ที่มา vattavan วาทตะวัน สุพรรณเภษัช จุดมุ่งหมายที่ชัดเจนของผม ในการเขียนบทความ มันกล้า ‘ยึดทรัพย์’ ...พระเจ้าแผ่นดิน!!!เมื่อสัปดาห์ก่อนคือ ก็เพียงเพื่อที่จะชี้ ให้ท่านผู้อ่านเห็นว่า ก่อนถึงวันพิพากษาคดีของคุณทักษิณนั้น บ้านเมืองเราแตกออกเป็นเสี่ยงๆเรียบร้อยไปแล้ว เพราะผลพวงที่พวก ‘ไอ้บัง’กับพวก มันทำร้ายประเทศชาติ อันเป็นที่รักของพวกเรา ค.ต.ส. มีความพิเศษอีกอย่าง ไม่เหมือนพนักงานสอบสวนปกติ ตรงที่สามารถเบิกเงินหลวง ไปจ้างทนายฟ้องร้องเองได้ ซึ่งก็เบิกไปจ่ายแล้วนับสิบล้านบาท สนุกสนานบานเบิกกันไป แต่ยอดเงินหลวงที่แท้จริง ซึ่งจ่ายไปนั้น ยังปิดกันอยู่ว่าใครเบิกเป็นเงินเท่าไหร่ แต่ข่าวเขาว่ามันแพงบรรลัยเลยทีเดียว คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่ผมจะไปหามารายงานแฟนๆ ว่ามันแพงหรือมันมีราคาเท่าไหร่กันแน่? ผมขอบอกกับท่านผู้อ่านดังๆ และอยากให้ดังจนได้ยินไปถึงผู้พิพากษาซึ่งมีหน้าที่รักษาความเป็นธรรม ทั้งหลายว่า ก่อนถึงวันพิพากษาคดีคุณทักษิณฯ ได้มีเรื่องดังเกิดขึ้น กรณี ป.ป.ช. ออกข่าวว่า เริ่มกระบวนการไต่สวนผู้พิพากษาที่ออกหมายจับ นายสุนัย มโนมัยพิบูลอดีตอธิบดี DSI กรณีหมิ่นคุณทักษิณฯ ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ ย้อนไปดูคดีความของคุณทักษิณฯบ้าง ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเรื่องของผู้พิพากษาที่ถูกกล่าวหา ผิดกันแต่ว่า ผู้สนับสนุนคุณทักษิณฯนั้น ที่มันเจ็บก็เพราะว่า เราเป็นคนไทยเป็นชาติที่มีอิสรเสรี ไม่ได้เป็นทาสที่เขาปล่อยแล้ว เสือกยังไม่ยอมไปอีก เพราะถึงวันนี้ อำนาจของคณะรัฐประหารพวก ‘ไอ้บัง กบฏ’ หมดไปแล้ว แต่การที่มีความพยายาม ที่จะนำแอกพร้อมกระดึง หรือคำสั่งของไอ้เวร ‘บัง’ มาไว้บนคอบนไหล่กันอีก นั้น... ชาวบ้านเขาเห็นว่า มันไม่สมควร ไม่ถูกต้องและไปเป็นธรรมต่อคุณทักษิณ ทำให้ความยุติธรรม... ดังนั้น ผมจึงแสดงได้ความดีใจและเป็นปลื้มใจเป็นล้นพ้น ที่ท่านกีรติ กาญจนรินทร์ ผู้พิพากษาศาฎีกา ท่านแสดงความองอาจ สร้างคำวินิจฉัยที่กล้าหาญสะท้านโลก เคาะกะโหลกไอ้พวกยึดอำนาจว่า อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งธนบุรี ท่านศรีอัมพร ศาลิคุปต์ เพิ่งอ้างอำนาจอธิปไตย ซึ่งอำนาจศาลหรือตุลาการเป็นหนึ่งในสามอำนาจนั้น ในการปกป้องผู้พิพากษาศาลอยุธยา ที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาและตั้งกรรมการขึ้นมาไต่สวนไปหยกๆ เงินจำนวนนี้ที่ยึดได้นี้ มันคงจะไม่พอสำหรับการซ่อมแซมประเทศ ที่จะต้องเสียหายอีกต่อไป เพราะความแตกร้าว ความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ซึ่งปัจจุบันนี้... ........... ****ท้ายบท สำหรับจดหมายฟ้องโลก ได้แพร่หลายไปสู่สถานทูตทุกประเทศ ผู้นำชาติต่างๆ สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงทางกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ ด้วยความเคารพ
การยึดอำนาจด้วยปากกระบอกปืนนั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้องชอบธรรม...โลกอารยะเขารับกันไม่ได้!
มีข้อน่าสังเกตว่า
คนที่ยึดอำนาจด้วย ‘ปืน’ นั้น ต่อมาเขาก็ไม่ได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนในบ้านเมือง แถมยังตกเป็นขี้ปากของผู้คนเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 หรือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพล ประภาส จารุเสถียร นายพล สุนทร คงสมพงศ์ นายพล สุจินดา คราประยูร
แม้กระทั่ง “ไอ้บัง กบฏ” เองก็เถอะ!
ตอนนี้มีใครที่ไหน เขาตั้งวงเรียกร้องให้ “ไอ้บัง” มันมาเป็น ‘ผู้นำ’ ชาติบ้านเมืองของเราบ้างล่ะ!?
ถึงแม้ว่าตัว “ไอ้บัง กบฏ” มันจะกลายเป็นคนมีเงินมีทอง เพราะร่ำรวยจากผลพวงของการยึดอำนาจไปแล้ว อีกทั้งยังจับพลัดจับพลู ได้ไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเล็กๆ ที่ดูกระจอกงอกง่อยเต็มที เพราะผลโพลสำรวจที่ออกมา เขาบอกว่า
หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันนี้ แม้เพียง 1 ที่ตั้ง ในสภาก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ด้วยคะแนนเสียงความนิยมของพรรคที่ “ไอ้บัง” ไปเป็นหัวหน้า นั้น
ยังไม่พอได้ผู้แทนเพียงแค่ 1 คนด้วยซ้ำไป!
ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
ใครก็ตามที่เคยเป็นผู้รักษากฎหมาย คงยอมไม่ได้เด็ดขาดหากจะปล่อยให้นักเลงหัวไม้ ควงปืนโตไปไล่ข่มขู่ชาวบ้าน ถึงในบ้านเรือนของพวกเขา และไล่เจ้าของบ้านออกไป เราจะต้องเข้าไปจัดการทันทีทันใด เพื่อรีบดับความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน
อย่างไม่รอช้า!
ในทำนองเดียวกัน เมื่อเห็นทหารควงปืนหลวง ออกมายึดอำนาจการปกครองบ้านเมือง ผู้คนเขาก็ขัดเคือง ไม่พอใจ เพราะแทนที่จะเป็นรั้วของชาติ เสือกเป็นฝ่ายเอาปืนมา ‘ข่มขู่’ ชาวบ้านเสียเอง
ผมเองก็เป็นเช่นนั้น...ทนไม่ได้เหมือนกัน!
จึงได้วิจารณ์แหลกลาญ ทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซด์ ซึ่งผู้ที่เคยอ่านหนังสือ “รัดทำมะนวย ฉบับหัวคูณ” ของผม
คงจะรู้ดี!
คนในชาติเขาเห็นว่า กระบวนการพิจารณา ที่ใช้ดำเนินคดีกับทักษิณนั้น
ไม่เป็นธรรม!
ส่วนผู้ที่เป็นฝ่ายตรงข้าม ต่างพยายามแสดงความเห็นด้วย กับการยึดอำนาจ ว่าเป็นของดีงาม เป็นเรื่องที่ถูกต้องก็ยังมี
ไม่น่าเชื่อว่า 'มันโง่’ กันถึงขนาดเลย!
คนที่เป็นอาจารย์ตามมหาวิทยาลัย ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นต่างๆนาๆ ส่วนใหญ่ก็ได้ร้องขอผู้คนในบ้านในเมือง ให้เคารพในคำพิพากษาของศาล โดยเฉพาะ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์กฎหมาย ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องของการยึดทรัพย์ ทางวิทยุ Fm 96.5 “คลื่นความคิด” โดยเขาได้จีบปากจีบคออธิบายความ ว่า
การ ‘ยึดทรัพย์’ นั้น ศาลสามารถพิจารณาจากทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่ ซึ่งเคยแจ้งกับทางการ ส่วนทรัพย์สินที่งอกเงยขึ้นมา หากเห็นว่าได้มาโดยไม่ชอบก็ยึดส่วนนั้น หรือศาลอาจยึดหมดเลยเพราะเป็นทรัพย์สินที่ “เกี่ยวข้อง” กัน ตามทฤษฎี “ควายในทุ่งหญ้า” ของไอ้หน้า E.T. ...อย่างที่พูดกัน
ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ
นายปริญญาฯ ในฐานะที่เป็นคนสอนกฎหมาย ไม่ได้พูดย้อนหลังไป ให้คนฟังเขาเข้าใจ ว่า
การที่คุณทักษิณฯถูกสอบสวนนั้น เป็นเพราะผลพวงของการรัฐประหาร ซึ่ง “ไอ้บัง กบฏ” มันตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาสอบสวนหาความผิด คือ... “ไอ้พวก ค.ต.ส.” นั่นเอง
การกระทำของ “ไอ้บัง กบฏ” เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ คือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งยังใช้อยู่ในวันที่ทำรัฐประหาร และยังใช้มาจนปัจจุบัน
เมื่อสอบสวนเสร็จแล้ว ให้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ หากพนักงานอัยการไม่เห็นด้วย ยังเอาเงินหลวงไปจ้างทนายมาฟ้องร้องเองได้อีก
ผมฟังนายปริญญาฯ พูด เลยอยากเปลี่ยนชื่อ Fm 96.5 ว่าเป็นคลื่น “คลื่นความคิด...หด”เพราะ...
ฟังแล้ว ‘หด’...หดหู่...จริงๆ!
คลื่นเดียวกันนี้ ก่อนหน้าไม่กี่วัน นายวีระ ธีรภัทร ซึ่งแม้ว่า จะไม่ใช่นักกฎหมาย เพียงแกเป็นนักข่าวมายาวนาน แต่ถึงกระนั้นยังออกมาแสดงความเห็น ที่ ‘เข้าท่า’ กว่านายปริญญาด้วยซ้ำไป โดยบอกว่า
เรื่องตั้ง ค.ต.ส. ขึ้นมาสอบสวนทักษิณนั้น...แกรับไม่ได้!
ท่านผู้อ่านก็คงเห็นได้ชัดจาก ‘คดีกล้ายาง’ และ ‘คดีหวยบนดิน’ ซึ่งไอ้หน้า E.T. ‘แก้วสรร อติโพธิ ‘ มันกำเริบเสิบสาน โดยหวังจะเป็นฝ่ายต่อยเข้าปลายคาง จนฝ่ายคุณทักษิณสลบเหมือดได้
มันถึงกับพูดว่า
จะไม่จับทุจริตเป็นรายตัว แต่จะเอาไฟฟ้าช็อตให้ตายหมู่!”
มันพูดอย่างนี้จริงๆ ครับ เพราะสื่อเขาเอามาลงกันให้เกร่อ
...ช่าง ‘ระยำ’ ได้สุดขั้วแท้ๆ!
ผมเคยเขียนบอกว่า การที่เจ้า E.T. พูดด้วยความ “มุ่งร้าย” อย่างนั้น ผิดหลักจรรยาของพนักงานสอบสวน ที่แสดงความไม่เป็นกลาง เต็มไปด้วยอคติ เหลิงลำพองในอำนาจ ที่ตัวมันเองไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิต เพราะคิดว่าจะเชือดคณะรัฐมนตรีของทักษิณ ให้ “ตายหมู่” ทั้งในคดีหวยบนดิน และคดีกล้ายาง...แล้วผลคดีเป็นอย่างไรครับ!?
...หลุดเกลี้ยงหมด!
ไม่มีใครต้องติดตะรางสักคน ศาลท่านก็ไม่ยึดทรัพย์ไม่ว่าเป็นที่ดิน เงิน หรือให้ตัวจำเลยคนไหนชดใช้เงิน ตามคำร้องแม้แต่บาทเดียว
...เห็นกันหรือยังล่ะ?
ต้องเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบว่า ผมด่ามันเช็ดเม็ดมาตั้งแต่ ไอ้พวก ค.ม.ช.ยังอยู่ในอำนาจ ด้วยบทความชื่อ “ทหาร” กับ “ชาวบ้าน” อาจต้องตะลุมบอนกันอีกรอบ ที่เขียนลง ‘ผู้จัดการออนไลน์’ มาตั้งแต่ 7 พ.ย.2549 (หลังปฏิวัติไม่ถึง 2 เดือนด้วย) และนำมาลงในหนังสือ “รัดทำมะนวย ฉบับหัวคูณ” ซึ่งบัดนี้ ได้กลายเป็นคัมภีร์การเมืองโด่งดังอีกด้วย แม้แต่ทางสถาบันพระปกเกล้า ที่คนในนั้นเคยวิพากษ์วิจารณ์ผมแรงๆ ยังต้องมีเอาไปไว้ใน...
...ห้องสมุดสถาบัน ด้วยซ้ำไป!
จึงเห็นว่าเป็นการดี เพราะคนที่เข้าไปเรียนจะไม่ ‘โง่ดักดาน’ หรือคอยตามเลียตูดเผด็จการ เหมือนไอ้คนในสถาบันบางคน ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์หนังสือเล่มนี้ เอาไว้ก่อนหน้านั้น!!
การกระทำของแก๊ง ค.ม.ช.นั้น ได้รับการวางแผนทางกฎหมายอย่างแยบยล จากฝีมือของ
“ไอ้มีชัย กบาลใส”
วิธีการอันต่ำช้าของมัน ก็คือ...
ตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งประกอบด้วยบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์กับทักษิณขึ้น โดยอำนาจของคณะปฏิวัติ ซึ่งไม่ชอบธรรม แต่เมื่อสอบสวนเสร็จ ก็ให้มาโยงกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง คือ อัยการ และศาล เพื่อให้ดูดีและถูกต้อง
แท้ที่จริงแล้ว มันกระบวนการยุติธรรมซึ่งไร้ซึ่ง
“ศุภนิติกระบวน” (Due Process) ออกกฎหมายมายังคับเฉพาะบุคคล เลือกปฏิบัติ และที่สำคัญคือ...
ละเมิดสิทธิมนุษยชน...อย่างร้ายแรง!!!
คณะผู้พิพากษาได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยบอกว่าผู้พิพากษาศาลอยุธยา ได้ใช้ดุลยพินิจโดยถูกต้อง ชอบธรรมแล้ว เพราะเป็นกรณีขัดหมายเรียกถึงสองครั้ง อีกทั้งผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ก็ได้มีการหารือผู้พิพากษาผู้ใหญ่ ไม่ได้ทำโดยพลการหรือลุแก่อำนาจด้วยซ้ำไป
ฝ่าย ป.ป.ช.ก็ได้โต้แย้ง ทั้งกรรมการคนหนึ่งยังอ้างความเป็นผู้พิพากษามาก่อน และความเป็นครูบาอาจารย์ มาข่มลูกศิษย์ผู้พิพากษาที่พวกตนชี้มูลความผิดเสียอีก
...ดูมันทำ!
นี่ขนาดผู้พิพากษา เมื่อโดนเข้ากับตัวเอง หรือพวกตัวเองเข้าบ้าง ยังต้องร้องเรียนขอความเป็นธรรม เพื่อนผู้พิพากษาด้วยกัน ก็ช่วยกันออกมาเคลื่อนไหวกันอลหม่าน จนทำให้ผู้คนในบ้านในเมืองวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ
- บ้างก็ถือหางฝ่าย ป.ป.ช.
- ที่ถือหาง ฝั่งผู้พิพากษา ก็มีมาก
ปัญหาเลยไปตกอยู่ที่ว่า ใครที่เป็นฝ่าย ‘ถูกต้องชอบธรรม’ กันแน่!?
เป็นประชาชน...จำนวนมากมาย
เมื่อพวกเขาเห็นว่า คุณทักษิณฯไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาก็พากันออกมาเคลื่อนไหว คัดค้าน ในรูปแบบที่ไม่แตกต่างจากท่านผู้พิพากษา เพียงแต่คณะผู้พิพากษานั้น ไม่สามารถออกมาสู่ถนนเพื่อชุมนุมแสดงพลังได้ ด้วยเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรต่อฐานานุรูปของความเป็นผู้พิพากษา
แต่ประชาชนนั้น...ทำได้!
ชาวบ้านเขาเขาเห็นชัดเจนว่า ทักษิณได้ถูกนำเข้าสู่ด้วยกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายที่บิดเบี้ยวไม่ชอบธรรม เพราะคณะรัฐประหาร เป็นผู้สั่งให้มีการดำเนินการนั่นเอง ไม่ได้เป็นไปตามระบบกฎหมายปกติ
ที่น่า ‘ทุเรศ’ มากที่สุดก็คือ
แม้อำนาจคณะรัฐประหารหมดไปแล้ว ยังมีคนเอาหัวโขกกระดาน คำนับและเคารพ โดยกล่าวว่า
ต้องยึดตามคำสั่งของ “ไอ้บัง กบฏ” มันอีก!
อีตรงนี้ ซิครับท่าน...มันน่าเจ็บแสบจริงๆ!!
มันน่าสมเพช...นะครับท่าน!
มีอันต้องบิดเบี้ยว...เสียหายไป!
ที่ประชาชนเขาออกมาเคลื่อนไหว เป็นปากเสียงให้คุณทักษิณ เขาทำด้วยความเต็มใจ เพราะชาวบ้านได้ประโยชน์สูงจากการบริหารงานของทักษิณและคณะ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน,ฯลฯ อย่างที่เรารู้ๆกัน ชนิดที่ไม่เคนมีผู้ปกครอง หรือนักการเมืองหน้าไหน เคยสร้างให้กับผู้คนในบ้านเมืองได้ทั่วถึง
และมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งยวด...มาก่อนหน้านี้เลย!!
...หากศาลรับรองอำนาจของบุคคลหรือคณะบุคคลที่ทำการปฏิวัติหรือรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว เท่ากับศาลไม่ได้รับใช้ประชาชน จากการใช้อำนาจโดยมิชอบและเพิกเฉยต่อการปกปักรักษาประชาธิปไตยดังกล่าวมาข้างต้น ทั้งเป็นการละเลยหลักยุติธรรมตามธรรมชาติที่ว่าบุคคลใดจะรับประโยชน์จากความฉ้อฉลหรือความผิดของตนเองหาได้ไม่ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกิดการปฏิวัติหรือรัฐประหารเป็น ‘วงจรอุบาทว์’ อยู่ร่ำไป ยิ่งกว่านั้นยังเป็นช่องทางให้บุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวยืมมือกฎหมายเข้ามาจัดการสิ่งต่างๆ...
ดังนั้น คำพิพากษากรณีคุณทักษิณฯ ที่จะออกมาในวันที่ 26 ก.พ. นั้น คนไทยจำนวนมากในประเทศนี้ ที่เขาแสวงหาความเป็นธรรม คงจะปลาบปลื้ม...
ถ้าศาลท่านยืนยันในหลักการ ที่จะรักษาอำนาจศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย โดยไม่อินังขังขอบกับคำสั่งของหัวหน้าคณะรัฐประหารอย่าง...
‘ไอ้บัง สามจิ๋ม’
แต่หากศาลท่านยังจะยึดถือว่า คำสั่งของกบฏอย่าง “ไอ้บัง” เป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ในขณะที่ตัวมันจะพ้นอำนาจไปนานแล้ว (แม้แต่ ป.ป.ช.ภาคประชาชน ก็แสดงทีท่าจะฟ้องร้องเอาเรื่องทุจริต) แล้วศาลท่านจะมีคำสั่งยึดเงิน 76,000 ล้านบาท ผมก็ไม่แปลกใจอะไรเลย...
...เพียงแต่คิดว่า
มันล้ำลึก...สุดพรรณนาแล้ว!
เฉพาะความเกลียดชังของชาวบ้าน ต่อคนที่มีอำนาจในปัจจุบัน ที่ฉกฉวยเอาประโยชน์ จากการพิจารณาของศาลในครั้งนี้ มาตั้งแต่ยังไม่มีคำตัดสิน แต่ก็ได้ใช้สื่อของรัฐที่ฝ่ายตนควบคุม ปลุกระดม บ่มเพาะความแตกแยก ให้ผู้คนในบ้านในเมือง เพียงเพื่อให้ฝ่ายตนอยู่ต่อในอำนาจ เพื่อจะได้ ‘มูมมาม’ กันต่อไปในตำแหน่ง...ก็เท่านั้นเอง
แต่ความแตกแยกของผู้คน ยิ่งแผ่ขยาย กว้างไกลไปสุดกู่...
...น่าหดหู่ใจนัก!!
เผลอๆเราอาจต้องใส่เงินทองของชาติ ลงไปอีกหลายแสนล้าน เพื่อซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง แต่ถึงแม้จะซ่อมได้ก็คงไม่เหมือนเดิม เหมือนแก้วแตกเอาเศษมาปะติดใหม่ อย่างไรอย่างนั้น
ถ้าบังเอิญ ประเทศของเราโชคร้าย...
อาจต้องสังเวยด้วยชีวิตคนเป็นจำนวนมาก ถ้าหากความไม่สงบเกิดขึ้นในแผ่นดินจริงๆ เพราะประชาชนคนในชาติ คงยอมไม่ได้ ด้วยเขาเห็นเป็นที่ประจักษ์ ชัดเจนแล้วว่า
บ้านเมืองของเรานั้น ‘ความยุติธรรม’ ได้สูญสิ้นไปแล้ว!
ท่านผู้อ่าน ที่ต้องการทราบถึงกระบวนการยุติธรรมอัน
บิดเบี้ยวของบ้านเรา ในการจองล้างจองผลาญทักษิณ โปรดเข้าไปอ่านต่อใน 2 คอลัมน์สำคัญ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกัน และได้รับความสนใจจากท่านผู้อ่านเป็นจำนวนมาก คือ
1. ไทยกับกระบวนการ ‘ไม่’ ยุติธรรม อันน่าอับอาย!!!http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=186 (จำนวนผู้อ่านแล้วร่วมครึ่งหมื่นราย)
2. จดหมายฟ้องโลก!!!
http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=187 (จำนวนผู้อ่านแล้ว เกือบหนึ่งหมื่นสองพันราย)
อ่านแล้วท่านจะเข้าใจถึงความ ‘ไม่ยุติธรรม’ ที่แผ่ปกคลุมบ้านเมืองของเรา และสร้างปัญหาความแตกแยก ร้าวลึก ยากที่จะแก้ไขให้กลับคืนมาได้...ตราบจนกระทั่งถึงวันนี้!!!
วาทตะวัน