ที่มา Thai E-News
ปริศนาธรรมพินัยกรรมหลวงตาบัว-พุทธทาส
เมรุพิธีศพพุทธทาสภิกขุ ซึ่งท่านระบุในพินัยกรรมว่าในเรื่องการจัดการศพให้เป็นไปตามธรรมดาที่สุด
พาดหัวหนังสือพิมพ์ข่าวสดฉบับวันที่ 5 มีนาคม 2554 ระบุนับล้านคนเข้าร่วมพิธีศพหลวงตามหาบัว(ภาพบน) อย่างไรก็ดีหนังสือพิมพ์ในแนวตลาดอีกฉบับคือไทยรัฐพาดหัวว่านับแสนร่วมอาลัย(ภาพล่าง) แต่ไม่ว่าจะแสนหรือล้านคน ก็นับว่าเป็นจำนวนมากมหาศาล
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
เผยแพร่ครั้งแรก 5 มีนาคม 2554
ใน วันที่ 5 มีนาคม 2554 เวลาราว 17.00 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชทานเพลิงศพพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)ณ วัดป่าบ้านตาด โดยโทรทัศน์ช่อง11ถ่ายสดสู่ชาวพุทธทั่วประเทศ สื่อมวลชนรายงานว่ามีชาวพุทธจะเข้าร่วมการพระราชพิธีจำนวนมหาศาล แม้รายงานไม่ตรงกันนัก เช่น หนังสือพิมพ์ข่าวสดพาดหัวว่านับล้านคน ขณะที่ไทยรัฐรายงานว่านับแสนคน
ในประเทศไทยนั้นพระที่นับได้ว่าเป็น อริยสงฆ์ที่เคยมีพิธีศพเป็นที่รู้จักกันมากนอกจากกรณีหลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาดแล้ว ในอดีตก็คือพิธีศพของท่านพุทธทาสภิกขุ
พิธีศพของพระอริยสงฆ์ทั้งสองท่านน่าจะทิ้งปริศนาธรรมบางประเด็นไว้ให้สาธุชนได้พิจารณาโดยแยบคายอยู่บ้างดอกกระมัง..
พินัยกรรมท่านพุทธทาส
สมุด ภาพ “ช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตของพุทธทาสภิกขุ” ซึ่งจัดทำโดย มูลนิธิโกมลคีมทอง มูลนิธิเด็ก และสวนสร้างสรรค์นาคร-บวรรัตน์ จัดพิมพ์ครั้งที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๓๗ เกี่ยวกับการทำพินัยกรรมของพระธรรมโกศาจารย์ พุทธทาสภิกขุ อินทปัญโญ เมื่อวันที่ ๒๘ มี.ค. ๓๖ ณ วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
ในปีเดียวกันก่อนที่ท่านจะมรณภาพในวันที่ ๘ ก.ค. ๓๖ โดยกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการทำพินัยกรรม เพื่อให้เป็นไปตามพระอริยวินัย ดังต่อไปนี้
-ในเรื่องการจัดการศพให้เป็นไปตามธรรมดาที่สุด นอกเหนือจากการกำหนดผู้จัดการศพ (พระครูปลัดศีลวัฒน์ - โพธิ์ จันทสโร)
-ให้ละเว้นการขอพระราชทานโกฐและทำพิธีอย่างอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในพินัยกรรม
-ให้เก็บศพในโลง ปิดมิดชิด ละเว้นการเปิดดู ละเว้นพิธีรดน้ำศพ ละเว้นการฉีดยาศพ ละเว้นพิธีสวดศพ
-และให้เผาศพใน ๓ เดือน หรือถ้าจำเป็นก็ไม่เกิน ๑ ปี โดยจัดการอย่างง่ายที่สุด ไม่จัดงานพิธี
-ให้เผาศพในบริเวณเขาพุทธทอง กระดูกทั้งหมดให้นำไปเก็บไว้ในที่ที่ทำไว้ในศาลาธรรมโฆษณ์แห่งเดียว และเทซีเมนต์ทับ
-กำหนดให้แบ่งเถ้ากระดูกออกเป็น ๓ ส่วน คือ
พุทธบริษัทนำเถ้าอัฐิท่านพุทธทาส1ใน3ส่วนไปโปรยลงที่ต้นน้ำตาปี(ภาพจากสมุดภาพ ช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตของพุทธทาสภิกขุ)
นำไปโปรยที่ช่องอ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนหนึ่ง
นำไปโปรยที่ต้นแม่น้ำตาปี เขาสก อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนหนึ่ง
และนำไปเก็บไว้บนเขาประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนหนึ่ง
พินัยกรรมหลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด
สื่อมวลชนรายงานถึงพินัยกรรมหลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด ดังต่อไปนี้
“พินัยกรรม ฉบับนี้ทำที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ทำเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2543 ข้าพเจ้าพระธรรมวิสุทธิมงคล (พระมหาบัว ญาณสัมปันโน) อายุ 87 ปี พำนักอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ขอทำพินัยกรรมฉบับนี้เพื่อให้ทราบว่า เมื่อข้าพเจ้ามรณภาพแล้ว ให้จัดการทรัพย์สินและทำงานศพข้าพเจ้าดังนี้
- 1.บรรดาทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วในขณะที่ข้าพเจ้ามรณภาพ และบรรดาทรัพย์สินต่าง ๆ ที่จะได้รับบริจาคในงานศพของข้าพเจ้าให้จัดการดังนี้
1.1 ส่วนที่เป็นทองคำให้หลอมเป็นทองคำแท่ง
1.2 ส่วนที่เป็นเงินไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลใดให้นำเข้าซื้อทองคำแท่ง
ให้ นำทองคำแท่งทั้ง ข้อ 1.1 และ 1.2 ไปมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อใช้เป็น เงินทุนสำรองเงินตราของฝ่ายบำบัดธนาคารแห่งประเทศไทย โดยข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่ใช้บุคคลใดหรือคณะบุคคลใดนำไปใช้ในงานอันใด นอกจากใช้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศ
- 2.ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นจัดงานศพและจัดการดูแลทรัพย์สินทั้งปวงที่มีอยู่ใน ขณะมรณภาพและที่จะได้รับบริจาคในงานศพของข้าพเจ้าโดยให้ดำเนินการอย่างเปิด เผยและดำเนินการตามเจตนาของข้าพเจ้าระบุไว้ในข้อ 1.
- 3.ให้คณะกรรมการตามข้อ 2 จำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1.พระอาจารย์ฝัก สันติธรรมโม (มรณภาพแล้ว) 2.พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก 3.พระปัญญา วัตโก 4.พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต 5.องคมนตรี ดร.เชาวน์ ณ ศีลวัน 6.นายศิริ คูสกุล 7.ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม 8.พ.ต.อ.กฤษดา บูรณพานิช 9 พ.ต.ประชัย
- 4.ข้าพเจ้าขอตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้า พินัยกรรมฉบับนี้ทำไว้ 3 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน เก็บไว้ 3 แห่งคือ ฉบับแรกที่วัดป่าบ้านตาด ฉบับที่ 2 เก็บไว้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอุดรธานี ฉบับที่ 3 เก็บไว้ที่ธนาคารกสิกรไทยสาขาอุดรธานี
พินัยกรรมฉบับนี้ทำขึ้นด้วยความสมัครใจของข้าพเจ้าและข้าพเจ้ายังมีสติสัมปชัญญะดีทุกอย่าง จึงชื่อไว้ต่อหน้าพยาน
ลงชื่อ พระมหาบัว ญาณสัมปัญโญ (พระธรรมวิสุทธิมงคล)
คณะ สงฆ์ศิษย์หลวงตามหาบัวหลายพันรูป อัญเชิญหีบศพหลวงตาขึ้นสู่จิตกาธาน โดยวันที่ 5 มี.ค. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะเสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิง(ภาพและคำบรรยาย:ข่าวสด 5 มีนาคม 2554)
ข่าวสดรายงาน ว่า มีผู้ศรัทธา เตรียมผอบทองคำประดับเพชร เพื่อนำมาใส่อัฐิขององค์หลวงตา แต่พระวัดป่าบ้านตาดชี้แจงว่าไม่ใช่ความประสงค์ของหลวงตาบัว
และ นำอัฐิธาตุหลวงตาแจกจ่ายให้วัดสาขา ที่มีอยู่ประมาณ 130 แห่ง นำไปบูชา นอกจากนี้จะเก็บไว้วัดป่าบ้านตาดจำนวนหนึ่ง เพื่อบรรจุในเจดีย์ที่ทางวัดเตรียมจัดทำขึ้น โดยเจดีย์นี้จะสร้างครอบเมรุเผาศพหลวงตามหาบัว เพื่อเป็นที่ระลึก และให้พระสงฆ์ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนกราบไหว้สืบไป"
ใน วันที่ 5 มี.ค.2554 เวลา 15.00 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าอากาศยาน กองบัญชาการกองทัพอากาศ เวลา 15.30 น. ประทับเครื่องบินพระที่นั่งไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 อ.เมือง จ.อุดรธานี เวลา 16.30 น. ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังวัดเกษรศีลคุณ เวลา 17.00 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ณ เมรุชั่วคราววัดเกษรศีลคุณ บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ
**********
กลอนของ ส.ศิวรักษ์ เขียนเมื่อตอนพระพี่นางฯ สิ้นพระชนม์ ปี 2551
เจ้าฟ้ากรมหลวงล่วงแดนดิน
สู่ถิ่นที่มนุษย์มักสงสัย
เป็นที่ที่คนเป็นๆไม่อยากไป
หากทำบุญส่งให้ได้ย่อมเป็นของดีฯ
อย่าทำอะไรในทางสุรุ่ยสุร่าย
ควรใช้จ่ายให้พอควรแก่ศักดิ์ศรี
ดังเมื่อพระปิตุลาสิ้นชีวี
เกิดอนุสาวรีย์ที่เป็นโรงพยาบาลฯ
ศิริราชอวยประโยชน์โสตถิผล
แก่ผู้คนมากมายมหาศาล
จะมีอะไรไหมในทางที่เป็นทาน
ยิ่งกว่าสถานที่ดังที่แล้วๆมา ฯ
สร้างเมรุราคาสามร้อยล้าน
ย่อมเป็นการผลาญเงินอย่างไร้ค่า
ราษฎรถูกเบียดเบียนและบีฑา
หากปราศจากการเยียวยาแต่อย่างใดฯ
ถ้ากระจายพระราชทรัพย์มาจับจ่าย
เพื่อให้คนทั้งหลายมีหน้าใส
สันติสุขจะเกิดขึ้นโดยทั่วไป
นี่จะถูกพระทัยเจ้าฟ้าอย่างแท้จริงฯ
XXXร่ำรวยอันดับห้า
ปวงประชายากจนเป็นอย่างยิ่ง
ควรฟังคำบัณฑิตที่ท้วงติง
อย่ายกย่องในสิ่งที่เกินเลยไปฯ
คำสรรเสริญเยินยอที่ไม่พอดีๆ
น่าที่จะเป็นเรื่องที่เลวกว่าความล้าสมัย
ใช้สื่อสะกดคนทุกหนทุกแห่งไซร้
รู้หรือไม่เขาเอือมระอาไปตามๆฯ
การไว้ทุกข์ควรอยู่ในขอบเขต
อย่าเกณฑ์คนทั้งประเทศเขตแดนสยาม
ผู้คนเดือดร้อนกันทุกเขตคาม
จากสีครามมาเป็นเหลืองแล้วก็สีดำฯ
คนข้างบนควรหัดฟังคนข้างล่าง
รู้จักวางท่าทีอย่างสม่ำเสมอ
รักษาสถาบันเบื้องสูงไว้ในทางธรรม
อย่าไปทำในสิ่งที่เสียหายอย่างร้ายแรงฯ
หากรู้จักรับฟังถ้อยคำที่ร่ำว่า
จะเป็นมหากุศลอย่างเข้มแข็ง
อุทิศถวายเจ้าฟ้าด้วยการสำแดง
ให้จะแจ้งอย่างประจักษ์กับสายตาฯ
ถ้าทำอะไรให้ได้เป็นรูปธรรม
พระองค์ท่านจะทรงพระโสมนัสสา
ทั้งจะทรงอวยชัยชาวประชา
รวมถึงพระราชาให้สุขสวัสดีฯ
สุลักษณ์ ศิวรักษ์
ถวายสักการะ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์