WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, October 22, 2012

เลือกตั้งสหรัฐอเมริกา 2012: เดโมแครตจับกลุ่มเป้าหมายคนหนุ่มสาว

ที่มา ประชาไท



สำนักข่าว The Independent ตั้งข้อสังเกต พรรคเดโมแครตซึ่งให้บิล คลินตัน ไปช่วยหาเสียงในงานประชุมของกลุ
่มเยาวชน กำลังเจาะกลุ่มเป้าหมายหนุ่มสาว พร้อมสาเหตุว่าทำไมคนกลุ่มนี้ถึงมีผลต่อคะแนนเสียง
21 ต.ค. 2012 - สำนักข่าว The Independent นำเสนอรายงานโดยผู้เขียน Guy Adams ที่บอกว่าพรรคเดโมแครตกำลังจับกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 30 โดยเชื่อว่าผู้ลงคะแนนวัยหนุ่มสาวเป็นกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะ
รายงานของ Guy Adams กล่าวถึงการที่บิล คลินตัน ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเดโมแครต ขึ้นเวทีที่เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย ในคืนวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการเปิดเวทีถาม-ตอบ เป็นเวลา 45 นาที ทั้งในเรื่องนโยบายการศึกษา, ความเป็นธรรมในสังคม และเรื่องน่าสงสัยเกี่ยวกับประเด็นสิทธิสตรีของมิตต์ รอมนีย์
Guy กล่าวในรายงานว่า บิล คลินตัน เป็นอดีตปธน. ที่มีชื่อเสียงของเดโมแครตและเป็นคนสำคัญที่มีส่วนในการหาเสียงให้พรรค เป็นเรื่องแปลกที่พวกเขาให้คลินตันไปหาเสียงในรัฐเพนซิลวาเนียซึ่งไม่ใช่สนามชิงชัยหลักๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งใด เขาตั้งคำถามว่าเหตุใดถึงให้ดาวเด่นอย่างคลินตันไปหาเสียงในพื้นที่ที่ดูไม่มีความสำคัญ
แต่ Guy ก็ให้คำตอบในรายงานว่า คลินตัน ได้ไปหาเสียงในการประชุมประจำปีของเยาวชน วันยังเวิร์ลซัมมิท ซึ่งเปรียบเสมือนการประชุมการประชุมสุดยอดผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกสำหรับกลุ่มเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี และเยาวชนกลุ่มที่เข้าฟังนี้เองเป็นกลุ่มประชากรสำคัญต่อคะแนนเสียงเลือกตั้ง
รายงานกล่าวว่า หนุ่มสาวชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดขะตาการเลือกตั้งในปี 2008 พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เล่นทวิตเตอร์และเข้าดูเว็บยูทูบ จนทำให้โอบาม่าสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งได้ จอห์น ซอกบี้ ผู้ทำโพลล์สำรวจเปิดเผยว่ากลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี ลงคะแนนเสียงเป็นอัตราส่วนร้อยละ 19 เที่ยบกับกลุ่มอื่น จากเดิมเมื่อสมัยปี 2004 มีอยู่ร้อยละ 17 จำนวนผู้มาลงคะแนนใช้สิทธิของคนกลุ่มนี้มีอยู่ร้อยละ 52 ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการอนุญาตให้เยาวชนอายุ 18 ปัลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ในปี 1972
รายงานกล่าวต่ออีกว่า ในขณะที่ชาวอเมริกันที่อายุมากกว่ามีการแบ่งส่วนให้กับผู้ลงสมัครเท่ากันทั้งสองพรรค กลุ่มผู้ลงคะแนนคนหนุ่มสาวหลายล้านคนลงคะแนนให้โอบาม่า เป็นอัตราส่วนสองต่อหนึ่ง
แต่รายงานของ The Independent ก็เตือนว่ากลุ่มคนหนุ่มสาวยุคนี้มองโลกในแง่ดีน้อยลง ผลมาจากการว่างงานของกลุ่มคน อายุต่ำกว่า 25 มีอยู่ร้อยละ 13 ประชาชนมากกว่า 4 ล้านคนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ต้องออกจากงาน หลายคนมีหนี้สินท่วมตัว นักศึกษาจบใหม่เป็นหนี้ค่าเล่าเรียนกว่า 27,000 ดอลลาร์ (ราง 831,000 บาท) ซึ่งโอบาม่าช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี เหล่านี้ซอกบี้เรียกว่า "เซนกาส์" คือกลุ่มคนที่จบจากวิทยาลัยมาและยังไม่มีหลักแหล่งของตน
"กลุ่มเด็กพวกนี้รู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้น และเป็นเสรีนิยมมากขึ้น จนถึงขั้นว่าพวกเขาไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้" ซอกบี้กล่าว "โอบาม่ายังคงมีคะแนนเสียงจากคนผิวดำ ยังมีคะแนนเสียงจากชาวฮิสปานิค และจากกลุ่มคนทำงานสร้างสรรค์ แต่กลุ่มคนหนุ่มสาวผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งยังคงลังเลอยู่"
อย่างไรก็ตามแม้กลุ่มคนหนุ่มสาวบางส่วนอาจทิ้งโอบาม่า แต่พวกเขาก็ยังไม่ย้ายข้างไปหาค่ายรอมนีย์
ซอกบี้กล่าวว่า กลุ่มเสรีนิยมในหมู่หนุ่มสาวอาจไม่เลือกโอบาม่า แต่พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจกับการที่พรรคริพับลิกันแทรกแซงความเป็นส่วนตัวในประเด็นทางสังคม ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ต้องการลงคะแนนเสียงให้ใคร การที่โอบาม่าจะเอาชนะได้คือการโน้มน้าวพวกเขาไปใช้สิทธิ์ การที่ให้บิล คลินตันไปพูดกับกลุ่มที่มีอิทธิพลกับพวกเขาเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่โอบาม่าต้องทำมากกว่านี้
ซอกบี้บอกอีกว่าฝ่ายรอมนีย์เองก็มีปัญหาในการทำให้กลุ่มมวลชนของพวกเขาสนใจ กลุ่มคนขาวนิกายโปรแตสแตนท์ราวร้อยละ 10 ไม่สนับสนุนเขา หนึ่งในสามของกลุ่มคนเหล่านี้อ้างเหตุผลว่ารอมนีย์ถือนิกายมอร์มอน ซึ่งผู้มีสิทธิ์เหล่านี้ก็ดูเหมือนจะไม่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเช่นกัน
ในคืนที่คลินตันเปิดให้มีการถามตอบ เจเรมี่ เอปสไตน์ นักศึกษาอายุ 20 ปี จากนิวยอร์กที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเป็นครั้งแรกเป็นผู้ถามคำถามว่า ผู้สมัครแต่ละคนมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้เขาสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้หลังเรียนจบแล้ว ซึ่งเป็นคำถามที่ผู้ลงสมัครทั้งสองยังคลุมเครืออยู่
ในกลุ่มตัวแทนของวันยังเวิร์ล พวกเขามีความสับสนคล้ายๆ กัน ส่วนใหญ่ดูจะสนับสนุนโอบาม่า แต่ด้วยแนวคิดเชิงปฏิบัตินิยมมากกว่า ความกระตือรือร้นอย่างไร้ทิศทาง และแม้ว่าในที่ประชุมซัมมิทจะไม่มีพวกนักวิจารณ์ถากถางขึ้นพูด แต่แม้แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตที่ถือไพ่เต็มมือยังสารภาพว่า การทำให้ผู้ฟังสนใจนั้นในตัวโอบาม่านั้นเป็นเรื่องเข็นครกขึ้นภูเขา
เบคกี้ ลินช์ กล่าวว่า แรงจูงใจให้กระตือรือร้นในตอนนี้กับครั้งที่แล้วมันต่างกัน "ครั้งที่แล้ว มันใหม่และเป็นประวัติการณ์มากที่ผู้คนเทคะแนนให้โอบาม่า กลุ่มคนพวกนั้นมีอยู่มากที่ยังสนับสนุนเขาอยู่ แต่ฉันก็เห็นหลายคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นเสรีชน ซึ่งฉันคิดว่าพวกเขาก็แค่พวกชอบถากถางที่ไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของการรวมกลุ่มใดๆ และการใช้จ่ายของรัฐบาลก็ทำให้พวกเขาเลิกสนใจ"
เกล็น เกรย์สัน อายุ 20 กว่าๆ เป็นผู้จัดตั้งสหภาพแรงงานกล่าวว่า ใครที่หวังว่าโอบาม่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ชั่วข้ามคืนคงรู้สึกผิดหวัง เขาวิจารณ์ว่าพวกเราอยู่ในสังคมที่ต้องการอะไรแบบด่วนได้ "เมื่อพวกคุณต้องการค้นหาอะไร พวกคุณก็มีโทรศัพท์ใช้ค้นหาได้ คุณไม่ต้องรอกลับไปบ้านเพื่อเปิดอีเมลล์ ทุกอย่างเป็นไปอย่างทันด่วน และผมคิดว่ามันมีผลเรื่องจิตวิทยาการเมืองด้วย เมื่อคนเราต้องการเปลี่ยนแปลงแบบด่วนได้"
The Independent เปิดเผยอีกว่า สิ่งที่ทำให้โอบาม่าเรียกคะแนนนิยมจากคนหนุ่มสาวได้คือนโยบายการต่างประเทศ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สุดของเขา ขณะที่รอมนีย์ดูจะมีมุมมองแบบที่คิดว่าชาวอเมริกันเป็นชนชาติพิเศษเหนือชนชาติอื่น (exceptionalism) ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนมีอายุมากกว่า ขณะที่โอบาม่ามองว่าอเมริกาก็เป็นพลเมืองของโลก ซึ่งดูไปกันได้กับกลุ่มคนอายุ 20 กว่าๆ ที่เริ่มเข้าสู่ยุคเชื่อมต่อกับโลกมากกว่า
และแม้ทุกอย่างจะล้มเหลว โอบาม่าไม่สามารถจูงใจคนได้ อย่างน้อยก็ไม่มากเท่าช่วงปี 2008 เขายังไม่ได้ทำอะไรมากพอสำหรับวาระในการดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง แต่การนึดถึงภาพรอมนีย์ในทำเนียบขาวก็ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนหนุ่มสาวที่ยังลังเลใจรู้สึกหวาดผวาจนต้องไปเลือกตั้ง
รายงานของ Guy กล่าวว่าในช่วงไม่กี่วันนี้เราอาจได้เห็นทั้งสองฝ่ายหาเสียงแบบสาดโคลนใส่กัน แต่โอบาม่าที่หวังอาศัยฐานเสียงคนอายุ 20 กว่าๆ ที่ยังลังเล คงเน้นย้ำให้รอมนีย์ผู้ปฏิเสธการทำแท็งค์และการแต่งงานของเกย์ มีภาพของคนที่เป็นชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม
"มันคงจะไม่สง่างามนัก แต่หลังจากผ่านช่วง 4 ปีอันแสนสาหัสมาแล้ว คนที่เคยขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีได้จากคำว่าความหวัง ในคราวนี้คงจะพยายามต่อสู้การเลือกตั้งด้วยความกลัวแทน"

ที่มา Young voters hold the key to victory, The Independent, 21-10-2012 http://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-elections/young-voters-hold-the-key-to-victory-8219536.html