WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, August 2, 2010

พท.โต้"มาร์ค"อย่าโยนขี้ใส่"นพดล" นายกฯอัดอดีตรมว.ต่างประเทศทำเสียเปรียบ ชายแดน"ไทย-เขมร"คึกคัก

ที่มา มติชน


รมว.กห.ชี้ยึดเอ็มโอยู43ไร้ปัญหา


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ภายหลังกัมพูชามีท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมรับผลการตัดสินให้เลื่อนการพิจารณาปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกไปในปี 2554 ว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีอะไร ทางกัมพูชาไม่เพิ่มเราก็ไม่เพิ่ม ขั้นตอนขณะนี้เป็นการดำเนินการตามเอ็มโอยูที่ทั้งสองประเทศลงนามร่วมกันเมื่อปี 2543 และเป็นการทำตามข้อตกลงที่สมัยนายเตช บุญนาค เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งขั้นตอนต่อไปคงเป็นการหารือพูดคุยกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร


เมื่อถามว่า การหารือระดับจีบีซีระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมไทยกับรัมนตรีกลาโหมกัมพูชาจะหารือกันเรื่องเขตแดนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา ซึ่งการประชุมจีบีซีจะมีประมาณเดือนตุลาคมนี้ที่เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งกรอบการหารือจะต้องมีฝ่ายเลขานุการในการเตรียมข้อหารือ ทั้งนี้ ประเด็นส่วนใหญ่จะเป็นการหารือในเรื่องชายแดน ยาเสพติด แรงงานเถื่อน ส่วนการหารือประเด็นเขตแดนก็คงต้องรอดูข้อพิจารณา


พท.โต้"มาร์ค"อย่าโยนขี้ใส่"นพดล"


ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกมีมติเลื่อนการพิจารณาแผนพัฒนาประสาทประวิหารของกัมพูชาออกไป 1 ปี ว่า ทำให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ตีปี๊บดีใจกันยกใหญ่ ทั้งที่การเลื่อนแบบนี้เหมือนกับศาลที่เลื่อนการพิจารณาคดี ไม่ได้หมายความว่าใครแพ้ใครชนะ และเห็นด้วยกับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุว่าไม่ใช่การแพ้ชนะ แต่เป็นการซื้อเวลาออกไป ทั้งนี้ ประเด็นปราสาทพระวิหาร และประเด็นไทยกัมพูชา เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะมีนักการเมืองมาจุดกระแสคลั่งชาติ และล่าสุดนายอภิสิทธิ์ยังออกมาโยนประเด็นว่า เพราะนายนพดลเป็นคนไปทำสัญญาจนทำให้เกิดปัญหา


"ยืนยันว่าไม่มีรัฐบาลพรรคใดที่ต้องการให้เกิดปัญหาแก่ประเทศชาติ การพูดของนายอภิสิทธ์เป็นการพูดแบบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นตามมาตรฐานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ คณะทำงานพรรคเพื่อไทยที่ติดตามเรื่องนี้ยังไม่พบแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจนของรัฐบาลจนบัดนี้ แต่เห็นด้วยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าการแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกันเท่านั้น" นายพร้อมพงศ์กล่าว


นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เรื่องปัญหาความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้าน พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ตั้งกรรมการระดับชาติ แล้วกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยกำหนดประเด็นรวบรวมข้อคิดเห็นเหมือนกับคณะกรรมการชุดของนายอานันท์ ปันยารชุน ที่กำหนดวาระทำงาน 3 ปี ให้เป็นการระดมความคิดเห็นโดยไม่แบ่งแยก เพื่อประโยชน์ชาติอย่างแท้จริง ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องนำไปใช้ เพราะพรรคเพื่อไทยคิดว่าในอีก 1 ปีข้างหน้า พรรคเพื่อไทยก็ต้องกลับไปเป็นรัฐบาลอีก ก็ต้องมาแก้ปัญหานี้อีก


ชายแดน"ไทย-เขมร" คึกคัก


สำหรับบรรยาการที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นวันที่เปิดให้มีตลาดนัดไทย-กัมพูชาที่บริเวณตลาดไทยในเขตแดนไทย ปรากฏว่าบรรยากาศเป็นอย่างคึกคักมาก เพราะชาวกัมพูชาทั้งพลเรือนและทหารพากันแห่เข้ามาหาซื้อสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวนมาก ทั้งนี้ เนื่องจากว่าชาวกัมพูชาไม่กล้าเข้ามาหาซื้อสินค้าในเขตแดนไทยเป็นเวลานานหลายวันแล้ว


ด้าน พ.ต.อ.ชัชวาลย์ แก้วจันทร์ดี ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุวัยรุ่นซิ่งรถจักรยานยนต์ 3 คัน บุกขว้างระเบิดถล่มเวทีปราศรัยของกลุ่มทวงคืนแผ่นดินไทยเขาพระวิหาร ขณะปราศรัยบริเวณข้างศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้มีคนบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย ว่า สอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้วพบว่าความจริงแล้วไม่ใช่ระเบิดแต่เป็นดอกไม้เพลิง ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นป่วนเมืองเจตนาเข้ามาก่อกวน โดยขว้างลงกับพื้นแล้วดอกไม้เพลิงกระเด็นไปโดนหน้าแข้งของสามล้อรับจ้างคนหนึ่งที่มาฟังการปราศรัยทำให้ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลเล็กน้อย ตนติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็วแล้ว


"มาร์ค"ขอบคุณปชช.ป้องแผ่นดิน


เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาประมาณ 30 นาที อธิบายที่มาที่ไปของการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว พร้อมชี้แจงการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อกดดันและคัดค้านที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก (ยูเนสโก) ที่ประเทศบราซิล ไม่ให้รับแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารตามข้อเสนอของกัมพูชา ผ่านรายการ


"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (สทท.11) โดยมีใจความสำคัญว่า ขอขอบคุณประชาชนที่ออกมาแสดงความหวงแหนอธิปไตย และการปกป้องผืนแผ่นดินไทย ถือเป็นสิ่งที่มีความหมายและมีความสำคัญ เพราะนอกจากจะเป็นการเตือนรัฐบาลและคนไทยให้เห็นความสำคัญเรื่องนี้แล้ว ความเคลื่อนไหวต่างๆ ยังอยู่ในสายตาของชาวโลกและองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยให้เกิดความเข้าใจต่อมุมมองของคนไทย และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกต้องตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการรอบปราสาทพระวิหาร ตามข้อเสนอของทางกัมพูชาออกไปในปีหน้า


"ขณะนี้มีความสับสนในบางเรื่อง ผมไม่สบายใจที่มีการกล่าวหากันไปกันมา หรือพูดจาแสดงความคิดเห็นกันที่ขัดแย้งกันเองในฝ่ายไทย เพราะจะไปเป็นประโยชน์กับทางฝ่ายกัมพูชาเปล่าๆ จึงพยายามจะจัดเวทีให้มีการพูดคุยกันเพื่อไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกระเทือนต่อการดำเนินการของรัฐบาล ในการปกป้องอธิปไตยและดินแดนไทย" นายอภิสิทธิ์กล่าว


อัด"นพดล"ต้นเหตุทำไทยเสียเปรียบ


นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในปี 2551 ซึ่งเสมือนเป็นการยอมรับให้กัมพูชาเดินหน้าในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวได้ ขณะนั้นตนซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาแสดงท่าทีคัดค้านอย่างชัดเจน เพราะคิดว่าจะทำให้เกิดปัญหา และทำให้กัมพูชานำแผนที่ หรือแผนผังต่างๆ ยื่นให้ประชาคมระหว่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศรับรอง จึงถือว่าเป็นจุดที่ทำให้เกิดความเสียเปรียบเป็นอย่างยิ่ง แม้ตอนหลังจะยกเลิกแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว และศาลตัดสินว่าเป็นโมฆะ แต่การดำเนินการในขณะนั้นเป็นผลให้ทางคณะกรรมการมรดกโลกรับรองมติที่กัมพูชาเสนอขึ้นไป และนำมาสู่การจัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารก็พยายามที่จะสกัดกั้นไม่ให้ปัญหาลุกลาม


"ซึ่งในปี 2552 ก็ประสบความสำเร็จในการไม่ให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาเรื่องนี้ และเลื่อนมาเป็นปี 2553 ซึ่งตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปดำเนินการล็อบบี้ทำความเข้าใจและคัดค้านการเดินหน้าของคณะกรรมการมรดกโลกอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าเดินหน้าต่อมีแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง เกิดความรุนแรง นำไปสู่ปัญหาในเชิงข้อกฎหมาย และมีผลกระทบกับอธิปไตยของประเทศไทย" นายอภิสิทธิ์กล่าว


ลั่นอีก 1 ปีต้องทำงานหนัก


"ผมอยากย้ำว่าเราประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นไม่ให้กัมพูชารุกคืบเข้ามา เพื่อจะนำไปสู่การอ้างสิทธิในบริเวณรอบปราสาท และอาจจะมีผลต่อไปในอนาคตที่มากระทบกระเทือนอธิปไตยและดินแดนของเรา แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ใน 1 ปีข้างหน้า จำเป็นที่จะต้องทำงานกันอย่างหนัก แต่อย่างน้อยง่ายขึ้นเพราะได้เห็นเอกสารของทางกัมพูชาแล้ว เรามีเวลา 1 ปีในการลงไปในรายละเอียดและทักท้วงว่าสิ่งที่กัมพูชากำลังจะทำนั้นจะสร้างความเสียหาย หรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิของเราอย่างไร ซึ่งนอกจากทางภาครัฐแล้ว ผมขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจและอยากแสดงออกในเรื่องนี้มาร่วมกันศึกษาหาข้อมูล แล้วนำความคิดเห็นของคนไทยถ่ายทอดไปยังบรรดาประเทศสมาชิกของมรดกโลกและยูเนสโก" นายกรัฐมนตรีกล่าว


นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนในพื้นที่ที่ยังมีปัญหาทั้งเรื่องของการวางกำลัง และเรื่องของชุมชน ไทยจะมีมาตรการรักษาสิทธิ ซึ่งโดยหลักต้องเริ่มต้นจากวิธีการทางการทูต ขณะนี้ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศไปเตรียมขั้นตอนวิธีการดำเนินการแล้ว