WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, February 28, 2009

มนุษยชนยี้อาเซียนตั้งองค์กรเสือกระดาษ

ที่มา ไทยรัฐ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนวันแรก ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 27 ก.พ. โดยกลุ่ม รมว.ต่างประเทศหารือเรื่องแผนการก่อตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนให้เสร็จภายในสิ้นปี ส่วน รมว.พาณิชย์หารือในหัวข้อเศรษฐกิจว่าด้วยการพัฒนาระบบการค้าเสรีภายใน 6 ปีข้างหน้า ให้คล้ายคลึงกับของสหภาพยุโรปมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนชี้ว่าการจัดตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนอาจไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะหากประเทศต่างๆโดยเฉพาะพม่าไม่ยอมทำตาม ก็ไม่มีใครบีบบังคับได้ อีกทั้งประเทศสมาชิกก็ไม่ยอมเปลี่ยนกฎบัตรอาเซียนที่ว่าด้วยการห้ามแทรกแซงกิจการ ภายในของชาติสมาชิก แต่ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ระบุว่าการหารือด้านแผนตั้งองค์กรสิทธิ มนุษยชนครั้งนี้ถือเป็นนอกรอบ ส่วนการหารืออย่าง เป็นทางการจะมีขึ้นที่อินโดนีเซีย ในวันที่ 14-15 เม.ย.

ขณะเดียวกัน การประชุมเรื่องเศรษฐกิจก็ยังไม่ลงตัว เนื่องจากนายกรัฐมนตรี อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี แห่งมาเลเซีย ระบุว่ามาเลเซียอาจนำนโยบาย “บาย มาเลเซีย” ซึ่งถูกมองว่าเป็นการกีดกันทางการค้ามาใช้ เพราะในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ใครๆก็ต้องปกป้องประเทศของตัวเอง ขณะที่ผู้นำอินโดนีเซียก็มีท่าที เช่นเดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ลี เซียน หลุง แห่งสิงคโปร์ กล่าวว่า หากชาติอาเซียนใช้มาตรการปกป้องและกีดกันทางการค้าอาจทำให้อาเซียนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในปี 2558 ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือการเปิดระบบการค้าเสรีมากกว่า

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมในกรณีนี้ว่า ไม่ควรใช้แผนดังกล่าว และประเทศสมาชิกควรมีความเชื่อมั่นในการค้าเสรีที่ยุติธรรม อันเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียนมาตลอด อย่างไรก็ตาม รมว.พาณิชย์ มารี ปินเกสตู แห่งอินโดนีเซีย ระบุว่าการสนับสนุนให้คนซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศมิใช่การกีดกันทางการค้า อีกทั้งการกระทำดังกล่าวก็ไม่ผิดกฎการค้า นานาชาติด้วย สิ่งเดียวที่อินโดนีเซียกีดกันคือ เหล็กและปูนซีเมนต์ แต่ก็หมายความว่าผู้ผลิตในประเทศห้าม ขายแพงกว่าราคานำเข้าเกิน 15 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ เหล่า รมว.ต่างประเทศของกลุ่มประเทศสมาชิกเห็นพ้องกันว่าการเพิ่มเงินทุนสำรองฉุกเฉินอาเซียนจาก 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 120,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจนั้นเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก แต่ทั้งนี้ คาดว่าแผนดังกล่าว จะร่างเสร็จทันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ใน 10-12 เม.ย.