ที่มา Thai E-Newsชนชั้นปกครองไทยที่เสวยสุขด้วยอิทธิพล อำนาจมืดมานานแสนนาน ทำการรัฐประหารยึดอำนาจประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อรักษาฐานอำนาจของตนเอง บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องเลือกหนทางเดินข้างหน้าแล้ว ซึ่งคงตีบตันเหลือเพียงสามหนทางคือ การปราบเสื้อแดง การยึดอำนาจ หรือการถอยออกไปจากการเมืองไทยอย่างถาวร แล้วปล่อยให้ประชาชนเขาตัดสินปัญหาต่างๆกันเอง
เงื่อนไขที่เป็นก้างขวางคอชนชั้นปกครองไทยอย่างสำคัญที่สุดคือ การที่นายกทักษิณมีความเคลื่อนไหวที่จะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหากมีการใช้ความรุนแรง และหากไม่เกิดขึ้นคดีความทั้งหลายในที่สุดจะไปจบลงที่ศาลโลกในกรณีการยึดสนามบิน และการเข่นฆ่าประชาชน
ซึ่งไม่ว่าการดำเนินการทั้งสองอย่างนี้จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ชนชั้นปกครองในที่นี้จะขอเรียกโดยรวมๆว่าอำมาตย์นั้นรู้สึกขนพองสยองเกล้ามาก นับตั้งแต่ทหารและนักการเมืองที่ไปขึ้นเวทีพันธมิตร ปิดสนามบิน ปลอมเป็นเหลืองมายิงประชาชนพร้อมชูภาพพระบรมฉายาลักษณ์ คลิปเสียงและการยิงประชาชนที่ดินแดงและรอบๆพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล รวมถึงเหล่าทหารที่ออกมาแสดงพลังเร็วๆนี้ว่าจะติดร่างแหไปด้วยหรือไม่
เงื่อนไขการปราบคนเสื้อแดง ที่จะไม่ทำให้เกิดรัฐบาลพลัดถิ่นมีประการเดียวคือ คนเสื้อแดงยึดที่ทำการรัฐบาล สนามบิน เผาสถานที่สาธารณะต่างๆ ซึ่งคนเสื้อแดงย่อมไม่ทำ
ต่อให้มีการยึดทรัพย์ ยุบพรรค ลอบสังหารแกนนำเสื้อแดง หรือแกล้งทำเป็นจับแล้วเกิดชุลมุนเสียชีวิตเพื่อเป็นชนวนให้เกิดเหตุ คนเสื้อแดงที่ต่อสู้ด้วยเหตุผล สติปัญญาและวุฒิภาวะที่สูงกว่าจะไม่ตกหลุมพรางนี้อย่างแน่นอน แต่จะเก็บความแค้นนี้ไว้ชำระบัญชี ซึ่งแน่ละไม่ต้องรอถึงสิบปี
แต่ถ้าปราบคนเสื้อแดงเพราะหน้ามืดหมดทางไปและปิดประเทศตามที่เป็นข่าว ก็จะไม่สามารถทำได้ เพราะ นายกทักษิณจะประกาศตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น คนเสื้อแดงจะรอไฟเขียวเมื่อตั้งเสร็จเรียบร้อย มีการรับรองจากต่างประเทศแล้ว และมีการสั่งการจากรัฐบาลพลัดถิ่นให้ ประชาชน ข้าราชการ ตำรวจ ทหารออกมาปราบกบฏ นั่นจะเป็นสิ่งที่สุดจะคาดคะเนความเป็นไป กฎหมายสองมาตรฐาน หรือการปฏิบัติสองมาตรฐานอาจจะเกิดขึ้นกับอำมาตย์และบริวารได้ หากรอดชีวิตจากความชุลมุนครั้งนี้
เงื่อนไขการยึดอำนาจ ซึ่งบริวารของอำมาตย์ที่ชอบสูบยากล้องได้ออกมาให้สัมภาษณ์เร็วๆนี้ว่าการรัฐประหารเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีกว่า
เวลาสามปีที่ผ่านมานี้คงเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีแล้ว ดังนั้นก็น่าจะเป็นสิทธิของประชาชนเจ้าของประเทศเช่นกันที่จะกระทำการปฏิวัติสังคมไทยอย่างถอนรากถอนโคนเพื่อกวาดล้างสิ่งสกปรกและของชำรุดทั้งหลายในสังคมนี้ออกไป แม้ว่าจะมีแผนในการทำรัฐประหารปลอมๆเพื่อให้เสื้อแดงที่ไม่รู้จังหวะถลำตัวไปเผาบ้านเผาเมือง เพื่อให้ทหารอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายอำมาตย์ที่แท้จริงออกมาแสดงตัวเพื่อปราบกลุ่มรัฐประหารและเสื้อแดงไปพร้อมๆกัน โดยอ้างความจำเป็นเพื่อความสงบเรียบร้อย และรู้กันกับฝ่ายรัฐประหารที่ต้องออกมายึดอำนาจรัฐบาล เพื่อไม่ให้ต้องเกิดการลาออก หรือยุบสภา ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยได้อำนาจรัฐก่อนที่จะมีการสั่งให้ยุบพรรคเพื่อไทยได้ทัน
การได้อำนาจรัฐของพรรคเพื่อไทยจะตามมาด้วยการปฏิรูปกฎหมายและรัฐธรรมนูญขนานใหญ่ ซึ่งฝ่ายอำมาตย์ไม่ยอมอย่างเด็ดขาด ความต้องการยึดอำนาจด้วยการรัฐประหารจึงมีทุกลมหายใจเข้าออก เสียแต่ว่าข่าวรั่วเสียก่อน การรัฐประหารหลอกนี้ประชาชนก็รู้และจะไม่ผลีผลามไปเผาบ้านเผาเมืองอย่างแน่นอน สิ่งที่ชาวเสื้อแดงจะทำคือรอการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเสียก่อนแล้วจึงออกทำการเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าทั้งสองเงื่อนไขนั้น คนเสื้อแดงไม่หลงกล ไม่ถลำตัวง่ายๆทั้งมีจำนวนคนมหาศาลเกินกว่าล้านคนขึ้นไปแน่นอนแล้ว ฝ่ายอำมาตย์จะคิดอ่านกันอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลยเวลาวันที่ 4-14 กุมภาพันธ์ 2553 สิบเอ็ดวันอันตรายนี้ไปแล้ว ก็จะแสดงว่ากำลังทหารไม่สามารถสั่งได้เหมือนเดิมอีกต่อไป เหลือแต่อำนาจทางกฎหมายซึ่งก็จะไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว
เมื่อคนเสื้อแดงมีการรวมพลังกันได้จำนวนใกล้เคียงหรือมากกว่า 2 ล้านคน การเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลอาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากทุกพรรคการเมืองยกเว้นพรรคเก่าแก่ต้องฟังประชาชนกันทั้งสิ้น หากโชคดีงบประมาณผ่านได้เป็นผู้อนุมัติโครงการกันทั่วหน้าแล้ว การตีจากรัฐบาลและเข้าหารัฐบาลใหม่ย่อมเป็นไปได้มาก
ดังนั้นทางออกที่ดีของฝ่ายอำมาตย์คือการยอมถอย คืนอำนาจให้ประชาชนด้วยวิธีง่ายๆคือการส่งสัญญาณให้มีการยุบสภา ส่วนพรรคการเมืองไหนอยากเปลี่ยนแปลงปรับปรุงรัฐธรรมนูญหรือจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นเรื่องของประชาชน บ้านเมืองก็จะกลับสู่ความสงบสุข สมดังที่มีการนำเอากระแสพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2552 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปิดประกาศกันทั่วไปโดยมีความหมายว่า พระองค์ทรงปรารถนาให้บ้านเมืองเป็นปกติสุข
หากอำมาตย์ยอมถอยเสียทุกอย่างก็จะจบอย่างง่ายๆ ต่างคนต่างไปทำมาหากิน รัฐบาลใหม่เข้ามาก็จะสะสางปัญหาความอยุติธรรม ปฎิรูประบบกฎหมายและศาล แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย สร้างกลไกไม่ให้มีการรัฐประหารเกิดขึ้นได้อีกต่อไปเป็นต้น
ทั้งนี้ก็เป็นไปตามที่ประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนจะเลือกพรรคการเมืองที่เชื่อว่าจะเข้ามาสร้างความสมานฉันท์เช่น พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีโพลบางสำนักบอกว่ากำลังมีเสียงสนับสนุนดีวันดีคืน เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่ว่าเหลืองหรือแดงก็จะกลับมาเป็นประชาชนปกติธรรมดาของประเทศไทยต่อไป
โครงสร้างสำคัญๆของชาติก็จะยังคงทำหน้าที่ได้ต่อไปโดยอยู่ในกรอบ กฎเกณฑ์ กติกาของประชาธิปไตย รวมถึงกองทัพที่ไปรับใช้อำมาตย์ ลืมประชาชนมานานหลายสิบปีจะได้เกิดสำนึกผิด ออกจากสนามกอล์ฟ มาทำหน้าที่รั้วที่ดีของชาติต่อไป
***********