WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, November 10, 2010

ระวังฟองสบู่

ที่มา ข่าวสด

เหล็กใน




สถานการณ์บ้านเรายามนี้ทุกความสนใจมุ่งเป้าไปยังการแก้ปัญหาน้ำท่วม และการเลือกตั้งซ่อมที่กำลังจะมาถึง

แต่อีกปัญหาหนึ่งที่กำลังซ่อนอยู่ในเงามืดและกำลังคืบคลานเข้ามาในเมือง ไทยอย่างช้าๆ ในรูปของข่าวดี แต่แฝงกลิ่นอายความอันตรายอยู่ในที เหมือนจะถูกละเลยไป

นั่นคือปัญหาค่าเงินบาทแข็ง และการไหลเข้าของเงินดอลลาร์ที่มามาก และมาเร็วอย่างยิ่ง

นับจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25 พร้อมอัดฉีดเงินเข้าระบบอีก 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

เงินมหาศาลโยกมาลงในตลาดเอเชีย รวมทั้งไทยเราด้วย

เงินบาทน่าจะยิ่งแข็งค่าขึ้น ตอนนี้จะทรงอยู่ราว 29 บาทกลางๆ

ขณะที่ตลาดหุ้นก็พุ่งพรวดๆ ราวกับกระทิงติดปีก

เช่นเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์

แม้ผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น-ตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะออกมายืนยันว่าไม่ใช่ภาวะฟองสบู่แต่เพราะตลาดหุ้นไทยเติบโตด้วยผลกำไร

ส่วนตลาดอสังหาฯ ก็ได้อานิสงส์จากมาตรการลดหย่อนต่างๆ ของภาครัฐ ทำให้ที่ผ่านมามีการซื้อขายกันจำนวนมาก และตลาดยังมีความต้องการอยู่

มองมุมหนึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น

แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดทุนและตลาด อสังหาริมทรัพย์ มาในช่วงเดียวกับที่ต่างชาติขนเงินเข้ามาในเมืองไทย

แม้โดยปัจจัยต่างๆ จะไม่เหมือนสมัยวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่ก็น่าห่วง

เพราะราคาหุ้น และราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมูลค่าขึ้นเร็วเกินไป

ยังไม่นับโครงการคอนโดฯ ใหม่ๆ ที่จ่อคิวเปิดกันอุตลุด จนมองว่าตอนนี้คอนโดฯ ระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดน่าจะล้นความต้องการแล้ว

ธนาคารแห่งประเทศ ไทยยังต้องประกาศเตือน และออกมาตรการเบรกความร้อนแรงของอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการเพิ่มเงินดาวน์ หรือเงื่อนไขการกู้เงินที่ยากขึ้น

สำหรับตลาดหุ้นแม้ผู้เกี่ยวข้องจะอ้างว่าเพราะมูลค่าของหุ้นไทยยังต่ำมาก เมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่การเทเงินเข้ามาจำนวนมากของต่างชาติดันให้ราคาและดัชนีหุ้นทะยานอย่างน่า กลัว

เพราะจากกลางปีที่ผ่านมาที่ตลาดหุ้นเริ่มดีดขึ้นจาก 800 กว่าๆ แค่เดือนพ.ย.ก็เกินพันจุดไปแล้ว

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าเมื่อเงินมาได้ ก็ไหลออกได้เช่นกัน

ในอดีตวิกฤตการเงินหลายๆ ครั้งที่เกิดขึ้นล้วนมาจากปัจจัยพื้นฐานเดียวกัน

คือการเข้ามาของเงินทุนต่างชาติที่เร็วเกินไป และคนไทยก็ระเริงกับมันจนก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่

และเมื่อต่างชาติถอนเงินทุนออกไปในอัตราความเร็วพอๆ กัน

ฟองสบู่ก็แตกดังโพละ