WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, August 2, 2010

น้ำลดตอผุดที่ สตง.

ที่มา มติชน



โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

ในที่สุดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินก็ดิ้นรนกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯอีกครั้งหนึ่งสำเร็จ


หลังจากก่อนหน้านี้( 2 กรกฎาคม2553)คุณหญิงจารุวรรณทำบันทึกแจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ว่า ได้แต่งตั้งรองผู้ว่าฯรักษาราชการแทนชั่วคราว เนื่องจากมีปัญหาข้อกฎหมายเรื่องการพ้นจากตำแหน่งของผู้ว่าฯจนกว่าจะมีการวินิจฉัยเป็นที่ยุติ(อายุครบ 65ปี ต้องพ้นจากตำแหน่งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ2542 แต่อ้างว่า ประกาศ คปค. ฉบับที่ 29 ให้ปฏิบัติหน้าที่ทำหน้าที่ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการสรราหาผู้ว่าฯคนใหม่)


ในช่วงที่หยุดพักการทำหน้าที่นั้น คุณหญิงจารุวรรณทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา นายกรัฐมนตรีและเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาให้วินิจฉัยว่า สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯต่อไปได้หรือไม่


ต่อมา วันที่ 14 กรกฎาคม คณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภาที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวันส.ว.ระบบสรรหาเป็นโตโผใหญ่ฟันธงว่า คุณหญิงจารุวรรณสามารถปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯต่อไปได้


ทำให้คุณหญิงจารุวรรณ(รีบ?)ทำบันทึกลงวันที่ 30 กรกฎาคมโดยไม่รอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา แจ้งเจ้าหน้าที่ สตง.ว่า จะกลับมาปฏิบัติราชการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการสรรหาผู้ว่าฯคนใหม่เสร็จสิ้น


(อาจจะมีการขอถอนเรื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเพราะเกรงว่า คำวินิจฉัยจะขัดแย้งกับความเห็นของคณะที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภา)


ปรากฏการณ์ดังกล่าว อาจทำให้ทำให้สงสัยว่า ทำไมคุณหญิงจารุวรรณต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อกลับมาทำหน้าที่ผู้ว่าฯอีกครึ่งหนึ่งท่ามกลางความสับสนของเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารระดับสูงใน สตง.บางคนที่ไม่พอใจเนื่องจากไม่อาจเติบโตได้ใต้เงาทะมึนของ"นายเก่า"ที่ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้


น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ภายใต้ภาพลักษณ์ที่สาธารณชน(เคย?)เชื่อว่า มีความซื่อสัตย์สุจริต จัดการกับคนทุจริตคดโกง(เฉพาะหน่วยงานอื่น?)อย่างตรงไปตรงมา ได้เกิดปัญหาขึ้นภายใน สตง.มากมาย มีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตของผู้บริหารระดับสูงหลายเรื่อง แต่ถูกเก็บเงียบไว้ กระทั่งถึงช่วงปลายสมัยจึงมีเรื่องอื้อฉาวปูดออกมาภายนอก


ล่าสุดคือ เรื่องการล็อกสเป๊กการประกวดราคาออกแบบอาคาร สตง.แห่งใหม่ ปทุมธานีมูลค่า 1,500 ล้านบาท และ อาคารธรรมาภิบาล หรือศูนย์ฝึกอบรม อ.สัตหีบ ชลบุรีที่เปิดช่องให้บริษัทที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมยื่นประมูลงได้ ทำให้สภาสถาปนิกทักท้วงให้แก้ไขหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล ในที่สุดคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยการประมูลดังกล่าวว่า ฝ่าฝืน พ.ร.บ.สถาปนิก พ.ศ.2543


แต่ยังไม่มีใครหน้าไหนใน สตง.รวมถึงผู้ทำหน้าที่ผู้ว่าฯออกแสดงความรับผิดชอบหรือแถลงให้ทราบว่าจะดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร

นี่ยังไม่รวมข้อพิรุธที่มีการประกาศประกวดราคาก่อสร้างอาคารแล้วยกเลิกหลายครั้งจนน่าสงสัย


นอกจากเรื่องข้างต้น ยังมีเรื่องที่ถูกเก็บเงียบอีก 3 เรื่องคือ


หนึ่ง คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร(กวฉ.)สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินฯ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.ดุสิตเพื่อให้ดำเนินคดีอาญา นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และคุณหญิงจารุวรรณ ในข้อหาจงใจที่จะหลีกเลี่ยงไม่ยอมปฏิบัติคำสั่งของ กวฉ. มีความผิดตามมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ปรากฏว่า พนักงานสอบสวน สน.ดุสิตดองเรื่องไว้ โดยคดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ


สอง กรณีกล่าวหาอมตั๋วฟรีการบินไทยในฝึกอบรมหลักสูตร "ผู้บริหาร/ผู้เชี่ยวชาญยุคใหม่" ไปดูงาน ณ สตง.ที่ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์และอิตาลี ในช่วงปลายปี 2546 โดย สตง.ขอตั๋วเครื่องบินฟรีไป-กลับจากการบินไทย 10 ใบ อ้างว่า เพื่อให้ใช้การเดินทางไปฝึกอบรม แต่กลับเอาชื่อลูกสาว-น้องสาวของ"บิ๊ก สตง."ไปใส่ในตั๋วฟรี 2 ที่นั่ง และยังเบิกค่าใช้จ่ายในส่วนค่าตั๋วที่ได้ฟรีทั้ง 10 ใบด้วยโดยไม่มีส่วนลดค่าจ้างบริษัททัวร์จาก 3.12 ล้านบาท


ทำให้คนสงสัยว่า เป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของลูกสาวและน้องสาว"บิ๊ก สตง." และมีการไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นหรือไม่


สาม กรณีการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าที่พักในการจัดอบรมตามโครงการประชุมสัมมนาผู้บริหารที่จังหวัดน่านโดยมิชอบ


มีการกล่าวหาว่า เป็นการจัดสัมมนาบังหน้าเพื่อเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงได้ เพราะความจริงแล้ววันดังกล่าว สตง.จัดทอดกฐินหลวง แต่การเดินทางไปทอดกฐินไม่สามารถเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงได้ เลยทำเป็นจัดสัมมนาในวันเดียวกัน แต่มาขอยกเลิกในภายหลัง แต่ได้เบิกเบี้ยเลี้ยงเข้ากระเป๋าไปแล้ว


สองเรื่องหลังนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ไม่มีความซ้อบ แต่ ป.ป.ช.กลับใช้เวลาในการไต่สวนนานมาก ผิดกลับบางเรื่องที่ดำเนินการเร็วเป็นพิเศษ


หรือ ป.ป.ช.ถือคติว่า (รอ)ให้น้ำลด(ก่อน) ตอ(จึงจะ)ผุด