ที่มา มติชน หมายเหตุ"มติชนออนไลน์"-เป็นบันทึกข้อความลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 ของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินที่แจ้งเวียนข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทุกหน่วยว่า จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปโดยอ้างความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภาว่า ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการสรรหาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าฯเสร็จสิ้น มิเช่นนั้นจะส่งผลเสียหายกลับประเทศชาติ ตามบันทึก สกบ.ที่ 09/ว.1230 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2553 แจ้งว่ายังมีปัญหาการพ้นจากตำแหน่งของ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยในขณะที่ยังไม่ได้ข้อยุติในกรณีดังกล่าว จึงให้รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินปฏิบัติราชการตามคำสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่/5/2552 ลงวันที่ 9 เมษายน 2552 ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
-------------------------------
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้มีหนังสือกราบเรียนประธานวุฒิสภาซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสรรหาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในปัญหาดังกล่าว ประธารวุฒิสภาได้มีคำสั่งมอบหมายให้คณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภาพิจารณาเสนอความเห็นทางกฎหมาย บัดนี้คณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภา ได้มีหนังสือส่งบันทึกความเห็นทางกฎหมาย เรื่องการปฏิบัตติหน้าที่ของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินมาแล้ว และมีความชัดเจนในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สรุปได้ดังนี้
1.เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2549 ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 29 ซึ่งแก้ไขประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 12 โดยประกาศฉบับที่ 29 ข้อ 2 ได้บัญญัติให้ยกเลิกความในข้อ 2 ของประกาศฉบับที่ 12 และให้ใช้ข้อความใหม่ ความว่า
"ข้อ 2 ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 18 กันยายน 2549 คงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550"
และในประกาศฉบับที่ 29 ข้อ 3 วรรคสอง บัญญัติว่า
"ข้อ 3 วรรคสองในระหว่างที่ยังไม่มีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินที่พ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่งยังคงปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไปพลางก่อน"
2.จากบทบัญญัติของประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 29 ดังกล่าว จึงฟังเป็นที่ยุติได้ว่าผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 18 กันยายน 2549 จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 โดยหลังจากนั้นจะต้องดำเนินการควรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินใหม่ตามประกาศข้อ 3 ประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 301 โดยในระหว่างที่ยังไม่มีการดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินใหม่ประกาศฉบับที่ 29 ในข้อ 3 วรรคของบัญญัติให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งพ้นจากตำแหน่งยังคงปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไปพลางก่อน
เมื่อบทบัญญัติของประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 29 ซึ่งถือเป็นกฎหมายอีกทั้งได้รับการรับรองโดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 มาตรา 36 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 309 ว่า มีความชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินที่พ้นจากตำแหน่งหลังวันที่ 30 กันยายน 2550 จึงยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินไปพลางก่อนจนกว่ากระบวนการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินใหม่จะแล้วเสร็จ ทั้งนี้โดยกฎหมายมีเจตนารมณ์ที่จะให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและงานตรวจเงินแผ่นดินของประเทศชาติไม่ต้องหยุดชะงัก เพราะเหตุที่ไม่มีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อประเทศชาติ เจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นเจตนารมณ์ที่ต้องถือปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
ด้วยบทบัญญัติของข้อกฎหมายดังกล่าว คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินอยู่ในวันที่ 18 กันยายน 2549 จึงต้องปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการตรวเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไปพลางก่อนจนกว่ากระบวนการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินใหม่จะแล้วเสร็จ ทั้งนี้จะมาปฏิบัติหน้าที่ราชการตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบและแจ้งให้ข้าราชการในสังกัดทราบโดยทั่วกัน