ที่มา uddred
MCOT 4 มิถุนายน 2555 >>>
นักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ ยันศาล รธน. มีอำนาจรับวินิจฉัย รธน.
ตามมาตรา 7 หากรัฐสภาดื้อลงมติวาระ 3 ต้องรับผิดชอบ
เพราะคำสั่งศาลมีผลผูกพันรัฐสภา
นายคมสัน โพธิ์คง
อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
หนึ่งในนักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์
กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าขัดรัฐ
ธรรมนูญหรือไม่ และให้รอการดำเนินการไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ว่า
ตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ
กระบวนการรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกระทำล้มล้างรัฐธรรมนูญ
ล้มล้างประชาธิปไตย ต้องยื่นให้อัยการสูงสุด
เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ที่ผ่านมา
ไม่เคยปรากฏว่าอัยการสูงสุดส่งเรื่องเข้ามา จึงเกิดปัญหาเรื่องการดำเนินการ
และถ้าสังคมเห็นว่ามีความไม่ปกติเกิดขึ้น เสนอให้ตรวจสอบ
แต่ฝ่ายการเมืองไปล็อกอัยการสูงสุดเรื่องก็จบ ดังนั้น จึงเห็นว่าการที่ศาลฯ
รับวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ครั้งนี้ มีอำนาจที่จะสามารถดำเนินการได้
โดยใช้มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติบังคับแก่กรณีใด
ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา
กษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นายคมสัน กล่าวว่า
การออกมาตีความของพรรคเพื่อไทย
และกลุ่มนิติราษฎร์ว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถรับวินิจฉัยเรื่องนี้ได้นั้น
ไม่ได้เป็นการตีความผิด
แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่ายื่นไปแล้วอัยการสูงสุดไม่มีการดำเนินการอะไรออก
มา และถ้าลงมติวาระ 3 อาจเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ศาลฯ
จึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นมา และรับวินิจฉัยเพื่อไม่ให้มีช่องว่าง
ต่อข้อถาม
ว่าหากรัฐสภาเดินหน้าลงมติวาระ 3 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายคมสัน กล่าวว่า
ก็ต้องรับผิดชอบเพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 216 วรรค 5 ระบุชัดว่า
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี
ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ
และการให้รอการดำเนินการไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
ก็เป็นคำสั่งส่วนหนึ่งของศาลด้วย