ที่มา มติชน
โดย ประสงค์ วิสุทธิ์
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2553 มีมติแต่งตั้งนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตามที่นางพรทิวา นาคาสัย เจ้ากระทรวงเสนอ
นางบุญยิ่ง มีสามีชื่อนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.ราชบุรีเขต 2 สังกัดกลุ่มวังน้ำยมที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นหัวหน้ากลุ่ม
เมื่อนายสมศักดิ์แยกออกมาตั้งพรรคพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้ให้นายวิวัฒน์ เป็นรองหัวหน้าพรรค(เนื่องจากนายสมศักดิ์ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเพราะคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งการยุบพรรคไทยรักไทย) มีนางพรทิวา เป็นเลขาธิการพรรค
ปัจจุบัน นางพรทิวา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สังกัดภรรคภูมิใจไทย(ในฐานะเลขาธิการพรรค)ในโควต้าของกลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่นางบุญยิ่ง ภรรยานายวิวัฒน์(ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเพราะศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย)ได้รับแต่งตั้งเป็นกุนซือของนางพรทิวา
นอก จากความสัมพันธ์ทางการเมืองที่แนบแน่นแล้ว การได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี ย่อมทำให้นางบุญยิ่งมีอิทธิพลและ เป็นที่เกรงอกเกรงใจของข้าราชการประจำในสังกัดกระทรวงพาณิชย์
เพราะ ในทางปฏิบัติแล้ว รัฐมนตรีอาจมอบหมายงานให้ที่ปรึกษาช่วยดูแลงานด้านใดด้าหนนึ่งหรือที่ปรึกษา บางคนมีบทบาทอย่างสูงในการช่วยรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดิน
แต่แล้วจู่ๆ เมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ก็มี บริษัท กาญจนาพันธ์ ฟาร์ม จำกัด หนองลังกาฟาร์ม และ ไพรสะเดาฟาร์ม (ในเครือของบริษัท กาญจนาฟาร์ม จำกัด ของที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีนายวิวัฒน์ -นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และผู้ถือหุ้นใหญ่) เข้าร่วมประมูล มันเส้นล็อตใหญ่กว่า 250,251 ตัน มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท จากโกดังของรัฐบาลซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52
ปรากฏว่า บริษัททั้ง 3 ราย((จากผู้ยื่นประมูล 7 ราย)ผ่านการพิจารณาจากคณะทำงานดำเนินการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานคณะทำงาน
จากนั้นเสนอเรื่องให้นางพรทิวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการตลาดมันสำปะหลังอนุมัติและนำเสนอ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง
จนกระทั่งมีการนำเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติเมื่อวันที่ 24 สิหงาคม 2553 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงการประมูลไม่มีการเปิดเผยว่า บริษัททั้ง3 แห่งเป็นบริษัทในเครือของที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
แต่ ถูกสื่อมวลชนเปิดโปง มีการนำเอกสารหลักฐานมาเชื่อมโยงให้เห็นกันอย่างชัดเจนว่า บริษัทที่เข้าประมูลรวมถึงตัวบุคคลมีสายสัมพันธ์กันอย่างไรกับบริษัทของที่ ปรึกษารัฐมนตรี (ดู "แกะรอยประมูลมันเส้นฉาว "กาญจนาฟาร์ม & กาญจนพันธ์ฯ" ยึดหัวหาด กวาดเรียบ 2.5 แสนตั" ในมติชน, 13 กันยายน 2553 หรือ มติชนออนไลน์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1284370023&grpid=01&catid=00)
จากพฤติการณ์ดังกล่าวในการประมูล อาจเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 เพราะการที่ผู้เข้าประมูลและชนะการประมูลเป็นบริษัทในเครือของของที่ปรึกษา รัฐมนตรีทั้งหมดอย่างบังเอิญ ทำให้อาจมีการ"ฮั้ว" สมยอมราคาหรือตกลงราคากัน
นอกจากนั้น อาจทำให้สาธารณชนเชื่อว่า มีการใช้อิทธิพลของที่ปรึกษารัฐมนตรีเข้าแทรกแซงการประมูลครั้งนี้ด้วยหรือไม่
การ กระทำผิดในลักษณะนี้ มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่1 - 3 ปี และปรับร้อยละ 50 ของจำนวนเงินที่มีการเสนอราคาสูงสุดหรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับ หน่วยงานของรัฐ
ขณะ เดียวกัน ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจอนุมัติ การพิจารณาหรือการดำเนินการใด ๆ( อาจเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการประมูล รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง รองนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี หรือผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ) รู้หรือมีพฤติการณ์ปรากฏแจ้งชัดว่า ควรรู้ว่า การเสนอราคามีการกระทำความผิด ละเว้นไม่ดำเนินการเพื่อให้มีการยกเลิกการการประมูล ต้องมีความผิดฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท
การ ที่บริษัทในเครือของที่ปรึกษารัฐมนตรีเข้าร่วมประมูลมันเส้น มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาทและชนะการประมูลอย่างบังเอิญโดยพร้อมเพรียงดังกล่าว แม้ยังไม่มีกฎหมายที่จะเอาผิดอาญาในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนโดยตรง(เนื่อง จากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ประกาศให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางารเมืองอื่น นอจากคณะรัฐมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องห้ามกระทำตามมาตรา 100 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542)
แต่ พฤติการณ์ดังกล่าวที่ปรากฏอย่างชัดเจน ยังไม่เพียงพออีกหรือที่นายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่กล่าวอ้างว่า รังเกียจการทุจริตและวางกฎ 9 ข้อให้รัฐมนตรีปฏิบัติ จะแสดงให้เห็นประจักษ์แจ้งในคำกล่าวอ้างดังกล่าว
เพื่อพิสูจน์ว่า มิใช่ปล่อยการกล่าวอ้างลอยๆเพื่อความอยู่รอดทางการเมืองเท่านั้น