WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, April 7, 2010

รอยเตอร์: คำถามและคำตอบ – วิกฤติการเมืองไทยทำให้เศรษฐกิจล่มหรือ..?

ที่มา Thai E-News

นักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นบันไดเลื่อนหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงที่ต่อต้านรัฐบาลพากันไปชุมนุมอยู่ รัฐบาลไทยกำลังหาทางจับแกนนำผู้ชุมนุม โดยอ้างว่าก่อให้เกิดผลกระทบต่อย่านการค้าและธุรกิจ(ภาพข่าว:REUTERS)


โดย Reuters
ที่มา แปลและเรียบเรียงโดย แชพเตอร์ ๑๑ เวบลิเบอรัลไทย

*ติดตามชมคลิปวิดิโอจาตุรนต์ ฉายแสงพูดกับนักธุรกิจเอกชนที่เวทีราชประสงค์ หากต้องการให้เศรษฐกิจดี ทำมาค้าขายคล่อง ต้องสนับสนุนยุบสภา ไม่ใช่ค้านคนเสื้อแดงคลิ้ก


กรุงเทพฯ– ประเทศไทยซึ่งเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการส่งออก ในปีนี้ดูเหมือนจะกำลังต่อสู้กับพายุทางการเมือง ด้วยคำทำนายว่าเศรษฐกิจจะโตเฉียดร้อยละ ๕ เพราะการฟื้นตัวในความต้องการของโลก แต่วิกฤติการเมืองที่มีมาถึงห้าปียังคงเป็นเหตุที่คุกคามในความมั่นคง

ล่าสุดนี้ ผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรได้ออกมาชุมนุมในกรุงเทพเกือบสามอาทิตย์ เพื่อกดดันเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่

มีคำถามเกิดขึ้นมาว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนเก้าล้านล้านบาทนี้ จะเป็นอย่างไร หากการเคลื่อนไหวยังคงต่อเนื่องแบบนี้ รัฐบาลจะพัง หรือความรุนแรงจะระเบิดออกมา

ความวุ่นวายทางการเมืองทำลายการท่องเที่ยวหรือ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ ๑๕.๕ ล้านคนในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากยอดนักท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้วจำนวน ๑๔.๑ ล้านคน ในสองเดือนแรกของปีนี้ ประเทศไทย “ดินแดงแห่งรอยยิ้ม” ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง ๓.๒๑ ล้านคนแล้ว

ททท. ตั้งเป้าว่าจะในปีนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะนำรายได้เข้าประเทศเพิ่มถึงร้อยละ ๑๐ หรือเป็นเงิน ๕๘๐ ล้านบาท หรือเทียบได้กับร้อยละ ๖ ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และจะมีการจ้างงานถึง ๑.๘ ล้านคน

ผู้ประกอบการบางคนร้องเรียนว่า การประท้วงครั้งล่าสุดได้สร้างความกลัวให้กับนักท่องเที่ยวจำนวนนับพันๆคนจากประเทศจีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทยกล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวขาดทุนไปแล้วมากกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และคาดว่าจะเกิดความเสียหายมากกว่านี้ในเทศกาลสงกรานต์ที่ใกล้เข้ามาในกลางเดือนเมษายนนี้

แต่ผู้ประกอบการรายอื่นกล่าวว่า ธุรกิจไปได้สวยเพราะนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักจากประเทศอื่นไม่สนใจกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ออลเดอะเบสทราเวล (AllTheBestTravel) กล่าวว่า ลูกค้าชาวญี่ปุ่น ซึ่งปกติจะมีความอ่อนไหวกับภาวะทางการเมือง ยังคงหลั่งไหลเข้ามา และมองการประท้วงต่างๆว่า ไม่มีปัญหาตราบใดที่ไม่มีการปิดสนามบิน

การท่องเที่ยวในประเทศไทย – เปรียบเสมือนบ้านของคนหลายคน ด้วยชายหาด และสถานที่ตากอากาศที่งดงามที่สุดในเอเชีย – ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นพอสมควรจากความวุ่นวายก่อนหน้านี้

จำนวนผู้เดินทางขาเข้าลดลงเพียงร้อยละ ๓ ในปี ๒๕๕๒ เมื่อเมษายนปีที่แล้ว กลุ่มประท้วง “เสื้อแดง” จุดชนวนสร้างความรุนแรงบนท้องถนนที่เลวร้ายที่สุดของกรุงเทพ และพัทยาในรอบ ๑๗ ปี เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาจากการปิดสนามบินในปลายปี ๒๕๕๑ ซึ่งปล่อยเกาะนักท่องเที่ยวมากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ คน และทำให้การค้าขายต้องสะดุด นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มร้อยละ ๐.๘ ในปี ๒๕๕๑

ประเทศไทยเผชิญกับการทำรัฐประหาร และการพยายามทำรัฐประหารมาถึง ๒๔ ครั้งนับตั้งแต่มีการยกเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี ๒๔๗๕ และมีวิกฤติทางการเมืองอีกหลายครั้งหลายหน แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบต่อชาวต่างชาติ

วิกฤติทางการเมือง ทำลายการลงทุนหรือ

นอกจากการประท้วงที่มีอย่างต่อเนื่องแล้ว ข้อมูลบันทึกของนักลงทุนต่างๆยังคงแสดงให้เห็นการนำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดหุ้นทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ ๒๒ เดือน และค่าเงินบาทมีค่าสูงสุดในรอบ ๒๐ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ต่างชาติซื้อหุ้นไทยมีมูลค่าสุทธิถึง ๕๖,๐๐๐ ล้านบาท

สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นการดึงดูดของหุ้นไทยคือ ราคาที่ถูก การซื้อขายของบริษัทจดทะเบียนมีเพียง ๑๑.๙ เท่าจากรายได้ที่ประเมินในปี ๒๕๕๓ ทำให้กรุงเทพกลายเป็นตลาดหุ้นที่ราคาถูกที่สุดในเอเชีย รองจากปากีสถาน เป็นหนึ่งในตลาดที่ได้รับอัตราปันผลสูงที่สุด

การแข็งค่าของเงินบาทจะเพิ่มมากขึ้น จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยในเดือนที่จะใกล้เข้ามาถึงนี้ และยิ่งเพิ่มความเย้ายวนให้กับตลาดหุ้นไทย

ความเสี่ยงเรื่องความมั่นคงยังคงเป็นปัญหาระยะกลางถึงระยะยาว หากวิกฤติยังคงดำเนินต่อไป จะค่อยๆทำลายความมั่นใจ

ผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกปล้นอำนาจในการทำรัฐประหารปี ๒๕๔๙ ดูเหมือนว่าการประท้วงอาจไม่สามารถบีบบังคับให้เกิดการเลือกตั้งในเร็ววันนี้ได้ แต่พรรคฝ่ายของเขามีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี ๒๕๕๔ ซึ่งทั้งพวกศักดินาอำมาตย์ และกองทัพคงหาทางที่จะล้มผลการเลือกตั้งนั้น อาจมีการทำรัฐประหารอีกครั้ง

ซึ่งนั่นแหละ จะเป็นการระงับการลงทุนโดยตรงของต่างชาติในระยะยาว

คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า นักลงทุนยังไม่ย้ายไปที่ไหน แต่การสัญญาว่าจะลงทุนในปีนี้ลดลงร้อยละ ๑๕ เป็นจำนวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท บริษัทญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีนักลงทุนกระเป๋าหนักมากที่สุด ได้ออกมาแสดงความกังวล และอาจจะมองหาลู่ทางการลงทุนในประเทศอื่นหากวิกฤติยังคงดำเนินอยู่ต่อไป

การประท้วงทำลายธุรกิจในกรุงเทพหรือ

ธุรกิจโดยส่วนใหญ่ยังคงดำเนินไปอย่างปกติ และกิจการค้าหลายแห่งในบริเวณที่มีการประท้วงกำลังไปได้ดี โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ โรงแรม ร้านอาหาร และแผงลอยขายอาหารและเครื่องดื่ม

ธุรกิจของซีพีทั้งหมด กิจการร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คาดว่าปีนี้จะทำกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕ – ๒๐

ถนนข้าวสาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากพื้นที่ที่มีการประท้วง แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวรายได้ต่ำ ที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งบาร์ และอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ แน่นขนัดไปด้วยชาวตะวันตก

แต่ธุรกิจบางอย่างรอบพื้นที่การประท้วง เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านเสริมสวย และร้านค้าที่ไม่ได้ขายอาหาร ต้องประสบกับปัญหา โดยเฉพาะกิจการที่ต้องเลือกปิดในวันสุดสัปดาห์

คนไทยมีความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่เคยรุ่งมาเมื่อสามเดือนก่อน แต่พวกเขาไม่หยุดใช้เงิน ยอดขายรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้นตลอดหกเดือนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕๗.๗ จากปีที่แล้ว

อะไรคือ การคาดการณ์ถึงผลกระทบที่มีต่อจีดีพี

เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม รัฐมนตรีคลังได้เพิ่มตัวเลขการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะโตถึงร้อยละ ๔.๕ จากร้อยละ ๓.๕ อันเนื่องมาจากการส่งออก และการบริโภคที่เพิ่มขึ้น และได้เตือนว่าความวุ่นวายทางการเมืองจะส่งผลให้การเติบโตลดลงได้มากถึง ๑.๘ จุด หากความยุ่งเหยิงยังคงมีอยู่จนถึงไตรมาสสุดท้าย และนำไปสู่การยุบสภา

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยทำนายว่า ปัญหานี้จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจมากถึง ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ลดอัตราการเติบโตของจีดีพีถึง ๐.๕ จุด ถึงร้อยละ ๓ – ๓.๕ ในปีนี้ หากความยุ่งเหยิงจะถูกลากยาวไปถึงสามเดือน

ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ ๕.๓ ในปีนี้ สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ในเวลาที่เศรษฐกิจเติบโตถึงร้อยละ ๖.๓ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วทางธนาคารออกมากล่าวว่า อาจจะเพิ่มตัวเลขการคาดการณ์หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่กลายเป็นความรุนแรง ธนาคารจะเปิดเผยตัวเลขที่คาดการณ์ใหม่ในวันที่ ๒๙ เมษายนนี้

นักเศรษฐศาสตร์เอกชนทำนายว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะโตร้อยละ ๔ – ๕ โดยกล่าวว่า เพราะการประท้วงโดยรวมแล้วเป็นไปโดยสันติวิธี ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายปฏิบัติมองเห็นการเติบโตถึงร้อยละ ๕.๕ เพราะมีการฟื้นตัวจากความต้องการของโลก เศรษฐกิจที่หดตัวลงร้อยละ ๒.๓ ในปี ๒๕๕๒ ส่วนใหญ่เนื่องมาจากวิกฤติของโลก