WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, September 12, 2009

เปิดโรงเรียน นปช. หวังยกระดับการเคลื่อนไหว

ที่มา Voice TV



สมาชิกเสื้อแดงนับพันร่วมเปิดโรงเรียน นปช. เพื่อให้ความรู้ประชาธิปไตยที่แท้จริง พร้อมกำหนดแนวทางต้านอำมาตยาธิปไตยให้ตรงกัน

เหมา เจ๋อตุงผู้พลิกหน้าประวัติศาสตร์จีน

ที่มา Voice TV



วันที่9 กันยายน นับเป็นวันครบรอบ 33 ปี การถึงแก่อสัญกรรมของประธานเหมา เจ๋อ ตุง ผู้พลิกประวัติศาสตร์ของจีนสู่สาธารณรัฐประชาชน

"ชัย"เตรียมส่งศาลรธน.ฟัน16ส.ส.ถือหุ้นมรณะรวม13คนล็อตแรก "สนั่น"ชี้ช่องหลุดแค่ส.ส. รมต.ยังเป็นได้อยู่

ที่มา มติชนออนไลน์

"ชัย"รอเรื่อง16ส.ส.ถูกกกต.ฟันถือหุ้น รวม13คนชุดแรกส่งศาลรธน.พร้อมกัน "เสธ.หนั่น"คาด"สุเทพ"ชิงไขก๊อกอยากให้น้องชายเป็นส.ส.แทน "ชวรัตน์"ยังไม่ได้คุย"บุญจง-มานิต" พท.ดิ้นเล็งฟ้องศาลปกครอง


"ชัย"รอเรื่อง16ส.ส.รวม13คนชุดแรก


กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 9 กันยายน ว่า ส.ส. 16 คน กระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 48 ประกอบมาตรา 265 (2) (4) และเป็นเหตุให้ความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามมาตรา 106 (6) เนื่องจากถือครองหุ้นบริษัทสื่อและหุ้นสัมปทานรัฐ โดยก่อนหน้านี้ กกต.เคยมีคำวินิจฉัย 13 ส.ส.ในกรณีเดียวกัน และส่งเรื่องไปยังนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยต่อไปแล้วนั้น


เมื่อวันที่ 10 กันยายน รายงานข่าวจากสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า นายชัยยังไม่ได้ส่งเรื่องของ 13 ส.ส.ชุดแรก ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเห็นว่า 13 ส.ส.จะไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งของ กกต.แล้ว ส.ส.กลุ่มนี้ยังทำหนังสือถึงนายชัย ขอให้ชะลอส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญด้วย โดยอ้างถึงการไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครอง ดังนั้น นายชัยจึงยังไม่ส่งกรณี 13 ส.ส.ชุดแรกไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และจะรอ กกต.ส่งเรื่องกรณีล่าสุด 16 ส.ส. มาก่อน แล้วจะพิจารณาตัดสินใจว่าจะส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพร้อมไปกับกรณี 13 ส.ส.ชุดแรกหรือไม่


พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ กกต.วินิจฉัยให้ 16 ส.ส. พ้นสมาชิกภาพว่า คงไม่มีผลต่อตำแหน่งรัฐมนตรีบางคนที่ถูกวินิจฉัยด้วย ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินก่อน แต่ถ้าผิดก็จะผิดเฉพาะตำแหน่ง ส.ส.เท่านั้น รัฐมนตรียังเป็นไปได้อยู่


เมื่อถามว่า แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะประกาศลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ทันทีหลังถูก กกต.วินิจฉัย พล.ต.สนั่นกล่าวว่า นายสุเทพคงอยากจะให้น้องชายเป็น ส.ส.ถึงได้ลาออก


"เกื้อกูล"ไม่สน กกต.นั่งทำงานต่อ


นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณี กกต.ชี้มูลความผิดว่าขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ว่า เมื่อมีมติออกมาก็ต้องน้อมรับ แต่จะไม่กระทบต่อตำแหน่งรัฐมนตรีน เพราะกระทบเฉพาะตำแหน่ง ส.ส.เท่านั้น หุ้นดังกล่าวถือไว้ตั้งแต่เป็น ส.ส. แต่พอมารับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ขายหุ้นออกไปแล้ว หลังจากนี้จะทำหนังสือถึงศาลปกครองเพื่อขอความคุ้มครอง จากนั้นจะรอการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ขณะนี้จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป


นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณี 2 รัฐมนตรีที่สังกัด ภท.คือนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายมานิต นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถูก กกต.มีมติให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ว่า ยังไม่ได้มีการหารือกัน ส่วนรัฐมนตรีทั้ง 2 คนจะลาออกหรือไม่ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ถ้ากฎหมายระบุว่าให้ออกก็ต้องออก


ส.ส.พะเยาพท.เล็งฟ้องศาลปค.


นายไพโรจน์ ตันบรรจง ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งเป็น 1 ใน 16 ส.ส.ที่ กกต. วินิจฉัยว่าพ้นสมาชิกภาพเป็น ส.ส. เนื่องจากถือหุ้บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) ที่ถือเป็นสัมปทานรัฐ ว่า ยอมรับคำตัดสินของ กกต. แต่ตนจะต่อสู้เรื่องนี้ต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเข้าชี้แจงกับกกต.แล้ว โดยหยิบยกมาตรา 154 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงานที่ระบุว่า บริษัทที่ประกอบกิจการพลังงานไม่ได้อยู่ในรูปแบบรับสัมปทาน แต่เป็นการขอใบอนุญาตเท่านั้น เมื่อ กกต.ได้รับฟังคำชี้แจงของตน ก็ยอมรับในข้อเท็จจริง แต่บอกกับตนว่าได้ตัดสิน ส.ว.ไปแล้ว หากไม่ดำเนินการกับ ส.ส.ด้วย จะเกิดข้อครหาว่า กกต. สองมาตราฐาน


นายไพโรจน์กล่าวว่า ที่ กกต.ตัดสินเช่นนี้ทั้งที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงแล้ว ถือได้ว่า กกต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั้ง 8 คนที่ถูก กกต.ตัดสินให้สิ้นสมาชิกภาพคงต้องพูดคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้นตนจะขอความคุ้มครองจากศาลปกครอง ก่อนที่จะนำประเด็นดังกล่าวชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

เก้าอี้ผู้ว่าฯทองคำตัวละ15ล้าน?

ที่มา มติชน

คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12

โดย ประสงค์ วิสุทธิ์ prasong_lert@yahoo.com



แทบไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มีข่าวว่า นักการเมืองใหญ่รายหนึ่งซึ่งมีอิทธิพลมากนำเก้าอี้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาแปรเป็นทุนในราคาตัวละ 10-15 ล้านบาท

ที่ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะข่าวการซื้อขายเก้าอี้ข้าราชการมีมาช้านานแล้วโดยเฉพาะตำแหน่งที่สามารถหาผลประโยชน์ได้ง่ายโดยเฉพาะตำรวจ เช่นหัวหน้าสถานีตำรวจ ผู้บังคับการตำรวจ ผู้บัญชาการตำรวจ ถึงขนาดมีสูตร 3-5-7 (ยังไม่นับข่าวการซื้อขายเก้าอี้ที่กำลังสอบสวนอยู่ในขณะนี้)

อย่างไรก็ตาม จากงานศึกษาเรื่อง "การคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการ" ที่ ผศ.ดร.ชินะพงษ์ บำรุงทรัพย์ และคณะเสนอต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในปี 2546 ปรากฏว่า การซื้อขายตำแหน่งมีอยู่ในหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงมหาดไทย ศึกษาธิการ เกษตรและสหกรณ์ คมนาคม สาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

การศึกษาดังกล่าว ได้ระบุวิธีการซื้อขายตำแหน่งอย่างเป็นรูปธรรมไว้ด้วย อาทิ ในกระทรวงมหาดไทยมีการซื้อขายตำแหน่งผ่านคนใกล้ชิด คนสนิท สังเกตเห็นได้จากการที่อธิบดีจะแต่งตั้งบุคคลที่ตนไว้วางใจมาเป็นผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ ผู้อำนวยการกองคลัง และเลขานุการกรม ทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆ เป็นไปโดยง่าย

สำหรับข้าราชการระดับสูงงานวิจัยระบุว่า มักจะมีการซื้อขายโดยใช้อิทธิพลของนักการเมือง และนักการเมืองเหล่านั้น มักต้องการผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินทุนเพื่อผลประโยชน์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

การซื้อขายตำแหน่งมีหลายวิธี ตั้งแต่ซื้อขาด ซื้อแบบผ่อนส่งโดยมีเงินดาวน์ และต้องส่งส่วยตลอดชีวิต

แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อเปรียบเทียบวิธีการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทยที่ระบุไว้ในงานวิจัยเมื่อ 6 ปีก่อนกับข่าวที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้แล้วมีสาระสำคัญที่เหมือนกันอย่างมากคือ

นักการเมืองต้องการผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินทุนในการเลือกตั้งและช่วยให้ผู้สมัคร ส.ส.ให้ชนะการเลือกตั้งซึ่งมีเงินซื้อเก้าอี้ก้อนแรกเหมือนกับการวางดาวน์ ส่วนการช่วยให้ผู้สมัคร ส.ส.ชนะการเลือกตั้งเหมือนกับการส่งส่วย

ตามข่าวระบุว่า นักการเมืองใหญ่ที่นำเก้าอี้ผู้ว่าฯไปเสนอขายนั้น ไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล แต่มีอิทธิพลเหนือนักการเมืองและข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแทรกแซงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมาแล้ว ขนาดหิ้วนายมานิต วัฒนเสน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ข้ามหัวอธิบดีและผู้ว่าฯหลายสิบคนจนได้นั่งเก้าอี้ใหญ่สมใจ

นักการเมืองรายนี้ได้เรียกข้าราชการระดับรองผู้ว่าราชการจังหวัดและรองอธิบดีในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ประมาณ 20 คน ซึ่งอยู่ในข่ายได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเข้าพบทีละคน โดยแจ้งทำนองว่า ถ้าต้องการขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องหาเงินมาช่วยเหลือพรรครายละประมาณ 10-15 ล้านบาท

ที่สำคัญถ้ามีการยุบสภา ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งต้องช่วยเหลือผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคให้ได้รับการเลือกตั้ง

การที่นักการเมืองรายนี้ทำอย่างนี้ได้ เพราะสิ้นเดือนกันยายน 2552 จะมีตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดว่างลง 23 ตำแหน่ง แต่มีรองผู้ว่าฯและรองอธิบดีที่อยู่ในข่ายได้รับการแต่งตั้งประมาณ 90 คน ซึ่งแต่ละคนก็ต้องการความก้าวหน้าในชีวิตราชการทั้งสิ้น

ใครที่ต้องการกระโดดข้ามหัวเพื่อน ก็ต้องยอมสยบกับนักการเมืองโดยทิ้งเกียรติยศศักดิ์ศรีข้าราชการที่ต้องรับใช้ประชาชนไว้ในคลองหลอดหน้ากระทรวง แล้วลดตัวลงเป็นทาสรับใช้นักการเมือง

แม้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ก็เชื่อกันว่า เป็นเพียง "ปาหี่" ที่ทำให้การแต่งตั้งดูเนียนขึ้นเท่านั้น

หลังจากมีข่าวดังกล่าว ปรากฏว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาโวยวายว่า เป็นข่าวโคมลอย เพราะการจะเติบโตในวงราชการนั้น ต้องมีความรู้ความสามารถ ดังนั้น หากจะใช้คนทำงานอย่าสงสัย ถ้าสงสัยอย่าใช้

"การปล่อยข่าวในลักษณะนี้ ถือเป็นการต่อสู้ การแข่งขันทางการเมือง โจมตีกันทุกรูปแบบ แต่ถือว่า เป็นเสียงนกเสียงกา อยากถามกลับไปว่า ผู้ว่าฯมีเงินเดือนเท่าไหร่ จะเอาเงินจำนวนนี้มาจากไหน อย่างไรก็ตาม ถ้าใครมีหลักฐานช่วยอัดเทปมาให้ฟังหน่อย"

นายชวรัตน์นั้น เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ ที่ต้องประมูลงานกับหน่วยงานราชการ ย่อมรู้ดีกว่า การจ่ายเงินประเภทแบบนี้ที่ทำกันเป็นนิจศีลของบริษัทรับเหมาต่างๆให้แก่ผู้มีอำนาจและเบี้ยบ้ายรายทางไม่มีทางหาหลักฐานมายืนยันได้

แต่ข้อสงสัยว่า ข้าราชการเงินเดือนน้อยจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อตำแหน่งนั้นตอบง่ายนิดเดียว คือ ผู้ที่ต้องการเก้าอี้ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง แต่มีพ่อค้านักธุรกิจในท้องถิ่นจ่ายหรือลงขันจ่ายให้ล่วงหน้า เพียงแต่ว่า เมื่อได้ตำแหน่งผู้ว่าฯแล้วต้องหาทาง "คืนทุน" ในรูปบบต่างๆ โดยเฉพาะงานประมูลต่างๆ ซึ่งเพียงงานเดียวก็ได้กำไรเหนาะๆ แล้ว

ส่วนเกินยังสามารถแบ่งผลประโยชน์กันในระยะยาวและ "ส่งส่วย" ให้นายได้อีกด้วย

เกม"มาร์ค"

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน




ในที่สุดความพยายามของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีสลายม็อบพันธมิตรฯ 7 ตุลา

ผลออกมาไม่ได้เหนือความคาดหมาย

รู้กันอยู่แล้วว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. จะต้องโดนโทษวินัยร้ายแรง

และรู้กันอยู่แล้วว่านายกฯ อภิสิทธิ์จะเซ็นคำสั่งย้ายพล.ต.อ. พัชรวาทไปสำนักนายกฯ แล้วแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.เป็นรักษาการ

ที่ผิดคาดหมายก็เรื่องพล.ต.อ.พัชรวาทยื่นลาออกจากราชการ ทันทีที่ทราบว่าโดนคำสั่งย้าย

ปัญหาก็เรื่องเดิมๆ

เก้าอี้ผบ.ตร.คนใหม่ที่นายกฯ อภิสิทธิ์กับก.ต.ช.เสียงข้างมากมองต่างกัน

นายอภิสิทธิ์ผลักดัน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ แต่ก.ต.ช.เสียงข้างมากกลับเห็นว่า พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร.เหมาะสมกว่า

ด้วย "สัญญาณพิเศษ" ทำให้เสียงทั้ง 6 แพ็กกันแน่น

ฝ่ายการเมืองจึงต้องใช้วิธีกดดันต่างๆ นานาเพื่อให้ก.ต.ช. เสียงข้างมากสั่นคลอน หรือเสียงแตก

เริ่มต้นที่พล.ต.อ.พัชรวาทเป็นหลัก เพราะเป็นแม่ทัพใหญ่ของก.ต.ช.เสียงข้างมาก

นายกฯ ก็แสดงออกเปิดเผยว่ากดดันพล.ต.อ.พัชรวาทมาตลอด เพราะเชื่อข้อมูลคนใกล้ชิดและแก๊ง 4 สหาย (ขาใหญ่ม็อบ, 2 พล.ต.อ. และ 1 พล.ต.อ.นอกราชการ)

ยัดเยียดข้อหา "ตอ" ก็ไม่เป็นผล

ต้องขุดเรื่องเก่าเงิน 18 ล้านซึ่งสรุปไปแล้วว่าไม่มีความผิด ขึ้น มาเล่นงานอีกรอบ

ขณะที่กรณีป.ป.ช.ซึ่งเคยชี้มูลคดีสลายม็อบไปแล้วว่าพล.ต.อ. พัชรวาทผิดวินัยไม่ร้ายแรง แค่ประมาทเลินเล่อ ก็ชงเรื่องเพิ่มข้อกล่าวหา และสุดท้ายก็ชี้มูลอีกครั้งว่าผิดวินัยร้ายแรง

แล้วนายกฯ ก็เซ็นเด้งทันควัน!?

ใครๆ ก็มองออกว่าเป็นการกำจัดก.ต.ช.เสียงข้างมากออกไป 1 เสียง

เพราะสอดคล้องกับความพยายามเล่นงานก.ต.ช.รายอื่นๆ

เช่นกรณีส.ส.ประชาธิปัตย์งัดเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ขึ้นมาขย่ม นายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย และ นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดมหาดไทย

หรือการขู่จะปรับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พ้นเก้าอี้ รมว. ยุติธรรม เพราะไม่พอใจที่ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระ ทรวงยุติธรรม ซึ่งเคยโหวตให้พล.ต.อ.ปทีปเมื่อครั้งที่แล้ว แสดง ความจำนงจะกลับลำการประชุมก.ต.ช.ครั้งหน้า

เหมือนทำทุกวิถีทางที่จะให้ผลโหวตก.ต.ช.พลิกกลับมาที่พล.ต.อ.ปทีปให้ได้

เมื่อไม่สามารถจูงใจให้คล้อยตามได้ ก็เลือกใช้วิธีเล่นงานแทน

แต่ถึงวันนี้จะมีพล.ต.อ.ธานีมาโหวตหนุนนายกฯ ก.ต.ช.ที่เหลืออีก 5 รายก็ยังผูกกันแน่น แถมมีปลัดกระทรวงยุติธรรมหนุนเพิ่มอีกราย

ถ้าจะเอาให้ได้ตามใจ สงสัยนายกฯ ต้องเปลี่ยนตัว รมว. มหาดไทย

แล้วย้ายหรือปลดปลัดมหาดไทยกับปลัดยุติธรรม

คราวนี้แหละสมดั่งใจแน่

หมาป่ากับลูกแกะ

ที่มา เดลินิวส์

มีลูกมีหลานสั่งไว้เลย อย่าเป็นตำรวจเด็ดขาด ทำตามหน้าที่แท้ ๆ ดัน กลายเป็นฆาตกร เป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรง รางวัลที่ได้รับคือ ปลดออก หรือ ไล่ออก...เท่านั้น

ทีพวกขนระเบิดซีโฟร์ซุกในรถ จอดทิ้งกลางเมือง บึ้มขึ้นมา จะมีคนตายคนเจ็บมากขนาดไหน ดีที่สวรรค์ลงโทษ ทำให้ตายสยองคาซากรถ

คนอย่างนี้ควรถูกประณาม ถูกสาปแช่ง แต่กลับได้รับการยกย่องเป็น “ฮีโร่” ไปเสียอีก

นี่ยังไม่นับแถลงการณ์ตำรวจว่า พบระเบิดปิงปองเป็นเข่ง ใช้รั้วลวดหนามกั้น ราดน้ำมันที่พื้น ขู่ ฆ่ามัน ฆ่ามัน ก่อนบุกยึดสภา ก็ยึด ถนนตามอำเภอใจ ยึดทำเนียบทำนา (ตามด้วยยึดสนามบิน) อีกด้วย

อย่างนี้ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธหรือ ???

หากทำตามหน้าที่แล้ว กลายเป็นคนชั่ว ต่อไปตำรวจก็ควร เกียร์ว่าง เพราะเกียร์ว่างแล้วไม่ผิด ไม่ถูกลงโทษ และจะให้ดี ตำรวจก็ควรปูผ้าขาว กราบม็อบ (มีเส้น) ด้วย

จะได้ไม่ต้องถูกกระทืบซ้ำ !!!

เหมือนคนนี้ ที่กำลังงานเข้า พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. นายตำรวจตงฉินที่กำลังถูกระบายสีให้เป็นสีดำ เพราะทำตามหน้าที่ อำนวยความยุติธรรมแก่บ้านเมือง

ในฐานะผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ดูแลกรมสอบสวนกลางและเป็น ผอ.ศูนย์ปราบปรามลักลอบตัดไม้และสัตว์ป่า

เมื่อมีผู้แจ้งความ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. ในข้อหาสร้างบ้านที่ กาญจนบุรี รุกล้ำแม่น้ำ สร้างน้ำตกในเขตป่าสงวน และมีสัตว์สงวนในครอบครอง

กรมเจ้าท่า กรมอุทยาน กรมป่าไม้ ตรวจสอบว่า มีมูล ก็ต้องไปตรวจ จะให้เพิกเฉยหรือ

หาก พล.ต.ท.สมยศ ไม่ทำ ก็จะเจอข้อหาตาม ม. 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เรื่องก็มีอยู่เท่านั้น

แต่ที่นายตำรวจตงฉินกำลังโดนขบวนการมีเส้นขย้ำ ก็เพราะดันไปซี้กับ เนวิน ชิดชอบ ที่ถูกหา เป็นกลุ่มอำนาจใหม่ ขบวนการนี้เชื่อว่า สั่งฆ่าแกนนำ เลยโดนยำเละไปด้วย

ล่าสุดถูกแต่งตั้งให้ดูแลคดียึดสนามบินของม็อบพันธมิตรอีก จะยิ่งไม่ถูกยำเละเป็นโจ๊กหรือ !?!

เท่าที่รู้มาตำรวจคนนี้ก็ไม่เคยมีประวัติชั่วร้าย ไม่เคยรีดไถใคร จะมีเงิน ก็เพราะเล่นหุ้นในตลาดเปิดเผย

สนิมสนมกับนักการเมืองมากหน้า เพราะเคยเป็นตำรวจติดตาม มนตรี พงษ์พานิช อดีตเลขาฯ พรรคกิจสังคม (ผู้วายชนม์) และความสัมพันธ์นั้นติดตัวมาถึงตอนนี้

จะทำร้าย ทำลายใคร จึงควรให้ความเป็นธรรมด้วย ทุกวันนี้ตำรวจก็เหมือนหมาป่ากับลูกแกะอยู่แล้ว เอ็งไม่ผิด พ่อเอ็งก็ผิด เอาแต่จะเหยียบให้จมดิน วันไหนตำรวจทั้งประเทศทนไม่ได้ขึ้นมา

แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ

สุดท้าย ก็ยินดีกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วันนี้ ท่านชนะแล้ว พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ยกธงขาวลาออกจาก ผบ.ตร.ก่อนเกษียณแล้ว อีกไม่ นานก็จะโดนเชือดซ้ำ ไม่ถูกไล่ออก ก็ปลดออก จากมติ ป.ป.ช.ในคดี 7 ตุลาคม

ป๊อดแพ้มาร์ค ราบคาบแล้ว !!!.

ดาวประกายพรึก

เหลิงอำนาจ

ที่มา ไทยรัฐ

เรื่องราวในแวดวงสีกากี ที่ยังจบกันไม่ลง แสดงถึงการใช้อำนาจเสมือนว่าชอบธรรม แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว เป็นการแทรกแซงและ ทำลายระบบคุณธรรม ของข้าราชการโดยสิ้นเชิง

ช่วงเวลาสุญญากาศ เกือบ 20 วัน ในสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่เฉพาะตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่เท่านั้นแม้แต่ตำแหน่ง รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ก็ถูกจับตาไม่แพ้กัน

เพื่อภารกิจพิเศษอะไรหรือไม่

เพราะเงื่อนปมใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เกี่ยวเนื่อง มาจากวิกฤติการเมือง มีมากมายจนทำให้เกิดความวุ่นวายกว่าทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา บุคลากรในสำนักงานตำรวจแห่งชาติปัจจุบันและที่เกษียณอายุราชการไปแล้วได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า

การตัดสินใจลาออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณตีความได้หลายประเด็น ยอมแพ้หรือพักยก หรือมีความนัยอะไรบางอย่าง รวมทั้งการลาออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท จะสามารถหลุดจากการชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรง ปลดออกหรือไล่ออกได้หรือไม่ หรือแม้กระทั่งจะลาออกก็ไม่ได้

อยู่ที่เจตนาการทำลายล้าง

ความน่าสนใจของตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ออกจะจืดไปซะแล้วไม่ว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จะเต็งจ๋า หรือ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย จะได้รับการสนับหนุนจาก ก.ต.ช.เสียงส่วนใหญ่หรือจะ ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในที่ประชุม ก.ต.ช.อีกกระทอก

ไม่เท่ากับจุดอ่อนทางการเมือง

การรุกไล่ของอีกฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามกับ พล.ต.อ.พัชรวาท พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.รวมทั้งกลุ่มเสื้อน้ำเงินจะหยุดอยู่แค่นี้หรือไม่

หรือตั้งใจจะขุดรากถอนโคน

คำถามอยู่ที่ว่า ฝ่ายนี้จะยอมให้ถูกรุกไล่จนตกกระดานหรือไม่ หรือจะกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อรอโอกาส หรือต่างตอบแทนกันไปให้สมประโยชน์ซึ่งกันและกันในตอนจบ

เป็นไปได้ทั้งนั้น

แต่ที่เห็นและเป็นไป ความย่อยยับของระบบราชการและในแวดวงสีกากี รวมทั้งความล่มสลายของระบบคุณธรรม ใช้ วิชามารกดดันล็อบบี้ ต่อรองกันอย่างหน้าไม่อาย ใครมีบัญชีดำ มีแผลตรงไหนถูกปอกเปลือกเอามาเป็นข้อต่อรองหมด ก็แค่เพื่อเอาชนะในตำแหน่ง ผบ.ตร.เพียงคนเดียว

ใช้วิธีการเผานาล่าหนูทำนองเดียวกับที่ใช้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ความคึกคะนองของรัฐบาลและการเหลิงอำนาจของผู้นำมักจะเป็นบทสรุปสุดท้ายของการมีอำนาจ

จบไม่สวย.

หมัดเหล็ก

มั่่นใจ'จตุรเทพ'คุ้มอยู่

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_32489

สัญญาณท้ารบเริ่มแล้ว

กับปฏิบัติการของไอ้โม่งก่อเหตุปาระเบิดใส่บ้านย่านบางพลัดของนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ที่ได้ขายต่อให้คนอื่นไปตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว


ไม่มีใครบาดเจ็บ แค่โรงรถเสียหาย

เพราะโดยเป้าหมายมันคือการส่งเทียบ "เตือน" ว่า สงครามในฝ่ายถืออำนาจ ศึกล้มโต๊ะกันเองในหมู่ผู้คุมเกมประเทศไทย

จะเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป


ในสถานการณ์ที่โดนรุกไล่จนแทบไม่มีที่ยืน กับชะตากรรมโหดๆของ "บิ๊กป๊อด" พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่ชิงยื่นใบลาออก ไม่ยอมไปนั่งตบยุงที่สำนักนายกฯ ตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

เทคแอกชั่น ปกป้องศักดิ์ศรี

แต่ก็เจอลูกตามบี้ของนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่ยอมอนุมัติใบลา ประกาศให้รู้เลยว่า เป็นผู้กำชะตา "บิ๊กป๊อด" จะปลดออกหรือไล่ออก


ตั้งท่าตอกตะปูปิดฝาโลง ฆ่าสะกดวิญญาณ

ในอาการของพี่ชายอย่าง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม "บิ๊กบราเธอร์" น้องพี่สีเขียวบูรพาพยัคฆ์ ยังกัดฟันกลืนเลือด

ไม่หือไม่อือ ปัดตอบข่าวลือไขก๊อกตามน้องชาย


ขณะเดียวกันก็มีการปล่อยชื่อของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม จ่อรอเสียบตำแหน่งใหญ่แทน

"บูรพาพยัคฆ์" โดนต้อนเข้ามุมอับ


ตั้งรับอิทธิฤทธิ์เด็กดื้อ จนป่วนไม่เป็นขบวน

ล่าสุดก็เป็น พล.ต.อ.สุเทพ ธรรมรักษ์ 1 ใน 5 เสียง ก.ต.ช.ที่หักหน้านายกฯอภิสิทธิ์ โหวตไม่รับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ได้ตัดสินใจลาออกจาก ก.ต.ช.แบบกะทันหัน

แทนการไปพบกับนายกฯอภิสิทธิ์ที่ต่อสายเรียกไปเคลียร์


นั่นก็เท่ากับว่า เกมตัดแต้ม พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.หายไปอีก 1 เสียงเพิ่มโอกาสให้กับ พล.ต.อ.ปทีป เข้าป้ายตามโพยของนายกฯอภิสิทธิ์

แทบจะปิดกล่องได้แล้ว


แต่นั่นไม่มีความหมาย โดยปรากฏการณ์เลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ที่คนรู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าเบื้องหน้าเบื้องหลัง อะไรเป็นอะไร

แม้จะได้ชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตามโพย ประเทศชาติและประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเมื่อเทียบความแตกต่างกับ พล.ต.อ.จุมพล

คนที่ต้องตอบก็คือนายกฯอภิสิทธิ์ ภูมิใจตรงไหน

กับสถานะของ "ผู้นำ" ที่ล็อบบี้ผู้ใต้บังคับบัญชาให้โหวตไปในทางเดียวกับตัวเองไม่ได้ ต้องใช้วิธีเล่นเกม ไล่ตัดแต้มทีละคน


เหมือนเด็กเล่นต่อสู้กัน

ที่สำคัญ หลังจากชนะในเกมแล้ว "อภิสิทธิ์" จะต้องไปเจอกับสงครามอะไร

รู้ทั้งรู้อยู่ว่า ขัดใจใคร แล้วยังกล้า


อีกนัยหนึ่งมันก็น่าเอะใจ "อภิสิทธิ์" ดื้อยังไง ก็ไม่น่ากล้าเขียนบทเล่นเอง


ฟันธงเลือกข้างซะขนาดนี้ เหมือนชัวร์แล้วว่า อนาคตอยู่รอดปลอดภัย

คุ้มที่ต้องเสี่ยงแลก

ที่แน่ๆกับปรากฏการณ์ภาพเชิงซ้อน ที่ว่ากันว่า นักข่าวต้องขยี้ตามอง

สังเกตรูปลักษณ์ของนายกฯอภิสิทธิ์ที่เปลี่ยนไปในพักหลังๆ จากหนุ่มหล่อเหลา ผมดำ ตาคม บางทีก็เห็นเลือนๆ เหมือนเป็นชายชราผมขาววัยเกือบ 90

บางครั้งจากแววตาที่เข้มแป๋ว เดียงสา กลับกลายเป็นแววตาที่นิ่งไร้ความรู้สึก เหี้ยมเหมือนหน่วยฝึกนักฆ่าป่าหวาย


บางครั้งก็เป็นชายร่างเล็ก ปากแหลม หวีผมเป๋สวมแว่นตา บางคราวก็บุคลิกท่าทางเหมือนคนมีหนวด ชอบพูดติดปากประการนั้นประการนี้

ราวกับว่ามี "จตุรเทพ" คุ้มกายอยู่

"อภิสิทธิ์" ถึงกล้าท้าสู้กับ "บูรพาพยัคฆ์".

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

เสื้อแดงไม่พลาดตามทุกที่นายกฯไปลพบุรี

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_32546

ภาพจากทวิตเตอร์กอร์ปศักดิ์

ตำรวจอารักขาเข้ม "อภิสิทธิ์" เดินทางมาประชุมชี้แจง โครงการประกันรายได้ขั้นต่ำเกษตรกร ที่ลพบุรี ท่ามกลางกลุ่มเสื้อแดงดักรอ โห่ตะโกนขับไล่

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (12 ก.ย.) ว่า เมื่อเวลา 8.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาประชุมชี้แจง โครงการประกันรายได้ขั้นต่ำเกษตรกร เทศบาลตำบลท่าวุ้ง สำนักงานจังหวัดลพบุรี โดยมีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากพื้นที่ลพบุรี สระบุรี สิงหบุรี อาสาสมัคร กว่า 1 พันนาย คอยรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงถือป้ายและนำรถขยายเสียงมาตะโกนขับไล่

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีพูดคุยถึงโครงการไทยเข้มแข็ง รัฐประกันรายได้ กำไรแน่นอน กับเกษตรกรบนเวที ก่อนที่จะมีการอัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การเดินทางมาลพบุรีครั้งนี้ มีพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการผบ.ตร. นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในเดินทางมาด้วย

ทนาย ‘ดา ตอร์ปิโด’ จี้ราชทัณฑ์แจงการกักเดี่ยว-เลือกปฏิบัติ

ที่มา ประชาไท

ทนายความของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำหนังสือร้องเรียนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4 ฉบับ ขอให้ชี้แจงเหตุผลกรณีสั่งขังเดี่ยว เปลี่ยนบัตรป้ายชื่อเพิ่มข้อหาความผิด พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า การหารือ-เอกสาร ระหว่างทนายและลูกความอาจรั่วไหล

11 ก.ย.52 นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความของนางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (หมายเลขคดีดำที่ อ.3959/2551) ระบุว่า ได้ทำหนังสือเรียกร้องไปยังนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เรียกร้องให้ยุติการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างไม่เป็นธรรม 4 ฉบับ เนื่องจากได้ข้อมูลการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมภายในเรือนจำหลังจากเข้าเยี่ยมลูกความเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หนังสือทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว ประกอบด้วย 1. สอบถามถึงการลงโทษทางวินัยด้วยการกักเดี่ยวนางสาวดารณี โดยขอให้ชี้แจงถึงการกระทำความผิด เหตุผลของคำสั่ง และกฎหมาย ระเบียบที่รับรองคำสั่งดังกล่าว 2. สอบถามและเรียกร้องให้ยุติ กรณีทีทัณฑสถานได้สั่งเปลี่ยนป้ายชื่อของนางสาวดารณีใหม่ โดยระบุข้อหาที่ถูกดำเนินคดีด้วย
“การเปลี่ยนบัตรดังกล่าวเป็นการประจานนางสาวดารณี ว่ากระทำการล่วงละเมิดสถาบันอันเป็นที่เคารพของชนทั่วไป ทำให้นางสาวดารณีถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากผู้ต้องขังคนอื่นตลอดจนเจ้าหน้าที่ของทัณฑสถานหญิงกลาง การเปลี่ยนป้ายชื่อใหม่ดังกล่าวจึงไม่ต่างจากการหมิ่นประมาทนางสาวดารณี ทั้งการกำหนดเครื่องแบบผู้ต้องขังให้แตกต่างกันตามความหนักเบาแห่งข้อหาที่ผู้ต้องขังแต่ละคนถูกดำเนินคดี ก็เป็นการแบ่งชั้นวรรณะ ไม่ต่างจากเจตนาประสานผู้ต้องขังเช่นกัน”
3. เรียกร้องให้จัดการพบทนายความของผู้ต้องขังให้โปร่งใส โดยจดหมายระบุว่า นายประเวศได้เดินทางเข้าพบนางสาวดารณีซึ่งเป็นลูกความ จากนั้นได้เดินออกมาถ่ายเอกสาร เมื่อเดินกลับไปอีกครั้ง พบเจ้าหน้าที่บางคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ข้อความบางส่วนที่เขาพูดคุยกับนางสาวดารณี ทั้งที่ทนายจำเลยมีสิทธิพบปะพูดคุยกับจำเลยเป็นการส่วนตัว ทั้งนี้ เขายังเรียกร้องให้จัดแสดงสายโทรศัทพ์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างทนายและลูกความให้เด่นชัดว่าไม่มีการต่อสายพ่วงเพื่อดักฟัง
4.เรียกร้องให้จัดเก็บเอกสารเกี่ยวกับคดีให้เป็นความลับ โดยจดหมายระบุว่า โดยที่ศาลอาญาได้สั่งให้พิจารณาคดีนี้เป็นการลับ พยานหลักฐานต่างๆ ในคดีจึงต้องห้ามมิให้เผยแพร่ตามกฎหมาย และเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ทนายได้ส่งสำเนาพยานเอกสาร พร้อมแผ่นซีดี 3 แผ่นให้นางสาวดารณีตรวจสอบความถูกต้อง แต่ด้วยกฎของทัณฑสถานหญิงกลางไม่อนุญาตให้นางสาวดารณีเปิดแผ่นซีดีตรวจข้อมูลดังกล่าว แต่กลับปรากฏเหตุการณ์บางอย่างชวนให้สงสัยว่า อาจมีบุคคลอื่นได้ทราบข้อมูลในแผ่นซีดีดังกล่าว และจนปัจจุบันทางทัณฑสถานหญิงกลางก็ยังไม่ได้ส่งมอบคืนซีดีนั้นแก่ทนาย จึงขอเรียกร้องให้วางระเบียบอย่างชัดเจนให้เอกสารที่ทนายส่งมอบให้ผู้ต้องขังเป็นความลับ และหากหลักฐานใดที่ตามระเบียบเรือนจำ ผู้ต้องขังไม่สามารถตรวจสอบได้ก็ขอให้คืนแก่ทนายในทันที

เสื้อแดงUSAเชิญคนไทยในอเมริกาฟังพงศ์เทพ+แกนนำเพื่อไทยวันนี้

ที่มา Thai E-News


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
12 กันยายน 2552

กลุ่มพลังไทยใน USA และ Red News USA...ขอเชิญท่านที่สนใจพบปะพูดคุยร่วมฟังการปราศรัยของ คุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา คุณวิชิต ปลั่งศรีสกุล และ ส.ส. พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ ในวันเสาร์ที่ 12 กันยายน ตั้งแต่เวลา 4 โมงเย็น ถึง ห้าทุ่มที่ The Community Center, City of Arcadia, 365 Campus Dr, Arcadia, CA 91066-6021 Tel: (626) 574-5113 อาหารเครื่องดื่มฟรี

ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ คุณอวยชัย 818/ 205-6053, คุณประเสริฐ 818/ 235-3258 คุณเบญจ 310/ 706-7023 และ คุณสนั่น 323/ 286-8722

ท่านที่ไม่ได้อยู่ในอเมริกา และไม่สะดวกเข้าร่วมงาน สามารถติดตามฟังการถ่ายทอดสดได้ตามเวลาของเมืองไทยในเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน เวลา 8 โมงเช้า ที่ www.Serichon.com และ www.Norporchorusa.com

การสร้างกองกำลังติดอาวุธไม่ใช่ทางออกของคนเสื้อแดง

ที่มา Thai E-News


ถ้าจัดกองกำลังติดอาวุธเมื่อไร ก็เท่ากับสร้างองค์กรลับของคนถืออาวุธไม่กี่คน (ไม่เกินห้าหมื่นคนอย่างมากที่สุด) เป็นการหันหลังให้มวลชนเป็นล้านๆ เพื่อยกภาระในการ “ปลดแอกเรา” ให้กับคนหยิบมือเดียว

โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
12 กันยายน 2552

แนวทาง “ปฏิวัติ” ที่จะนำไปสู่ประชาธิปไตยแท้ ไม่ใช่การสร้างกองกำลังติดอาวุธ

แต่เป็นการเน้นการจัดตั้งมวลชนคนเสื้อแดงซึ่งมีจำนวนเป็นล้านๆ เพื่อการร่วมกันพัฒนาความคิดผ่านกลุ่มศึกษาทางการเมือง ร่วมกันสู้เพื่อทำลายความชอบธรรมของฝ่ายตรงข้าม ผ่านการกระจายข่าว และความเห็น ร่วมกันประท้วงอำมาตย์ตามท้องถนนเมื่อโอกาสเหมาะ ร่วมกันตั้งหน่ออ่อนของรัฐ และโครงสร้างบริหารของฝ่ายเราในชุมชน และตั้งองค์กรสงเคราะห์ต่างๆ แข่งกับฝ่ายรัฐอำมาตย์

มันหมายถึงการไม่ร่วมมือกับอำมาตย์ มันหมายถึงการนำทหารชั้นผู้น้อยและตำรวจมาเป็นพวก รวมถึงการเข้าไปในสหภาพแรงงาน และกลุ่มนักศึกษาทั่วประเทศ

มันหมายความว่าเราต้องการโค่นระบบปัจจุบันแบบถอนรากถอนโคน และนำระบบใหม่มาใช้ มันหมายถึงการฝึกฝนการคัดค้านรถถังของฝ่ายทหาร วิธียึดรถถัง วิธีสร้างทางกั้นทหารตามถนน โดยให้มวลชนออกมาสกัดกั้นพร้อมๆ กับการคุยกับทหารธรรมดา

จุดสุดยอดคือ การลุกฮือทั่วประเทศในอนาคต เมื่อเราพร้อม อย่างที่ผมได้เคยอธิบายไปแล้ว (อ่านบทความเก่ยวเนื่อง:ทำไมเราต้องปฏิวัติอำนาจอำมาตย์ )

มีเพื่อนคนหนึ่งวาดภาพว่าเราชาวเสื้อแดงล้านๆ คน ต้องเป็นฝูงผึ้งที่รุมต่อยอำมาตย์อย่างไม่หยุดยั้ง เขาใช้ปืนและรถถังกับฝูงผึ้งไม่ได้

ข้อเสียของการสร้างกองกำลังติดอาวุธ อย่างที่เคยทำสมัยพรรคคอมมิวนิสต์มีดังนี้

1. ขบวนการคนเสื้อแดงมีมวลชนหลายล้านคน ซึ่งเป็นประชาชนธรรมดา เป็นลูกจ้าง เป็นนักศึกษา เป็นแม่บ้าน เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย เป็นพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย เป็นเกษตรกร ฯลฯ

เรามีความชอบธรรมเพราะเราเป็นคนส่วนใหญ่ในสังคม ขบวนการคนเสื้อแดงมีลักษณะเด่นตรงที่คนตั้งกลุ่มกันเอง นำกันเอง จากรากหญ้า มันคือขบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง

ถ้าจัดกองกำลังติดอาวุธเมื่อไร ก็เท่ากับสร้างองค์กรลับของคนถืออาวุธไม่กี่คน (ไม่เกินห้าหมื่นคนอย่างมากที่สุด) เป็นการหันหลังให้มวลชนเป็นล้านๆ เพื่อยกภาระในการ “ปลดแอกเรา” ให้กับคนหยิบมือเดียว มวลชนเสื้อแดงส่วนใหญ่จับอาวุธแบบนั้นไม่ได้ และจะไม่มีบทบาท หรือมีบทบาทรองจนหมดความสำคัญไป

2. การปิดลับแปลว่าไม่สามารถสร้างเวทีสมัชชาเปิดของคนเสื้อแดงเพื่อร่วมกันถกเถียงแนวทางการต่อสู้ แนวทางจะถูกกำหนดโดยแกนนำลับ กลุ่มเล็กๆ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและไม่ถูกตรวจสอบโดยคนเสื้อแดง เป็นการสั่งจากบนลงล่าง มันเป็นเผด็จการของคนส่วนน้อย เผด็จการของคนส่วนน้อยสร้างประชาธิปไตยแท้ไม่ได้

3. บทเรียนจากประเทศจีนคือ เมื่อกองทัพพรรคคอมมิวนิสต์เริ่มล้อมเมืองต่างๆ จะไม่มีการปลุกระดมให้พลเมืองลุกขึ้นยึดเมือง แต่จะมีการสั่งให้ทุกคนสงบเงียบอยู่กับที่ และรอฟังคำสั่งจากกองทัพแดง นั้นเป็นแนวที่ตรงข้ามกับการปฏิวัติโดยมวลชนจำนวนมาก ที่เคยมีในรัสเซีย 1917, อิหร่าน 1979, โปแลนด์ 1980 และในเวเนสเวลาปัจจุบัน

การปฏิวัติโดยมวลชนย่อมก่อให้เกิด “สภาคนงาน” และ “สภาชุมชน” ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการนำของประชาชนเอง แต่วิธีที่เน้นกองกำลังติดอาวุธเป็นวิธีทหารที่ไม่มีประชาธิปไตย หรือที่แค่ “เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมบ้าง” แต่พลังและความสร้างสรรค์ไม่ได้มาจากรากหญ้าเอง สภาดังกล่าวที่ผมพูดถึงเกิดขึ้นใน รัสเซีย อิหร่าน โปแลนด์ และเวนเนสเวลา และยังมีกรณี ชิลี 1973 อาเจนทีน่า ตอนประสบวิกฤตเศรษฐกิจ และในโบลิเวียอีกด้วย

4. คนที่เสนอการตั้งกองกำลังติดอาวุธอาจจริงใจ แต่บ่อยครั้งเป็นการพูดเอามันเพื่อดูกล้าหาญเด็ดขาด ในที่สุดมันเบี่ยงเบนประเด็นจากภาระอันยิ่งใหญ่ในการจัดตั้งมวลชนทางการเมือง เพื่อปฏิวัติมวลชน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและจะต้องใช้เวลา

5. กองกำลังติดอาวุธของฝ่ายเรา ไม่มีวันปะทะกับกองกำลังของอำมาตย์อย่างตรงไปตรงมาได้ เขามีอาวุธครบมือที่เหนือกว่าเราเสมอ อันนี้เป็นบทเรียนจาก ไทย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ในกรณีเนปาล สิ่งที่ชี้ขาดในที่สุดคือการลุกฮือในเมือง และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาลไม่ต้องการเปลี่ยนสังคมอย่างถอนรากถอนโคนอีกด้วย เพราะต้องการเอาใจนายทุนใหญ่ ส่วนแนวทางปฏิวัติมวลชนต้องอาศัยพลัง และจำนวนของมวลชนเพื่อให้ทหารชั้นผู้น้อยเปลี่ยนข้าง

6. ถ้าใช้กองกำลังติดอาวุธ เราขยายความคิดทางการเมืองยากขึ้น เพราะเราต้องปิดลับ และที่สำคัญเมื่อเราเดินเข้าไปในชุมชนต่างๆ ชาวบ้านชาวเมืองจะกลัวเราพอๆ กับฝ่ายทหารอำมาตย์ เพราะทั้งสองฝ่ายถือปืน นี่คือบทเรียนจากพรรคคอมมิวนิสต์ไทย และการต่อสู้กับรัฐไทยในสามจังหวัดภาคใต้

7. ถ้าคนที่เสนอแนวทางติดอาวุธ ไม่อธิบายว่าเป้าหมายคืออะไรอย่างชัดเจน ไม่อธิบายว่าประชาธิปไตยแท้คืออะไร ถ้าเขาชนะ อาจเป็นแค่เปลี่ยนหัวชนชั้นปกครองโดยไม่มีการปฏิวัติก็ได้

8. ในประเทศที่เน้นการสร้างกองกำลังปลดแอก และกองกำลังนั้นชนะ เช่น จีน เวียดนาม ลาว เขมร ซิมบาบวี คิวบา ผลคือเผด็จการของพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่ประชาธิปไตยแท้

ขอยืนยันว่าเราต้องเดินแนว “ปฏิวัติมวลชน โค่นอำมาตย์อย่างถอนรากถอนโคน”

1ประเทศ2มาตรฐาน แก้โทษลิ้มจากคุก2ปีเหลือ6เดือน ส่วนดาไม่ต้องปรานีซ้อมเสร็จยัดขังเดี่ยว

ที่มา Thai E-News



ความยุติธรรม-ศาลอุทธรณ์ตัดสินแก้โทษให้สนธิ ลิ้มทองกุล จากจำคุก 2 ปีเหลือเพียง 6 เดือน ระบุ"รุนแรงเกินไป" ส่วนดาตอร์ปิโดศาลตัดสินจำคุก 18 ปี เกินกว่าอัตราโทษสูงสุดที่กำหนดไว้ 15 ปี โดยอ้างว่าทำผิด 3 กระทงเลย"ต้องมีตัวคูณเพิ่มโทษ" ล่าสุดดายังเผชิญชะตามืดถูกใช้นักโทษด้วยกันทำร้ายร่างกาย และแยกขังเดี่ยว

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
11 กันยายน 2552

ศาลอุทธรณ์แก้โทษสนธิลิ้มจากคุก2ปีเหลือ6เดือน ระบุรุนแรงเกินไป

วันนี้ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินคดีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีต รมช.คมนาคม และอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล หมิ่นประมาทใส่ความว่านายภูมิธรรมไม่จงรักภักดีสถาบันกษัตริย์ และส่งเงินให้เวบไซต์มนุษยะโจมตีสถาบัน โดยได้แสดงความปรานีแก้ไขลดโทษให้นายสนธิ จากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปีให้เหลือเพียง 6 เดือน

คำตัดสินระบุว่า

"ทั้งนี้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 5 มีความผิดนั้นชอบแล้ว แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 5 (นายสนธิ)ตามมาตรา 326 ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วย ทั้งที่พิพากษาโทษ ตามมาตรา 328 ฐานหมิ่นผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยสิ่งบันทึกเสียง และภาพ และสื่อสิ่งพิมพ์ไปแล้วนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่า รุนแรงเกินไป ไม่เหมาะสมกับพฤติการณ์ เพราะเมื่อลงโทษจำเลยที่ 5 ตามมาตรา 328 แล้ว ก็ไม่จำต้องพิจารณาโทษ ตาม มาตรา 326 อีก จึงพิพากษาแก้โทษนายสนธิ จำเลยที่ 5 เป็นจำคุก 6 เดือน "


นายสนธิกล่าวในช่วงเย็นกับ ASTV กระบอกเสียงของโจรก่อการร้ายพันธมิตรตอนหนึ่งว่า คดีที่เขาถูกตัดสินให้จำคุกมีทั้งหมด 4 คดี รวมถูกตัดสินจำคุก 8 ปี โดยทั้งหมดเป็นคดีตอนที่ทักษิณมีอำนาจอยู่

"ฉะนั้น ศาลก็ตกเป็นเครื่องมือเขา ก็ต้องสู้ เข้าใจว่าถอยไม่ได้แล้ว..คดีอุทธรณ์ครั้งนี้ลดจาก 2 ปี เป็น 6 เดือน เจตนาไม่รอลงอาญาเพื่อจะบีบผม เอาคุกมาขู่ ก็ต้องตัดสินใจเดินหน้า ถ้าถึงฎีกาจะต้องติดก็ติด นักรบต้องไม่กลัวตาย” นายสนธิ กล่าว

ดาตอร์ปิโดถูกขังเดี่ยว-ใช้นักโทษทำร้ายร่างกาย

ขณะเดียวกันดา ตอร์ปิโด ซึ่งถูกนายสนธิ ลิ้ม กดดันให้มีการดำเนินคดีหมิ่นฯ โดยแม้คดีนี้จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี แต่ศาลตัดสินโดยระบุว่ากระผิด 3 ครั้ง ตัดสินจำคุกกระทงละ 6 ปี รวมเป็น 18 ปี สูงกว่าอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้น ล่าสุดมีรายงานข่าวว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างยิ่ง เมื่อกลายเป็นนักโทษในเรือนจำ

"ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณสมชาย สำนักข่าว dpa เล่าให้ฟังว่า สถานการณ์คุณดาแย่มาก ตอนแรกทางเรือนจำออกข่าวทางบวกว่าคุณดาได้รับเลือกในกลุ่มให้เป็นหัวหน้า หรือเป็นประชาสัมพันธ์ให้เรือนจำ แต่ต่อมาถูกทางเรือนจำปลด มีการให้นักโทษมาทำร้ายร่างกาย ขณะนี้ถูกขังเดี่ยว เมื่อญาติไปเยี่ยมและซื้อชุดนอนไปให้ ก็ถูกเรือนจำยึดไป การสนทนาก็มีการดักฟัง"ผู้ทราบเหตุการณ์เปิดเผย

สมาชิกสมัชชาสังคมก้าวหน้า ซึ่งกำลังรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อให้ปลดปล่อยดารณี เชิงชาญศิลปกุล "ดา ตอร์ปิโด"กล่าวเปิดเผยว่า เท่าที่เขาทราบ ทางเรือนจำใช้วิธีหยาบคาย สกปรก ใช้วิธีการกดดัน นักโทษในเรือนจำ

ขณะนี้สมัชชาฯกำลังจัดทำโครงการจดหมายรักถึงนักสู้ประชาธิปไตย เพื่อให้ทั้งสังคมตื่นตัวว่า ไม่ควรยินยอมให้คนๆหนึ่งที่เป็นผู้คิดเห็นต่างจากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองต้องโดนจำคุกแบบนี้ และไม่ควรปล่อยให้โดดเดี่ยว จึงอยากวิงวอนให้เสียสละเวลาเพียงเล็กน้อยด้วยการหากระดาษเขียนจดหมาย หรือไปรษณียบัตรเขียนมาร่วมโครงการ แสดงพลังของสังคม "เราจะทำอย่างไรให้คนเสื้อแดงทั้งหมดรับรู้รับทราบ และถือเป็นภารกิจอีกอันของคนเสื้อแดง"

ประชาไทรายงานข่าวเรื่อง ทนาย ‘ดา ตอร์ปิโด’ จี้ราชทัณฑ์แจงการกักเดี่ยว-เลือกปฏิบัติ โดยมีเนื้อหาข่าวดังนี้

ทนายความของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำหนังสือร้องเรียนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4 ฉบับ ขอให้ชี้แจงเหตุผลกรณีสั่งขังเดี่ยว เปลี่ยนบัตรป้ายชื่อเพิ่มข้อหาความผิด พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า การหารือ-เอกสาร ระหว่างทนายและลูกความอาจรั่วไหล

11 ก.ย.52 นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความของนางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (หมายเลขคดีดำที่ อ.3959/2551) ระบุว่า ได้ทำหนังสือเรียกร้องไปยังนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เรียกร้องให้ยุติการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างไม่เป็นธรรม 4 ฉบับ เนื่องจากได้ข้อมูลการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมภายในเรือนจำหลังจากเข้าเยี่ยมลูกความเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หนังสือทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว ประกอบด้วย

1. สอบถามถึงการลงโทษทางวินัยด้วยการกักเดี่ยวนางสาวดารณี โดยขอให้ชี้แจงถึงการกระทำความผิด เหตุผลของคำสั่ง และกฎหมาย ระเบียบที่รับรองคำสั่งดังกล่าว

2. สอบถามและเรียกร้องให้ยุติ กรณีทีทัณฑสถานได้สั่งเปลี่ยนป้ายชื่อของนางสาวดารณีใหม่ โดยระบุข้อหาที่ถูกดำเนินคดีด้วย
“การเปลี่ยนบัตรดังกล่าวเป็นการประจานนางสาวดารณี ว่ากระทำการล่วงละเมิดสถาบันอันเป็นที่เคารพของชนทั่วไป ทำให้นางสาวดารณีถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากผู้ต้องขังคนอื่นตลอดจนเจ้าหน้าที่ของทัณฑสถานหญิงกลาง การเปลี่ยนป้ายชื่อใหม่ดังกล่าวจึงไม่ต่างจากการหมิ่นประมาทนางสาวดารณี ทั้งการกำหนดเครื่องแบบผู้ต้องขังให้แตกต่างกันตามความหนักเบาแห่งข้อหาที่ผู้ต้องขังแต่ละคนถูกดำเนินคดี ก็เป็นการแบ่งชั้นวรรณะ ไม่ต่างจากเจตนาประจานผู้ต้องขังเช่นกัน”

3. เรียกร้องให้จัดการพบทนายความของผู้ต้องขังให้โปร่งใส โดยจดหมายระบุว่า นายประเวศได้เดินทางเข้าพบนางสาวดารณีซึ่งเป็นลูกความ จากนั้นได้เดินออกมาถ่ายเอกสาร เมื่อเดินกลับไปอีกครั้ง พบเจ้าหน้าที่บางคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ข้อความบางส่วนที่เขาพูดคุยกับนางสาวดารณี ทั้งที่ทนายจำเลยมีสิทธิพบปะพูดคุยกับจำเลยเป็นการส่วนตัว ทั้งนี้ เขายังเรียกร้องให้จัดแสดงสายโทรศัทพ์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างทนายและลูกความให้เด่นชัดว่าไม่มีการต่อสายพ่วงเพื่อดักฟัง

4.เรียกร้องให้จัดเก็บเอกสารเกี่ยวกับคดีให้เป็นความลับ โดยจดหมายระบุว่า โดยที่ศาลอาญาได้สั่งให้พิจารณาคดีนี้เป็นการลับ พยานหลักฐานต่างๆ ในคดีจึงต้องห้ามมิให้เผยแพร่ตามกฎหมาย และเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ทนายได้ส่งสำเนาพยานเอกสาร พร้อมแผ่นซีดี 3แผ่นให้นางสาวดารณีตรวจสอบความถูกต้อง แต่ด้วยกฎของทัณฑสถานหญิงกลางไม่อนุญาตให้นางสาวดารณีเปิดแผ่นซีดีตรวจข้อมูลดังกล่าว แต่กลับปรากฏเหตุการณ์บางอย่างชวนให้สงสัยว่า อาจมีบุคคลอื่นได้ทราบข้อมูลในแผ่นซีดีดังกล่าว และจนปัจจุบันทางทัณฑสถานหญิงกลางก็ยังไม่ได้ส่งมอบคืนซีดีนั้นแก่ทนาย จึงขอเรียกร้องให้วางระเบียบอย่างชัดเจนให้เอกสารที่ทนายส่งมอบให้ผู้ต้องขังเป็นความลับ และหากหลักฐานใดที่ตามระเบียบเรือนจำ ผู้ต้องขังไม่สามารถตรวจสอบได้ก็ขอให้คืนแก่ทนายในทันที

โครงการเขียนจดหมายถึงดารณี:เราจะไม่ทอดทิ้งกัน



“อิสรภาพก็คือคุก ตราบเท่าที่ยังมีคนอยู่เยี่ยงทาสแม้แต่เพียงคนเดียวในโลก”-อัลแบร์ กามู นักเขียนรางวัลโนเบลชาวฝรั่งเศส


สมัชชาสังคมก้าวหน้าขอเชิญท่านผู้รักประชาธิปไตยร่วมโครงการ “เขียนจดหมายรักถึงนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย”

ที่มาของโครงการ-สมาชิกของสมัชชาสังคมก้าวหน้าได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจคุณดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล (ดา ตอร์ปิโด) นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคนหนึ่ง ที่ถูกข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ณ เรือนจำคลองเปรม จากนั้นเรามองว่า ควรทำกิจกรรมให้กำลังใจคุณดาต่อไป จึงได้ริเริ่มโครงการ “เขียนจดหมายรักถึงนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” ซึ่งมีคำขวัญของโครงการนี้ว่า “เราจะไม่ทอดทิ้งกัน” โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

1. มนุษย์ตามระบอบประชาธิปไตยย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ควรถูกรังแกและถูกคุมขังในระหว่างที่ถูกกล่าวหา เพราะถือว่าบุคคลนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ว่ามีความผิดจริง

2. กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้ถูกนำมาใช้ลงโทษผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง โดยเฉพาะผู้รักประชาธิปไตย ซึ่งต้องมีการทบทวนกฎหมาย ดังนั้นผู้ถูกกุมขังในขณะนี้จึงเป็นเพียงเหยื่อทางการเมือง กรณีคุณดา ตอปิโดได้ถูกพิพากษาจำคุกถึง 18ปีไปเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552

สมัชชาสังคมก้าวหน้าจึงขอเป็นหัวขบวนเปิดโครงการ โดยจะเขียนจดหมายส่งคุณดาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ฉบับอย่างต่อเนื่อง และท่านผู้รักประชาธิปไตยสามารถเขียนจดหมายรักหรือส่งโปสการ์ด ตามเงื่อนไข ดังนี้
1. ห้ามเขียนหรือกล่าวถึงเรื่องการเมืองและห้ามส่งภาพถ่ายจากกล้องถ่ายรูปเนื่องจากเป็นระเบียบของเรือนจำ
2. เขียนด้วยลายมือ เพื่อแสดงมิตรไมตรีระหว่างคนกับคน เพราะคุณดาและผู้ถูกกุมขังอื่นถูกลดฐานะความเป็นมนุษย์ จึงต้องการแสดงออกที่เป็นการคงสถานะความเป็นมนุษย์นี้ไว้
3. ระบุที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ของท่านเพื่อที่เราจะติดต่อกลับไป หากมีจดหมายตอบกลับจากคุณดา
4. สมัชชาสังคมก้าวหน้าขอเปิดจดหมายของท่านก่อนที่จะส่งต่อถึงคุณดา เพื่อถ่ายสำเนาจดหมายของท่านไว้และนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ เช่น ในบล็อกประชาไท และให้คุณดาตอบจดหมายท่านผ่านตู้ป.ณ.ของเรา ซึ่งเราก็จะขอเปิดจม.ก่อนนำส่งต่อ เพื่อสำเนาไว้เช่นเดียวกัน

เนื่องจากเราจะรวบรวมสำเนาจดหมายทั้งหมดไปแสดงนิทรรศการงานศิลปะเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 6 ตุลาคม 2552 ซึ่งจะประชาสัมพันธ์งานนี้อีกครั้งหนึ่ง

กรุณาส่งจดหมายมายัง ตู้ ปณ. 58 ปณศ. (พ) พระโขนง กรุงเทพฯ 10110 (ไม่ต้องระบุชื่อผู้รับ)


ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ไชยวัฒน์ 0851883102 คมลักษณ์ 0834430758 หรืออีเมล์patchanee.k@gmail.com

Friday, September 11, 2009

ป.ป.ช.กับเกมการเมือง?!?

ที่มา บางกอกทูเดย์

ร้อนรนกันไปทั้งหมด สำหรับสายตรงประชาธิปัตย์ ขั้ว“มาร์ค นายแน่มาก” กับกรณีของการสอยยกพวง ทั้งๆ ที่ต้องการมะม่วงเพียงลูกเดียวแน่นอนว่าในเมื่อไม่ได้เป็นเจ้าของสวนตัวจริง แต่เป็นแค่เข้ามาบริหารสวน แล้วดันใช้วิธีการแบบนี้ เจ้าของสวนตัวจริงทั้งหลายก็ย่อมต้องออกมาถามกันให้ลั่นไปหมดว่าเหมาะสมดีแล้วหรือ ถ้ามั่นใจ ถ้าแน่จริง ทำไมไม่กล้าสอยลูกเดียวโดดๆ ไปเลยนี่เล่นสอยยกพวง คนที่ไม่เกี่ยวข้อง คนที่เคยมีผลงานทำเพื่อประเทศชาติมาตั้งแต่หลายคนยังแก้ผ้าวิ่งเล่น หรือยังนุ่งกางเกงขาสั้นอยู่เลยนั้น คิดกันบ้างหรือไม่ฉะนั้น กรณีการที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครอง ที่กระทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549และเป็นคณะบุคคลที่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งด้วยเลยนั้นออกมาชี้มูลความผิดใครต่อใครมั่วไปหมด จนสังคมงุนงงว่านี่น่ะหรือวิธีสมานฉันท์สไตล์ประชาธิปัตย์บรรดาทหารเก่าส่ายหน้าบอกเลยว่า รับไม่ได้ แบบนี้มันเกินไป

บรรดาอดีตข้าราชการตำรวจก็ตบเท้าออกมาตำหนิ ป.ป.ช.บางรายล่อหมัดตรงเลยว่า แบบนี้ ป.ป.ช.ออกมากำหนดกรอบเลยดีหรือไม่ว่า จะให้ตำรวจทำอะไรได้บ้างเพราะพูดแต่ว่าแก๊สน้ำตาทำให้ประชาชนบาดเจ็บ ร่างกายฉีกขาด...แก๊สน้ำตาบ้านไหนกันเนี่ย เล่นเอาทั่วโลกเขาหัวเราะกันกลิ้ง เพราะประเทศไหนๆ สลายม็อบก็ล้วนแล้วแต่ใช้แก๊สน้ำตาทั้งนั้นป.ป.ช.มีความรู้เรื่องนี้กันบ้างหรือเปล่าและที่สำคัญทำไม ป.ป.ช.ไม่พูดถึงเรื่องระเบิดปิงปองที่เจอกันเป็นเข่งๆ บ้างล่ะ เพราะแม้ชื่อเรียกว่าเป็นระเบิดปิงปองแต่อานุภาพนั้นฉีกทำลายร่างกายให้ฉีกขาดหรือเหวอะหวะได้อย่างสบายๆไม่เชื่อ ป.ป.ช.ลองเอาไปตีเล่นเหมือนลูกปิงปองทั่วไปดูก็ได้ จะได้รู้แจ้งประจักษ์จริงว่า ระหว่างแก๊สน้ำตากับระเบิดปิงปอง อะไรแสบกว่ากันรวมทั้งจะได้เขียนกรอบให้ตำรวจทำหน้าที่สลายมวลชนได้อย่างนุ่มนวลไงล่ะแต่ไม่ว่าอย่างไรงานนี้ไม่ใช่แค่เพียง ป.ป.ช.งานเข้าเพียงองค์กรเดียว แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็งานเข้าด้วยเช่นกันไม่เช่นนั้นคงไม่ร้อนตัวให้ โฆษกส่วนตัวของนายกฯ อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ออกมาเจื้อยแจ้วแก้ตัวอุตลุดว่า รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาของ ป.ป.ช.เพราะมีจุดยืนชัดเจนที่ไม่แทรกแซงการทำงานของ ป.ป.ช.รวมไปถึงกรณีมีคำสั่งให้ ผบ.ตร.มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้กลั่นแกล้งเลยซักกะติ๊ด คิดมากกันไปได้บริสุทธิ์ใจเสียยิ่งกว่าผ้าขาวที่คนแย่งกันพับเอาไว้ในโรงจำนำเสียอีกอ้อ แปลว่า ป.ป.ช.ดำเนินการเองว่างั้นเถอะเอ แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นเกมการเมือง เป็นการมุ่งที่จะเล่นงานบิ๊กป๊อดให้อยู่หมัดให้ได้ แล้วมันได้ประโยชน์อะไรกับ ป.ป.ช.กันนะเนี่ยหรือถ้าถามตรงๆ ก็คงต้องถามว่า แล้ว ป.ป.ช.มาเล่นเกมการเมืองกับเขาด้วยทำไมหว่าเพราะที่แน่ๆ ตอนนี้ ป.ป.ช.เจอทั้งระเบิดปิงปอง และเจอทั้งฟ้องศาลเรียบร้อยแล้ว ■

เฉียดคุกไปทุกที

ที่มา บางกอกทูเดย์

เป็นเรื่องที่น่าคิดมากๆ ว่า กำลังมีใครเล่นเกมอะไรอยู่หรือไม่ กับคนชื่อ “สนธิ ลิ้มทองกุล”นายใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯเพราะในเวลานี้ หากมีการตั้งคำถามขึ้นในสภากาแฟว่า ใครที่ นายกฯ มาร์ค เชื่อถือและศรัทธามากที่สุด เป็นต้องได้คำตอบตรงกันว่าสนธิ ลิ้ม...นั่นเองแต่คนที่นายกฯ มาร์คศรัทธามากที่สุด เชื่อมั่นในข้อมูลมากที่สุด กลับกำลังโดนคำพิพากษาให้จำคุกในคดีหมิ่นประมาทถึง 2 คดีซ้อนๆในการทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทั้งลีลาทั้งวิธีการพูด ทั้งการเชื่อมโยงเหตุผลให้มาสอดรับกับเหตุการณ์ ไม่ว่าใครก็ต้องยกนิ้วหัวแม้โป้งให้ว่าสุดยอด...แต่จะมีใครแอบยกนิ้วอื่นให้หรือเปล่า อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะนิ้วคนเรามีตั้ง 5 นิ้ว บางคนอาจถนัดนิ้วโป้งบางคนก็ถนัดนิ้วก้อย แต่บางคนไพล่ไปถนัดนิ้วกลาง!!!อันนี้นานาจิตตัง ว่ากันไม่ได้ก็แม้แต่พิธีกรหญิงคู่ใจก็ยังยกย่องว่า เฮียสนธิเป็นเหมือน “พ่อหมอ” พูดอะไรก็ถูกใจไปหมดแม่นยำจริงๆ โดยเฉพาะความแม่นยำไม่มีพลาดในวัตถุประสงค์ทำเอาคนงี้ติดกันงอมแงมในยุคนั้น พูดอะไรก็เชื่อกันไว้ก่อนจะมีก็แต่คนที่ถูกพูดถึงเท่านั้นแหละ ที่นอกจากจะไม่เชื่อแล้ว ยังดันฟ้องคดีหมิ่นประมาทกับพ่อหมอสนธิเสียอีกซึ่งก็รายการเมือง

ไทยรายสัปดาห์สัญจรที่ใครฟังใครก็เชื่อนี่แหละ ที่ ภูมิธรรม เวชยชัย เอาเนื้อหาไปฟ้องคดี และ ศาลชั้นต้นก็พิพากษาจำคุกเฮียสนธิเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาแน่นอนว่าเฮียสนธิก็ย่อมต้องอุทธรณ์เป็นธรรมดาและแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับให้จำคุกเฮียสนธิแค่ 6 เดือนก็พอแล้วโดยเห็นว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้จำคุก 2 ปีรุนแรงเกินไปแต่จะ 2 ปี หรือ 6 เดือน ที่แน่ๆ ก็คือ ทั้ง 2 ศาลมองตรงกันคือ ไม่รอลงอาญาเหตุผลชัดๆ ก็คือ ศาลเห็นว่าเฮียสนธิเป็นผู้จัดการสื่อมาเป็นเวลานาน ควรที่จะทราบดีว่า คำพูดของเฮียนั้นมีน้ำหนักให้ประชาชนเชื่อถือเป็นอย่างมากอ้าว ไม่งั้นเฮียสนธิจะมีแฟนคลับ มีสาวกขนาดนี้หรือและก็เพราะรายการเมืองไทยรายสัปดาห์อีกเช่นกัน ที่ทำให้ต้องเจออีกคดีหนึ่ง งวดนี้โจทก์คือหม่อมอุ๋ย-ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุลฟ้องหมิ่นประมาทเหมือนกับคดีแรกเป๊ะคดีนี้ล่าสุดศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาออกมาแล้วว่า ให้จำคุกเฮียสนธิเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา...แสดงว่าศาลชั้นต้นมีมุมมองเป็นบรรทัดฐานเดียวกันเป๊ะ ก็เลยเจอเหมือนกันแน่นอน เฮียสนธิก็ย่อมต้องอุทธรณ์ชัวร์ป้าบและสุดท้ายก็ต้องไปจบที่ศาลฎีกาจะว่าไปเฮียสนธิยังโชคดีที่มีโอกาสสู้ถึง 3 ศาลนี่หากเจอกระบวนการศาลเดียวก็คงต้องนอนคุกไปแล้ว ■

ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่13):นักศึกษาประชาชนและมวลชนผู้ขมขื่น รวมกันหยัดยืน..

ที่มา Thai E-News


ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต-นักศึกษาเข้าไปมีบทบาทในช่วงพฤษภาทมิฬ2535ในฐานะกองหน้า หลายคนสละชีพเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย หวังจะได้ผู้นำประเทศจากการเลือกตั้ง แต่นักกิจกรรมที่เหยียบซากศพวีรชนขึ้นมามีชื่อเสียงในวันนี้อาจไม่ใส่และลืมๆไปแล้ว..ว่าวีรชนพลีชีพด้วยอุดมคติแบบใด?!


โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดชุมชนฟ้าเดียวกัน
11 กันยายน 2552

หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกา"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ซึ่งเคยเขียนซีรีส์ยอดฮิต"ลากไส้สื่อเหี้ย"อันลือลั่น กลับมาอีกครั้งด้วยซีรีส์ชุดใหม่ลากไส้แวดวงNGO,นักวิชาการ,นักสิทธิมนุษยชน,นักกิจกรรมสังคม,นักศิลปิน,นักธุรกิจ,ศาล,องค์กรอิสระ และฝ่ายซ้ายเก่า ซึ่งเขาได้ตีแผ่วงการด้วยสำนวนฮาร์ดคอร์ดิบเถื่อนให้เห็นว่า เพราะเหตุใดแวดวงดังกล่าวจึงได้ผิดเพี้ยนเปลี่ยนจุดยืนมาสนับสนุนขบวนการอำมาตย์ได้อย่างน่าพิศวงอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งไทยอีนิวส์ได้รับอนุญาตจากผู้เขียน และกรุณาตรวจทานแก้ไขก่อนการเผยแพร่เป็นตอนๆ




บำเหน็จรางวัลactivist-แกนนำพันธมิตรใช้ทุนแม่ยกบริจาคให้ASTVบินไปทัวร์อียิปต์หลังเหนื่อยยากตรากตรำยึดทำเนียบ ยึดสนามบินโค่นล้มรัฐบาลและนายกฯจากประชาชนเลือกตั้งมาสำเร็จ ในภาพนี้ก็เช่น สุริยะใส กตศิลา สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมศักดิ์ โกศัยสุข พิภพ ธงชัย ศิริชัย ไม้งาม วีระ สมความคิด นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ประสาร มฤคพิทักษ์ บรรจง นะแส สุริยันต์ ทองหนูเอียด ทั้งหมดเป็นอดีตผู้นำนักศึกษา อดีตผู้นำกรรมกร และนักกิจกรรมสังคม (ภาพบน)หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ทัวร์ปิรามิดทะเลทรายในทริปเดียวกัน(ชมภาพชุดทั้งหมด คลิ้ก )

ทีนี้หลังจากว่าพวกรุ่นใหญ่กันไปแล้ว ก็มีคนถามผมมาว่าช่วยเล่าเรื่องดร.เอก-ปริญญา เทวานฤมิตกุล อดีตเลขาธิการ สนนท. ปัจจุบันเป็นท่านรองอธิการบดี ธรรมศาสตร์ให้ฟังหน่อย...เอ จะด่ามุมไหนดีหว่า ของเค๊าออกจะดีนะมึง

#ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

ผมเลยขอถือโอกาสเล่าเกี่ยวกับนักกิจกรรมนักศึกษารุ่นๆนี้ให้ฟังไปพร้อมกันซะเลย ที่มีบทบาทอยู่ในเวลานี้นอกจากดร.ปริญญาแล้วก็ยังมีอีกหลายคน เช่น กรุณา บัวคำศรี คนอ่านข่าวทอระทัด ไอ่ตู่-จตุพร พรหมพันธ์ ไอ่แจ็ค-วัชระ เพชรทอง หมอเปรม-เปรมศักดิ์ เพียยุระ ไอ่ดิษฐ์-ประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ บางกอกโพสต์ เลขาสมาคมนักข่าว ไอ่วัฒน์-ศิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.ปักษ์ใต้ ไอ่ก๊อง-ชนะ ผาสุกสกุล (ตอนนี้เป็นมือตีนของสนธิลิ้ม) แล้วก็อนุสรณ์ ธรรมใจที่เห็นหน้าออกทีวี หรือออกวิทยุเรื่องประวัติศาสตร์บ่อยๆไง

ผมเรียกรวมๆแล้วกันว่า เป็นพวกนักกิจกรรมนักศึกษายุคพฤษภาทมิฬ อายุอานามเวลานี้ก็40ต้นๆไปยัน40กลางๆโดยประมาณ

สนนท.หรือสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยนี่ก็เป็นการรื้อฟื้นบทบาทของนักกิจกรรมนักศึกษา ซึ่งเคยมีบทบาทสูงในยุคคนเดือนตุลาคม พอเข้าป่า และป่าแตกราวปี2525บรรยากาศก็กลับสู่ความเงียบเชียบ มารื้อฟื้นตั้งเป็นสนนท.ก็น่าจะราวปีพ.ศ.2527เพื่อเป็นองค์กรประสานงานของพวกองค์การนักศึกษา หรือสโมสรนักศึกษาในยุคนี้ และยังเหลือดรอดมาทำยากันจนทุกวันนี้

รู้จักสนนท.และผู้นำนักศึกษาที่มีบทบาทมาจนวันนี้


หากผมจำไม่ผิดเลขาธิการใหญ่ของสนนท.คนแรกๆน่าจะเป็นบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ซึ่งภายหลังมาเป็นผู้อำนวยการAMNESTYประเทศไทย(แต่ก็แทบไม่มีบาทบาทห่าอะไรเลยในเนื้องานเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะคดีหมิ่นฯนี่มันวางเฉยได้จนคนในวงการอึ้งกิมกี่)

คนต่อมาน่าจะเป็นหมอภูษิต ประคองสาย จากค่ายมหิดล หลังจบไปเป็นหมอทางภาคอีสาน ต่อมาก็อภิชาต ขำเดช จากค่ายรามคำแหง ต่อมาด้วยหมอฟั้นช์-วิลาสินี หมอกเจริญพงศ์ และเสาวนีย์ จิตต์รื่น 2สาวนี่มาเป็นเลขาธิการสนนท.ยุครัฐบาลน้าชาติ จะมีความผูกพันใกล้ชิดกับพวก3ศักดิ์ ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษฯที่มีไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นประธานที่ปรึกษาบ้านพิษฯ

#หนูนา-กรุณา บัวคำศรี(กลาง)กับหย่อง(ซ้าย) และแม็ค(ขวา)ช่วงอยู่TPBS

กระทั่งยุครสช.ทำรัฐประหาร23กุมภาพันธ์ 2534 นี่มีเลขาธิการชื่อปริญญา เทวานฤมิตกุล จากท่าพระจ้นทร์ ในพ.ศ.นั้นนักกิจกรรมนักศึกษาที่เด่นๆก็มีพวกอนุสรณ์ ธรรมใจ จากจุฬาฯ ตอนหลังที่มาเป็นแบงก์เกอร์ แล้วก็เป็นสปีกเกอร์ทางวิชาการการเมืองอยู่ด้วย และกรุณา บัวคำศรี(แกนนำกบฎITV หลังๆมาเป็นคนอ่านข่าวช่อง3)

#ก๊อง-ชนะ ผาสุกสกุล ตอนไปลุยเคลียร์ทางม้อบพันธมิตรบุกอุดร เมืองหลวงเสื้อแดง

ทางรามคำแหงก็จะเป็นพวกแจ๊ค-วัชระ เพชรทอง(ตอนนี้เป็นส.ส.ประชาธิปัตย์),ตู่-จตุพร พรหมพันธ์(ตอนนี้เป็นแกนนำ3เกลอเสื้อแดง),อุสมาน ลูกหยี(ที่เคยเป็นโฆษกเวทียุคพฤษภาทมิฬ),ศิริวัฒน์ ไกรสินธ์(ตอนนี้เป็นสว.สุราษฎร์)ประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์(ตอนนี้เป็นเลขาสมาคมนักข่าว)

#ตู่-จตุพร พรหมพันธ์ ตอนนี้เป็นแกนนำ3เกลอเสื้อแดง

ทางขอนแก่นก็มีหมอเปรมศักดิ์ เพียยุระ(ได้เป็นส.ส.หลังพฤษภาทมิฬอยู่หลายสมัย)

ทางธรรมศาสตร์มีก๊อง-ชนะ ผาสุกสกุล เป็นนายกอมธ.(ตอนหลังมีบทบาทเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันให้กับสนธิลิ้ม พันธมิตร คือตรงไหนงานยากงานหิน เช่น ยึดNBT พันธมิตรบุกอุดร การบัญชาการพันธมิตรเป็นมือที่สามในเหตุการณ์สงกรานต์เลือดจะมีไอ้ก๊องไปเป็นหัวหมู่ทุกงาน)

#แจ๊ค-วัชระ เพชรทอง

บทบาทนักศึกษาก่อนพฤษภาทมิฬไม่นานนั้น สนนท.จะใกล้ชิดรัฐบาลน้าชาติผ่านทีมที่ปรึกษาบ้านพิษฯ ขณะที่กลุ่มของจารย์เสริฐ หรือประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เข้ามาจัดตั้งนักศึกษารามกลุ่มหนึ่งที่เรียกกันว่ากลุ่มนักศึกษาสภาโจ๊ก เพื่อไล่รัฐบาล แล้วให้โอนอำนาจมาให้สภาโจ๊ก ว่ากันว่าเพื่อส่งมอบอำนาจให้บิ๊กจิ๋ว

#เปรมศักดิ์ เพียยุระ

แต่ผิดคิวตรงที่ว่านักศึกษาคนหนึ่งคือธนาวุฒิ คลิ้งเชื้อ เผาตัวตายหน้ารามฯ แต่รัฐบาลน้าชาติไม่ออก แถมสนนท.ในยุคนั้นไปออกทีวีว่า ธนาวุฒิเป็นคนละกลุ่มกับสนนท. พูดง่ายๆว่าการเผาตัวตายประท้วงของธนาวุฒิไม่ใช่เจตนารมณ์ขององค์กรนักศึกษาโดยชอบ ธนาวุฒิก็ตายฟรีครับ

ปริญญา+หนูนาภาพซ้อนของเสกสรรค์+จีรนันท์ยุคพฤษภาทมิฬ


#ไผ่-นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ วันโดนจับกรณีบุกยึดNBT

ย้อนไปซักเกือบ 20 ปีได้ ตอนนั้นเป็นยุคบิ๊กสุ พวกรสช.ทำรัฐประหาร23กุมภาพันธ์2534 นักศึกษาก็ออกมาต่อต้านกัน ตอนนั้นผมเป็นนักข่าวก็ถือกล้องปัญญาอ่อนตอนที่เมืองไทยมีแรกๆอย่างเท่ห์ ไปเดินด้อมๆมองๆแถวท่าพระจันทร์ แถวหนามหลวงมั่ง หน้าบก.สูงสุดเสือป่า(ติดกับลานพระรูป)ก็เห็นนี่นะปริญญา& กรุณายกป้ายประท้วงรสช.แห่ไปเฮมา มีไอ้ไผ่นิติรัตน์ก็แห่ไปแห่มาด้วยอีกตัว


#เล็ก-สมชาย ปรีชาศิลปกุล

นักข่าวแม่งก็ไม่ค่อยมาทำข่าว มันมัวแต่ไปถ่ายรูปวรัญชัยเผาหุ่นประท้วงอยู่. .

คือด้านหนึ่งก็เป็นการแสดงว่ากิจกรรมนักศึกษาตอนนั้นเงียบโคตรๆหมาแมวไม่สนใจเท่าไหร่ สองก็แสดงว่าบทบาทกิจกรรมนักศึกษาไม่ค่อยมีคุณค่าพอต่อผลสะเทือนทางบ้านเมือง

นักข่าวก็อยากเสนอข่าวแบบมีสีสันหน่อย เช่นไปยุให้ปริญญาได้กับหนูนา หรือกรุณานั่นแหละ มันจะได้มีสีสันแบบเสกสรรค์-จิรนันท์ยุค14ตุลาฯ

เอก-ปริญญา มันก็พูดปาร์คไม่ค่อยเข้าท่าเรื่องของเรื่อง นักข่าวมายืนฟังมันแถลงนี่หลับไปซะครึ่ง คือมันจะออกแนวโมโนโทน เวลาพูดแถลงข่าวหรือไฮปาร์คนะ เสียงมันก็แหลมๆหน่อยแล้วพูดแว๊ดๆๆๆไม่มีจังหวะเว้นวรรค ไม่มีลูกหนักลูกเบาห่าเหวเลย ขนาดไอ้ไผ่-นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์(ตอนที่ยังไม่ลงพุงเป็นหมีควายอย่างตอนนี้) หรือเล็ก-สมชาย ปรีชาศิลปกุล (ตอนนี้เป็นอาจารย์เชียงใหม่) ไปยืนเป็นวอลล์เปเปอร์ให้ไอ่เอก ไอ้สองคนนี้ยังหลับ...คิดดูนะสัดด


ผมไปดูๆก็ได้แต่ปลง แล้วก็ให้กำลังใจอะไรกันไป ซื้อน้ำไปฝากมั่ง ลูกชิ้นมั่ง ผ้าเย็นมั่ง ผมก็ไม่รู้จะเอาประเด็นอะไรไปเขียนข่าวส่งเข้าโรงพิมพ์ แต่นึกถึงหน้าหวานๆตาใสๆของหนูนา รอยยิ้มคิกขุแล้วก็เอาวะ กรูจะบิ๊วให้ ไม่ได้หลีดหน้า1ก็ลงหน้าในหละวะ...

พอผมเดินไปทำเนียบจะไปทำข่าวนี่หนักเลย เฮียวรัญชัยที่เสร็จจากเผาหุ่นประท้วงแถวหน้าก.พ.กรากเข้ามาพาซ้อนท้ายมอไซค์ฮ้างของแกบอกวันนี้มีข่าวโคตร' สีพ(exclusive-ข่าวเดี่ยว)ให้ ไปนั่งกินข้าวคุยกันแล้วจะบอกให้ ผมก็นึกว่าจะมันจะพาไปเลี้ยงโรงแรมหรูๆซะอีก

ที่ไหนได้ไอ้ห่านี่พาไปกินลาบเลือดเหล้าขาวแถวราชวัตรสะงั้น กินเสร็จบอกจ่ายตังค์ให้ด้วย พอดีจะเหลือเงินไว้ลงผู้ว่าฯ...

ผมก็บอกว่าอ่ะจ่ายก็ได้ทั้งหมด70บาท แต่ไหนหละข่าวสีพ? เฮียวรัญชัยบอกก็เรื่องกรูจะลงผู้ว่านี่ไง แล้วมีไอเดียจะแก้รถติด ด้วยการเปิดไปเขียวแม่งโล่งตลอดทุกสี่แยก พอมีแต่ไฟเขียวแล้วแม่งจะติดได้ไงรถหนะ. ...

อ่าว!สัดดดด! มึงจะเอาฮาไปถึงไหนไอ่เชี่ยนี่ก็...

กว่าอารมณ์จะกลับมาเรื่องข่าวกิจกามนักศึกษานี่ก็พอดี ไปนั่งหน้าแป้นพิมพ์ดีด(ตอนนั้นมันมีที่ไหนหละคอมพ์ฯ)ในหัวนี่มีแต่หัวเถิกๆเฮียวรัญชัยลอยมา ต้องไปบิ๊วใหม่อีกหลายวัน

คือเอก-ปริญญานี่มันเป็นคุณหนูหนะ เรียนเซ็นคาร์เบรียลไม่พอ อยู่วงโยธวาทิตด้วย ถือว่าไฮโซของโรงเรียนไฮโซ พอดีมาเรียนธรรมศาสตร์ไปออกค่ายชนบท ก็ตามสูตรว่าเกิดจิตสำนึกอะไรขึ้นมา กลับมามหาลัยก็เริ่มไปเขียนโปสเตอร์ตามหลักสูตรผู้นำนักศึกษาเบื้องต้น(คือใครจะมาเป็นผู้นำนักศึกษานี่มึงต้องเขียนโปสเตอร์ให้เป็น กับโรเนียวใบปลิวเป็น ผ่านอันนี้อย่างอื่นก็หมู..)

บรรยากาศกิจกรรมนักศึกษายุคโรคประจำทศวรรษ


ไอ่เอกก็เหมือนนักกิจกรรมส่วนมากในเวลานั้นคือบ้ากิจกรรมแล้วปฏิเสธระบบการศึกษา ตอนนั้นมันมีงานเขียนทำนองนี้ดังมาก ฝรั่งเขียน รุ่นๆนี้ผู้นำนักศึกษาเรียนไม่จบหลายคน เท่าที่ผมรู้ก็มีอย่างไอ้บ้า-อภิชาต เลขาสนนท.ซักราวๆปี2530ก็ไม่จบ ไอ้เล็ก-สุรสิทธิ์บุปผา นายกสโมสรม.ขอนแก่นก็ไม่จบ หมอเปรมนี่เรียนหมอล่อไปซะ7ปี ต่อมาก็พวกไอ้ตู่ไอ้แจ็ค-รามฯไอ้พวกห่านี่ไม่รู้จบมั๊ย แต่น่าจะมีโปรถึง7-8ปีหากเป็นขั้นต่ำหากจำไม่ผิด

ข่าวว่าไอ่2ตัวนี่ลงราม2รอบ ก็รอบละ8ปี ก็คูณเอาว่ามันกี่ปีถึงจบ

ไม่ใช่เพราะพวกนี้มันหัวขี้เลื่อยนะ แต่เป็น"โรคประจำทศวรรษ"ในตอนนั้นว่า ผู้นำนักศึกษาหรือนักกิจกรรมต้องปฏิเสธระบบการศึกษา

พ่อแม่ทางบ้านเลยบอกมึงก็ปฏิเสธไป แต่หากมึงติดซุปเปอร์ติดโปรอีกปี กรูจะปฏิเสธจ่ายค่าหน่วยกิตกับค่าหอค่าอยู่ค่ากินมึงเหมือนกานน. ..เจอลูกขู่แบบนี้ หลายตัวก็รีบกลับเข้าห้องเรียน เรียนงกๆๆไม่นานก็จบ

ไอ่เอกเลยติดซุปเปอร์เรียนแม่ง5ปี จะบอกมันหัวขี้เลื่อยไม่ได้หรอก เพราะตอนหลังบทมันจะเอาจริง มันก็ไปทำปริญญาโท ปริญญาเอกจบเยอรมัน ซึ่งเรียนยากโคตรๆ ส่วนคนอย่างไอ้บ้า ไอ้เล็กนี่เข้าขั้นอัจฉริยะ คาดว่ามันสองตัวไม่คนใดก็คนหนึ่ง หากไม่มีใครบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าซะก่อนกัน ก็ต้องมีใครคิดโครงการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวสำเร็จแหงๆ เพราะหัวระดับพวกมันนี่ยอดคน

#ประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์

ว่าด้วยเรื่องปฏิเสธระบบการศึกษาอย่างเดียวไม่พอ ไอ้บ้านี่มันบ้างานกรรมกร ร่ำเรียนจบมามันก็ไม่เอาเงินเดือนปริญญาตรีเลย มันขอรับเงินเดือนป.4แล้วไม่ทำงานนั่งโต๊ะผูกไท แต่ขอทำงานแบกหามแล้วก็ขับรถขนส่งขนขี้ขนเยี่ยวสารพัดให้บริษัทที่มันไปทำอยู่ มันบอกจะได้ซึมซับถึงวิถีของชนชั้นกรรมาชีพ. ..เอากับมันดิ!!

ส่วนไอ้เล็กนี่บ้างานชาวนา มันก็ยอมทิ้งเมียที่จบปริญญาโทพยาบาลไปเป็นชาวนาอยู่หลายปี จากขาวจั๊วะกลายเป็นดำปิ๊ด หลังๆมะเร็งผิวหนังแดก เพราะเป็นคนเมืองเป็นคนหนู หนังหน้ากับหนังตีนมันเลยทนแดดไม่ไหว)

(ป.ล.ไอ้บ้า ณ บัดนาวยังทำงานแบบชนชั้นกรรมาชีพอยู่ที่บริษัททำน้ำยาขัดรองเท้าแห่งหนึ่ง

ส่วนไอ้เล็กเลิกเป็นชาวนาเพราะปัญหาสุขภาพ รีเทิร์นมาหาเมียพยาบาลเพื่อรักษาตัว ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว

ทั้งคู่ยังยืนยันว่าพวกมันมีความสุขดีกับสิ่งที่มันได้เลือกทำลงไป และห้ามใครก็ตามที่ไปเสือกชีวิตของพวกมันทั้งคู่

ผมยังคาดว่าไม่ช้าไม่นานไม่ใครก็คนใดคนหนึ่งจะคิดโปรเจ็คต์ติดต่อมนุษย์ต่างดาว หรือการนิพพานหมู่ได้ ..หากมันจะมุ่งมาทางนี้นะ)

ที่ผมเล่ามานี่คือบรรยากาศนักกิจกามนักศึกษาตอนนั้น ซึ่งมันก็จังหวะเหมาะพอดีว่าไอ่เอกติดซุปเปอร์เรียนปี5พอดี แล้วพวกที่เป็นแคนดิเดตเลขาธิการสนนท.หลายตัวก็ดันสอบตกจากองค์การนักศึกษาของสถาบันนั้นๆ ไอ่เอกก็หมดคู่แข่งไป พอมีมั่งก็ทางรามตอนนั้นเข้าใจว่าไอ้วัฒน์- ศิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ คนทางใต้หนะสนิทกับสุธรรม แสงปทุม อดีตผู้นำนักศึกษา6ตุลาฯ พอจะสู้ได้ แต่กำลังหนุนไม่แข็งพอ...

แล้วก็วัฒนธรรมของสนนท. เขาก็แบบว่าจะให้ใครเป็นนี่มันก็เล็งๆกันมาเป็นปีแล้ว ก็เลยนี่แหละไอ่เอกก็เลยได้เป็น เป็นเสร็จมันเรียนจบแล้วต่อโท มันเลยเป็นเลขาสนนท.คนแรกที่เรียนปริญญาโท

ซึ่งก็ไม่ค่อยได้เรียนหรอก เพราะมัวแต่แบกป้ายแข่งกับวรัญชัย แล้วก็แถลงข่าว

ก่อนรสช.ปฏิวัตินี่เป็นยุคที่พวกสนนท.จะซี้กับทีมบ้านพิษฯพวกอาจารย์โต้งไกรศักดิ์ แล้วก็หม่อมสุขุมพันธ์อะไรงี้ ตอนนั้นมีวิลาสินี หมอกเจริญพงศ์ เป็นเลขาสนนท. ปีต่อมาก็เข้าใจว่าเป็นเสาวนีย์ จิตต์รื่น พวกนี้ก็คอยแซวคอยแขวะทหารพวกบิ๊กสุประจำ แต่ไอ่เอกผ่าไปนอกวงไปเล่นด่าน้าชาติ ไปร่วมกับไอ้ก๊องจัดงานมหกรรมโหงบ้านกินเมืองอะไรงี้นะ( มหกรรมโกงบ้านกินเมือง จัดโดย อมธ. ยุคที่มีนายกชื่อ ชนะ ผาสุกสกุล )

#อนุสรณ์ ธรรมใจ

ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พวกรสช.อ้างว่า เห็นมั๊ยขนาดนักศึกษายังด่าน้าชาติว่าเป็นตัวแดก ก็เลยเกิดปฏิวัติขึ้นมาตอน23กุมภา34 ผมก็ได้แต่เฮ้อ!ต้องเหนื่อยแล้วกรู...เล่นกับทหารนี่ดีไม่ดีมีโดนอุ้ม เบาะๆมันก็มาทุบแท่นพิมพ์

ว่าไปแล้วเอกก็มีคุณูปการต่อบ้านเมืองในยุคพฤษภาทมิฬพอสมควรนะ คือไม่ใช่ว่าจู่ๆมันจะเกิดพฤษภาทมิฬเลยนะ ตอนนั้นมันไม่มีนักรบไซเบอร์ทางอินเตอร์เน็ตอย่างเวลานี้ อย่างดีก็ส่งแฟ็กซ์ด่าพวกรัฐประหาร แฟ็กซ์ก็เครื่องละเป็นแสนสองแสน จะส่งทีก็ต้องไปตามโรงแรมหรูๆ ถือใบปลิวด่าทหารไม่ดูตาม้าตาเรือเข้าไปก็โดนมันซิวแค่นั้นเอง

ก็พอได้พวกนักศึกษาอย่างไอ้ตู่ ไอ่อุสมาน ไอ่ไผ่ ไอ้เอก-หนูนาสนนท.พวกนี้แหละ แต่ไอ่เอกมันไม่ค่อยห้าวเป้ง พวกรามฯตอนนั้นก็ขาลุย นอกจากพวกกิจกรรมพรรคก็มีกลุ่มค่ายอาสาอย่างพวกไอ่ดิษฐ์(ตอนนี้มันเป็นเลขาสมาคมนักข่าวเหี้ยแห่งประเทศไทย)พวกนี้ก็ลุยตั้งแต่รสช. ปฏิวัติ ออกมาไฮปาร์คด่าหน้าราม โดนจับไปขังคุกเรียบรู้สึกจะ20กว่าคน เข้าใจว่าน่าจะมีไอ่โจ้ลูกครูอารมณ์ มีชัย วีรสตรีพันมิตรนี่ด้วยอีกตัว...ไอ่เอกมันก็เงอะๆงะๆคือมันไม่ใช่ขาลุย ก็ได้แต่แห่ป้ายผ้า แถลงข่าวอะไรของมันไป

มันออกจะแนวcompromiseเหมือนๆกับอาจารย์ที่มีบทบาทคล้ายๆกับเป็นที่ปรึกษาเลขาสนนท. ตอนนั้น ยังหนุ่มฟ้อหล่อเนี้ยบชื่ออาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพิ่งกลับจากเรียนนอก อาจารย์อภิสิทธิ์ก็ไปประชุมประเชิมกับพวกปริญญา- หนูนานี่บ่อย รวมทั้งวันที่บิ๊กสุรับตำแหน่งเป็นนายกฯด้วย พวกไอ่เอกก็โอ้เอ้วิหารรายอยู่ว่าพวกเราเอาไงดีวะ ทางมาร์คก็บอกว่าได้โทรโข่งตัว พวกเราไปลานโพด่าแม่มันเลย

ก็มีไอ่เอกขึ้นด่าคนแรก คนฟังซัก 20 กว่าคน หลับไปซะครึ่ง(พวกที่มาฟังวันนั้นก็มีสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์มากับพวกเอ็นจีโออีสานคือบำรุง คะโยธา บำรุง บุญปัญญา เดช พุ่มคชา สมภพ บุนนาค)นอกนั้นก็นักข่าว4-5คน พอหนูนาขึ้นพูด เออค่อยน่าฟังน่าดูหน่อย แต่ตอนมาร์คขึ้นปาร์คนี่สาวๆนักศึกษามากันบึ้มเลยมึงเอ๊ย. ..

มันก็ค่อยๆก่อตัวจาก5คนมา20มาเป็นร้อย พอฉลาด วรฉัตร อดข้าวประท้วงก็มากันเป็นพัน พอจำลอง ศรีเมือง อดข้าวก็เป็นหมื่นเป็นแสน ไอ่เอกก็ชวนพวกต่อต้านทั้งจำลอง ฉลาด ครูประทีป หมอสันต์ หมอเหวงตั้งสมาพันธ์ประชาธิปไตยขึ้น มีมติว่าหากจะเคลื่อนไหวอะไรก็ให้เป็นมติ

แต่จำลองก็คือจำลองกรูขอแหกมติอยู่เรื่อย รวมทั้งวันยกพวกออกจากสนามหลวงไปราชดำเนิน17พฤษภา2535 ด้วย สันติอโศกนำหน้า จำลองนำขบวน พวกไอ่เอก หมอสันต์ หมอเหวง ครูประทีป ไอ่ตู่ ไอ่อุสมาน แอ๊ดบาว อริสมันต์ยังอยู่บนเวทีอยู่เลย ไอ่เอกร้องเสียงหลงว่าพวกเราอยู่นี่ ไม่ต้องเคลื่อนขบวนเพราะไม่ใช่มติสมาพันธ์. ..แต่คนเห็นขบวนจำลองเคลื่อนก็เฮละโลเคลื่อนตาม พวกไอ่เอกก็ลมใส่หน้ามืด

คือเรื่องว่าเอกตอนพฤษภาทมิฬ คนนินทาว่ามันหลบมั่งไม่พาลุยมั่ง ก็ว่ามันไม่ได้หรอก..

อย่างผมเขียนไปว่าก็มีสมาพันธ์ปชต.เป็นแกนกลางแล้ว แต่จำลองเสือกเคลื่อนไหวบุ่มบ่ามไม่ฟังเพื่อนเอง ไอ่เอกก็ตะโกนจนเสียงหลงบนเวทีว่าอย่าไปๆอย่าเคลื่อน คนมันเคลื่อนกันไปหมด เป็นผมเป็นไอ่เอกก็เซ็งเป็ดเหมือนกันวะ

#สิริวัฒน์ ไกรสินธุ์

พอต่อมาสมรภูมิราชดำเนินโดนรสช.ตีแตกแล้วยึดไป ก็เป็นคิวของพวกนักกิจกรรมรามฯคือพวกไอ่ตู่ ไอ่วัฒน์ ไอ่อุสมาน ไอ่แจ๊ครับช่วงพาไปรามฯ ไปขึงสถานการณ์อยู่ที่นั่นแทนถนนราชดำเนิน เพราะพวกนั้นมันขาลุย ส่วนไอ่เอกมันไม่ใช่ขาลุย มันออกแนววิชาการ พวกมันก็ไม่มี มือตีนก็ไม่มี พวกที่มันพาไปยกป้าย นับทีไรไม่เคยถึงสิบคนซะที ก็ถือว่ามีพวกรามรับไม้แทนมันไปแล้ว

พวกด่าๆว่าเอกปริญญาใจป๊อด หนี ไม่สู้ ก็ควรเข้าใจบริบทแวดล้อมในเวลานั้นด้วย มันเสมือนแม่ทัพนายกองขุนศึกกระจัดกระจายพรายพลัดแล้ว

มันขึ้นเป็นเลขาสนนท.ก็หยั่งว่าคือมันเป็นอุบัติเหตุหงะ มันไม่ได้ตั้งใจมาเป็น แต่โดนถีบออกมา ลักษณะที่ว่าaccidential heroอ่ะ เพราะคนที่เล็งๆไว้ดันสอบตกพวกนายกฯองค์การอะไรกันหมด ทีนี้พวกกรมการเมืองสนนท.ก็ไม่ไว้ใจที่จะให้ตำแหน่งเลขาตกไปเป็นของเด็กรามอย่างไอ่ตู่ไอ้วัฒน์ เพราะพวกนี้มันout of control

คือยังไงผมก็ให้เครดิตมันอยู่ตามที่ว่ามา

ขนาดเสื้อกั๊กธีรยุทธ์นะ ตอนวันที่ 17 พฤษภา 35 ยังเฮไปถึงหน้ากองสลากแล้วตอนพวกสมาพันธ์ยังอยู่บนเวทีสนามหลวง ผมเจอก็ทักอ้าว!มาด้วยเหรอจารย์ เสื้อกั๊กบอก กรูมาสังเกตกาม..อย่าเอะไป อย่าถ่ายรูปกรูนะ กรูไม่อยากเป็นข่าว

ส่วนว่าไอ่เอกเอย หนูนาเอยทำไมมีท่าทีเห็นอกเห็นใจอภิสิทธิ์กับพันธมิตรมันก็คงเกี่ยวกับกรรมเก่ากรรมใหม่ กรรมเก่าก็คงผูกพันกับอาจารย์อภิสิทธิ์ หรือพวกไอ้ก๊อง ชนะ ผาสุกสกุล มาตั้งแต่20ปีก่อน กรรมใหม่ก็หนูนามันเป็นกบฎITVโดนเหลี่ยมไล่ออกกับพรรคพวก20กว่าคน มันก็แค้นตาแม้น...

บทบาทของเอกปริญญาช่วง3-4ปีที่บ้านเมืองเราเละเป็นขี้นี่ก็อย่างเห็นๆ มันบอกว่ากรุไม่ขอเป็นเสื้อเหลือง และไม่ขอเป็นเสื้อแดง กรูขอเป็นเสื้อขาว ขอเป็นกรรมการห้ามมวย เล่นบทนี้แม่งก็ซวยสิครับ เพราะมึงก็ย่อมมีสิทธิ์โดนตีนจากทั้ง 2 ฝ่าย เพราะมึงไปอยู่ระหว่างเขาควายพอดี...ไอ่พวกเหี้ยเหลืองก็ด่ามันว่าเป็นพวก"กลางกลวง" ไอ้พวกเสื้อแดงก็ด่าว่า"ไอ่พวกดัดจริตตอแหล"

สรุปว่าพฤษภา35ไอ่เอกก็โดนด่าว่าป๊อด มาพ.ศ.นี้ก็โดนด่าว่าสะตอบอแหล...ถ้ากรูเป็นไอ่เอกก็กลุ้มเหมือนกันหละวะ

#สุริยะใส กตศิลา

คือจะชั่วดีถี่ห่างยังไงไอ่เอกก็ยังเข้าท่ากว่าไอ่ใส-สุริยะใส กตศิลา เลขาธิการสนนท.รุ่นน้องของมันอยู่หลายขุมนรกก็แล้วกันแหละ

แต่ที่ผมแปลกใจคือไอ่เอกก็เคยนอกคอกมาก่อนตอนเป็นนักศึกษา ตอนนี้มาเป็นรองอธิการบ่ดีทำไมทำตัวดัดจริตนักวะ ไปรณรงค์โครงการห้ามนักศึกษาสาวๆนุ่งสั้นรัดติ้ว เมิงจะไปยุ่งกับเค๊าทะมาย หอยก็หอยแม่เค๊าให้มา นมก็นมเด็กมัน ไปยุ่งอะไรกับนมกับหอยเด็กมันนักหนา ไปสนว่าในกะลาหัวมันมีอะไรไม่ดีกว่าเหรอวะเอกเอ๊ย. ..เฮียเซ็งเล้กน้อยไปถึงปานกลาง เพราะรัดติ้วไซส์เอสนี่เฮียก็ชอบดู

ดูแล้วจะได้ปลงสังเวชอ่ะน๊า


อย่าพลาดซีรีส์สุดมันส์ในชุดนี้ตอนที่ผ่านมา


-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่1):เอ็นโตดี NGO พวกเขาไม่ได้โง่และไม่ได้บ้าแต่ว่าเพี้ยน..
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่2):ยอยศการเมืองภาคประชาชน นาฏกรรมบนลานกว้าง
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่3):ในนามของการหยุดทำร้ายประเทศไทย พวกเขาออกใบอนุญาตฆ่าผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่4):NGO-เอ็นโตดี ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่5):ผลสำรวจเบื้องหลังคนทำโพลล์
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่6):ใครสั่งโค่นเหลี่ยม?
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่7):Conspiracy theoryชู้รักเลดี้แชตเตอร์ลีย์
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่8):ฉากและบางถ้อยคำสำคัญวันยึดอำนาจ
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่9):Between the lineของระบอบเทวดา
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่10):ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก
ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่11):กลุ่มกษัตริย์นิยมกับประชาธิปไตยแบบไท้ยไทย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่12):มหาลัยใหญ่โตเหวย! มืดจริงหนอสถาบันอันกว้างขวาง
00000000
บทความเกี่ยวเนื่อง:ซีรีส์สุดมันส์รวมฮิตลากไส้สื่อเห้เสร็จแล้ว เชิญโหลดกระจาย

เล่ห์-กลแอนด์มนต์ดำ

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน




ในที่สุด "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" ผบ.ตร. โดน เช็กบิลจนได้หลังจากพยายามต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเป็นบรรทัดฐานในวงการสีกากีอยู่นานสองนาน

เมื่อต้องเลือกทางลาออกหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ

โดยอาศัย"ดาบ"ที่ป.ป.ช.ยื่นให้จากคดีสลายม็อบ 7 ตุลา 51

มติป.ป.ช.ที่ให้ดำเนินคดีอาญาและวินัยพล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ได้เกินความคาดหมาย

เพราะนับจากเกิดเรื่องขัดแย้งระหว่างนายอภิสิทธิ์ กับพล.ต.อ.พัชรวาท ฝ่ายการเมืองพยายามที่จะเล่นงานแต่ยังหา ช่องไม่ได้

จะมีก็แต่คดีสลายม็อบพันธมิตรฯ ที่ยังค้างอยู่ในการพิจารณาของป.ป.ช. เป็นเครื่องมือที่ทรงอานุภาพที่สุด

ป.ป.ช.ก็เร่งพิจารณาอย่างเต็มที่ ไม่สนใจการร้องเรียนของผู้ถูกกล่าวหาเช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ที่ระบุว่า ป.ป.ช.ไม่เคยเรียกไปให้ข้อมูลเลย

หรือเมื่อร้องไปยังคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลที่ใช้ตัดสินคดีนี้ และมีการนัดให้ป.ป.ช. มาให้ข้อมูลในวันที่ 8 กันยายน

ป.ป.ช.ก็ชิงตัดสินก่อนถึงเส้นตายเพียง 1 วัน

แม้จะอ้างว่าสอบสวนอย่างรอบคอบแล้ว รวมทั้งยืนยันว่าไม่มีใบสั่งจากใครทั้งสิ้น

แต่หากจะถูกตั้งข้อสงสัยก็โทษใครไม่ได้ เพราะเวลาและสถานการณ์ต่างๆ มันเหมาะเจาะเกินไป!?

รวมไปถึงลูกพรรคประชาธิปัตย์ พยายามเล่นงานก.ต.ช. ฝ่ายที่ยกมือโหวตสวนนายอภิสิทธิ์ คนอื่นๆ ด้วย

หมากกระดานนี้อ่านไม่ยากว่าเป็นการตัดมือ-ตัดเท้าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับนายอภิสิทธิ์

อย่างน้อยตอนนี้พล.ต.อ.พัชรวาท ก็กลายเป็นอดีตก.ต.ช. ไปแล้ว และคนที่จะเข้ามาแทนคือ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรักษาการผบ.ตร.

ถามว่าทำไมจึงไม่ตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นรักษาการทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์ เคยตั้งเมื่อครั้งส่งพล.ต.อ.พัชรวาท ไปเมืองจีน

คำตอบเดียวก็ต้องโยงไปเรื่องตั้งผบ.ตร.ใหม่ เช่น กัน

พล.ต.อ.วิเชียรถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการแต่งตั้งผบ.ตร.ใหม่ ซึ่งจะไม่มีสิทธิ์ยกมือเลือกผบ.ตร.

ส่วนพล.ต.อ.ธานี จะเกษียณในสิ้นเดือนก.ย.นี้ จึงอยู่ในข่ายยกเว้น

และแน่นอนจะโหวตตามนายอภิสิทธิ์ ชัวร์ๆ

งานนี้นายอภิสิทธิ์เดิมพันหมดหน้าตัก ใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะดันผบ.ตร.ในดวงใจขึ้นมาให้ได้

ทั้งเล่ห์ ทั้งกล งัดออกมาใช้ทั้งหมดแล้ว

หากยังไม่สำเร็จอีก คงต้องพึ่ง "ท่านผู้นำ" ช่วยด้านมนต์ดำเป็นทีเด็ดสุดท้าย

เอ๊ะ...หรือว่าตอนนี้ก็กำลังทำอยู่!?

พท.นำทัพชุมชนบางกะปิ ร้องดีเอสไอทุจริตพอเพียง

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_32343

"อนุดิษฐ์" ส.ส.กทม. พท.นำทัพพาชาวบ้านชุมชนย่านบางกะปิ ร้องทุกข์ต่อดีเอสไอโครงการพอเพียงฯ พร้อมยื่นหลักฐานเพิ่มเติม ชี้การเสนอโครงการไม่มีการทำประชาคมจริง ปชช.ไม่ได้มีส่วนร่วม ...

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณโครงการชุมชนพอเพียงเพื่อยก ระดับชุมชน ( สพช.) และนายอนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมกับตัวแทนชุมชนเขตบางกะปิ 6 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนวัดกลาง ชุมชนเทพทวี ชุมชนหมู่ 8 พัฒนา ชุมชนอยู่สบาย ชุมชนรัชธานี และชุมชนสุขสรรค์ 26 เข้าเอกสารหลักฐานในโครงการชุมชนพอเพียงให้ดีเอสไอหลังเคยเข้าร้องทุกข์ก่อนหน้า โดยมี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอเป็นผู้รับเรื่องไว้

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบพรรคเพื่อไทย ได้ทำการตรวจสอบ ค้นหาหลักฐาน ในการกระทำทุจริตในโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน จากการตรวจสอบในประเด็นต่างๆโดยเริ่มตั้งแต่ข้อมูลการปฏิบัติในส่วนชุมชนข้อมูลขั้นตอนการอนุมัติโครงการ การโอนเงิน ปรากฏด้วยพยานหลักฐาน พยานบุคคล จนเชื่อได้ว่าเกิดการทุจริตขึ้นจริง การมาในครั้งนี้ก็เพื่อให้หลักฐานเพิ่มเติมและแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ มีกลุ่มบุคคลต่างๆประกอบด้วย 1. ผู้ประสานงานหรือตัวแทนนักการเมือง มีพฤติกรรมทำการหลอกประชาชนในชุมชนให้ลงชื่อในเอกสาร เพื่อตกลงซื้อสินค้าตามรายการที่ต้องการนำเสนอ โดยลักษณะเอื้อให้กับเอกชนบางราย

2. ผู้อำนวยการเขตและเจ้าหน้าที่ ในฐานะผู้เซ็นรับรองเอกสารก่อนการเสนออนุมัติ ทั้งที่เอกสาร ไม่ได้ผ่านขั้นตอนการดำเนินการที่ถูกต้อง 3. เจ้าหน้าที่ธนาคาร ในลักษณะร่วมมือกับตัวแทนนักการเมือง พ่อค้าในการยินยอมให้ทำธุรกรรมทางการเงินในทางมิชอบ 4. ผู้จำหน่ายสินค้า ที่มีส่วนในทางทุจริต ขายสินค้าในราคาแพงเกินจริง 5.ผู้อนุมัติโครงการ เป็นเจ้าหน้าที่ใน สพช. ที่ได้อนุมัตโครงการให้กับชุมชน โดยไม่มีการตรวจสอบ 6. ผู้กำหนดนโยบายในระดับรัฐบาล ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน

"จากข้อมูลต่างๆที่เราได้นำมาให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษในเบื้องต้นเราได้ พิสูจน์ว่า โครงการนี้ มีการดำเนินการที่ขัดต่อระเบียบกฎหมาย และมีการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งมีทั้งการเสนอโครงการโดยไม่มีการทำประชาคมจริง ประชาชนก็ไม่ได้มีส่วนร่วม หลอกลวงให้กรรมการชุมชนลงลายมือชื่อ โดยไม่มีการแจ้งให้ประชาชนทราบ อีกทั้งมีการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อโอนเงินเข้าบัญชีชุมชนและถอนเงินออก โดยตัวเงินได้ถอนออกไปก่อนแต่สินค้าก็ยังไม่ได้ถูกส่งมา ซึ่งต่อมาประชาชนได้ขอดูเอกสารแต่ก็ไม่ยอมให้มีการเปิดเผย" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า รายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมีคนของพรรคประชาธิปัตย์รวมอยู่ด้วยและ เป็นระดับที่ใหญ่กว่า ส.ข. แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้มีการตรวจสอบต่อในเรื่องดังกล่าว รวมไปถึงนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยแถลงไว้ที่สภาผู้แทนราษฎรว่า ได้จะตั้งนาย มีชัย วีระไวทยะ เป็นปผู้อำนวยการโครงการนี้ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง รวมไปถึงต้องมีการเอาผิดกับคนในพรรคประชาธิปัตย์ชุดก่อนหน้านี้ด้วยเพราะว่า อาจมีส่วนร่วมในทางทุจริตซึ่งเป็นงบประมาณแผ่นดินกว่า 5 พันกว่าล้านบาท

7ตุลา51เมื่อถูกเป็นผิด และผิดกลับเป็นถูก ย้อนรอยดูความจริง

ที่มา Thai E-News

หมายเหตุไทยอีนิวส์:ต่อไปนี้เป็นรายงานข่าวและบรรยากาศแบบสดๆของไทยอีนิวส์ในช่วงเหตุการณ์พันธมิตรปิดล้อมรัฐสภา และบชน.เมื่อ7ตุลาคม2551 และเปิดฉากก่อความรุนแรง จนตำรวจเข้าควบคุมการชุมนุม
000000000000
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา Nation breaking news สำนักข่าวINN
7 ตุลาคม 2551

ณัฐวุฒินั่งโษกรัฐบาลเต็มตัว เตือนคืนนี้อาจมีลอบวางระเบิดกรุง

สำนักข่าวINNรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้ตนดำรงตำแหน่ง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีผลตั้งแต่คืนนี้ ส่วนทีมโฆษกจะมีการแต่งตั้งอีกครั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า ครั้งนี้ เพื่อให้ตนเข้ามาดูแลสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร เพราะรัฐบาลรู้สึกเป็นกังวลและเสียงใจต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น จนมีผู้ได้มรับบาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมกันนี้เปิดเผยด้วยว่าภายในค่ำคืนนี้อาจจะมีการลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่า หากสามารถผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ สถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวอีกว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผุ้ชุมนุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นเพียงการเปิดทางให้ ส.ส. ส.ว. และ คณะรัฐมนตรี ให้เข้าประชุมสภาได้ โดยไม่ได้เป็นการสลายการชุมนุมตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ

ตำรวจเผยม็อบใช้อาวุธพยายามฆ่า เตรียมระเบิดขวดอีก200ลูก

INNรายงานว่า พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวกรณีกลุ่มผุ้ชุมนุมพันธมิตร ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณแยกพิชัย โดยเบื้องต้นพบว่า ด.ต.ทวีป กลั่นเนียม เจ้าหน้าที่สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ถูกผู้ชุมนุมแทงด้วยด้ามธง บริเวณหน้าอก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และล่าสุดอาการปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอีก 10 นาย ถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่า คงไม่ใช่ที่ผู้ชุมนุมอ้างว่าจะมีการชุมนุมกันอย่างสงบ และปราศจากอาวุธ เนื่องจากมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุจนถึงที่สุด ในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมประกอบระเบิดขวดกว่า 200 ลูก ไว้เตรียมก่อเหตุ รวมถึงราดน้ำมันก๊าซตามพื้นถนนรอบทางออกรัฐสภาทุกทิศทางด้วย แต่เชื่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดการจลาจล

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังกล่าวอีกว่า ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่ได้พยายามเจรจากับแกนนำพันธมิตรตลอดทั้งวันในหลายระดับ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม


พันธมิตรยิงตำรวจเจ็บ2นาย
ข่าวNation breaking newsรายงานว่า หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนต้องถอยร่นกลับเข้ารัฐสภาอีกครั้งนั้น ปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 นาย ที่ถูกกระสุนปืนจากกลุ่มพันธมิตรฯยิงเข้าใส่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกด้านขวา ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฐมพยาบาล และพยายามจะประสานรถพยาบาล เพื่อให้เข้ามารับตัวนายตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ออกไปรักษาต่อไป





เวลา 17.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานรถพยาบาล เพื่อเข้ามารับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ที่ถูกยิงบาดเจ็บ จากการสาดกระสุนใส่ของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่จนถึงขณะนี้ รถพยาบาล ก็ยังไม่สามารถเข้าไปในอาคารรัฐสภาได้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายแรก ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการถูกยิงเข้าบริเวณไหปลาร้าด้านขวา มีการใช้มีดผ่าลูกกระสุนออก ซึ่งล่าสุด อาการปลอดภัยแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายหนึ่ง ที่ถูกยิงบริเวณราวนมด้านขวา ยังอยู่ในอาการอันตราย ซึ่งหน่วยพยาบาล กำลังเร่งปฐมพยาบาล และประสานรถพยาบาล ให้เข้ารับตัว

เนชั่นรายงานเหตุการณ์นี้เพิ่มเติมว่า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เคลียร์พื้นที่ ถ.ราชวิถี จนถึง ถ.อู่ทองใน เพื่อหลักดันผู้ชุมนุมสภาให้ถอยร่นไปที่หน้าอาคารจอดรถสวนสัตว์ดุสิต ขณะที่ บริเวณ ถ.ราชวิถี ทางพันธมิตรฯ ได้ปาระเบิดขวดและยิงปืนใส่ตำรวจเพื่อที่จะยึดพื้นที่กลับมา โดยตำรวจมีเพียงโล่ และกระบอง ป้องกันตัวเท่านั้น ทำให้ตำรวจต้องหนีเข้ามาในรัฐสภา ทั้งนี้รถของ ส.ส. สว. ผู้สื่อข่าว และเจ้าหน้าที่สภา ยังไม่สามารถออกจากสภาได้ทั้งหมด เนื่องจากประตูทางออกมีรถสิบล้อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ต้องทยอยออกทีละคัน ขณะที่ผู้ชุมนุมก็ยิงปืนใส่ตำรวจ พร้อมทั้งขว้างปาสิ่งของและไม้ใส่ ส่วนตำรวจก็พยายามยิงก๊าสน้ำตาสกัด จนกลุ่มผู้ชุมนุมต้องถอยมารวมตัวที่บริเวณประตูปราสาทเทวฤทธิ ถ.ราชวิถี แต่ไม่สามารถสกัดผู้ชุมนุมได้ ส่วนตำรวจบางส่วนที่อยู่บริเวณด้านนอกรัฐสภาได้ถูกปืนยิงไล่ออกมาจาก ถ.ราชวิถี ไปยังแยกการเรือน และต้องหนีเข้ามาในรัฐสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุปะทะดังกล่าว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย โดย 2 รายอาการหนักถูกยิงเข้าที่ราวนมขวา อีกนายถูกยิงที่ไหปลาร้า โดยเพื่อนตำรวจหามผู้บาดเจ็บเข้ามาในรัฐสภาเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น เนื่องจากผู้ชุมนุมได้ปิดล้อมประตูเข้า-ออก รัฐสภา จึงไม่มีหน่วยพยาบาลเข้ามาช่วยเหลือได้ ขณะที่พันธมิตรก็ยังคงใช้ปืน และลูกเหล็กยิงเข้ามาในอาคารรัฐสภา ฝั่งอาคารวุฒิสภา อย่างต่อเนื่อง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำโล่มากำบังให้ตำรวจที่นอนบาดเจ็บ ทั้งนี้ในส่วนของสื่อก็ยังติดอยู่ภายในไม่สามารถออกไปได้ ต้องหาที่หลบกำบัง

นาทีระทึกพันธมิตรขับรถชน รองสวป.สน.เตาปูนกะถึงตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่รพ.วชิระ ได้มีการลำเลียงคนเจ็บ ทั้งทางกลุ่มพันธมิตรและทางตำรวจ โดยตำรวจได้รับบาดเจ็บประมาณเกือบ 10 ราย โดยมีรายที่หนักที่สุด ตำรวจถูกรถกระบะชนขณะที่กำลังถอนกำลังออกมา ทำให้ขาทั้งสองข้างบาดเจ็บ

จ.ส.ต.นฤพล แกล้วกล้า ผบ.หมู่ ป.สน.เตาปูน เปิดเผยถึงนาทีระทึกว่า ขณะที่ ร.ต.ต.เกรียงไกร ถิ่นสามี รองสวป.สน.เตาปูน ซึ่งขณะนั้นได้ประจำจุดบริเวณแยกอู่ทองใน ม.สวนดุสิต ระหว่างที่ร.ต.ต.เกรียงไกร กับทางผู้ใต้บังคับบัญชา ออกมา ปรากฏว่าทางฝ่ายพันธมิตรได้ลุกฮือ และได้ขับรถยนต์ไล่อย่างต่อเนื่อง

จากนั้น ฝ่ายพันธมิตร ได้ขับรถยนต์ โตโยต้า ไทเกอร์ รุ่น 4 ประตู จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ ขับไล่ชน ลักษณะเหมือน คนโยนโบว์ลิ่ง หลังจากไล่ชนแล้วได้ถอยรถมาเหยียบ ร.ต.ต.เกรียงไกรซ้ำอีกที ลักษณะดังกล่าว เหมือนเอากันให้ตาย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมอย่างมาก

วางระเบิดรถหน้าพรรคชาติไทยตาย1
เมื่อเวลา 15.45 ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณหน้าพรรคชาติไทย โดยจุดที่ระเบิดเป็นรถจี๊ปเชโรกี ทะเบียน พต 4755 กทม. ซึ่งรถดังกล่าวเป็นของผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ โดยตัวรถฉีกขาดทั้งหมด และมีผู้หญิงนอนเสียชีวิตคาที่อยู่ข้างรถ ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตุว่าน่าจะมีการนำระเบิดไว้ในรถ และกดจุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรล โดยได้มีหน่วยแพทย์จากวชิรพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุแล้ว แต่ยังไม่สามารถเข้าไปยังบริเวณรถได้ เนื่องจากมีเพลิงลุกไหม้รุนแรงตลอดเวลา และเกรงว่าจะมีระเบิดซ้ำสอง ขณะที่รถกระบะและรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหายหลายคัน

ซึ่งขณะนี้ได้มีเปลวไฟระเบิดทั่วคันรถ โดย มีการระเบิดเป็นระยะ มีรถดับเพลิงของ กทม.2 ค้นเข้าฉีดน้ำดับเพลิงไเรีบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่กำลังเข้าไปเก็บกู้ และดูซากรถ เนื่องจากจุดที่ไหม้ ไฟได้ลุกลามขึ้นบริเวณบริเวณสายไฟฟ้าที่อยุ่ด้านบน ทำให้สายไฟไหม้บางส่วน

ในเวลาต่อมาตำรวจระบุ เหตุระเบิดรถจิ๊ปเชโรกี สีขาว ซึ่งจอดอยู่ด้านหน้าที่ทำการพรรคชาติไทยบริเวณถ.พิชัย เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา และทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย นั้นน่าจะเป็นการก่อเหตุคาร์บอม

"น่าจะเป็นคาร์บอม เพราะความเสียหายทำให้กระโปรงรถเปิดสูง ชิ้นส่วนศพกระจัดกระจาย" พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผู้กำกับ สน.ดุสิต กล่าว

เขา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุเพศของผู้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ สถานที่ตั้งพรรคชาติไทยอยู่ห่างออกไม่กี่ร้อยเมตรจากที่ตั้งรัฐสภา

191ยันระเบิดพธม.ปาใส่ ตร.เป็นของจริง

ตำรวจ 191 ยัน ระเบิดที่กลุ่มพันธมิตรปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นระเบิดจริงก่อนจะยิงปะทะด้วยแก๊สน้ำตา

ก่อนหน้านั้น ได้เกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่อยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าได้ใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดโยนเข้ามาภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลบริเวณข้างกองทัพภาคที่ 1 แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายมีอาการระคายเคืองตา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนได้ใช้แก๊สน้ำตายิงตอบโต้กลับไปอีกจำนวนหลายสิบนัด พร้อมทั้งนำกำลังออกไปผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าด้วยการยิงแก๊สน้ำตาเป็นระยะเกือบ 50 ลูก ทำให้ผู้ชุมนุมวิ่งหนีกระเจิง ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตอบโต้ด้วยการยิงลูกเหล็ก น็อต ลูกหิน และลูกแก้วเข้าใส่ตอบโต้กันนานประมาณ 30 นาที ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้และยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ขณะที่ พ.ต.ท.ภาสกร สถิตยุทธการ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ เปิดเผยว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดจริงที่ผลิตขึ้นจากประเทศจีนแต่โชคดีขณะโยนเข้ามาระเบิดไม่ทำงาน

จนท.สภาแค้นขว้างก้อนหินใส่ม็อบ พันธมิตรจุดไฟเผาสภา
เวลา 16.40 น.หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมตั้งแต่มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต จนมาถึงหน้าอาคารรัฐสภา ฝั่งสามแยกพิชัย ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ในสภารวมถึง ส.ส. และรัฐมนตรีต่างโห่ร้องเป็นระยะๆ ด้วยความดีใจ

ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่สภาส่วนหนึ่ง ได้นำก้อนหินและเศษหินบริเวณสวนหย่อมหน้าอาคารรัฐสภา 2 ขว้างปาใส่ผู้ชุมนุม ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมติรฯ ได้จุดไฟเผาที่บริเวณประตูทางเข้า จึงทำให้เกิดไฟลุกท่วม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามจราจล พร้อมด้วยอาวุธครบมือกว่า 100 นาย มุ่งหน้ามาประชิดประตูเตรียมนำขบวนรถของ รัฐมนตรี ส.ส.และเข้าราชการสภาเคลื่อนออกจากรัฐสภา

และเมื่อเวลา 16.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจล ได้นำสายยางเพื่อนำน้ำไปฉีดดับเพลิงหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้จุดไฟเพื่อเผาประตู จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการระดมกำลังเพื่อที่จะเข้ามาเปิดประตู หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯ นำโซ่และลวดหนาม และรถบรรทุกขนาดใหญ่ มาขวางไว้

เชิญเขียนจดหมายรักถึงนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

ที่มา Thai E-News


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
11 กันยายน 2552

โครงการเขียนจดหมายถึงดารณี:เราจะไม่ทอดทิ้งกัน



“อิสรภาพก็คือคุก ตราบเท่าที่ยังมีคนอยู่เยี่ยงทาสแม้แต่เพียงคนเดียวในโลก”-อัลแบร์ กามู นักเขียนรางวัลโนเบลชาวฝรั่งเศส


สมัชชาสังคมก้าวหน้าขอเชิญท่านผู้รักประชาธิปไตยร่วมโครงการ “เขียนจดหมายรักถึงนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย”

ที่มาของโครงการ-สมาชิกของสมัชชาสังคมก้าวหน้าได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจคุณดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล (ดา ตอร์ปิโด) นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคนหนึ่ง ที่ถูกข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ณ เรือนจำคลองเปรม จากนั้นเรามองว่า ควรทำกิจกรรมให้กำลังใจคุณดาต่อไป จึงได้ริเริ่มโครงการ “เขียนจดหมายรักถึงนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” ซึ่งมีคำขวัญของโครงการนี้ว่า “เราจะไม่ทอดทิ้งกัน” โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

1. มนุษย์ตามระบอบประชาธิปไตยย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ควรถูกรังแกและถูกคุมขังในระหว่างที่ถูกกล่าวหา เพราะถือว่าบุคคลนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ว่ามีความผิดจริง

2. กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้ถูกนำมาใช้ลงโทษผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง โดยเฉพาะผู้รักประชาธิปไตย ซึ่งต้องมีการทบทวนกฎหมาย ดังนั้นผู้ถูกกุมขังในขณะนี้จึงเป็นเพียงเหยื่อทางการเมือง กรณีคุณดา ตอปิโดได้ถูกพิพากษาจำคุกถึง 18ปีไปเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552

สมัชชาสังคมก้าวหน้าจึงขอเป็นหัวขบวนเปิดโครงการ โดยจะเขียนจดหมายส่งคุณดาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ฉบับอย่างต่อเนื่อง และท่านผู้รักประชาธิปไตยสามารถเขียนจดหมายรักหรือส่งโปสการ์ด ตามเงื่อนไข ดังนี้
1. ห้ามเขียนหรือกล่าวถึงเรื่องการเมืองและห้ามส่งภาพถ่ายจากกล้องถ่ายรูปเนื่องจากเป็นระเบียบของเรือนจำ
2. เขียนด้วยลายมือ เพื่อแสดงมิตรไมตรีระหว่างคนกับคน เพราะคุณดาและผู้ถูกกุมขังอื่นถูกลดฐานะความเป็นมนุษย์ จึงต้องการแสดงออกที่เป็นการคงสถานะความเป็นมนุษย์นี้ไว้
3. ระบุที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ของท่านเพื่อที่เราจะติดต่อกลับไป หากมีจดหมายตอบกลับจากคุณดา
4. สมัชชาสังคมก้าวหน้าขอเปิดจดหมายของท่านก่อนที่จะส่งต่อถึงคุณดา เพื่อถ่ายสำเนาจดหมายของท่านไว้และนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ เช่น ในบล็อกประชาไท และให้คุณดาตอบจดหมายท่านผ่านตู้ป.ณ.ของเรา ซึ่งเราก็จะขอเปิดจม.ก่อนนำส่งต่อ เพื่อสำเนาไว้เช่นเดียวกัน

เนื่องจากเราจะรวบรวมสำเนาจดหมายทั้งหมดไปแสดงนิทรรศการงานศิลปะเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 6 ตุลาคม 2552 ซึ่งจะประชาสัมพันธ์งานนี้อีกครั้งหนึ่ง

กรุณาส่งจดหมายมายัง ตู้ ปณ. 58 ปณศ. (พ) พระโขนง กรุงเทพฯ 10110 (ไม่ต้องระบุชื่อผู้รับ)


ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ไชยวัฒน์ 0851883102 คมลักษณ์ 0834430758 หรืออีเมล์patchanee.k@gmail.com

ต่อไปใครจะคบด้วย

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_32260

เล่นกับ "เด็กแสบ" มันก็ต้องแสบให้ทันกัน

โดยลูกจากของ "บิ๊กป๊อด" พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ทิ้งทวนก่อนถูกเด้งพ้นเก้าอี้ เซ็นคำสั่งให้ "เดอะอ๊อด" พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. คุมทีมพนักงานสอบสวนคดีแกนนำม็อบพันธมิตรฯก่อการร้ายยึดสนามบิน


แทน พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวนคนเก่า ที่ขึ้นเวทีประกาศรับรองแกนนำม็อบพันธมิตรฯที่บุกปิดสนามบิน เป็น "ผู้ก่อการดี"

วางระเบิดเวลาลูกใหญ่

เกมนี้ขุดบ่อล่อ ดักคอ วัดใจ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร. จะเซ็นเปลี่ยนแปลงคำสั่งอีกหรือไม่

เพราะนั่นหมายถึง "จำนนด้วยหลักฐาน"


รับสารภาพข้อหาที่วิจารณ์กันให้แซด พล.ต.อ.ธานีขึ้นมารักษาการ ผบ.ตร.ได้ เพราะใกล้ชิดกับขาใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ นายกฯอภิสิทธิ์ทำตามใบสั่ง

ถูกส่งขึ้นมาเคลียร์คดีก่อการร้ายยึดสนามบินโดยเฉพาะ

คำตอบมันจะเฉลยกันตรงนี้


ที่แน่ๆมันเป็นอะไรที่ยากจะคุมเกมป่วนแล้ว จากเดิมพันเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ ยุทธการของ "เด็กดื้อ" เฮี้ยวกับ "ผู้อุปการคุณ"

เด็กแสบเล่นเอาผู้ใหญ่หัวหมุนไปตามๆกัน

ขนาดสิงห์เฒ่าที่ว่านิ่ง "ปู่จิ้น" นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังออกอาการคำรามในลำคอ "สักวันจะบี้คืนมั่ง"

ชักมีอารมณ์กับ "เกมกรรโชก" ของพรรคประชาธิปัตย์ ขุดเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ขึ้นมาไล่ทุบไล่บี้นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
กระทบชิ่งถึงพรรคภูมิใจไทย โยงกับคิวเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ลุยตัดแต้มกันทื่อๆ

แต่ที่แปร่งๆก็คือ อาการของคนในพรรคเดียวกันเอง ในอารมณ์แดกดันแบบแสบๆคันๆ สไตล์ของ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล แกล้งพูดเป็นนัย เหตุที่ก๊วนเด็กแสบของประชาธิปัตย์อาละวาดใส่พรรคร่วมรัฐบาล

"ธรรมดาพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านมานาน ก็เลยลืมไปว่าตอนนี้เป็นรัฐบาล บางทีก็ค้านไปเรื่อย ลืมไปว่าค้านพวกเดียวกันเองเข้าแล้ว"

ฟังเผินๆเหมือนติดตลก

แต่ลึกๆในความหมาย ส่งสัญญาณกระตุกสติทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าขืนยังเล่นบทถนัดตามความเคยชินมากไป

จะกลับไปนั่งเป็นฝ่ายค้านดักดาน

กาวประสานยี่ห้อ "เทพเทือก" ทำท่าจะกลายเป็น "กาว หมดอายุ"


ออกหน้าเคลียร์แทนก๊วนเด็กแสบไม่ทัน โดยบทหนังหน้าไฟ นายสุเทพโดนพรรคร่วมรัฐบาลเรียกไปเฉ่งจนหน้าชาหลายรอบ

และก็เป็นอะไรที่ตั้งใจปล่อยออกมา "ขู่" ล่าสุดกับมุกที่ถูกโยนออกมา โดยไพ่ใบสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์ยังถืออยู่ในมือ

หักดิบสลัดทิ้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ยอมหมอบให้


"อภิสิทธิ์" เดินหน้ารัฐบาลเสียงข้างน้อยในห้วงปิดสมัยประชุมสภา ไม่มีรายการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และไม่มีการเสนอกฎหมายการเงิน

ลากถูลู่ถูกังไปจนถึงต้นปีหน้า

เชื่อว่ายี่ห้อประชาธิปัตย์ทำได้ไม่เขินด้วย

แต่นั่นก็หมายความถึงว่า หลังเลือกตั้งครั้งหน้า และอนาคตการเมืองต่อๆไป พรรคประชาธิปัตย์ก็อย่าหวังจะได้มิตรทางการเมือง

หาเพื่อนคบยาก


ไอ้ครั้นจะหวังพึ่งค่ายการเมืองใหม่ ยี่ห้อของม็อบพันธมิตรฯที่คอเดียวกัน ก็ทับสัมปทานฐานเสียง ต้องห้ำหั่น ตัดแต้มกันเอง

จองที่นั่งฝ่ายค้านดักดานล่วงหน้าได้เลย.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน