคนมีอีโก้สูงซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเขาหรือเธอได้

คำแนะนำพิเศษ Five of Swords การปลีกตัวออกจากความยุ่งยากชั่วคราวอาจเป็นการดี เวลาที่คุณประเมินสถานการณ์ว่ารบไปก็มีแต่เสียกับเสีย อาจมีเหตุให้คุณต้องยอมแพ้ชั่วคราว

ราศีกันย์ Virgo (17 กย.-16 ตค.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ Eight of Swords ระวังปัญหาที่จะมีเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากคราวเคราะห์ กลุ่มคน การถูกมัดมือชก การสูญเสียอิสรภาพ หรือถูกจำกัดบทบาท ทำอะไรไม่ได้มาก
ความรัก ความสัมพันธ์ Knight of Cups ไพ่ใบนี้มักหมายถึงคนที่คบหากันมายาวนานระดับหนึ่ง หรือดูใจกันมาไม่น้อยกว่า 3-6 เดือน แสดงถึงการก้าวไปข้างหน้า การขยายขอบเขตความสัมพันธ์ การเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้นกว่าเดิม
สถานการณ์การเงิน Ten of Swords อาจมีเรื่องให้คุณกลุ้มใจ ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ ปัญหาอันเนื่องมาจากทีมงาน เพื่อนสนิท หรือคนในครอบครัวเดียวกัน บางคนหมายถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย
ธุรกิจ การงาน Justice อาจมีการเซ็นสัญญา ลงนามในเอกสารสำคัญ หรือจัดการแก้ไขปัญหาในงานด้วยสิ่งที่เป็นรูปธรรม ใช้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นที่ปรึกษา ต้องใช้ความละเอียดอย่างมากในการดูบัญชี
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น The Devil การถูกพันธนาการด้วยสิ่งที่ไม่เคยเต็มใจ ถูกล่ามไว้กับงานหนัก หรือผลลัพธ์จากกิเลสตัณหาพาไป

คำแนะนำพิเศษ Three of Swords ระงับอารมณ์ให้มาก หากต้องสัมพันธ์กับคนที่ชอบใช้ความรุนแรง หรือมีโทสะง่าย ระวังให้มาก



าศีตุลย์ Libra (17 ตค.-15 พย.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ Strength การควบคุมตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกำลังกาย กำลังใจ การใช้อารมณ์ หรือระงับอารมณ์เมื่อต้องพบกับคู่ปรับ คู่แข่งขันค่ะ
ความรัก ความสัมพันธ์ Eight of Wands การขยับขยายความสัมพันธ์ไปข้างหน้าอีกขั้นและอีกขั้น อาจมีแผนการทางธุรกิจร่วมกัน หรือมองหาโอกาสที่จะพัฒนาตนเองและคู่รัก แต่เป็นช่วงไม่ค่อยหวือหวานักนะคะ สงสัยต่างฝ่ายจะต่างงานยุ่งน่าดู
สถานการณ์การเงิน Ace of Cups จะมีการเริ่มต้นใหม่ทางการเงิน การจัดระบบ จัดสรร หรือได้แหล่งทุนใหม่ๆ เข้ามา รวมถึงการใช้ลงทุนที่หวังได้ถึงความสำเร็จในอนาคตค่ะ
ธุรกิจ การงาน Five of Swords คุณอาจกำลังหาหนทางพลิกแพลง ใช้เล่ห์กล การเอาตัวรอด หรือชิงลงมือบางอย่างก่อนคู่แข่งขันจะทันรู้ตัว แต่ก็ระวังไว้บ้าง อาจมีคนทำเช่นนั้นกับคุณเช่นกัน
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Six of Cups สิ่งที่สวยงามในอดีต อาจทำร้ายคุณได้ในปัจจุบัน หรือกระตุ้นให้คุณรู้สึกเจ็บปวดเมื่อนึกถึง

คำแนะนำพิเศษ Two of Swords ระวังเรื่องการสื่อสาร การใช้คำพูด การปกป้องตัวเองด้วยท่าทีแข็งกร้าว ความพยายามจะสร้างความเข้าใจแต่ยิ่งเกิดช่องว่าง

ราศีพิจิก Scorpio (16 พย.-15 ธค.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ The Sun พระอาทิตย์มาแล้วค่ะ เจิดจ้าสดใส ไม่ว่าในชีวิตคุณจะมีเมฆหมอกมากแค่ไหน หรือสิ่งต่างๆ ยังดำเนินไปด้วยความยากลำบาก แต่ในไม่ช้าคุณจะได้รับความเบิกบาน
ความรัก ความสัมพันธ์ Five of Wands อาจได้คู่หรือคนรักที่มีทัศนคติไม่ตรงกันแต่แรก รวมถึงการมีบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมวง สร้างความร้าวฉานไปกันใหญ่ เกิดเรื่องวิวาทบาดหมางกันง่ายในช่วงนี้
สถานการณ์การเงิน Ace of Swords การตัดสินใจอย่างเด็ดขาด การมุ่งหน้าฝ่าไปสู่อนาคตด้วยความยากลำบาก มีความสำเร็จเห็นอยู่ไกลๆ แต่เหนื่อยสุดๆ กว่าคุณจะไปถึง
ธุรกิจ การงาน Knight of Pentacles งานใดๆ ที่คุณทำอยู่ หรือจะมีเข้ามาหลังจากนี้ จะเป็นสิ่งที่ทำรายได้งามๆ หรือเพิ่มมูลค่าขึ้นทุกที ในบางคนแสดงถึงการเลื่อนตำแหน่ง ปรับเงินเดือน สัมพันธ์ตรงกับผู้ที่มีอำนาจทางการเงิน
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น The World ปัญหาเกี่ยวกับครอบครัว คุณภาพที่ (ไม่) ดีของชีวิต

คำแนะนำพิเศษ Three of Pentacles มองหาความพิเศษในทุกๆ ที่ที่คุณมองเห็น โลกอาจเหมือนเดิมในทุกวัน แต่เมื่อตื่นขึ้นแต่ละเช้า มิตรภาพ ความรักใคร่ ความรู้สึกดีๆ ที่คุณมีต่อตัวเอง อย่างน้อยก็พิเศษและวิเศษมาก



ราศีธนู
Sagittarius (16 ธค.-13 มค.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ Eight of Cups ความเสียใจ ความผิดหวัง การจำเดินทางไกลไปในที่ๆ ไม่สะดวกสบาย หรือประสบปัญหาต่างๆ นานา ต้องอยู่ในที่ทุรกันดาร
ความรัก ความสัมพันธ์ Temperance การปรับตัวเข้าหากัน การยืดหยุ่น จัดสมดุลชีวิต คุณและคู่รักอาจพบเส้นทางหักเหมาเรื่อยๆ และยังค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดระหว่างกัน ถึงตอนนี้ก็อาจจะยังไม่ลงตัว แต่นั่นล่ะ ถามตัวเองให้ดีว่าอยากได้ความสุขหรือความทุกข์ (มากกว่านี้)
สถานการณ์การเงิน Ace of Wands อาจต้องมองหางานใหม่ หรือการเริ่มต้นทางการงาน ถึงจะได้รับค่าตอบแทนที่ดีกว่านี้
ธุรกิจ การงาน Five of Pentacles คุณอาจกำลังทำงานด้วยความลำบาก ไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ควรจะเป็น หรือเข้าเนื้อตัวเองไปทุกที อีกปัญหาจุกจิกยังทำให้คุณ "เสีย" อยู่เรื่อยๆ ด้วย
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Seven of Cups ความฝันที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง ความฟุ้งซ่าน ความฟุ่มเฟือย การไม่อาจประเมินตนเอง

คำแนะนำพิเศษ The Magician เดินทางบ้างก็ดีนะคะ เปลี่ยนบรรยากาศ ทำในสิ่งที่ไม่คุ้นมาก่อน หรือลองพลิกแพลงเล่นแร่แปรธาตุกับสิ่งต่างๆ ดู ใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้มากเข้าไว้

ราศีมังกร Capricorn (14 มค.-12 กพ.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ The Hermit การแสวงหาหนทางที่สงบร่มรื่นให้ตนเอง การปลีกตัวหาความสันโดษ แต่ก็ไม่แน่ค่ะ บางครั้งไพ่แสดงถึงคนที่ถูกทิ้งหรือเลือกทิ้งคนอื่น เลือกเหงาอย่างไม่เข้าใจใครทั้งนั้น
ความรัก ความสัมพันธ์ The Star มีความสัมพันธ์มักราบรื่นงดงาม มีความสุขกับมิตรภาพที่ดี ความปรารถนาดี การเยียวยา การคืนดี แต่ไพ่ใบนี้มักบอกว่าคุณไม่ค่อยมีเซ็กซ์กันนะ
สถานการณ์การเงิน The Empress มั่นคงค่ะ มั่งคั่ง มีรากฐานที่แข็งแรง มีทรัพย์สินรองรัง หรือครอบครัวให้การสนับสนุน ไม่มีปัญหาค่ะ
ธุรกิจ การงาน The Tower อาจมีเรื่องพลิกผันเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ หรือเรื่องลับๆ เปิดเผยออกมา
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Five of Cups ความผิดหวังที่ไม่อาจทำใจได้เลยจริงๆ

คำแนะนำพิเศษ Ace of Pentacles การเริ่มต้นใหม่เป็นเรื่องสำคัญเสมอ

ราศีกุมภ์ Aquarius (13 กพ.-13 มีค.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ Ten of Wands งานเยอะค่ะ งานหนัก งานมาก หรืออาจทำอะไรไม่เสร็จสักอย่างในช่วงนี้ ระวังจะเหนื่อยเกินไป รับงานเกินตัว หรือเจอปัญหาเมื่อต้องทำงานร่วมกับคนหมู่มาก
ความรัก ความสัมพันธ์ King of Wands การนับถือกันและกันในคู่รัก การจัดการที่ดีต่อความสัมพันธ์ บุคคลที่คบหากันอย่างมีวุฒิภาวะ ส่งเสริมกันในด้านการงาน แต่ถามหาความโรแมนติคอาจไม่ค่อยมี
สถานการณ์การเงิน Six of Wands คุณจะได้รับความสำเร็จในสิ่งที่ทำไปด้วยความมานะพยายาม การเงินของคุณสัมพันธ์กับการงาน แต่ไม่ต้องห่วงค่ะว่างานจะไม่ทำเงินให้ ได้ช้าแต่ได้มาแน่นอน
ธุรกิจ การงาน Six of Swords ข่าวดีค่ะ ปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายออกไปเอง แต่งานใดๆ ที่เพิ่งเริ่มทำในช่วงนี้อาจต้องชะลอหรือล่าช้าออกไปอีกนิด
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Knight of Wands การเดินทางในจังหวะที่ไม่พร้อม ความเร่งรัดไปสู่จุดหมายจนเหน็ดเหนื่อยเกินไป

คำแนะนำพิเศษ Three of Wands คุณอาจลองเปิดตัวเองกับคนใหม่ๆ มองหาประสบการณ์ภายนอก หรือขยายขอบเขตความสัมพันธ์ออกไป เรียนรู้คบหาผู้คนนอกแวดวงดูบ้างค่ะ

ราศีมีน Pisces (14 มี ค.-12 เมย.)

เรื่องสำคัญของคุณในสัปดาห์นี้ Wheel of Fortune การเปลี่ยนแปลงกำลังมาถึงอีกครั้ง และจะเป็นไปในด้านที่ดี อาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการบางอย่าง หรือครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
ความรัก ความสัมพันธ์ Two of Wands การได้พบคนที่ช่วยเหลือกันได้ดีในด้านการงาน หรืออาจเป็นการมองหาใครสักคนที่วางใจได้ ความต้องการได้คู่คิดมิตรคู่ใจ ลองดูว่าคุณมีบุคคลแบบที่ว่าแล้วหรือยัง
สถานการณ์การเงิน The Lovers การใช้จ่ายหรือตัดสินใจด้านการเงินในเรื่องสำคัญ เรื่องที่เกี่ยวพันกับวิถีชีวิต บุคคลที่รัก การอยู่ร่วมหรือหย่าร้าง การจัดการสินทรัพย์ต่างๆ
ธุรกิจ การงาน King of Swords ช่วงเวลาที่หนักหน่วง การเผชิญหน้ากับคนแข็งแกร่งแรงมาก อุปสรรคที่ท้าทายเหมือนเจอกำแพงหนาๆ แต่ดูเหมือนคุณจะไม่มีทางเลือกนอกจากกันสู้ให้เต็มที่
คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Eight of Pentacles เห็นๆ ว่าน้ำขึ้นแต่ก็ตักไม่ได้ ไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้มากไปกว่านี้

คำแนะนำพิเศษ Page of Swords ยืนหยัดต้านลมไว้ค่ะ สิ่งที่แปรปรวนรอบด้าน อีกไม่นานจะจางหายไปเอง อย่าสนใจกับพวกข่าวลวงข่าวลือให้มากนัก

Friday, August 14, 2009

ทำแบบเด็กกับทำแบบผู้ใหญ่?

ที่มา บางกอกทูเดย์

ไม่เลวเลยจริงๆ กับการทำงานแค่เรื่องเดียว แล้วทำให้ปั่นป่วนวุ่นวายได้ขนาดนี้ทำให้แม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีของเมืองไทยถึง 2 คนต้องออกมาเตือนด้วยความเป็นห่วงเป็นใยกลัวว่าจะโดนฟ้องศาลปกครองกลัวว่าจะเสียประวัติทางการเมืองเพียงแต่ว่าอาจจะเป็นความกลัวที่สายไปเสียแล้วมั้งท่านชวน ท่านบรรหารอาจจะดูว่าเป็นการทำงานที่เหมือนเด็กทารก คือ ดื้อรั้นที่จะเอาชนะคะคานเป็นที่ตั้ง มุ่งที่จะเอาให้ได้ดั่งใจเหมือนกับเด็กๆวันก่อนยังได้ยินเด็กอายุ 4-5 ขวบ 2 คน ข้างๆ สำนักงานเถียงกันดังลั่นไปหมดคนนึงคำรามลั่น “ไอ้เม่น เอาของกูคืนมา นี่ม้าโยกของกูนะ ไม่รู้หรือไง?”ซึ่งเด็กเม่นก็สวนกลับทันทีว่า “ไอ้ป๋อง ทำไมกูจะไม่รู้ว่าของมึง กูรู้แต่กูจะเอา มีอะไรรึเปล่า”คนที่ได้ยินได้ฟังอมยิ้มไปตามๆ กัน เพราะมองว่าเป็นเรื่องเด็กๆ ตามประสาทารก ที่ยังไม่เข้าใจเหตุและผลอะไรนักโตขึ้นอีกหน่อยก็จะรู้เองว่าอะไรผิดอะไรถูกจะมีก็แต่ลุงคนหนึ่งที่พูดออกมาหน้าตาเฉยว่า “เออไอ้เม่นนี่มันเข้าท่าแฮะ นิสัยแบบนี้อนาคตเป็นนักการเมืองได้สบาย เผลอๆ ได้เป็นใหญ่เป็นโตด้วยนะนี่”อ้าว เป็นงั้นไป!!!แต่มาย้อนคิดก็ใช่จริงๆ แฮะ เพราะพฤติกรรมทุกวันนี้ก็มีให้เห็นว่า ทำตัวเหมือนเด็กทารกจริงๆ เห็นแล้วอดเสียดายของไม่ได้

แต่คนที่ไม่ยอมสนุกสนานไปด้วย เห็นจะเป็น ส.ว.สรรหา จอมสอย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ไม่ยอมมองโลกในแง่ขำขันเสียบ้างโธ่! จะไปเอาอะไรนักหนากับนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเล่นงัด พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 16, 17,18, 23, 30 และ 31 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในการดำเนินงานและอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจซึ่งจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก.ต.ช. และ ก.ตร.เพื่อให้ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาตรวจสอบการทำหน้าที่ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่ามีลักษณะเข้าไปก้าวก่ายการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นการกระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 182(7) หรือไม่อีกคนที่ไม่ยอมตลกด้วยเหมือนกัน ก็คือ ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศจะตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี เพราะปกติเมื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปราชการต่างประเทศหรือปฏิบัติภารกิจต่างจังหวัด จะมีผู้รักษาราชการแทนโดยอัตโนมัติตามระบบอาวุโสนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งแต่งตั้ง ฉะนั้นเรื่องนี้ผิดประเพณีปฏิบัติส่วนถ้าเห็นว่า ผบ.ตร. มีปัญหาทั้งเรื่องโยกย้ายหรือคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ควรกล้าใช้อำนาจความเป็นผู้นำสั่งย้ายไปตรงๆ เลยไม่ควรดำเนินการให้เกิดความสับสนเช่นปัจจุบันโธ่! ท่านสารวัตร ถ้าทำแบบนั้นมันก็เท่ากับทำแบบผู้ใหญ่คิดน่ะสิ...แล้วกัน??? ■

รวมเป็นหนึ่ง!

ที่มา บางกอกทูเดย์

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก... 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ถือเป็นวัน “ครบรอบ 42 ปี” ของ ประชาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ “อาเซียน” ซึ่งผมได้มีโอกาสไปสัมผัสกับบรรยากาศชักธงขึ้นสู่เสาเพื่อเฉลิมฉลอง ณ สำนักงานใหญ่อาเซียน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียโดยมี “ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ” เลขาธิการอาเซียน คนไทยคนที่สองที่ดำรงตำแหน่งนี้ต่อจาก “แผน วรรณเมธี” เป็นโต้โผใหญ่ดำเนินงานความรู้สึกแรกที่ “บ่งบอก” คือ...ความรู้สึก “ภาคภูมิใจ” ในการที่ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งใน 10 ประเทศของ “ภูมิภาคอาเซียน” ภูมิใจที่ได้เห็นความสามารถของคนไทยอย่าง “ดร.สุรินทร์” ที่นานาชาติให้การยอมรับและผมก็ยอมรับว่าท่านเป็น “คนเก่ง” มีศักยภาพทางด้านความคิด และสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาปฏิบัติให้เกิดผลเป็นจริงรวมไปถึงความรู้สึกอันดีต่อ “มิตรไมตรี” ของผู้คนต่างชาติ ต่างภาษา และต่างวัฒนธรรม ที่มอบให้แก่กันสื่อไทย...สื่อต่างชาติในอาเซียนรวมถึงคณะผู้ทำงาน ทุกคนมีความ “จริงใจ” ในการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหา

พึ่งพาอาศัยกันเหมือนพี่เหมือนน้อง...เหมือนคนภายในครอบครัวแม้เป็นการ พบปะ กัน “ครั้งแรก” และเป็นการพบปะกันอย่างผิวเผิน แต่นั่นไม่ได้เป็น “อุปสรรค” ทำให้เกิดการแบ่งแยกผมมองภูมิภาค “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ไม่ใช่ผืนดินที่แยกออกจากกันอีกต่อไป...แต่เป็นการ “หลอมรวม” ในจิตใจแห่งมหาประชาชนรวมเป็นหนึ่ง! สานพลังสร้างเป็นประชาคมแห่งความ “เท่าเทียม” โดยยึดหลักปฏิบัติที่ “ถูกต้อง” ผ่านการมีส่วนร่วมของพลเมืองทั้ง 10 ประเทศ I dare to dream, I care to share ประโยคที่ “ดร.สุรินทร์” พูดไว้...ให้ความหมายถึงการ “กล้าฝันและใคร่รู้จักแบ่งปัน” เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนสามารถ “ยึดถือ” และนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อตน ต่อคนรอบข้าง และต่อบุคคลอื่นกระจายไปดั่ง “โดมิโน” ที่ส่งความสุขไปถึง “มนุษยชาติ” ครอบคลุมไปทั่วทุกมุมโลกสุดท้าย...ต้องขอขอบคุณสายการบิน “แอร์เอเชีย” ที่นำผมและทุกท่านร่วมหลายร้อยชีวิตเดินทางโดยสวัสดิภาพและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ “แอร์เอเชีย” ได้รับเลือกให้เป็น “สายการบินอาเซียน” ภายใต้คำขวัญ Truly ASEAN ■

เต่า-หอย-ปู-ปลา

ที่มา บางกอกทูเดย์

ไม่มีอะไรต้องสงสัย..ทำไมบนแผ่นดินที่มากไปด้วยทรัพยากรและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสิ่งที่จำเป็นกับการดำรงชีวิตแผ่นดินนี้ถึงอยู่ในบัญชีประเทศที่ยากจนประเทศหนึ่งของโลกดูกันง่ายๆ..ความจำเป็นของประเทศจะต้องมีไฟฟ้าราคาถูกมาใช้..เพื่อที่จะทำให้ประเทศเติบโตในฐานะชาติอุตสาหกรรม..ทั้งๆ ที่รู้กันดีว่าโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์นั้น..มีราคาถูกและสามารถควบคุมราคาได้ดีที่สุด..แต่เต่าหอยปูปลา..พากันคัดค้าน..หวาดหวั่นกันว่า..จะมีรังสีรั่วไหล..ระเบิดกันขึ้นมาจะพากันล้มตาย..แต่เต่าหอยปูปลา..มันลืมกันไปว่า..แค่ 150 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ก็ชายแดนพม่า อีก 200 กว่าก็ชายแดนเขมร..หรือในเวียดนามที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์..หากเกิดปัญหามันก็พังเท่าๆ กับที่เกิดในประเทศไทย..และที่สำคัญที่สุดนั้น..มันมีอยู่แล้วเป็นพันโรงงานทั่วโลกวันนี้โวยวายกันใหญ่..เรื่องแขกตะวันออกกลางจะมาเอาท้องนาเมืองไทยปลูกข้าว..วันนี้สืบหากันยกใหญ่..ใครเป็นคนไทยรับทำนาให้แขกอาหรับ..เป็นนอมินี..นาแล้งชาวนาไทยโวยวาย..ไม่มีน้ำปลูกข้าว..หน้าฝนชาวนาไทยโวยวาย..นาข้าวถูกน้ำท่วม..ที่ดินนาที่ดินไร่..ถูกทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าเพราะขาดน้ำขาดคนทำนา..กลายเป็นดง

หญ้า..เป็นที่นาน้ำขัง เพาะพันธุ์ยุงปรับปรุงพันธุ์หนู ฯลฯจะเสียหายอะไร..ถ้ามันจะให้ “คนต่างชาติ” เข้ามาฟื้นฟูทำเกษตรทำนา..ประเทศไทยก็ทำหน้าที่หาน้ำมาขาย..ปรับค่าแรงใหม่ให้กับชาวนารับจ้างมีค่าแรงขั้นต่ำมีสวัสดิภาพประกันสังคม..คนต่างชาติเข้ามาทำนา..เราก็ให้เขาส่งออกได้เป็นข้าวห่อข้าวกระป๋อง..ไม่ให้ส่งออกแบบดิบๆ อย่างที่เป็นอยู่..เขาขายได้เราก็เก็บภาษี..เขามีโรงงาน..ประชาชนก็มีงานทำมีรายได้..เขาขายได้เงินทุนก็กลับมาใหม่..เขาใช้จ่ายแรงงานค่าน้ำ ค่าปุ๋ยค่าภาษี..มันก็อยู่ในประเทศนี้ไม่ไปไหน..เขามีกำไรเราก็มีกำไร..ประเทศก็ได้ประชาชนก็ได้..เต่าหอยปูปลา..กางตำรามือไม่พายแต่ดันเอาเท้าราน้ำ..ชาวนาทำนาไม่ไหวขายไปก็ไม่ได้ราคา..ต้องเอาที่นาลูกสาวออกมาทำกินหารายได้..เต่าหอยปูปลาทั้งหลาย..กลับมองไม่เห็น..แต่ธนาคารใหญ่ๆ ทุกธนาคารในประเทศไทย..กลายเป็นของนายทุนต่างด้าว..เต่าหอยปูปลา..ไม่โวยวายขับไล่..ทั้งๆ ที่มันทั้งหลายนั่นแหละเจ้าของที่ดินทำนาเจ้าของที่ดินทำไร่..เพราะชาวนาไทยเอาไปค้ำเงินกู้..ที่ดินว่างเปล่าต่างด้าวขอเช่าพากันโวยวาย..แต่ต่างด้าวเป็นเจ้าของธนาคารใหญ่สุดประเทศไทย..กลับเป็นใบ้..เจอก็กราบไหว้บูชา..อนิจจา..ประเทศไทย ■

นักการเมืองกับสงครามยุคไซเบอร์

ที่มา บางกอกทูเดย์

ฮือฮากันได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว สำหรับเรื่องการใช้เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของเหล่าบรรดานักการเมืองฝ่ายรัฐบาล นำโดยนายกฯ รูปหล่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ที่หันมาเอาดีทางโลกไซเบอร์ แม้ยังจะไม่ประสบผลสำเร็จมากนักสำหรับการเปิดช่องทางสื่อใหม่ แต่ก็น่าจะเป็นการดีที่นักการเมืองจะหันมาใช้ชอ่ งทางการสอื่ สารออนไลน์ที่ทรงพลังนี้ในการเริ่มเข้าสื่อสารกับประชาชนกลุ่มเทคโนโลยีมากขึ้นจากแต่ก่อนนักการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาลจะถูกตราหน้าว่า “Low Technology”กันบ่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้เราจะเริ่มเห็นว่าการเมืองไทยได้หันไปใช้สื่อใหม่ที่เรียกว่า SocialMedia ทั้ง Facebook, Twitter หรือ hi5เพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่ไม่นิยมบริโภคสื่อเดิมๆ โดยมุ่งเป้าไปที่คนรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่มีพลัง และดูจะเป็นฐานเสียงที่ดีต่อไปได้ในอนาคต ทั้งยังเป็นการเข้าถึงคนในกลุ่มนี้ได้ง่ายกว่าสื่อแบบไหนๆพรรคการเมืองที่ใช้ New Media กันมากอย่างเห็นได้ชัดเห็นจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนักการเมืองถึง 7 รายด้วยกันที่ใช้ช่องทางนี้ เปรียบเทียบกับพรรคเพื่อไทยแล้วยังใช้ช่องทางนี้ในโลก

ไซเบอร์น้อยกว่าหลายขุมอย่างเห็นได้ชัด
1. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
twitter: @PM_abhisit (เริ่มใช้งานเดือนมิถุนายน 2552)
facebook: http://www.facebook.com/pages/Abhisit-
Vejajiva/17171146143
2. กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
twitter: @korbsak (กรกฎาคม 2552)
3. สาทิตย์ วงศ์หนองเตย
twitter: @satittrang (มิถุนายน 2552)
facebook: http://www.facebook.com/satittrang
4. กรณ์ จาติกวณิช
twitter: @KornDemocrat (มิถุนายน 2552)
facebook: http://www.facebook.com/pages/Korn-
Chatikavanij/71254499739
5. จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
twitter: @aoodda (กรกฎาคม 2552)
6. อภิรักษ์ โกษะโยธิน
twitter: @apirak_news (เมษายน 2552)
facebook: http://www.facebook.com/
apirakkosayodhin
7. อลงกรณ์ พลบุตร
twitter: @ponlaboot (มิถุนายน 2552)

พรรคเพื่อไทย (อดีตไทยรักไทยและพลังประชาชน)
1. ทักษิณ ชินวัตร
twitter: @thaksinlive (กรกฎาคม 2552)
facebook: http://www.facebook.com/thaksinlive
2. จาตุรนต์ ฉายแสง
twitter: @chaturon (พฤษภาคม 2552)
twitter: @ChaturonNetwork (กรกฎาคม 2552)
3. สุรนันท์ เวชชาชีวะ
twitter: @suranand (กุมภาพันธ์ 2552)
ในต่างประเทศ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายบารัค โอบาม่าก็ใช้สื่อที่เรียกว่า New Media ในการชนะการเลือกตั้งมาแล้วจึงไม่น่าแปลกที่หลายประเทศจะใช้วิธีการนี้มาเลียนแบบ แต่การที่จะเข้าถึงประชาชนให้ได้นั้น สื่อไหนๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับท่านนักการเมืองทั้งหลายทำอะไรเพื่อประชาชนด้วยความจริงใจ ■

จารึกเกียรติยศวันสันติภาพ:การะเวก ศรีวิจารณ์ วีรชนเสรีไทยผู้สละชีพเพื่อเอกราชชาติสมบูรณ์

ที่มา Thai E-News



สหายศึกเสรีไทย-(จากซ้าย)โผน อินทรทัต-พอล (ชื่อรหัส ไทย รักไทย),จำรัส ฟอลเล็ต-ดิ๊ค และการะเวก ศรีวิจารณ์-แครี่ แครี่เสียสละชีวิตเพื่อชาติระหว่างเล็ดลอดเข้าไทย ถูกตำรวจไทยสังหารพร้อมกับสมพงษ์ ศัลยพงษ์(แซล)เพื่อชิงทองคำที่หน่วยลับของอเมริกาให้ติดตัวนำมากอบกู้ชาติ ส่วนไทย รักไทย(บิดาพล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต)ถูกสังหารหลังเป็นแกนนำขบวนการประชาธิปไตยกุมภาพันธ์2492เพื่อโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการทหารประสบความล้มเหลวลง

เรียบเรียงโดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา หนังสือตำนานเสรีไทย โดยดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร และบทความ60ปีเสรีไทย โดยธนาพล อิ๋วสกุล ในนิตยสารสารคดี
14 สิงหาคม 2552

หมายเหตุไทยอีนิวส์:เมื่อ 64 ปีที่แล้วนายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการ และหัวหน้าขบวนเสรีไทยได้ประกาศสันติภาพเมื่อ 16 สิงหาคม 2488 มีผลสำคัญยิ่งยวดทำให้ไทยไม่ต้องตกเป็นประเทศแพ้สงครามโลกครั้งที่2 ไม่ต้องถูกยึดครองหรือแบ่งแยกจากมหาอำนาจผู้ชนะสงคราม ซึ่งมีผู้เคยกล่าวไว้ว่าไม่เช่นนั้นไทยก็คงไม่พ้นต้องเสียกรุงครั้งที่3* อันเป็นผลพวงหลักจากเคลื่อนไหวของขบวนการใต้ดินเสรีไทย อย่างไรก็ตามควรต้องจารึกไว้ด้วยว่า มีวีรชนผู้เสียสละชีพเพื่อชาติในขบวนการอย่างน้อยก็ 3 ท่าน** ซึ่งเราขอทยอยนำเสนอเพื่อเชิดชูเกียรติวีรชนของประชาชาติไทย ณ โอกาสวันสันติภาพมาถึงในปีนี้


แผนที่ปฏิบัติงานของเสรีไทยสายอเมริกาเล็ดลอดเข้าไทย และบริเวณที่2วีรชนเสียสละพลีชีพ

การะเวก ศรีวิจารณ์ ( แครี่ ):เราคนไทยไม่พอใจไม่ว่าชาติใดก็ตามที่เป็นภัยต่อเอกราชของเรา

วีรประวัติ-การะเวก ศรีวิจารณ์ ได้รับพระราชทานยศพันตรีหลังเสียสละชีพเพื่อชาติ ขณะปฏิบัติงานเสรีไทยพร้อมกับสหายศึกอีก2รายคือพันตรีสมพงษ์ ศัลยพงษ์ และพันตรีจำกัด พลางกูร รายนามของทั้ง3ท่านถูกจารึกไว้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาจนตราบทุกวันนี้

ชาตะ- 7 สิงหาคม 2461
มรณะ-11 มิถุนายน 2487 ขณะอายุย่าง 26 ปี หากมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันจะมีอายุ 91 ปี
กำเนิด-เกิดที่บ้านพักราชการหลังที่ว่าการอำเภอบางระจัน สิงห์บุรี บุตรนายกลิ่น นางนวม เป็นน้องชายนายฟุ้ง อดีตอธิบดีกรมศาสนา
การศึกษา-ประถมถึงมัธยมต้น ที่โรงเรียนประจำจังหวัดอ่างทอง
-มัธยมปลาย โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์
-โรงเรียนเทฆนิคทหารบกรุ่น2 รุ่นเดียวกันที่มีชีวิตอยู่เป็นนายพล19คน เช่น พล.อ.เฉลิมชัย จารุวัสตร์ พล.อ.ประลอง วีระปรี
-เดินทางไปเรียนสถาบันMITสหรัฐฯ สำเร็จปริญญาตรีวิศวกรรมโยธาในปี2484 และสำเร็จปริญญาโทวิศวกรรมโยธาที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ในปี2485

การปฏิบัติงานเสรีไทย-หลังจากไทยถูกญี่ปุ่นยึดครองในวันที่8ธันวาคม2484 ในปีรุ่งขึ้นแครี่เข้าเป็นสมาชิกเสรีไทยในอเมริกา ที่ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เอกอัคราชทูตไทยประจำสหรัฐฯเป็นหัวหน้าและก่อตั้งเสรีไทยขึ้น เข้ารับการฝึกอบรมกับหน่วยทหารอเมริกันคือO.S.S.นาน9เดือน

-เป็นเสนาธิการของเสรีไทยในอเมริกา โดยยกร่างแผนปฏิบัติการสำหรับเสรีไทยสายอเมริการุ่นที่1 ที่จะเดินทางไปสู่สมรภูมิ

-มีนาคม2486 แครี่ซึ่งอายุย่าง25ปีเดินทางออกจากสหรัฐฯร่วมกับเสรีไทย19นายเพื่อเล็ดลอดสู่มาตุภูมิประเทศไทย ด้วยเรือลิเบอร์ตี้ผ่านคลองปานามาไปมหาสมุทรแปซิฟิก ตัดเข้าตอนใต้ออสเตรเลีย ย้อนขึ้นเหนือผ่านมหาสมุทรอินเดียขึ้นบกที่บอมเบย์ ฐานที่มั่นฝ่ายสัมพันธมิตรในเอเชียช่วงกลางเดือนมิถุนายน2486 ใช้เวลาเดินทางรวม 95 วัน ฝึกเพิ่มเติมกับO.S.S.ที่ชายแดนพม่า

-สิงหาคม2486 ย้ายไปจุงกิงนครหลวงของจีนคณะชาติ ซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร และย้ายไปที่คุนหมิง จีนตอนใต้

-มกราคม2487 ฐานปฏิบัติการO.S.S.จัดตั้งที่ซือเหมาตอนใต้ของยูนนาน ใกล้พรมแดนลาว(ซึ่งตอนนั้นหลายเมืองของลาวเป็นอาณาเขตของไทย)และวางแผนส่งเสรีไทย10นายเล็ดลอดเข้าประเทศ เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญคือนำสารจากรัฐบาลสหรัฐฯไปรับรองขบวนการเสรีไทยในประเทศว่ากำลังต่อสู้เพื่อเอกราช และไทยจะมีรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นผู้รุกรานยึดครองไทย

-ปลายเดือนกุมภาพันธ์2487 ร.อ.การะเวก และร.ท.สมพงษ์(ยศขณะนั้น)ออกจากซือเหมาเดินทางไปพำนักที่เมืองลา สิบสองปันนาราวเดือนเศษ จากนั้นได้ผู้นำทางชาวจีนไปเมืองพงสาลี ล่องเรือตามลำน้ำโขงถึงเมืองหลวงพระบาง

-10 มิถุนายน 2487 แล้วข้ามโขงเข้าแดนไทยที่ตำบลบ้านด่าน อำเภอเชียงแมน จังหวัดล้านช้าง(ขณะนั้นเป็นดินแดนของไทยที่ได้คืนจากฝรั่งเศส) มีเป้าหมายจะเดินทางต่อไปที่หนองคาย คนนำทางพาไปพบสารวัตรกำนันในตอนเย็น และกำนันได้ขอยึดปืนไว้ เพราะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลจอมพลป.พิบูลสงครามให้จับกุมจารชน

-11 มิถุนายน 2487 ตำรวจเชียงแมนจับกุมการะเวกและสมพงษ์ข้อหาจารชนและยึดปืนพกไว้ ตามคำสั่งรัฐบาลต้องส่งทั้งสองไปที่กรุงเทพฯ แต่ตำรวจกลับควบคุมตัวเป็นเชลยลอยเรือไปกลางลำน้ำโขง เมื่อเวลาราว15.40น.ส.ต.ท.สมวงษ์ จันทศร และพลตำรวจถึง มูลพิชัย ได้ยิงปืนใส่ทั้งสอง และผู้นำทาง ร.อ.การะเวกกับผู้นำทางเสียชีวิตทันที ส่วนร.ท.ยังไม่ตายร้องขึ้นว่า"ผมเป็นคนไทยแท้ๆผมมาทำงานเพื่อชาติ ไม่ควรยิงผมเลย"

แต่ตำรวจทั้งสองไม่ปรานีมุ่งค้นสมบัติที่เสรีไทยทั้งสองนำติดตัวมา และเมื่อได้ทองคำที่ทั้งสองได้รับจากO.S.S.มาใช้ในงานกู้ชาติก็โยนร.ท.สมพงษ์ลงน้ำโขง เมื่อว่ายขึ้นมาก็ใช้ไม้ค้ำคอลงไปในลำน้ำ ขณะที่กำลังว่ายหนีไปอยู่ที่แก่งหินกลางน้ำ พลตำรวจถึงยิงใส่ร.ท.สมพงษ์จมหายไปท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว

เรือลำนั้นกลับมาที่สถานีตำรวจเชียงแมนเวลา17.00น.แล้วอ้างว่าจารชนขัดขืนต่อสู้แย่งชิงปืนตำรวจจึงถูกวิสามัญฆาตกรรม จากนั้นยึดปืน,กระสุนปืน,พันธบัตร,ทองคำ,เครื่องรับส่งวิทยุไว้ ศพของ"แครี่"การะเวกกับคนนำทางถูกทิ้งไว้หน้าสถานีตำรวจ จนเย็นวันรุ่งขึ้นจึงนำไปขุดฝังไว้หลังสถานี ส่วนศพของสมพงษ์ไม่มีผู้พบเห็นทำให้ญาติยังฝังใจมาจนทุกวันนี้ว่าเขายังไม่ตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

-เวลาไล่เลี่ยกันร.อ.โผนเดินทางตามหลังทั้งสองมา2สัปดาห์ และก่อนข้ามโขงได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของทั้งสองและแจ้งข่าวไปยังเสรีไทยสายอเมริกาในอีก1เดือนต่อมา ทำให้เสรีไทยในไทยทราบจึงแต่งตั้งข้าราชการทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจมายังชายแดนเพื่อคอยช่วยเหลือเสรีไทยให้เล็ดลอดเข้าประเทศได้สำเร็จ

16 สิงหาคม 2488-ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการ และหัวหน้าขวนการเสรีไทยประกาศสันติภาพ หลังญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่2 และไทยไม่ต้องตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม และไม่ถูกมหาอำนาจผู้ชนะแบ่งแยกเป็นไทยเหนือ-ไทยใต้

-30ตุลาคม2488 หลังสงครามยุติลงมีการรื้อฟื้นคดีสังหาร2เสรีไทย 2ตำรวจมือสังหารโหดหลบหนีข้ามไปฝั่งลาว มีการขุดศพแครี่กลับสู่มาตุภูมิกรุงเทพฯ

-ค่ำวันที่ 25 กันยายน 2488 ปรีดี พนมยงค์ "รูธ"หัวหน้าขบวนการเสรีไทย กล่าวปราศรัยก่อนสลายขบวนการเสรีไทยตอนหนึ่งว่า
"ขอให้ท่านได้สำนึกถึงวีรกรรมของเพื่อนร่วมตาย ซึ่งต้องเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้คือนายจำกัด พลางกูร ,นายการะเวก ศรีวิจารณ์ และนายสมพงศ์ ศัลยพงศ์ ชีวิตเขาสิ้นไปเพื่อได้มาซึ่งเอกราช และความคงอยู่ของชาติไทย ซึ่งชาวไทยไม่ควรลืม"

10 กุมภาพันธ์ 2497-รัฐบาลสหรัฐฯมอบเหรียญ"เมดัล ออฟ ฟรีดอม"ให้แก่เสรีไทยผู้เสียสละชีวิตทั้งสอง

ท่วงท่าบุคคลิกของการะเวก-แครี่เป็นคนร่างเล็กมีน้ำหนักเพียง55กิโลกรัม เป็นคนขรึม กำลังกายปานกลาง และรู้จักชั่งใจ แต่มีความเป็นผู้นำสูง แม้ผู้นำทางการของเสรีไทยสายอเมริกาชุดแรก19คนมีโผน อินทรทัตเป็นผู้นำ แต่เพื่อนทั้งหมดกลับให้ความนับถือแครี่มากที่สุด

อุดมคติเรื่องชาติของแครี่-ร.อ.นิคอล สมิธ นายทหารอเมริกันพี่เลี้ยงเสรีไทยชุดนี้บันทึกการสนทนากับเขาไว้ว่า แครี่เชื่อมั่นว่าคนไทยในประเทศก็เช่นเดียวกับเขาที่ต้องการเอกราชสมบูรณ์
"ไทยเราเป็นเอกราชมากว่า 700 ปี เป็นไปไม่ได้ที่คนไทยจะทนญี่ปุ่นผู้รุกรานยึดครองเราไปได้นาน คนไทยมีสติพอที่จะรู้จักว่า เป็นอิสรชนไม่ได้ตราบใดที่ประเทศถูกยึดครองโดยต่างชาติ เราคนไทยไม่พอใจไม่ว่าชาติใดก็ตามที่เป็นภัยต่อเอกราชของเรา เราไม่ต้องการใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส หรืออเมริกาที่จะมาบงการเราให้ทำอะไรหรือไม่ทำอะไร และหากประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ยังใช้วิธีการครอบครองแบบเก่าต่อไปหลังสงครามครั้งนี้.."แครี่เน้นเบาๆ"ผมเกรงว่าต้องนองเลือดแน่ๆ"


หนังสือเล่มที่กล่าวถึงรายละเอียดคดีตำรวจไทยสังหารเสรีไทยเพื่อหวังชิงทองคำที่นำมากู้ชาติ หน้าปกเป็นรูปของการะเวก

เปิดปฏิบัติการเสรีไทยสายอเมริกา

"ปัญญาชนชั้นหนึ่งเท่าที่ O.S.S. เคยมีมา แต่ละคนมีปริญญาเอก ปริญญาโท จากฮาวาร์ด เอ็มไอที และมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ ในสหรัฐ"-นิคอล สมิธ


คณะนักเรียนไทยได้รับการจัดตั้งเป็น "กองทหารเสรีไทย" ซึ่งเป็นหน่วยทหารไทยที่ใช้เครื่องแบบของไทย มีธงไทยเป็นเครื่องหมาย มีฐานะทัดเทียมกับทหารฝ่ายสัมพันธมิตร โดยมี ม.ล. ขาบ กุญชร เป็นผู้แทน กองกำลังเสรีไทยสายอเมริกาแบ่งได้เป็นสี่รุ่น คือ

รุ่นแรก มี ม.ล. ขาบ กุญชร ทูตทหาร เป็นหัวหน้าประสานงานร่วมกับ พ.ท. นิคอล สมิธ ผู้เป็นตัวแทนหน่วย O.S.S. คณะนักเรียนไทยชุดแรกจำนวน ๒๑ คนนี้เข้าฝึกการรบพิเศษในวิชาการต่าง ๆ เช่น วิชาแผนที่ วิชาเดินเรือ วิชาสื่อสาร โดยกำหนดหลักสูตรเวลา ๔ เดือน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการในประเทศไทย เป้า ขำอุไร เล่าถึงการฝึกไว้ว่า

"เราเข้าฝึกในค่ายของ U.S. Marrine ซึ่งเป็นค่ายลับอยู่ในป่าใน Maryland หลายแห่งฝึกหนักยิ่งกว่าทหารธรรมดาหลายเท่าในด้านการรบ การใช้อาวุธการต่อสู้ทุกรูปแบบ ในด้านการจารกรรม ก่อวินาศกรรม ฝึกเป็น Jame Bond กันเลย ทำการฝึกหนึ่งปีจนจบหลักสูตร ทางสถานทูตก็ทำการประดับยศให้เป็นร้อยตรีทุกคน... พิธีประดับยศนี้เป็นการประกาศให้อเมริกันทราบว่า เรามิใช่เป็นเสรีไทยแต่ปากเท่านั้น เรามีกำลังรบด้วย"

หลังจากนั้นได้แบ่งเป็นสองสาย

-สายที่ ๑ นำโดย ม.ล. ขาบ กุญชร และ พ.ต. เคฟแลน นายทหารอเมริกา ได้เดินทางล่วงหน้าไปที่เมืองจุงกิง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐบาลเจียงไคเช็ค และเป็นที่ตั้งของหน่วย O.S.S. ประจำประเทศจีน เพื่อจัดตั้งหน่วยต่อต้านในประเทศไทย

-สายที่ ๒ ทหารเสรีไทยที่เหลืออีก ๑๙ คน นำโดย พ.ท. นิคอล สมิธ และนายทหาร O.S.S. ๓ นาย เดินทางมายังค่ายฝึก ๑๐๑ ของ O.S.S. ที่ตั้งอยู่ในแคว้นอัสสัมเพื่อฝึกเพิ่มเติม ภารกิจของหน่วยนี้คือการสืบเหตุการณ์ภายในประเทศไทยให้แก่หน่วย O.S.S. ส่งอาวุธและทหารมาช่วยฝึกแบบกองโจร การบ่อนทำลายกองทหารญี่ปุ่น ตลอดจนแลกเปลี่ยนข่าวกรองกับจีนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่น

รุ่นที่ ๒ มีจำนวน ๓ คน คือบุญมาก เทศะบุตร วิมล วิริยะวิทย์ อานนท์ ศรีวรรธนะ สมัครเข้าฝึกกับหน่วย O.S.S. โดยตรง ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่พิเศษในประเทศไทย เพื่อหาทางติดต่อกับขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในประเทศไทย วิมล วิริยะวิทย์ เล่าถึงการฝึกว่า

"เพื่อรับภารกิจเร่งด่วน... ผมต้องฝึกการจารกรรมทั้งหมด การฝึกหนักมากเพื่อจุดประสงค์ที่จะให้เข้าไปเป็นแนวที่ ๕ (Fifth Column) ฝึกการใช้วิทยุรับส่ง... การจู่โจมข้าศึก และป้องกันตัวเองการฝึกเอาตัวรอดหรือให้อยู่รอด สอดแนม สะเดาะกุญแจ โจรกรรม ฯลฯ เป็นการฝึกที่หนักมาก ตื่นแต่เช้าตรู่ จมอยู่ในน้ำทั้งวัน แทบจะไม่รู้สึกว่าแดดร้อน น้ำจืดหรือว่าน้ำเค็ม...ร่างกายและจิตใจแข็งแกร่งขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะออกไปทำภารกิจที่แลกด้วยชีวิตกับความสำเร็จ"

แม้ว่าเสรีไทยสายอเมริกาจะเดินทางถึงจุงกิง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๔๘๖ แต่เนื่องจากความไม่มั่นใจซึ่งกันและกันระหว่าง ม.ร.ว. เสนีย์กับ ม.ล. ขาบ ทำให้การปฏิบัติการในประเทศไทยต้องล่าช้าออกไป หลังจากนั้นเสรีไทยสายอเมริกา ได้มาตั้งฐานปฏิบัติการสำหรับส่งทหารเข้าปฏิบัติการ ในประเทศที่เมืองซือเหมา โดยชุดแรกออกเดินทางในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๗ ซึ่งประกอบด้วย

"ปอล (โผน อินทรทัต) ซึ่งเป็นผู้อาวุโสอายุกว่าเพื่อนจะเดินทางโดยลำพัง เขาเป็นคนที่ได้รับการศึกษาทางวิชาทหารมากที่สุด เป็นคนผิวคล้ำ สูงขนาดธรรมดา ...หน้าที่ของเขาคือหาทางเดินประจำจากชายแดนอินโดจีนไปอุตรดิตถ์ ศูนย์กลางทางรถไฟในภาคกลางสยาม เขาจะเป็นผู้ติดต่อกับผู้สื่อข่าวอื่น ๆ นำสิ่งของที่ต้องการไปให้ ถือเอกสารสำคัญที่ส่งทางวิทยุไม่ได้

แครี่ (การะเวก ศรีวิจารณ์) รู้จักชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอย่างดี เขาเป็นคนขรึม กำลังกายปานกลางและรู้จักชั่งใจ พ.อ. ขาบถือว่าเขาเป็นสื่อสารดีที่สุด คู่ของเขา คือ ทาซานแซล (สมพงษ์ ศัลยพงศ์) ขี้โกรธและใจเร็ว ไม่กลัวใครหรือสิ่งใด ทั้งสองทำงานร่วมกันดี แครี่สามารถนำกำลังของแซลให้เป็นประโยชน์


เอียน (การุณ เก่งระดมยิง) เคยอยู่ลำปางหลายปี เคน (เอี่ยน ขัมพานนท์) และเอียนจะไปเข้าทำงานในเขตนี้ สองคนตรงกันข้ามทางจิตต์ เอียนช่างคิดและเป็นนักทฤษฎีแต่เคนเป็นนักปฏิบัติ เอียนเป็นสมาชิกไฟบีตาแคปปา ฝันแต่ในการหาวิธีทำเครื่องวิทยุให้ดีขึ้น และเคนเป็นวิศวกรรมเมคานิกซ์จะทำให้มันใช้ได้"

ในการเดินทาง ทุกคนแต่งตัวเป็นชาวพื้นเมือง มีเครื่องวิทยุขนาดเล็ก ซึ่งดัดแปลงให้สามารถส่งได้ถึง ๕๐๐ ไมล์ติดตัวไปด้วย พร้อมทองคำไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ปรากฏว่าคนนำทางชาวจีน พยายามถ่วงเวลาการเดินทางให้ช้าลง ทำให้ โผน อินทรทัต ต้องรายงานกลับไปยัง ม.ล. ขาบ เพื่อให้ส่งเสรีไทยชุดที่ ๒ ซึ่งประกอบด้วย "บันนี่ (บุญเย็น ศศิรัตน์) เพา (เป้า ขำอะไร) พีท (พิสุทธ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา) แซม (สวัสดิ์ เชี่ยวสกุล) ปลอมตัวเป็นคนขายของ" เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นชุดต่อไป ทางการจีนจึงไม่สามารถหน่วงเหนี่ยว ไม่ให้เสรีไทยสายอเมริกาเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้อีกต่อไป

เนื่องจากเป็นการเดินทางเข้าประเทศไทย เป็นครั้งแรกของเสรีไทยสายอเมริกา โดยที่ยังไม่มีการประสานงานมาก่อน ทำให้คณะของการะเวกและสมพงษ์ ที่มีนายบุญช่วยเป็นผู้นำทาง ถูกตำรวจคุมตัวที่ตำบลบ้านด่าน อำเภอเชียงแมน จังหวัดล้านช้าง (ซึ่งเป็นของไทยในขณะนั้น) ในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๘๗ ระหว่างทางทั้งสามถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต โดยอ้างว่าบุคคลทั้งสามขัดขืนและต่อสู้เจ้าหน้าที่ แต่จากคำให้การของ โล่ห์ โจ๊ะทอง ซึ่งเป็นนายท้ายเรือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้การต่อศาลในเวลาต่อมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าคนทั้งสามเพื่อชิงทรัพย์

แต่การเสียชีวิตของการะเวกและสมพงษ์ไม่สูญเปล่า เพราะการที่ตำรวจได้นำหลักฐานเช่นวิทยุและเอกสารต่าง ๆ รายงานให้ พล.ต.อ. อดุล อดุลเดชจรัส รับทราบ จึงรู้ว่ามีความพยายามในการติดต่อจากต่างประเทศเข้ามา

ขณะที่อีกสาม คนถูกตำรวจไทยจับเช่นกัน และนำมาคุมตัวไว้ที่กองสันติบาล กรุงเทพฯ ที่นั่นเอง การุณและนายเอียนได้ชี้แจงวัตถุประสงค์ให้ พล.ต.อ. อดุล อดุลเดชจรัส รับทราบ

๙ กันยายน ๒๔๘๗ วิมล วิริยะวิทย์ และ บุญมาก เทศะบุตร เสรีไทยสายอเมริกาที่ไปฝึกรุ่นพิเศษ ได้กระโดดร่มลงกลางป่าอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ วิมลถูกคุมตัวมาพบ พล.ต.อ. อดุล ภายหลังจากแจ้งภารกิจให้ทราบ ทั้งคู่ได้เดินทางไปพบ ปรีดี พนมยงค์ วิมลแจ้งให้ทราบว่าทางอเมริกา ยินดีให้การสนับสนุนเสรีไทยทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นทางการทหารหรือในทางการเมือง รวมทั้งรับทราบด้วยว่ามีปฏิบัติการต่อต้านญี่ปุ่น เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย

ต่อมาเสรีไทยชุดที่ ๒ ก็ถูกตำรวจไทยจับเช่นกัน แต่ถูกคุมตัวมาไว้ที่กองสันติบาล กรุงเทพฯ และจุดนี้เองที่ทำให้ทหารเสรีไทยสามารถติดต่อวิทยุกลับไปยังซือเหมาได้ เพราะ พล.ต.อ. อดุลให้ความร่วมมือ นิคอล สมิธ ได้กล่าวถึงความสำคัญของเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ว่า

"ภายในหนึ่งชั่วโมง ข่าวถูกส่งต่อไปยังคุนหมิง เดลลี จุงกิง แคนดี และวอชิงตัน อาณาจักรไทยสองแสนสองหมื่นตารางไมล์ ไม่เป็นจุดมืดสำหรับข่าวต่อไปแล้ว ได้มีโคมไฟจุดขึ้นในเมืองหลวงของสยามกว่าห้าร้อยไมล์ไปทางทิศใต้ และเรารู้ว่ามันจะส่องแสงสว่างขึ้นทุกที"


0000
*อ้างจากตวงศักดิ์ ชื่นสินธุ เขียนลงในมติชนในโอกาส 60 ปีวันสันติภาพไทย เมื่อ16 สิงหาคม 2548
**มีรายงานว่าผู้เสียชีวิตในขบวนการเสรีไทยน่าจะมีมากกว่า 3 ท่าน ดังมีรายงานว่า ในตอนแรกเสรีไทยพยายามที่จะก่อตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นนอกประเทศนั้น เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแพร่ ได้ส่งผู้แทนเดินทางไปสำรวจเส้นทางไปจุงกิง ประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐบาลเจียงไคเช็ค และฝ่ายสัมพันธมิตร ปรากฏว่าผู้แทนที่ส่งไปสำรวจเส้นทาง ๒ ชุด จำนวน ๑๑ คน เหลือรอดกลับมา ๒ คน เพราะเส้นทางเข้าสู่จุงกิงโดยทางภาคเหนือนั้น เป็นทางทุรกันดารไม่มีใครสามารถผ่านไปได้

*************

อาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม-วันสันติภาพ-รำลึกวันสันติภาพ ไทยพ้นสถานะประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2

ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการและหัวหน้าขบวนการเสรีไทยขณะประกาศแถลงสันติภาพ

รำลึกถึงเหตุการณ์วันที่ 16 สิงหาคม 2488 นายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการในขณะนั้น และเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยได้ออกประกาศสันติภาพ สาระสำคัญคือประกาศว่า การประกาศสงครามต่อสหรัฐฯ และอังกฤษของรัฐบาลจอมพลป.พิบูลสงคราม เป็นโมฆะไม่ผูกพันกับประชาชนชาวไทย ที่ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่น และให้สถานะของประเทศกลับไปมีไมตรีอันดีกับ2ประเทศมหาอำนาจเหมือนก่อนประกาศสงคราม และพร้อมจะร่วมมือทุกวิถีทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้

ด้วยคำประกาศสันติภาพดังกล่าว ทำให้ไทยไม่ต้องผูกพันกับญี่ปุ่นและรอดพ้นการตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม มีเอกราชโดยสมบูรณ์ สมควรที่ชาวไทยผู้รักชาติจะได้หวนรำลึกถึงบุญคุณของบรรพชนในคราวนั้น

สถาบันปรีดี พนมยงค์ และโครงการจัดงานครบรอบชาตกาล ๑๑๐ ปี รัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์ ขอเชิญร่วมงานรำลึก ๖๔ ปี วันสันติภาพไทย วันอาทิตย์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๒ ณ อาคารเสรีไทยอนุสรณ์ สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม ถนนเสรีไทย ซอย ๕๓ กรุงเทพมหานคร

กำหนดการจัดงาน

เวลา ๘.๐๐ น. ลงทะเบียน / รับหนังสือที่ระลึก
เวลา ๘.๓๐ น. รับประทานอาหารว่าง
เวลา ๙.๐๐ น. พิธีเปิดงานรำลึก ๖๔ ปี วันสันติภาพไทย
เวลา ๙.๓๐ น. อุทัย สุจริตกุล บรรยายเรื่องเสรีไทยกับการประกาศ “วันสันติภาพไทย” ยืนไว้อาลัย
เวลา ๑๐.๐๐ น. พิธีทางศาสนา ๓ ศาสนา (อิสลาม คริสต์ พุทธ)
เวลา ๑๐.๓๐ น. ประกาศสดุดีเสรีไทย และประชาชนทั่วไปที่สนับสนุน และต่อสู้เพื่อ เอกราชและอธิปไตยของชาติ โดย ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
เวลา ๑๐.๔๕ น. เสวนาเรื่อง “ความเป็นมาและภารกิจของเสรีไทย โดย สมาคมเตรียมธรรมศาสตร์ - จุฬาอาสาศึก ปี ๒๔๘๘ และ ขบวนการเสรีไทย” วิทยากร พล ต.ดร.สวัสดิ์ ศรลัมภ์ สุวรรณ ดาราวงษ์ ร.ต.ปราโมทย์ สูตะบุตร ปิยะ จักกะพาก
เวลา ๑๑.๔๕ น. รับประทานอาหารกลางวัน

ภาคบ่าย กิจกรรมเยาวชน เพื่อการเรียนรู้เสรีไทย

สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. ๐๒-๓๗๔-๖๗๐๐ (ในเวลาราชการ) โทร. ๐๒-๓๘๑-๓๘๖๐-๑