ที่มา ข่าวสด
ไม่ได้โกงเงิน-ที่ดินวัด ให้ทนายแถลงป้อง"ชี"
พระ ปราโมทย์ มอบหน้าที่ให้ทนายความแถลงข่าวตอบโต้กรณีถูกกล่าวหาโกงเงิน-ฮุบที่ดินวัด ยันดำเนินการอย่างโปร่งใส ที่ให้แม่ชีอรนุชถือเงิน เป็นเจ้าของ
บัญชี เพราะพระสายธรรมยุตถือเงินไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ถือไว้คนเดียว มีฆราวาสมีชื่อร่วมในบัญชีด้วย ส่วนเรื่องที่ดินก็ไม่ได้โอน กำลังยื่นเรื่องขอตั้งวัด ถือเป็นที่ธรณีสงฆ์ ยักย้ายถ่ายเทไม่ได้ ผู้ว่าฯ เมืองชล สั่งตั้งกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้นายอำเภอศรีราชาเป็นประธาน ลั่น 7 วันรู้ผล เพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว ขณะที่ดีเอสไอ ก็ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเช่นกัน รอง ผอ.สำนักพุทธฯ เผยเพิ่งได้รับเรื่องการขอตั้งวัด แต่ยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการ
จาก กรณีนายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์ภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย เข้าร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ พระปราโมทย์ ปาโมชโช (สันตยากร) พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวหาว่า พระนักเทศน์คนดังโอนเงินทำบุญซื้อที่ดิน และสำนักสวนสันติธรรม 100 ล้านบาท ให้นางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยา ซึ่งเป็นแม่ชีสวนสันติธรรม ให้เป็นผู้ดูแลบัญชีรับบริจาคเพียงคนเดียว ไม่มีการตั้งคณะกรรมการ อาจเข้าข่ายฉ้อโกงทรัพย์ของผู้บริจาค นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า พระปราโมทย์ยังโอนที่ดินของสำนักดังกล่าวให้อดีตภรรยาด้วย ซึ่งล่าสุดพระปราโมทย์นัดแถลงข่าวตอบโต้ ตามที่เสนอไปนั้น
n ทนายแถลงโต้ข้อกล่าวหา
ความ คืบหน้าเรื่องนี้ เริ่มเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่สวนสันติธรรม นายธนเดช พ่วงพูล ทนาย ความของพระปราโมทย์ เปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ดังนี้ ข้อเท็จจริงกรณีของหลวงพ่อปราโมทย์ และสวนสันติธรรมการแถลงข่าวในครั้งนี้กระทำโดยตัวแทนของผู้มาปฏิบัติธรรมใน สวนสันติธรรม มิใช่เกิดจากเจตนารมณ์โดย ตรงของหลวงพ่อปราโมทย์ ด้วยเหตุว่าปัจจุบันมีกลุ่มของผู้ไม่หวังดีที่ได้กระทำการโดยมีเจตนาจะทำลาย ชื่อเสียงอันดีงามของหลวงพ่อปราโมทย์ และของสวนสันติธรรม ทางสวนสันติธรรมจึงได้มอบหมายให้ตัวแทนดำเนินการจัดให้มีการแถลงข้อเท็จจริง ในวันนี้ให้กับสวนสันติธรรม
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสวนสันติธรรม ได้จัดตั้งขึ้นมาตามความประสงค์ของผู้มีจิตศรัทธาต่อหลวงพ่อปราโมทย์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และศึกษาธรรมของผู้ที่มีจิตศรัทธา และความประสงค์จะเข้ามาศึกษาธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ โดยในช่วงแรกได้จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์ศึกษาปฏิบัติธรรมซึ่งไม่ใช่นิติบุคคล ในการดำเนินการจัดสร้างนั้นเริ่มต้นด้วยการจัดซื้อที่ดิน ในช่วงของการซื้อที่ดินคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งเป็นผู้บริจาคเงินบางส่วน ได้ร้องขอเป็นผู้ซื้อที่ดิน แต่ทางหลวงพ่อขอให้ใช้ชื่อ ของแม่ชีอรนุช เนื่องจากว่าไว้วางใจมากกว่า จึงทำให้มีชื่อของแม่ชีอรนุช เป็นเจ้าของที่ดินมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 มิใช่การโอนถ่ายให้แก่แม่ชีอรนุชในภายหลังแต่อย่างใด
n ยันดำเนินการอย่างโปร่งใส
ใน การดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการก่อสร้าง และตลอดจนการดำเนินงานของสวนสันติธรรมได้กระทำอย่างโปร่งใส มีบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ได้เข้ามารับรู้และทราบเรื่องเป็นจำนวนมาก ซึ่งสวนสันติธรรมก็ไม่เคยมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก หรือไม่เคยมีเรื่องการยักย้ายทรัพย์สินตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด และในการบริหารเงินที่ได้รับบริจาคมาของสวนสันติธรรม ท่านแม่ชีอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นในช่วงแรกที่คุณฐิตินาถวางมือก่อนสร้างสวนสันติธรรมเสร็จ โดยบัญชีเงินรับบริจาคของสวนสันติธรรม มีพัฒนาการเป็น 3 ระยะ คือ
1.ระยะ ก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของท่านแม่ชีอรนุชร่วม กับคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดยคุณฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่าย เนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และคุณธนา รุจิพัฒนกุล เป็นผู้ถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับ-รายจ่าย และในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้ว มีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามของท่านแม่ชีอรนุชและคุณฐิตินาถร่วมกัน เพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม
n รับแม่ชีเป็นเจ้าของบัญชีจริง
2.ระยะ หลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้างคุณฐิตินาถวางมือ เนื่องจากมีภาระส่วนตัว ท่านแม่ชีอรนุชจึงต้องรับภาระดูแลบัญชีตามลำพัง ในช่วงธันวาคม 2549 เป็นต้นมา โดยปิดบัญชีสร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิม โดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของท่านแม่ชีอรนุชตามลำพัง เนื่องจากคุณฐิตินาถไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้น และต่อมาเมื่อมีเงินในบัญชีมากขึ้น สวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 สิงหาคม 2551 ในนามของท่านแม่ชีอรนุช คุณอภิชาติ อัศวเรืองชัย และคุณชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือน ท่านแม่ชีอรนุชจะทำบัญชีส่งให้คุณอภิชาติเป็นหลักฐานด้วย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่คุณอภิชาติลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 มกราคม 2553 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างใด
n แต่มีหน้าที่เพียงแค่เบิกจ่าย
3.ระยะ ปัจจุบัน เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553 มีการเปิดบัญชีใหม่ ในนามของคุณสุรพล สายพานิช คุณธนา รุจิพัฒนกุล และคุณกนิษฐวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้ ท่านแม่ชีอรนุชทำหน้าที่เพียงการควบคุมการเบิกจ่ายเงินสดย่อย และสรุปยอดบัญชีรายเดือนส่งให้คุณสุรพล ซึ่งได้จ้างนักบัญชีตรวจสอบบัญชีอีกชั้นหนึ่งด้วย
สำหรับเงินบริจาค ของสวนสันติธรรม จะมาจาก 2 ทาง คือ ส่วนที่มีผู้บริจาคเข้าบัญชีโดยตรง และจากญาติโยมที่เข้ามาฟังธรรมและได้บริจาคแด่สงฆ์ที่อยู่ในสวนสันติธรรม เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม ซึ่งเงินในส่วนที่สองนี้จะมีอาสาสมัครคอยดูแล และตรวจนับ มีการลงรายการรับไว้ครบถ้วน และทางสวนสันติธรรมจะมีการใช้เงินอย่างมีระบบเอกสารการเบิกจ่ายครบถ้วนตาม ที่ได้กล่าวมาข้างต้น
n ใช้ชื่อแม่ชีเพราะพระจับเงินไม่ได้
อนึ่ง การที่หลวงพ่อปราโมทย์ได้มอบหมาย ให้ท่านแม่ชีอรนุช รับมอบอำนาจดำเนินการควบคุมการเบิกจ่ายเงินของสวนสันติธรรมแทนหลวงพ่อ ปราโมทย์ และดูแลบัญชีเป็นบางคราวนั้น เนื่องจากท่านหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านเป็นพระในสายของธรรมยุติกนิกาย ซึ่งจะไม่ สามารถจับต้องหรือเก็บเงินทอง หรือซื้อทรัพย์สินใดๆ เองได้ ทั้งสิ้น และในสวนสันติธรรมไม่มีอุบาสกอยู่ประจำ จึงจำเป็นที่จะต้องให้ท่านแม่ชีอรนุชดูแลแทน และที่ผ่านมา ท่านแม่ชีก็ได้ร้องขอต่อหลวงพ่อปราโมทย์บ่อยครั้ง ที่จะให้หาคนมาทำงานแทน เพื่อท่านแม่ชีจะได้บำเพ็ญภาวนาได้เต็มที่ต่อไป และนอกจากนี้ เกี่ยวกับที่ดินของสวนสันติธรรมตามที่เป็นข่าว ภายหลังจากที่จัดสร้างสวนสันติธรรมแล้วเสร็จ ในช่วงแรกมีผู้เห็นว่าการตั้งเป็นวัดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก และในตอนนั้นยังไม่เหมาะสมจึงยังไม่ดำเนินการ และต่อมาในเดือนมกราคม 2553 เมื่อเห็นว่าทุกอย่างลงตัวและพร้อมแล้ว หลวงพ่อปราโมทย์ก็ได้ให้ท่านแม่ชีอรนุช ยื่นเรื่องขอยกที่ดินแปลงที่เป็นที่ตั้งของสวนสันติธรรมให้มีการจัดตั้งเป็น วัดแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 โดยทำสัญญากับท่านนายอำเภอศรีราชา และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอนุญาตต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สวนสันติธรรมมีฐานะเป็นวัดต่อไป
n ป้องแม่ชีไม่ได้ดูบัญชีคนเดียว
ประเด็น ข้อร้องเรียนของนายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ข้อร้องเรียนขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้สวนสันติธรรม เพราะพบว่า 1.พระปราโมทย์มอบอำนาจให้แม่ชีอรนุชเป็นผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียง ผู้เดียว ไม่มีการตั้งคณะกรรมการดูแล 2.ที่ดินเปลี่ยนชื่อเป็นของแม่ชีอรนุช
เรื่อง นี้ข้อเท็จจริงคือ 1.ระบบการเงินและบัญชีของสวนสันติธรรม 1.1 บัญชีสวนสันติธรรม แม่ชีอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว โดยบัญชีเงินรับบริจาคของสวนสันติธรรม มีพัฒนาการเป็น 3 ระยะ คือ 1.1.1 ระยะก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของแม่ชีอรนุชร่วมกับ คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดยคุณฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่าย เนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และคุณธนา รุจิพัฒนกุล เป็นผู้ถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับรายจ่าย และในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้ว มีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามของแม่ชีอรนุชและคุณฐิตินาถร่วมกัน เพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม
n ทุกบาททุกสตางค์มีหลักฐานชัด
1.1.2 ระยะหลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้างคุณฐิตินาถวางมือ เนื่องจากมีภาระส่วนตัว แม่ชีอรนุชจึงรับภาระดูแลบัญชีตามลำพังในช่วงธันวาคม 2549 เป็นต้นมา โดยปิดบัญชีสร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิม โดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของแม่ชีอรนุชตามลำพัง เนื่องจากคุณฐิตินาถ ไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้น และต่อมาเมื่อมีเงินในบัญชีมากขึ้น สวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 สิงหาคม 2551 ในนามของแม่ชีอรนุช คุณอภิชาติ อัศวเรืองชัย และคุณชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือน แม่ชีอรนุชจะ ทำบัญชีส่งให้คุณอภิชาติเป็นหลักฐานด้วย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่คุณอภิชาติลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 มกราคม 2553 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างใด 1.1.3 ระยะปัจจุบัน เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553 มีการเปิดบัญชีใหม่ ในนามของคุณสุรพล สายพานิช คุณธนา รุจิพัฒนกุล และคุณกนิษฐวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้ แม่ชีอรนุชไม่ได้ดูแลเรื่องบัญชีของสวนสันติธรรมอีกต่อไป
n เงินบริจาคมีกก.ตรวจนับ
1.2 ระบบการเงินของสวนสันติธรรม ที่มาของรายได้ของสวนสันติธรรมมี 2 ส่วนคือ (1) ส่วนที่มีผู้บริจาคเข้าบัญชีของสวนสันติธรรม และ (2) ส่วนที่ญาติโยมที่มาฟังธรรมถวายปัจจัยแด่สงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม เงินส่วนแรก คนในสวนสันติธรรมไม่ได้แตะต้อง แต่เงินบริจาคใส่ตู้ถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรมนั้น จะมีขั้นตอนการทำงาน คือ มีการตรวจนับหน้าตู้ทุกวันที่เปิดสวนสันติธรรม โดยทีมงานอาสาสมัครซึ่งก็คือผู้ที่มาฟังธรรมนั่นเอง เมื่อตรวจนับแล้วจะลงยอดรายรับในแต่ละวันแล้วส่งยอดพร้อมตัวเงินให้แม่ชี อรนุช แม่ชีอรนุชจะรวมยอดรายรับแต่ละวันไว้ เมื่อมีผู้เบิกค่าใช้จ่ายภายในสวนสันติธรรม จะต้องนำหลักฐานการเบิกจ่ายไปแสดงต่อแม่ชีอรนุชเพื่อขอรับเงิน เมื่อมีเงินสดคงเหลือจำนวนหนึ่ง แม่ชีอรนุชจะนำเข้าฝากในบัญชีของสวนสันติธรรมเป็นระยะๆ (เงินในบัญชีแทบไม่เคยเบิกจ่ายเลย) เมื่อถึงสิ้นเดือน แม่ชีอรนุชจะต้องส่งรายการรายรับรายจ่ายทั้งเดือนให้คุณสุรพล สายพานิช เพื่อลงบัญชีและมีผู้ตรวจสอบบัญชีอย่างเป็นระบบ
n โฉนดที่ดินใช้ชื่อแม่ชีเพราะไว้ใจ
สำหรับ เหตุผลที่ต้องให้ฆราวาสดูแลการเบิกจ่ายเงินนั้น ก็เนื่องจากสวนสันติธรรมเป็นที่พักสงฆ์ของพระธรรมยุต ซึ่งพระจะดูแลเงินเองไม่ได้เพราะผิดพระวินัย และในสวนสันติธรรมมีผู้ที่ไม่ใช่พระซึ่งอยู่ประจำเพียง 2 คน คือ แม่ชีอรนุชกับคุณชยาทร เตชะไพบูลย์เท่านั้น ซึ่งทั้งสองคนจำเป็นต้องแบ่งงานกันทำ อย่างไรก็ตาม เมื่อสวนสันติธรรมได้ขอตั้งเป็นวัดแล้ว จะต้องหาไวยาวัจกรใหม่ซึ่งจะเป็นผู้ชาย ขณะนี้ได้ทาบทามผู้ที่สงฆ์ไว้วางใจได้ไว้แล้ว
2.เรื่องการซื้อที่ดินของสวนสันติธรรม
2.1 เดิมหลวงพ่อปราโมทย์จำพรรษาอยู่ที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ต่อมาในปี 2548 คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ได้พยา ยามขอสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่ถวาย โดยตกลงกันว่าคุณฐิตินาถและครอบครัวจะรับภาระค่าใช้จ่ายเอง เนื่องจากหลวงพ่อปราโมทย์ไม่ชอบการเรี่ยไร
n เผยเป็นที่ธรณีสงฆ์-ทำอะไรไม่ได้
2.2 ต่อมาคุณฐิตินาถได้แจ้งให้หลวงพ่อปราโมทย์ทราบว่า จำเป็นต้องขอเรี่ยไรเงินค่าซื้อที่ดินประมาณ 6 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ คุณฐิตินาถและครอบครัวจะรับผิดชอบเอง หลวงพ่อปราโมทย์จึงยินยอม (แต่ต่อมาก็มีการเรี่ยไรค่าก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง) และในขั้นตอนการซื้อที่ดินนั้น เกิดปัญหาว่าจะใช้ชื่อผู้ใดเป็นผู้ซื้อที่ดิน เพราะหลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระจะไปซื้อที่ดินด้วยตนเองไม่ได้ ชั้นแรกคุณฐิตินาถขอให้ใช้ชื่อตนเอง แต่หลวงพ่อปราโมทย์ขอให้ใช้ชื่อแม่ชีอรนุช แทน เพราะไว้วางใจมากกว่า ดังนั้น ที่ดินของสวนสันติธรรมจึงเป็นชื่อของแม่ชีอรนุชมาตั้งแต่ต้นคือเมื่อ 18 ตุลาคม 2548 ไม่ใช่การโอนให้แม่ชีอรนุชในภายหลังแต่อย่างใด
2.3 นับตั้งแต่กรรมการสวนสันติธรรมส่วนหนึ่งลาออก เมื่อกลางเดือนมกราคม 2553 หลวงพ่อปราโมทย์พร้อมด้วยสงฆ์และกรรมการสวนสันติธรรม เห็นพร้อมกันว่าน่าจะขอตั้งสวนสันติธรรมให้เป็นวัด เพื่อให้มีสถานะที่ชัดเจนในทางกฎหมาย (ที่ผ่านมาได้รับคำแนะนำจากหลายท่านว่า การตั้งเป็นวัดอาจทำให้ขาดความคล่องตัวในการทำงานเผยแผ่พระศาสนา) จึงดำเนินเรื่องขอตั้งวัดมาตามลำดับ โดยแม่ชีอรนุชได้ลงนามในสัญญากับนายอำเภอศรีราชาเมื่อ 23 มีนาคม 2553 ยกที่ดินให้สร้างวัด ดังนั้น ที่ดินของสวนสันติธรรมในขณะนี้ จึงเป็นที่ดินที่ติดสัญญา และจัดว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้อีกแล้ว
n ผู้ว่าฯชล-ดีเอสไอลุยสอบ
ด้าน นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าฯ ชลบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว มอบหมายให้นายอำเภอศรีราชา เป็นประธาน ร่วมกับนักวิชาการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรี และนิติกรฝ่ายปกครองจ.ชลบุรี เข้าไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ในระยะเวลา 7 วัน และคิดว่าการทำงานไม่น่าจะล่าช้า เพราะมีข้อมูลเดิมอยู่แล้ว แค่ไปรวบรวมรายละเอียดนำมาสรุปเท่านั้น
วัน เดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีพระปราโมทย์ ว่า ได้สั่งการให้ดีเอสไอส่วนภูมิภาคประจำการอยู่ในจ.ชลบุรี เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายเทิดศักดิ์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าที่ชัดเจน จึงไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะเกรงจะกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาในพุทธศาสนา
n อจ.จุฬาฯชี้ไม่เหมาะสม
นาย เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ภายหลังจากที่ทนายความของพระปราโมทย์ ออกมาแถลงข่าว ว่า การแถลงข่าวดังกล่าวทราบว่าพระปราโมทย์ ไม่ได้ร่วมแถลงข่าวด้วย ตนรู้สึกแปลกใจที่พระปราโมทย์ไม่ออกมาตอบคำถามกับสื่อมวลชน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนาย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าการออกมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าว ไม่ได้มาจากปัญหาความขัดแย้งส่วนตัวหรือเรื่องการขัดผลประโยชน์ตามที่ทนาย พูด แต่ต้องการปกป้องศาสนา เพราะตามหลักการการซื้อที่ดิน หรือการได้มาซึ่งที่ดิน ตามที่เจ้าสำนักอ้างว่าเป็นพระสายธรรมยุต ไม่สามารถถือครองที่ดินได้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่การโอนให้นางอรนุช สัตยากร อดีตภรรยาถือครองแทนเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะเงินที่นำมาซื้อที่ดินนั้นได้มาจากการบริจาค หากพระปราโมทย์จะบอกว่าไม่วางใจ นางฐิตินาถ ณ พัทลุง จึงให้นางอรนุช ถือครองแต่เพียงผู้เดียวเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น
n ท้าแสดงบัญชีรายรับรายจ่าย
นาย เทิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า การที่นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความของพระปราโมทย์ อ้างว่าจำนวนเงินบริจาคเข้าวัดไม่ได้มากมายตามที่เป็นข่าวนั้น ตนขอให้สวนสันติธรรมนำมาบัญชีธนาคารที่เปิดรับบริจาคทุกบัญชีออกมาเปิดเผย ให้สาธารณชนรับทราบ เพราะภายในสำนักสวนสันติธรรมมีการตั้งตู้รับบริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นจำนวนมาก รวมถึงตู้รับบริจาคเงินทอดกฐินที่เฉลี่ยจะมีเงินบริจาคปีละกว่า 4-5 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่สวนสันติธรรมมีแต่รายรับ ไม่ค่อยมีรายจ่าย แม้กระทั่งการพิมพ์หนังสือ ก็มีผู้จัดพิมพ์ออกค่าใช้จ่ายให้ ดังนั้น ตนจึงต้องการให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบว่า นางอรนุชได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารต่างๆ กี่บัญชี หากโปร่งใสจริงก็น่าจะมีการตรวจสอบได้
n พศ.ยังไม่อนุมัติให้ตั้งวัด
นาย นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รองผอ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีการร้องเรียนให้ พศ.ดำเนินการเอาผิดกับพระปราโมทย์ ว่า เบื้องต้นตนเข้าตรวจสอบการก่อตั้งวัดของสวนสันติธรรมแล้วพบว่า ได้ยื่นเอกสารขออนุญาตการตั้งวัดเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ขั้นตอนขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารหลักฐานการขอใบอนุญาต จัดตั้ง ในส่วนการขอตั้งวัดจึงยังไม่มีการดำเนินการอนุญาตให้ตั้งได้ ส่วนที่กระแสข่าวที่ว่ามีบุคคลในพศ.ให้ความช่วยเหลือและแนะนำพระปราโมทย์ ให้ดำเนินการตั้งวัดเพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ดิน ตนไม่ทราบเรื่องและไม่น่าจะเป็นตามที่มีการกล่าวหากัน
นายนพรัตน์ กล่าวว่า ขั้นตอนการตั้งวัด ต้องยื่นเอกสารการขอจัดตั้งมายัง พศ. จากนั้นจึงเป็นกระบวนการตรวจพิจารณาเอกสารหลักฐานเบื้องต้น เมื่อผ่านการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นแล้ว ผู้ก่อตั้งวัดจึงจะดำเนินการสร้างวัด จากนั้นเมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วจึงค่อยมาขอใบอนุญาตตั้งวัด โดยพศ.จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบและออกใบอนุญาตให้จัดตั้ง ปกติทั่วไปจะใช้เวลาในการดำเนินการทั้งสิ้นราว 4 เดือน และภายหลังได้ ใบอนุญาตจัดตั้งแล้วจึงจะมีการโอนที่ดินหรือทรัพย์สิน