WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, February 28, 2009

อภิสิทธิ์สั่งเข้ม กงสุลล่าทักษิณ ฮ่องกงปัดทันที

ที่มา ไทยรัฐ

จากกรณีที่มีแรงกดดันของฝ่ายต่างๆ ให้รัฐบาลดำเนินการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กงสุลใหญ่ของไทยประจำฮ่องกงเร่งดำเนินการให้ทันภายในวันที่ 2 มี.ค.2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีกำหนดการไปกล่าวปาฐกถาที่เกาะฮ่องกง

นายกฯสั่งรวบตัว “ทักษิณ” ที่ฮ่องกง

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2552 เวลา 10.30 น. ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากทางการจีนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย หลังมีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไปกล่าวปาฐกถา ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ว่า กำลังให้กงสุลใหญ่ประจำเขตปกครองพิเศษฮ่องกงติดตามและรายงานกลับมาที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานกับอัยการดำเนินการ ต้องพยายามให้ทันกับกำหนดการในวันดังกล่าว เพราะขณะนี้ไม่มีปัญหาในข้อกฎหมายใดๆ และไม่มีป’ญหากรณีที่ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษ ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าจะดำเนินการทันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ต้องพยายามให้ทัน แต่ขึ้นอยู่กับการยืนยันข้อเท็จจริง และขึ้นอยู่กับการประสานงานของเขาด้วย เราจะทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นการปฏิบัติตามปกติที่เราจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมของไทย

ฟันธง 1 เดือนคดีเห็นผลเป็นรูปธรรม

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะกลับมาชุมนุมอีกครั้งใน 1 เดือนข้างหน้าว่า ในช่วง 1 เดือนข้างหน้า ผู้ชุมนุมจะได้เห็นความก้าวหน้าอีกหลายเรื่อง ที่จะเป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรม และการเดินหน้าระบอบประชาธิปไตยของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องคดีความต่างๆ จะมีความคืบหน้าชัดเจน รวมถึงกระบวนการปฏิรูปการเมืองที่ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล จึงเชื่อว่าผู้ที่มาชุมนุมจะทราบว่า รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องในส่วนที่คิดว่าสามารถปฏิบัติได้ จะเป็นการพิสูจน์ว่ารัฐบาลนี้มาโดยกระบวนการของรัฐสภา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประชาธิปไตย และต้องการดึงทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนข้อเรียกร้องให้ตนหรือ รมว.ต่างประเทศลาออกนั้น ในเดือนหน้าก็จะมีกระบวนการตรวจสอบของสภา ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว แต่ไม่กล้าคาดคะเนว่าจะเปลี่ยนใจผู้ชุมนุมได้หรือไม่ แต่คิดว่าสังคมต้องอยู่ด้วยเหตุด้วยผลด้วยข้อเท็จจริง

เดินสายเยี่ยมชาวบ้านทุกจังหวัด

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ผู้ชุมนุมอาจได้รับข้อมูลส่วนหนึ่ง แต่หากเปิดใจให้กว้าง ดูสิ่งที่พวกเราทำ ก็หวังว่าจะเข้าใจดีขึ้น แต่คงไม่ทั้งหมด ต้องมีคนที่ยังไงก็ไม่เห็นด้วยหรือต่อต้าน เป็นเรื่องธรรมดา อาจมีผู้ชุมนุมกลับมา เพราะแกนนำบางส่วนเชื่อว่าต้องทำเช่นนั้น ส่วนที่แกนนำคนเสื้อแดงขู่จะยกระดับการชุมนุมไปถึงขั้นขับไล่รัฐบาลนั้น เป็นข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมอยู่แล้วที่ต้องการจะให้ตนพ้นจากตำแหน่ง และที่ประกาศว่าจะเดินทางไปกดดันทุกพื้นที่ที่ไปทำงานนั้น ถือว่าเป็นสิทธิ์ ตราบใดที่อยู่บนพื้นฐานความสงบเรียบร้อยก็ไม่มีปัญหา แต่หากไปขัดขวางการทำหน้าที่ คงทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา จะเริ่มหาโอกาสลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนในต่างจังหวัด เพราะตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีภารกิจมาก และติดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนจะไปทุกจังหวัดขึ้นอยู่กับงานที่จะไป

รอข้อมูลก่อนพักงาน “ประพันธ์-พิเชฐ”

เมื่อถามว่ามีรายงานว่า ทางตำรวจได้ออกหมายจับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีชื่อนายประพันธ์ คูณมี ที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และนายพิเชฐ พัฒนโชติ ที่ปรึกษา รมว. สาธารณสุขด้วย นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยังไม่ทราบว่ามีหมายจับกลุ่มพันธมิตรฯกี่คน หรือมีหมายเรียกอย่างไร แต่หากมีก็น่าจะเป็นการยืนยันว่าการมาช่วยงาน หรือมี ตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลนี้ ก็ไม่ได้ทำให้คนเหล่านี้อยู่เหนือกฎหมาย และเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกระ-บวนการตามหมายเรียกหรือหมายจับ ส่วนจะถึงขั้นต้องให้พักงานหรือไม่ ต้องขอดูรายละเอียดก่อน

อ้าง ส.ส.ล่า “ทักษิณ” เพราะห่วงชาติ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่า ส.ส.พรรคประชาธิป’ตย์ จะเดินทางไปฮ่องกงเพื่อไปตามหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เป็นความคิดใคร ยังไม่ได้ถามใครในพรรค และยังไม่มี ส.ส.มาหารือการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศจะมีขั้นตอนของเขา ซึ่งความล่าช้านั้นนายกฯ ได้พูดไปแล้วว่า เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำหน้าที่ไป แต่ป’ญหาคือไม่มีใครรู้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอนของ พ.ต.ท.ทักษิณ การเคลื่อนไหวของ ส.ส. มีขอบเขตของกฎหมาย คนที่เป็น ส.ส.เขามีวิจารณญาณที่จะคิดได้เองว่าจะเกิดผลกระทบอะไรหรือไม่ ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้แนวทางที่ไม่ไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือเรื่องระหว่างประเทศที่ไม่ใช่อำนาจที่จะไปกระทำ แต่ ส.ส.เป็นห่วงบ้านเมือง อยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ และมีการรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด

โวการเมืองนิ่ง รบ.แห่งชาติไม่มีมูล

เมื่อถามว่าทำไมถึงมาเร่งรัดเอาตอนนี้ เกี่ยวข้องกับกระแสการตั้งรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ นายสาทิตย์ตอบว่า ไม่ได้เร่งรัด ทุกอย่างดำเนินการไปตามขั้นตอน ส่วนเรื่องรัฐบาลแห่งชาติเป็นเรื่องที่พูดกันมาพูดกันไป ทุกฝ่ายก็ปฏิเสธแล้วว่าไม่มีข้อเท็จจริง ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่าประเด็นเรื่องรัฐบาลแห่งชาติอาจมาจากพรรคประชาธิป’ตย์ ที่ต้องการกุมสภาพภายในพรรคร่วมนั้น เข้าใจได้ ร.ต.อ.เฉลิม ชอบพูดอะไรแบบนี้ คิดว่าการเมืองขณะนี้นิ่งพอสมควร การชุมนุมที่สงบชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลสามารถทำงานต่อไปได้ และเราไม่ควรยกประเด็นการเมืองขึ้นมาทำให้รัฐบาล ต้องพะวักพะวง การแก้ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือการเมืองนิ่ง สามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศได้ การประชุมผู้นำอาเซียนผ่านไปด้วยความสำเร็จ การแก้ไขป’ญหาให้ประชาชนเดินหน้าไปได้

จี้ ตร.เค้นปาก “เฉลิม” เอาที่อยู่ลูกพี่

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิป’ตย์ กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า คนที่รู้แหล่งกบดานของ พ.ต.ท.ทักษิณดีที่สุดคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เป็นแหล่งข้อมูลที่จะโยงถึงการพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ครั้งหลังสุดจนถึงวันที่ 2 มี.ค. ขึ้นอยู่กับว่าว่าที่ผู้นำฝ่ายค้านอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม พร้อมให้ข้อมูลหรือไม่

นายเทพไท เสนพงศ์ กล่าวว่าหากตำรวจอยากได้ ข้อมูล น่าจะไปสอบสวน ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ออกมาให้ สัมภาษณ์สื่อว่าไปฮ่องกงพบ พ.ต.ท.ทักษิณมา เช่น นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา ที่ยืนยันชัดเจนว่าได้ร่วมโต๊ะอาหารกับ พ.ต.ท.ทักษิณและ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธว่าไม่ได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะรู้ว่าการปกป”ดที่พักพิงของผู้ต้องหาอาจมีความผิดได้ จึงเห็นว่าตำรวจน่าจะเชิญ ร.ต.อ.เฉลิมมาสอบปากคำด้วย

เด็ก ปชป.แหกคอกเตือนระวังแตกแยก

นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล เพราะการจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณ อาจทำให้เกิดชนวนความขัดแย้งในบ้านเมืองขึ้น เพราะคนที่รักในตัว พ.ต.ท.ทักษิณยังมีจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสานที่อาจไม่เห็นด้วย และอาจลุกฮือขึ้นมาตอบโต้ฝ่ายรัฐบาล ส่งผลให้บ้านเมืองได้รับความเสียหายมากมายไปกว่านี้ สิ่งสำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นคนไทยเช่นกัน ควรจะปฏิบัติในมาตรฐานภายใต้กฎหมายเดียวกันกับบุคคลอื่นด้วย ไม่เห็นว่ารัฐบาลจะต้องเร่งรัดถึงเพียงนี้ สิ่งสำคัญที่ควรทำอันดับแรกคือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนและคนตกงาน ที่มีการประเมินว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบหนักสุดในเอเชีย หากรัฐบาลยังกังวลกับเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาได้ ดังนั้น เรื่องติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ควรเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ไม่ใช้หน้าที่หลักของรัฐบาล

“นพดล” จี้ใช้หลักกฎหมายสากล

ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้มีการดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จากประเทศจีนกลับมาดำเนินคดีว่า แม้จะเป็นสิทธิของรัฐบาลที่สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ส่วนตัวไม่ทราบขั้นตอนและรายละเอียดของสนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศจีนว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะฮ่องกงนั้นไม่แน่ใจว่าจะมีสนธิ สัญญาในลักษณะดังกล่าวอยู่หรือไม่ จึงไม่เข้าใจว่าที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะไปสืบหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปดำเนินการโดยอาศัยกฎหมายฮ่องกง หรือกฎหมายไทยในแง่ไหน ยืนยันว่าเรื่องนี้รัฐบาลไทยต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมายเท่านั้น ไม่ใช่อาศัยวิธีการนอกกรอบ เพียงเพื่อมุ่งหวังทำลายล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ

เผยเตรียมโชว์วิชั่น ศก.ภาพรวม

นายนพดลกล่าวต่อว่า ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะไปปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ฮ่องกง ในวันที่ 2 มี.ค.นั้น ยืนยันว่าไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างที่มีการตั้งข้อสังเกต กำหนดการดังกล่าวเป็นเรื่องปกติของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มักจะมีองค์กร หน่วยงานในต่างประเทศ มาเชิญไปบรรยายให้ความรู้ อย่างไรก็ตาม สำหรับเนื้อหาในการบรรยายนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจะแสดงวิสัยทัศน์โดยเน้นแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้สภาวะวิกฤติของโลกในขณะนี้ โดยจะใช้เวลาในการพูดประมาณ 2 ชั่วโมง และคงมีการพูดถึงสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของภาคส่วนต่างๆในโลก และความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย แต่จะเป็นการพูดโดยมองภาพรวมและมิติโลกมากกว่าจะพูดถึงประเทศไทยเพียงอย่างเดียว

ท้าตามล่าจับตัว “ทักษิณ” ให้ได้

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล กล่าวว่า ขอท้าว่าถ้าแน่จริงให้ดำเนินการจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีให้ได้อย่างที่พูด เพราะอำนาจอยู่ในมือนายกฯ สามารถทำอะไรก็ได้ สังคมคงไม่ประณาม แต่อย่าหลงอำนาจ และไม่ควรเลือกปฏิบัติ ควรตามจับอดีตนักการเมืองที่หนีคดีไปต่างประเทศกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยแน่ในช่วงกระบวนการยุติธรรมที่ยุติธรรม ไม่ใช่กลับมาในสมัยรัฐบาลซ่อนรูป ส่วนกรณีที่โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิป’ตย์ระบุว่าไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าไม่มีวันที่พรรคประชาธิป’ตย์จับมือพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น ความจริงพรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดจับมือพรรคประชาธิป’ตย์ เพราะเป็นปลาคนละน้ำเข้ากันไม่ได้ แต่วันนี้บ้านเมืองวิกฤติทางสังคม วิกฤติเศรษฐกิจมันต้องหันหน้าเข้าหากัน พรรคประชาธิปัตย์จะดันทุรังเริงร่ากับอำนาจที่ได้มาไม่ได้ ขนาดพรรคเพื่อไทยยังยอมลดตัวไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์

ส่อแววแห้วฮ่องกงปิดไม่มีสนธิสัญญาฯ

วันเดียวกัน เว็บไซต์ของสำนักข่าวเอิร์ธไทม์ส รายงานเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ว่า กำหนดการขึ้นกล่าวปาฐกถาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ภายใต้หัวข้อ “วิกฤติเศรษฐกิจ, การเมืองสั่นคลอน : บทเรียนจากประเทศไทย” ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (เอฟซีซี) ที่ฮ่องกง ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆตามคำยืนยันจากเอฟซีซี โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมฟ’งกว่า 100 คน ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายราวคนละ 20 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 720 บาท) ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ขอความร่วมมือในการส่งตัวอดีตนายกฯทักษิณกลับประเทศเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะที่หนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานข่าวว่า มีโอกาสน้อยมากที่ตำรวจฮ่องกงจะเข้าจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนขึ้นกล่าวปาฐกถา โดยนางมาร์กาเร็ต อึ้ง โหงย-ยี่ ประธานสำนักงานคณะกรรมการยุติธรรมและบริการทางกฎหมายของฮ่องกง กล่าวว่า จะถือเป็นเรื่องพิเศษพอสมควรหากรัฐบาลฮ่องกงเห็นชอบกับคำขอของรัฐบาลไทย ถ้าไม่มีการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกัน หรือถึงทำ แต่คดีที่จะให้มีการส่งตัวกลับนั้น ต้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องร่วมกัน และได้รับการยอมรับในเขตอำนาจของศาลฮ่องกง “คุณไม่สามารถส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เพียงเพราะเหตุผลทางการเมือง” รายงานข่าวกล่าวอ้างคำพูดของนางมาร์กาเร็ต

จวก “เฉลิม” นิสัยเดิมปล่อยข่าวมั่ว

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาป’ดว่าอาจเป็นพรรคประชาธิป’ตย์ที่เป็นฝ่ายให้ข่าวเรื่องรัฐบาลแห่งชาตินั้น อยากให้ย้อนกลับไปดูข่าวเก่า เพราะล้วนแต่เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้งนั้นที่ออกมาพูดเรื่องนี้ หรือ ร.ต.อ.เฉลิมยังติดกับการเมืองเก่า ที่พูดหน้าแล้วลืมหลัง และที่ ร.ต.อ.เฉลิมตั้งข้อสงสัยว่านายกฯรู้ประเด็นการอภิปราย อาจมาจากการดักฟังทางโทรศัพท์นั้น สื่อหลายฉบับรายงานตรงกันว่า ข่าวดังกล่าวออกมาจากที่ประชุมเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมี ร.ต.อ.เฉลิม เป็นหัวหน้าทีม ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในสังคม ขอแนะนำให้แต่งตั้งคนที่มีอำนาจให้ข่าว จะได้ไปในแนวทางเดียวกัน ไม่สะเปะสะปะ ทั้งนี้มองได้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งการกุข่าวรัฐบาลแห่งชาติ การได้เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ประเทศนิการากัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นการประโคมข่าวเพื่อชิงพื้นที่ข่าวจากนายอภิสิทธิ์ที่กำลังโดดเด่นในการจัดประชุมอาเซียนซัมมิทอยู่ขณะนี้