WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, February 28, 2009

ฝรั่งหัวหินฉีกหน้ามาร์คจ๋อยไม่รู้นั่งเป็นนายกฯ

ที่มา เดลินิวส์

ปชป.ให้สอบ'เหลิม'เค้นเบาะแสทักษิณเร่งส่งผู้ร้ายข้ามแดน

“มาร์ค” จ๋อย เดินโต้รุ่งหัวหิน เจอฝรั่งถาม “ฮูอาร์ยู” ต้องแจกยิ้มก่อนตอบว่า “ผมเป็นนายกฯ” แม่ค้าหัวหินบ่นสั่งห้ามจอดรถสองข้างทางขายของไม่ออก 7 ผู้นำอาเซียนเดินทางถึงไทย จัดห้องสุดหรูคืนละเฉียดแสนบาทไว้รับรอง ผู้นำมาเลเซียขอชิมทุเรียนไทยจัดเป็นเมนูอาหารว่างพิเศษ นายกฯเดินเครื่องผนึกอาเซียนร่วมเจาะตลาดนอกกลุ่ม หวังเป็นหัวหอกกู้วิกฤติเศรษฐกิจเอเซีย “พาณิชย์” เดินหน้าลงนามเอฟทีเออาเซียน-ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ “พรทิวา” ย้ำผ่าน ม.190 แล้ว เชื่อไทยได้ประโยชน์ ขณะที่ปชป.เสนอนำตัว “เหลิม” มาเค้นหาที่อยู่ “ทักษิณ” หลังเคยไปพบที่ฮ่องกง นายกฯสั่งกำชับประสานทางการจีนลากตัว “ทักษิณ” ฝ่าย “นภดล” เชื่อนายใหญ่ไม่ตายน้ำตื้นโดนส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เผยรอฟังชี้แจงพลเมืองพิเศษนิการากัว “เชาวริน” รับไม่เคยคุยรัฐบาลแห่งชาติลั่นปล่อยให้ฟ้าดินลิขิต พท.ยื่นกกต.ถอด “วีระศักดิ์” นั่งประธานบอร์ดททท.

นายกฯกำชับล่าตัว“ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กงสุลฮ่องกงติดตามและหาที่อยู่ที่ชัดเจนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อได้รับทราบผลการรายงานที่ชัดเจนแล้ว ถึงจะประสานงานกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะแจ้งทางสำนักงานอัยการสูงสุด และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป เท่าที่พูดคุยกันไม่มีปัญหาข้อกฎหมาย เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว

เมื่อถามว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะ ได้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราต้องการ อยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้อยู่ในขั้นดำเนินการจะ พยายามและประสานงาน ตนจะทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนปกติ นอกจาก นี้ยังเป็นการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวน การยุติธรรมด้วย

ปชป.ปัดส่งส.ส.ซุ่มฮ่องกง

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เตรียมจะเดินทางไปฮ่องกงเพื่อไปตามหาที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณว่า ไม่ทราบเรื่อง ก็เห็นจากรายงานข่าวแต่ยังไม่ได้ถามใครในพรรคในเรื่องนี้ และยังไม่มีส.ส.มาหารือ เมื่อถามว่า เป็นเรื่องที่ทำได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นความคิดจริงหรือไม่และใครเป็นคนที่มีความคิดนี้

เมื่อถามว่าได้มีการคุยกันหรือไม่ว่ารัฐบาลจะมีแนวทางในการดำเนินการกับพ.ต.ท. ทักษิณอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลยืนยันเรื่องการดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานที่มีหน้าที่ติดตามตัวก็มีหน้าที่แต่ขั้นตอนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศจะมีขั้นตอนของเขา

ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมการดำเนินการถึงได้ล่าช้า นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯได้ตอบไปแล้วว่าเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำหน้าที่ของตนเองไป แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครรู้ที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่งแน่นอนของ พ.ต.ท.ทักษิณ

เสนอเค้น“เหลิม”หาข้อมูล

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณีชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า คนที่รู้แหล่งกบดานของ พ.ต.ท.ทักษิณดีที่สุดคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จึงถือว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่ จะโยงถึงการพบกันระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งหลังสุดจนถึงวันที่ 2 มี.ค. ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าว่าที่ผู้นำฝ่ายค้านอย่าง ร.ต.อ.เฉลิมพร้อมให้ข้อมูลหรือไม่

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากตำรวจอยากได้ข้อมูลเรื่องที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะไปสอบสวนส.ส.พรรคเพื่อไทยเช่น นายสุชาติ ลายน้ำเงิน, พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ที่ออกมายืนยันชัดเจนว่าได้ร่วมโต๊ะอาหารกับ พ.ต.ท.ทักษิณและ ร.ต.อ.เฉลิม ทั้งนี้การที่ ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธว่าไม่ได้พบ พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะรู้ว่าการปกปิดที่พักพิงของผู้ต้องหาอาจมีความผิดได้ ซึ่งตนเห็นว่าตำรวจน่าจะเชิญ ร.ต.อ.เฉลิมมาสอบปากคำ

รอฟังชี้แจงพลเมืองพิเศษ

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศและอดีตที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานปฏิบัติการทางการเมือง (วอร์รูม) พรรคประชาธิปัตย์ ส่ง ส.ส. ไปเกาะฮ่องกงเพื่อวางกับดักจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ต่อสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งฮ่องกง ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ ว่า การไปจับกุมต้องปฏิบัติตามกฎหมายของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงว่าทำได้หรือไม่ ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์จะทำอะไรกับใครก็ได้ ส่วนสนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้นประเทศไทย กับจีนมีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องนี้ แต่ตนไม่ทราบว่าจะรวมไปถึงเกาะฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษด้วยหรือไม่

นายนพดล ยังกล่าวว่า ทางการไทยจะต้องประสานไปก่อนไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณ เดินจ่ายตลาดอยู่แล้วจะไปจับกุมอย่างนั้นไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามเข้าใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ คงศึกษาข้อ กฎหมายในเรื่องนี้ก่อนที่จะเดินทางมาพูดต่อสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งฮ่องกง เพราะเรื่องนี้เป็นไปอย่างเปิดเผยไม่ได้นัดแนะกันในที่ลับ ส่วนกรณีข่าวที่ระบุว่ารัฐบาลนิการากัว แต่งตั้งให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองพิเศษนั้น เท่าที่ทราบในเร็ว ๆ นี้จะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวแต่ยังไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะชี้แจงในรูปแบบใด

ป้อง“นิพนธ์”ไม่มีส่วนรู้เห็น

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการตั้งรัฐบาลแห่งชาติร่วมกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยว่า ตนไม่ทราบ แต่มั่นใจว่าเป็นไปได้ยาก ไม่ทราบว่าใครปล่อยข่าวกันอย่างไร เมื่อถามว่า มีข่าวว่าทางกลุ่มทศวรรษใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยที่จะไปจับขั้วกับพรรคเพื่อไทย พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ได้ชี้แจงให้ตนฟังในช่วงที่เจอกัน นายนิพนธ์ก็บอกว่าไม่เป็นความจริง เพราะความจริงเป็นการประชุมคณะกรรมาธิการ พอประชุมเสร็จก็รับประทานอาหารกัน จึงมีรูปถ่ายออกมา ซึ่งนายนิพนธ์ยืนยันว่าเขาไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวด้วย

พล.ต.สนั่น กล่าวอีกว่า เหตุผลที่ตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ยาก เพราะมันเหมือนน้ำกับน้ำมัน มันผสมกันไม่ได้ แต่การเมืองก็ต้องมีเทคนิคการเสนอข่าว หรือเสนอแง่มุมทางการเมืองออกมาอย่างนี้ตลอด เมื่อถามว่าฝ่ายค้านอาจหยิบยกประเด็นเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ 250 ล้านบาทมาอภิปรายด้วย พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายค้านก็ต้องหาจุดบกพร่องของรัฐบาลมาแฉ เท่าที่ได้ติดตามสถานการณ์คิดว่าคงยากที่เรื่องนี้จะเป็นหมัดน็อกรัฐบาลได้ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเลย เป็นเรื่องของตัวบุคคล

“เชาวริน”ปล่อยฟ้าดินลิขิต

ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายนิพนธ์ ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยรับประทานอาหาร และไม่เคยพูดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่าตนไม่เคยกินข้าวกับนายนิพนธ์และไม่เคยพูดคุยเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ แต่ยอมรับว่าได้พบกับนายนิพนธ์ล่าสุดงานเลี้ยงในโอกาสนายอิสสระ สมชัย ได้เป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ แต่ก็ไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งในวันนั้นตนยังพูดหยอกล้อเลยว่า มากินข้าวกันวันนี้นักข่าวมาด้วยไหม เดี๋ยวเขาจะมองว่าพรรคเพื่อไทยพรรคประชาธิปัตย์มากินข้าวด้วยกัน แต่อย่าลืมเรื่องนี้ หากไม่มีมูล หมามันไม่ขี้หรอก

ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวถึงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลรัฐบาลแห่งชาติจะเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ว่า ตนไม่ทราบแต่โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วย เพราะในสภาพการณ์แบบนี้แนวทางที่จะทำให้เกิดความปรองดองในชาติ สิ่งที่ต้องทำคือต้อง ร่วมมือกับทุกฝ่าย หากยังมีรัฐบาล ฝ่ายค้าน มีเหลือง มีแดง ชาตินี้ก็คงไม่มีทางปรองดองกันได้ คนที่จะมาเป็นนักการเมืองต้องมีจิตสาธารณะ ต้องการทำงานให้ประเทศชาติและประชาชน โดยลดทิฐิแล้วมาทำงานร่วมกัน ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาปฏิเสธแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติอย่างสิ้นเชิงนั้น เป็นสิทธิของเขาแต่อยากบอก

ปูดเล็งอภิปรายรถหุ้มเกราะ

ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวอีกว่านอกจากนี้ยังมีบางคนเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อรถหุ้มเกราะจากประเทศยูเครน มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งรถหุ้มเกราะดังกล่าวเป็นของสหภาพโซเวียตเดิมที่นำมาดัดแปลงใหม่ ก่อนที่จะเสนอขายกองทัพไทย ซึ่งในอนาคตเป็นที่แน่ชัดว่า รถหุ้มเกราะดังกล่าวจะไม่มีอะไหล่ เนื่องจากยูเครนซึ่งเป็นประเทศที่แตกจากสหภาพโซเวียต และโซเวียตไม่มีอะไหล่รถรุ่นนี้แล้ว

ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การซื้อรถหุ้มเกราะดังกล่าวยังผิดระเบียบกระทรวงกลาโหม สมัยที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เป็น รมว.กลาโหม ที่ออกระเบียบว่า การจัดซื้ออุปกรณ์ทางทหารจากประเทศใด ไทยต้องมีข้อตกลงความร่วมมือทางทหารกับประเทศนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้เปิดเผยออกมาจะนำมาอภิปราย รมว.กลาโหม ด้วยหรือไม่นั้น คงต้อง หารือกับที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันที่ 3 มี.ค.นี้ อีกครั้ง

ถกเดือด“รสนา”หนีบสามี

ในการประชุมวุฒิสภา ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว. กรุงเทพฯ ได้ขอหารือถึงกรณีที่มีข่าวในหนังสือพิมพ์ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ว่า “ทีมกรรมการสอบรสนาพาสามีเข้าห้องประชุม ควงกันท่องแอฟริกาใต้ หวั่นผลสอบล่ม” เรื่องนี้ไม่ยุติธรรม เพราะที่น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 และในฐานะประธานกรรมการสอบสวนกรณีตนพาคนนอกเข้าห้องประชุม เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ได้นำประธานคณะกรรมาธิการสามัญคณะต่าง ๆ รวมถึงตนไปแอฟริกาใต้ มีโครงการมานานแล้ว ก่อนที่จะมีการตั้งกรรมการสอบเรื่องนี้ อยากรู้ว่า มีคนวงในคนไหนให้ข้อมูล เพราะสื่อลงข้อมูลละเอียดมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการพาดพิงกันไปมาทำให้ส.ว.ที่ถูกพาดพิงต้องลุกขึ้นชี้แจง จนนำไปสู่การโต้เถียงระหว่างกัน อย่างไรก็ดี นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุมพยายามตัดบท โดยขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการสอบสวนฯ แต่ น.ส.รสนา ยังยืนกรานไม่ยอมขอให้ที่ประชุมตัดสินว่าไม่เป็นความจริง ถูกสมาชิกอภิปรายใส่ร้าย พูดความเท็จ พร้อมจะเปิดเทปบันทึกภาพวันที่ 7 ต.ค.พิสูจน์ก็ได้

“ทัศนา”ยืนยันเป็นกลาง

น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ชี้แจงว่า คณะกรรมการฯทุกคน ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยความซื่อสัตย์ ทำใจเป็นกลาง พยายามหาความจริง ซึ่งขณะนี้การสอบปากคำจากผู้เกี่ยวข้องและหลักฐานต่าง ๆ เสร็จสิ้นก่อนตนจะนำคณะไปแอฟริกาใต้แล้ว ทั้งนี้การนำคณะไป ก็เป็นไปตามนโยบายของประธานวุฒิสภาตั้งแต่แรก และยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ ส่วนการสอบของคณะกรรมการตอนนี้ คือการนำข้อมูลทั้งหลายมาวิเคราะห์ และอีกไม่นานก็จะได้ผลสรุป จากนั้นนายนิคม ตัดบทและ นำเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป

ยื่นสอบตั้งปธ.บอร์ดททท.

ที่สำนักงาน กกต. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนกรณีที่นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้อนุมัติแต่งตั้งให้นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตกรรม การบริหารพรรคชาติไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ด ททท.) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 94, 95 และ 96 พร้อมนำหลักฐานเป็นสำเนาข่าวในเว็บไซต์เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2552 และ พ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 มาตรา 18 โดยมี พ.ต.ท.สมหมาย ธัญลักษณากุล ผอ.ฝสว.6 เป็นผู้รับเรื่อง

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อยากให้ กกต. วินิจฉัยเพื่อให้เกิดบรรทัดฐาน ถ้าเป็นได้เราอาจ จะเชิญผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองทั้ง 111 และ 109 คน เข้ามาดำรงตำแหน่งในบอร์ดบริหาร รัฐวิสาหกิจบ้าง แต่หาก กกต.ไม่สามารถวินิจฉัยได้กกต.ก็ต้องส่งเรื่องนี้ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

“ดร.เอ”ไม่กังวลคำตัดสิน

ส่วน พล.ต.สนั่น ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นให้ กกต.ตรวจสอบการเข้าไปดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทยของนายวีระศักดิ์ว่า สามารถยื่นให้ตรวจสอบได้ ซึ่งก็ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไร เพราะมันไม่มีกฎหมายห้ามไว้ ซึ่งตนไม่เป็นห่วงอะไร หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิด นายวีระศักดิ์ก็ต้องออกมาเท่านั้น ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้เป็นตัวอย่าง

นายวีระศักดิ์ เปิดเผยว่า ไม่กังวลกรณีที่นายสุรพงษ์ ยื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อให้ตรวจสอบกรณี ครม.มีมติแต่งตั้งให้ตนเป็นประธาน กรรมการ ททท.ว่าตามกฎหมายแต่งตั้งได้หรือไม่ ทั้งที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี หลังศาลตัดสินยุบพรรคชาติไทย ขณะเดียวกันกลับรู้สึกภูมิใจที่มีการตรวจสอบ เพราะคิดว่าควรมีบรรทัดฐานเกี่ยวกับประเด็นนี้ ซึ่งเป็นอำนาจวินิจฉัยของ กกต. ว่าจะตัดสินอย่างไร ส่วนตอนนี้ก็ทำหน้าที่ประธานกรรมการ ททท. ไปตามปกติ และเชื่อว่า ผู้ที่ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบฯไม่ได้ตั้งใจให้ร้ายใคร แต่ต้องการให้มีมาตรฐาน ในฐานะที่เป็นนัก กฎหมายคนหนึ่ง มองว่ารับตำแหน่งได้ก็รับทำ

กรีนพีซวอนอาเซียนใส่ใจ

สำหรับบรรยากาศการประชุมผู้นำอาเซียน เมื่อเวลา 08.30 น. ที่บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงแรมดุสิตธานีหัวหิน กลุ่มกรีนพีซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้นำป้ายผ้าสีดำขนาดใหญ่ ขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 15 เมตร ซึ่งตรงกลางมีตัวอักษรสีเหลืองเขียนว่า “TEN NATIONS ONE VISION” ล้อมรอบโลโก้ของสมาคมประชาชาติอาเซียนที่ตรงกลางถูกคาดด้วยข้อความที่ว่า “CLIMATE ACTION NOW !” มาขึงติดไว้ที่บริเวณป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เพื่อเรียกร้องให้อาเซียนหันมาสนใจปัญหาที่ภูมิภาคนี้กำลังเผชิญอยู่ ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งสนับสนุนการเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค.นี้ ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ตามปฏิญญาสิงคโปร์และปักกิ่งที่ได้ทำไว้

นางจินตนา แก้วขาว แกนนำกลุ่มบ่อนอก หินกรูด เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯจะไม่มีการมาเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน แต่ได้มีมติว่าเราจะรอฟังผลสรุปการประชุมว่ากลุ่มประเทศอาเซียนมีมติอย่างไรบ้าง จากนั้นในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. จะมีการตั้งเวทีประชาชนคู่ขนาน เพื่อ อภิปรายถึงผลการประชุมที่เกิดขึ้นและทำความเข้าใจ รวมทั้งจะมีการแจกเอกสารที่บริเวณสี่แยกบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์

ผบ.ตร.ยันนปช.ไม่มาป่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เดินทางมายังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 ส่วนหน้า (ศปก.สน.) ภายในค่ายพระรามหก อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมการทำงานและร่วมประชุมกับตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงซึ่งประจำการอยู่ใน ศปก.สน.ที่เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการจัดการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 14

ภายหลังการประชุมดังกล่าว พล.ต.อ.พัชรวาท ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่รับฟังการบรรยายสรุปจากทางเจ้าหน้าที่ เห็นว่าการรักษาความ ปลอดภัยตามสถานที่ต่าง ๆ การจราจร และการจัดขบวนรถของผู้นำประเทศต่าง ๆ มีความเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา ส่วนงานการข่าวและการที่จะมีการชุมนุมนั้นไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งด่านสกัดอยู่ 2 จุด คงไม่มีปัญหาอะไร อีกทั้งจะยังไม่มีการปรับลดกำลังเจ้าหน้าที่ เพราะต้องถือความปลอดภัยขั้นสูงสุด แต่จากข่าวเท่าที่พูดคุยกัน ตนเข้าใจว่าแกนนำนปช.ทุกคนจะไม่มาที่นี่ ทั้งนี้ ถ้ามาจริงก็คงจะไม่ถึงขั้นที่ต้องมีการตั้งด่านสกัด เพราะเป็นสิทธิที่จะแสดงออกโดยสันติและสงบเรียบร้อยได้ตามกฎหมาย

ผู้นำอาเซียนทยอยมาถึง

สำหรับบรรยากาศการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 14 ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้นำของประเทศอาเซียนหลายประเทศได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานหัวหิน โดยเมื่อเวลา 10.10 น. สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา เดินทางมาถึงเป็นประเทศแรก โดยมีนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เป็นผู้ต้อนรับ จากนั้นเวลา 11.30 น. ดาโต๊ะ ซรี อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี นายกฯมาเลเซีย มีนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รอต้อนรับ ถัดมาเวลา 12.15 น. พล.อ.เต็ง เส่ง นายกฯพม่า ได้เดินทางมาถึงโดยมีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย รอต้อนรับ

ในช่วงบ่าย นายอภิสิทธิ์ จะหารือทวิภาคีกับ พล.อ.เต็ง เส่ง นายกฯพม่า ซึ่งคาดว่าจะหารือถึงปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงยาและการแสดง ความเป็นห่วงถึงประชาธิปไตยในพม่า จากนั้นในเวลา 16.00 น. จะหารือทวิภาคีกับนายอับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี นายกฯมาเลเซีย น่าจะเป็นประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยและปัญหาแรงงาน ต่อมาในเวลา 16.35 น. จะเป็นการพบปะกับสมเด็จ ฮุนเซน นายกฯกัมพูชา คาดว่าข้อพิพาทพื้นที่ปราสาทพระวิหารจะถูกหยิบยกขึ้นมาหารือ

“บัวแก้ว”หารือไทย-มาเลย์

นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสาร นิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กับ ดร.ราอิส ยาติม รมว. การต่างประเทศของมาเลเซีย ว่า เป็นการพบปะกันเป็นครั้งแรก ซึ่งได้พูดถึงการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยฝ่ายมาเลเซียยืนยันว่าพร้อมให้ความร่วมมือกับไทยอย่างเต็มที่ และเห็นพ้องว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาของไทยเดินมาถูกทางแล้วด้วยการใช้แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจ การสร้างงาน และการส่งเสริมเป็นเจ้าของกิจกรรม

นายธฤต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รมต.ต่างประเทศมาเลเซียเห็นว่าผู้นำของ 2 ประเทศน่าจะร่วมกันลงไปในพื้นที่ดังกล่าวให้มากขึ้น เช่น การจัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-มาเลเซีย ที่จะมีกำหนดวันและเวลากันอีกครั้ง และจัดให้มีการพบปะประจำปีของผู้นำไทยกับมาเลเซีย ตลอดจนการจัดกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงยืนยันจะร่วมมือกันในแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจของ 3 ฝ่าย (อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย) และเดินหน้าโครงการเซาเทิร์น ซี บอร์ด รวมทั้งแจ้งถึงความพร้อมของไทยในพระราชพิธีต้อนรับพระราชาธิบดีของมาเลเซีย ที่จะเสด็จฯเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล วันที่ 9-12 มี.ค.นี้

นายกฯร่วมประชุมภาคธุรกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นประธานเปิดการประชุมผู้นำภาคธุรกิจและการลงทุนอาเซียน ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ พร้อมกับปาฐกถาพิเศษว่า จะดำเนินการตามเป้าหมายให้มีกฎบัตรของอาเซียน รวมทั้งการลดปัญหาอุปสรรคที่จะให้อาเซียนรวมเป็นเศรษฐกิจเดียวกัน ซึ่งจะมีความพร้อมรวมกันในปี 2558 โดยทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องมีความร่วมมือต่อเนื่อง เราไม่ควรจะย้อนไปใช้นโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างกัน แต่ควรเน้นย้ำการเปิดการค้าเสรีในอาเซียน ขณะเดียวกันต้องหาวิธีช่วยเหลือธุรกิจในอาเซียนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กับเป้าหมายที่วางไว้

นายกฯ ยังย้ำว่า ขณะนี้สมาชิกในอาเซียนเป็นความคาดหวังที่จะช่วยให้ฟื้นจากวิกฤติเศรษฐกิจ เห็นได้จากการลงทุนระหว่างสมาชิก อาเซียนด้วยกันที่มีมูลค่ามหาศาล และสมาชิกอาเซียนตั้งเป้าหมายของการเจริญเติบโตแบบบูรณาการทั้งเรื่องการค้า การลงทุน การบริการ ที่จะทำให้มีการแข่งขันระหว่างกันมากยิ่งขึ้น แต่ส่วนตัวคิดว่ายังไม่พอและต้องการให้สมาชิกเน้นให้ความสำคัญต่อเนื่อง กับการเจรจากับประเทศ ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มอาเซียน โดยการประชุมครั้งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจที่บูรณาการที่เกิดขึ้น

พณ.ลงนามเอฟทีเอเพิ่ม

ที่โรงแรมดุสิตธานี นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนหรือ เออีเอ็ม ได้ลงนามร่วมกันในความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างอาเซียน-ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ และอาเซียน-เกาหลี ซึ่งความตกลงทั้งสองดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 แล้ว โดยการร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญให้ไทยและอาเซียนมีศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลกมากขึ้น เพื่อไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

นางพรทิวา ยังได้หารือแบบทวิภาคีกับประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเปิดเผยภายหลังว่า ได้เห็นพ้องกับอินโดนีเซีย ที่จะจัดทำข้อตกลงทางการค้าและจะลงนาม ช่วง มิ.ย.นี้ ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยยึดกรอบความร่วมมือในลักษณะพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ เหมือนที่ไทยมีข้อตกลงร่วมกับสิงคโปร์ นอกจากนี้ ได้ตกลงความร่วมมือลงทุนหรือลดต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์ หรือการให้สิทธิ ประโยชน์ทางด้านภาษีระหว่างกันมากขึ้น ตลอดจนร่วมกันหาตลาดใหม่ ในอินเดีย จีน กลุ่มประเทศซีไอเอส ลาตินอเมริกา และแอฟริกา การหารือทวิภาคีกับสิงคโปร์ได้เสนอให้ภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศ เข้ามามีส่วนร่วมในการ หารือเวทีนี้เพื่อสร้างแนวทางการต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจโลก

1วีซ่าทัวร์อาเซียนคืบหน้า

ส่วนที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้มีการประชุมคณะมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อย่างไม่เป็นทางการ โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ เป็นประธาน พร้อมเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในระยะต่อไป เช่น การอนุญาตให้เดินทางผ่านทุกประเทศใน อาเซียนด้วยวีซ่าเพียงใบเดียว การขนส่งสินค้าข้ามแดนได้ทันที ขณะเดียวกันไทยชี้แจงให้ทุกประเทศรับรู้ว่า รัฐบาลกำลังเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และเตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองออกมาเร็ว ๆ นี้ เพื่อช่วยเพิ่มอุปสงค์ในประเทศ และเร่งรัดโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ (เมกะโปรเจคท์) ทั้งระยะกลาง-ยาว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ

นอกจากนี้ที่ประชุมหารือถึงการผลักดันภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมอาเซียนมากขึ้น เพราะทุกฝ่ายกังวลว่าการประชุมครั้งนี้จะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาแข่งขันธุรกิจในชาติอาเซียน พร้อมทั้งเสนอให้มีการประชุมปีละ 2 ครั้ง

แม่ค้าเซ็งปิดถนนยอดตก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในขณะที่ทุกฝ่ายมีความตื่นตัวในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการ ประชุมครั้งนี้ ก็ได้มีกลุ่มคนเล็ก ๆ ซึ่งเป็นแม่ค้าในตลาดสดหัวหินแสดงอาการหงุดหงิดและ ไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้มงวดเส้นทางการจราจรและห้ามไม่ให้มีการจอดรถบริเวณริมทาง ตั้งแต่ตลาดหัวหินไปจนเกือบถึงแยกชะอำ ทำให้ประชาชนที่ต้องการออกมาจับจ่ายซื้อของไม่ได้รับความสะดวก และไม่อยากออกมาซื้อของ จึง ทำให้การค้าขายซบเซา รวมทั้งที่ตลาดไนท์บา ซาร์หัวหินซึ่งเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ บรรดาพ่อค้า แม่ค้าถึงกับบ่นเช่นกัน เพราะปกติจะมีนักท่องเที่ยวมาเดินซื้อของเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมีการประชุมกลับทำให้รายได้ลดลง

ต่อมาเมื่อเวลา 14.05 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางโดยรถยนต์เลกซัสสีดำ ทะเบียน THA 1 มาถึงโรงแรมดุสิตธานีหัวหิน ซึ่งมีรถนำขบวนและปิดท้ายตามแบบฉบับการต้อนรับผู้นำประเทศอาเซียนที่เดินทางมาร่วมประชุม โดยเมื่อเดินทางมาถึงนายชาย พานิชพรพันธุ์ ผวจ. เพชรบุรี ให้การต้อนรับและมอบกระเช้าชมพู่ เมืองเพชรให้กับนายกฯ ทั้งนี้นายกฯได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้น ๆ ว่า จากที่ดูบรรยากาศใน การเดินทางมาจนถึงสถานที่จัดการประชุมทุก อย่างก็เรียบร้อยดี

ฝรั่งถาม“มาร์ค”ฮูอาร์ยู

เมื่อเวลา 17.30 น. นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า ตนยืนยันกับกลุ่มอาเซียนว่าการเมืองไทยมีเสถียรภาพแล้ว และสามารถผลักดันมาตรการเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้แล้ว จึงตั้งใจว่าจะเดินทางเยือนอาเซียนให้ครบ ภายในกลางปีนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้นำอาเซียนไม่ได้แสดงความวิตกอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไทย ตนเชื่อว่าเขาได้ติดตามสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด คงเห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีเสถียรภาพกลับเข้าสู่ระบบการเมืองไทยแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจัดงานนี้ไม่ได้ ตรงนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจน

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนพร้อมกับทักทายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบริเวณตลาดโต้รุ่งหัวหิน โดยได้สอบถามถึงปัญหาเศรษฐกิจจากพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งต่างก็บ่นให้นายกฯฟังว่าค้าขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยนายอภิสิทธิ์ถูกใจเสื้อยืดที่พิมพ์ข้อความว่า “อย่ายุ่งกับกู” นอกจากนี้ระหว่างนายอภิสิทธิ์เดินทักทายประชาชนอยู่นั้น มีนักท่องเที่ยวชาวสวีเดนที่เดินอยู่บริเวณนั้น ได้สอบถามนายอภิสิทธิ์ด้วยภาษาอังกฤษ “Who are you?” หมายความว่า “คุณเป็นใคร” นายอภิสิทธิ์ยิ้มให้ก่อนตอบว่า “ผมเป็นนายกรัฐมนตรีครับ” โดยนายกฯใช้เวลานาน 30 นาที ก่อนจะเดินข้ามถนนมารับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารโกทิ ร้านอาหารเก่าแก่และชื่อดังในอ.หัวหิน จากนั้นในช่วงค่ำนายกฯจะไปตรวจความพร้อมในพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ก่อนเดินทางเข้าที่พักต่อไป

ห้องพักผู้นำคืนละแสน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า 7 ผู้นำอาเซียนที่ทยอยเดินทางมาถึงเมืองไทย ประกอบด้วย ผู้นำจากกัมพูชา, มาเลเซีย, พม่า, ลาว, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และบรูไนนั้น ผู้นำในแต่ละชาติได้เข้าพักในโรงแรมระดับห้าดาวใน อ.หัว หิน ทั้งสิ้น ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน, แม ริออต คอนยาร์ด, เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท, ฮิลตัน หัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา, ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท รีเจนท์, ไฮแอท รีเจนท์ หัวหิน, สปริงฟิลด์ แอท ซี รีสอร์ทแอนด์สปา และโซฟิเทลเซ็นทาราแกรนด์รีสอร์ทและวิลลาหัวหิน

ทั้งนี้ สำหรับกษัตริย์ที่ได้รับการจัดอันดับว่ารวยที่สุดในโลก สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน “ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์” ทรงดำรงตำแหน่งเป็นทั้งรมว.กลาโหม และรมว.คลังของบรูไนนั้น ทรงเข้าพักยังห้องพักรับรองที่ดีที่สุดและอยู่ในชั้นสูงที่สุดของโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ในขณะที่สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ทรงเข้าพัก ณ ห้องคริส ตัล สวีท โรงแรมโซฟิเทลเซ็นทาราแกรนด์ รีสอร์ทและวิลลา หัวหิน ซึ่งห้องดังกล่าวราคาแพงคืนละเกือบหนึ่งแสนบาท เป็นห้องพัก สำหรับผู้นำที่มีเพียงห้องเดียว และเป็นห้องที่สามารถมองเห็นวิวทะเลกว้างของชายหาดหัวหินได้ดีที่สุดของโรงแรม

จัด“ทุเรียน”รับรองมาเลย์

ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายดาโต๊ะ ซรี อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี พร้อมด้วยภริยาและคณะ ได้เข้าพักที่โรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท ในโอกาสนี้ แม้งานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำที่ผู้นำมาเลเซียได้จัดขึ้นเพื่อเลี้ยงรับรองคณะผู้ติดตามจากประเทศมาเลเซีย บริเวณห้องอาหารริมทะเล จะเสิร์ฟอาหารฮาลาลสำหรับอิสลาม โดยฝีมือพ่อครัวที่บินตรงมาจากประเทศมาเลเซีย ทว่ายังมีเมนูอาหารไทยจากฝีมือพ่อครัวชาวไทยของโรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท ด้วย อาทิ ยำไก่, ต้มข่าไก่ใส่ใบมะขาม รวมถึงบุฟเฟ่ต์บาร์บิคิว เนื้อและซีฟู้ด

นอกจากนี้ นายดาโต๊ะ ซรี อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี ได้แสดงความประสงค์อยาก รับประทานทุเรียน ทำให้มีการบรรจุเป็นเมนูของหวานปิดท้ายแก่แขกจากประเทศมาเลเซียทั้งหมด พร้อมด้วยข้าวเหนียวมะม่วง อีกหนึ่งเมนูของว่างขึ้นชื่อของไทย

เผยเมนูเด็ด-ของที่ระลึก

นายวัชราวุธ วิคเตอร์ สุขเสรี ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน กล่าวว่า การ ประชุมครั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิชซัดดิน วัดเดาละห์ จากบรูไน และนายอภิสิทธิ์ พร้อมภริยา จะเข้าพักห้องเพรสซิเดนท์เชียล สวีทของโรงแรมที่ปรับปรุงใหม่ โดยได้เตรียมมอบประติมากรรมแก้วเจียระไน “ไอซ์ คริสตัล นากา” ให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้นำไทย ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา พม่า และสิงคโปร์ ส่วนผู้นำบรูไน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย จะได้ “ไอซ์ คริสตัล อุป”

ส่วนงานเลี้ยง “กาลา ดินเนอร์” รับรองผู้นำและคู่สมรสช่วงค่ำวันที่ 28 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ จะต้อนรับผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน โดยเมนูอาหารค่ำจะดำเนินการโดยโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล มี ส้มโอ, ไก่ทอดใบเตย, ต้มยำกุ้งในมะพร้าว, แกงเขียวหวานเนื้อเครื่องเคียง, ปลานึ่งซีอิ๊ว, ปูจ๋า, ผัดผัก, ข้าว, ผลไม้, บัวลอย, หวานเย็นกระเจี๊ยบกับมะม่วงปั่น และวันที่ 1 มี.ค. ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยานายกฯ จะต้อนรับคณะคู่สมรสผู้นำอาเซียน คู่สมรสเลขาธิการอาเซียน คู่สมรส รมว.ต่างประเทศอาเซียน รวมถึงคู่สมรสเอกอัครราชทูตอาเซียน ณ โรงละครพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน และ เลี้ยงอาหารกลางวัน พร้อมมอบของที่ระลึก เป็นตุ๊กตาเด็กไทยหัวจุกใส่โจงกระเบน ชื่อว่า “น้องพลอยไหม” จากร้านจิตรลดา

จัดฮ.ไอซียู4ลำบินฉุกเฉิน

ในส่วนของการเตรียมความพร้อมหากเกิดกรณีฉุกเฉิน ทางสำนักงานการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติได้มีการจัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้ 4 ลำ โดยเรียกว่า “SKY ICU” เพื่อดูแลสุขภาพของผู้นำอาเซียน ในกรณีฉุกเฉินสามารถนำส่งโรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลกรุงเทพฯ ภายใน 40 นาที ทั้งนี้เฮลิคอปเตอร์ทั้ง 4 ลำ ได้กระจายอยู่ตามจุดสำคัญต่าง ๆ คือ บริเวณสนามหน้าโรงแรมดุสิตธานีหัวหิน ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุม โดยจัดเฮลิคอปเตอร์จากศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรุ่น อีซี-145 ยูโรคอปเตอร์ ภายในติดตั้งอุปกรณ์และ เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้เช่นเดียวกับในห้องไอซียู ทั้งผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือผู้ป่วยที่มีอาการทางสมอง โดยภายในจะมีแพทย์ประจำอยู่ 2 คน พยาบาล 1 คน

ทั้งนี้เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวมีมูลค่า 260 ล้านบาท ติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องมือ ทางการแพทย์ มูลค่า 30 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเฮลิคอปเตอร์อีก 3 ลำ จะไปจอดที่ค่ายนเรศวร โรงพยาบาลหัวหิน และที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ.