ที่มา thaifreenews
โดย Bugbunny
๑. ในฐานะผู้ประสานงานสูงสุดขององค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น เลขาธิการสหประชาชาติ ต้องเป็นคนไม่มีชาติ ไม่เลือกข้าง และรู้ว่ามนุษยชาตินั้นสำคัญกว่าประเทศชาติ นายบันคีมูน จะต้องยืนข้างเดียวกับมนุษยชาติ อาชญากรรมที่กระทำต่อมนุษยชาติและการกดขี่ข่มเหงมนุษย์ด้วยกัน เป็นสิ่งที่เลขาธิการสหประชาชาติจะต้องกำจัดให้สิ้นไปจากโลกนี้ ถ้านายบันคีมูนเมินเฉยต่อกิจกรรมของคนเสื้อแดง ผู้ถูกอำนาจรัฐชั่วและผู้นำ ผู้อยู่เบื้องหลังที่เป็นฆาตกรเข่นฆ่า แสดงว่าปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เป็นเพียงเศษกระดาษเท่านั้น
๒. อำนาจรัฐชั่วช้าทุกระดับชั้นของไทย ต้องการสะกัดกั้นการต้อนรับนายบันคีมูน โดยคนเสื้อแดงแน่นอน แต่น่าจะอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะผู้ทรงอำนาจสูงสุดเหล่านั้น มีผลประโยชน์มากมายอยู่ในระดับนานาชาติ จึงต้องพยายามแสดงภาพความมีเมตตา เปิดกว้างทางความคิด ให้เสรีภาพแก่ประชาชน ในช่วงที่คนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของโลกมาเยือนประเทศไทย ความจริงพวกเขาไม่ต้องการจะเป็นอย่างนั้นเลย แต่คนชั้นสูงในเมืองไทยนั้นไม่ถือว่าคนไทยเป็นคน เขาถือว่าเป็นเพียงไพร่ในสังกัดของเขา แต่ฝรั่งและชาติอื่นเป็นอภิชน ดังนั้น ต้องเอาใจอภิชน
๓. คนเสื้อแดงนั้นไม่มีที่พึ่งอีกแล้วในประเทศนี้ ไม่ว่ารัฐบาล สภา ศาล กองทัพ หรือสถาบันอื่นใด ฯลฯ เพราะทุกองค์กรรวมหัวกันกดขี่ข่มเหงประชาชนคนเสื้อแดง ที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขา จึงมีที่พึ่งที่ยังเหลืออยู่เพียงมติของสังคมโลก และพลังของพวกเขากันเองเท่านั้น เมื่อหาความยุติธรรมจากองค์กรใดก็ไม่ได้แม้แต่องค์กรเดียว ผู้นำและตัวแทนขององค์การสหประชาชาติ อย่างนายบันคีมูนคืออีกทางหนึ่ง เขาไม่ได้หวังกันว่า คน ๆ นี้จะทำให้ข้อเรียกร้องของพวกเขาประสบความสำเร็จ แต่เขาต้องการฟ้องคนทั้งโลกว่า ประเทศนี้ในวันนี้ไม่มีอะไรพึ่งได้อีกแล้ว นอกจากตัวเอง และการเรียกร้องต่อเลขาธิการสหประชาชาติครั้งนี้ ก็เป็นเพียงการ "พึ่งตนเอง" อีกรูปแบบของพวกเขาเท่านั้น
๔. การออกไปต้อนรับนายบันคีมูนครั้งนี้ของคนเสื้อแดงนั้น อย่าได้มั่นใจว่าว่าอำนาจรัฐชั่วช้าของประเทศนี้จะยอมง่าย ๆ แต่พวกเขาก็ไม่น่าจะทำอะไรรุนแรงกับเราได้ แต่ถ้าอยากทำก็เอา เพราะมันจะได้ "เสียหมา" กันอีกครั้งใหญ่ทั่วโลก หลังจาก "หมาหมดบ้าน" ไปแล้วตอนพฤษภาฆาตกรรม คนเสื้อแดงวันนี้ ผ่านกระสุนปืน แก๊สน้ำตา ความเคียดแค้น มาหลายครั้งแล้ว แต่เราก็ไม่ยอม พวกอำนาจรัฐชั่วทั้งระบบนั้น ตอนนี้ไม่รู้จะแก้ปัญหากันอย่างไรแล้ว เกือบห้าปีที่พวกเขาเข่นฆ่าประชาธิปไตยไทย แต่ "ปีศาจ" ตนนี้ก็ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิด แต่ยังคงตามหลอกหลอนขับไล่พวกเขาต่อไปอีก จนกว่าจะพินาศฉิบหายกันไปข้างหนึ่ง
๒. อำนาจรัฐชั่วช้าทุกระดับชั้นของไทย ต้องการสะกัดกั้นการต้อนรับนายบันคีมูน โดยคนเสื้อแดงแน่นอน แต่น่าจะอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะผู้ทรงอำนาจสูงสุดเหล่านั้น มีผลประโยชน์มากมายอยู่ในระดับนานาชาติ จึงต้องพยายามแสดงภาพความมีเมตตา เปิดกว้างทางความคิด ให้เสรีภาพแก่ประชาชน ในช่วงที่คนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของโลกมาเยือนประเทศไทย ความจริงพวกเขาไม่ต้องการจะเป็นอย่างนั้นเลย แต่คนชั้นสูงในเมืองไทยนั้นไม่ถือว่าคนไทยเป็นคน เขาถือว่าเป็นเพียงไพร่ในสังกัดของเขา แต่ฝรั่งและชาติอื่นเป็นอภิชน ดังนั้น ต้องเอาใจอภิชน
๓. คนเสื้อแดงนั้นไม่มีที่พึ่งอีกแล้วในประเทศนี้ ไม่ว่ารัฐบาล สภา ศาล กองทัพ หรือสถาบันอื่นใด ฯลฯ เพราะทุกองค์กรรวมหัวกันกดขี่ข่มเหงประชาชนคนเสื้อแดง ที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขา จึงมีที่พึ่งที่ยังเหลืออยู่เพียงมติของสังคมโลก และพลังของพวกเขากันเองเท่านั้น เมื่อหาความยุติธรรมจากองค์กรใดก็ไม่ได้แม้แต่องค์กรเดียว ผู้นำและตัวแทนขององค์การสหประชาชาติ อย่างนายบันคีมูนคืออีกทางหนึ่ง เขาไม่ได้หวังกันว่า คน ๆ นี้จะทำให้ข้อเรียกร้องของพวกเขาประสบความสำเร็จ แต่เขาต้องการฟ้องคนทั้งโลกว่า ประเทศนี้ในวันนี้ไม่มีอะไรพึ่งได้อีกแล้ว นอกจากตัวเอง และการเรียกร้องต่อเลขาธิการสหประชาชาติครั้งนี้ ก็เป็นเพียงการ "พึ่งตนเอง" อีกรูปแบบของพวกเขาเท่านั้น
๔. การออกไปต้อนรับนายบันคีมูนครั้งนี้ของคนเสื้อแดงนั้น อย่าได้มั่นใจว่าว่าอำนาจรัฐชั่วช้าของประเทศนี้จะยอมง่าย ๆ แต่พวกเขาก็ไม่น่าจะทำอะไรรุนแรงกับเราได้ แต่ถ้าอยากทำก็เอา เพราะมันจะได้ "เสียหมา" กันอีกครั้งใหญ่ทั่วโลก หลังจาก "หมาหมดบ้าน" ไปแล้วตอนพฤษภาฆาตกรรม คนเสื้อแดงวันนี้ ผ่านกระสุนปืน แก๊สน้ำตา ความเคียดแค้น มาหลายครั้งแล้ว แต่เราก็ไม่ยอม พวกอำนาจรัฐชั่วทั้งระบบนั้น ตอนนี้ไม่รู้จะแก้ปัญหากันอย่างไรแล้ว เกือบห้าปีที่พวกเขาเข่นฆ่าประชาธิปไตยไทย แต่ "ปีศาจ" ตนนี้ก็ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิด แต่ยังคงตามหลอกหลอนขับไล่พวกเขาต่อไปอีก จนกว่าจะพินาศฉิบหายกันไปข้างหนึ่ง