WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, October 9, 2010

ปฏิวัติจิตสำนึกใหม่ไม่ได้ถ้าไม่ปฏิวัติเสรีภาพในการพูดความจริง

ที่มา ประชาไท

นักปรัชญาชายขอบ

คุณ หมอประเวศวะสีเขียนและพูดเรื่อง"ปฏิวัติจิตสำนึก"และการแก้"ปัญหาเชิงโครง สร้าง"มานานกว่าทศวรรษแล้วล่าสุดเขียนเรื่องปฏิรูปจิตสำนึกลงมติชน (9 ต.ค. 53) อีกอ้างคำพูดของไอสไต น์ที่ว่า"ถ้ามนุษยชาติจะอยู่รอดได้ต้องการวิถีคิดใหม่โดยสิ้นเชิง" คุณหมอประเวศ วะสี เขียนและพูดเรื่อง ปฏิวัติจิตสำนึกและการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างมานานกว่าทศวรรษแล้ว ล่าสุดเขียนเรื่องปฏิรูปจิตสำนึกลงมติชน (9 ต.ค.53) อีก อ้างคำพูดของไอสไตน์ที่ว่า ถ้ามนุษยชาติจะอยู่รอดได้ ต้องการวิถีคิดใหม่โดยสิ้นเชิง อ้างลาสโลโกรฟและรัสเซลล์ที่ว่า"มีทางเดียวเท่านั้นที่โลกจะหลุดพ้นจากวิกฤตคือปฏิวัติจิตสำนึก (การปฏิวัติจิตสำนึก)" อ้างลาสโล โกรฟ และรัสเซลล์ที่ว่า มีทางเดียวเท่านั้นที่โลกจะหลุดพ้นจากวิกฤตคือปฏิวัติจิตสำนึก (Consciousness Revolution)”

และ คุณหมอก็พูดถึง"จิตเล็ก"แคบมองอะไรแบบแยกส่วนเป็นเขาเป็นเราทำให้เห็นแก่ตัว มีอคติไม่เห็นความจริงทั้งหมดจึงเป็นสาเหตุของวิกฤตในชีวิตและโลกทางแก้จึง ต้องปฏิวัติจิตสำนึกใหม่ให้มี"จิต ใหญ่"ที่มองเห็นองค์รวมไม่แยกส่วนเห็นสัจธรรมตามธรรมชาติที่ว่าหนึ่งเดียว คือทั้งหมดทั้งหมดคือหนึ่งเดียวจะทำให้เราลดความเห็นแก่ตัวรักเพื่อนมนุษย์ รักธรรมชาติและแก้วิกฤตต่างๆได้ซึ่งเป็นการพูดซ้ำ ๆ กับที่ผ่าน ๆ มา และคุณหมอก็พูดถึง จิตเล็กแคบ มองอะไรแบบแยกส่วน เป็นเขา เป็นเรา ทำให้เห็นแก่ตัว มีอคติ ไม่เห็นความจริงทั้งหมด จึงเป็นสาเหตุของวิกฤตในชีวิตและโลก ทางแก้จึงต้องปฏิวัติจิตสำนึกใหม่ให้มีจิตใหญ่ที่ มองเห็นองค์รวม ไม่แยกส่วน เห็นสัจธรรมตามธรรมชาติที่ว่าหนึ่งเดียวคือทั้งหมด ทั้งหมดคือหนึ่งเดียว จะทำให้เราลดความเห็นแก่ตัว รักเพื่อนมนุษย์ รักธรรมชาติ และแก้วิกฤตต่างๆได้ ซึ่งเป็นการพูดซ้ำๆ กับที่ผ่านๆ มา

ผม เห็นว่าข้อเสนอของคุณหมอประเวศนั้นสวยงามและเมื่อนำมาโยงกับข้อเสนอเรื่อง การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างก็ยิ่งน่าสนใจ แต่ในเรื่องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างผมติดใจอยู่ตรงที่ว่าในช่วงต่อสู้ให้มีการ ร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ฉบับประชาชนคุณหมอสามารถผลักดันได้สำเร็จเนื่องจากตอนนั้นคุณหมออยู่ฝ่าย ประชาชนที่ปฏิเสธรัฐประหารและรับไม่ได้กับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ผม เห็นว่าข้อเสนอของคุณหมอประเวศนั้นสวยงาม และเมื่อนำมาโยงกับข้อเสนอเรื่องการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างก็ยิ่งน่าสนใจ แต่ในเรื่องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างผมติดใจอยู่ตรงที่ว่า ในช่วงต่อสู้ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 2540 คุณหมอสามารถผลักดันได้สำเร็จ เนื่องจากตอนนั้นคุณหมออยู่ฝ่ายประชาชนที่ปฏิเสธรัฐประหาร และรับไม่ได้กับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

แต่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในนาม"ประเทศปฏิรูป"ในปีคุณนี้หมอพูดถึงเรื่องความเป็นธรรมว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมไทย แต่ภาพของคุณหมอกลับอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับประชาชนผู้เสียเปรียบทั้งด้านอำนาจ ต่อรอง ทางการเมืองเศรษฐกิจและอื่น ๆ ฉะนั้นต้นทุนทางสังคมของคุณหมอที่มีอยู่บวกกับต้นทุนทางสังคมของคุณอานันท์ ปันยารชุนนิธิเอียวศรีวงศ์เสกสรรค์ประเสริฐกุลและปัญญาชนอื่น ๆ แล้วก็แทบจะไม่มีพลังโน้มน้าวมโนธรรม ของสังคมให้คล้อยตามแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่สู้เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ 2540 แต่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในนาม ปฏิรูปประเทศใน ปีนี้ คุณหมอพูดถึงเรื่องความเป็นธรรมว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมไทย แต่ภาพของคุณหมอกลับอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับประชาชนผู้เสียเปรียบทั้งด้านอำนาจ ต่อรองทางการเมือง เศรษฐกิจ และอื่นๆ ฉะนั้น ต้นทุนทางสังคมของคุณหมอที่มีอยู่บวกกับต้นทุนทางสังคมของ คุณอานันท์ ปันยารชุน นิธิ เอียวศรีวงศ์ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล และปัญญาชนอื่นๆแล้วก็แทบจะไม่มีพลังโน้มน้าวมโนธรรมของสังคมให้คล้อยตาม แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่สู้เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ 2540

ส่วน ประเด็น"ปฏิวัติจิตสำนึกใหม่"มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกครับถ้าเราไม่" ปฏิวัติเสรีภาพในการพูดความจริง"ต่อให้คนมี"ใหญ่จิต"เห็นความจริงทั้งหมดแต่ ว่าพูดความจริงทั้งหมดไม่ได้แล้วมันจะมี ความหมายอะไรครับเช่นเราเห็นความจริงทั้งหมดว่าปัญหาวิกฤต 4-5 ปีมานี้มันเกิดจากอำนาจในระบบอำนาจนอกระบบ แต่เราก็พูดถึงอำนาจนอกระบบได้แค่เลียบ ๆ เคียง ๆ หรือพูดถึงได้แค่เพียงผิวเผินไม่ สามารถพูดได้ตรงไปตรงมาอย่างเต็มที่เหมือนที่พูดถึงอำนาจในระบบอย่างนี้ต่อ ให้ปัจเจกบุคคลมี"จิตใหญ่"กันทั้งประเทศมันจะแก้ปัญหาอย่างไรครับได้ ส่วนประเด็น ปฏิวัติจิตสำนึกใหม่มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกครับ ถ้าเราไม่ปฏิวัติเสรีภาพในการพูดความจริงต่อให้คนมีจิตใหญ่เห็น ความจริงทั้งหมด แต่ว่าพูดความจริงทั้งหมดไม่ได้แล้วมันจะมีความหมายอะไรครับ เช่น เราเห็นความจริงทั้งหมดว่าปัญหาวิกฤต 4-5 ปีมานี้มันเกิดจากอำนาจในระบบ อำนาจนอกระบบ แต่เราก็พูดถึงอำนาจนอกระบบได้แค่เลียบๆเคียงๆ หรือพูดถึงได้แค่เพียงผิวเผินไม่สามารถพูดได้ตรงไปตรงมาอย่างเต็มที่เหมือน ที่พูดถึงอำนาจในระบบ อย่างนี้ต่อให้ปัจเจกบุคคลมีจิตใหญ่กันทั้งประเทศมันจะแก้ปัญหาได้อย่างไรครับ

คือ ถ้าคุณหมอประเวศเสนอเรื่องปฏิวัติจิตสำนึกใหม่ควบคู่ไปกับการเรียกร้อง เสรีภาพในการพูดความจริงเช่นเสนอให้ปรับปรุงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ ให้ใครก็ได้เอามาใช้ทำลายกันทางการเมืองหรือที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันเป็น ต้นผมว่า ข้อเสนอของคุณหมอจะมีน้ำหนักรับฟังน่า คือ ถ้าคุณหมอประเวศเสนอเรื่องปฏิวัติจิตสำนึกใหม่ควบคู่ไปกับการเรียกร้อง เสรีภาพในการพูดความจริง เช่น เสนอให้ปรับปรุงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ให้ใครก็ได้เอามาใช้ทำลายกัน ทางการเมือง หรือที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน เป็นต้น ผมว่าข้อเสนอของคุณหมอจะมีน้ำหนักน่ารับฟัง

ที่ผมแปลกใจมากอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องปฏิวัติจิตสำนึกหรือ"จิตใหญ่"ของคุณหมอนี่เห็นพูดถึง แต่เรื่องเห็นความจริงทั้งหมดแยกส่วนไม่แยกส่วนเป็นต้น แต่ไม่เห็นพูดถึง"จิตสำนึกรักเสรีภาพ"เรื่องเลยเวลาพูด เสรีภาพคุณหมอออกจะมองในเชิงลบด้วยซ้ำเช่นที่วิจารณ์บ่อยๆว่าปัจจุบันผู้คน บูชาลัทธิปัจเจกชนนิยมเสรีที่ชอบมีเสรีภาพแบบเห็นแก่ตัวตามอำเภอใจตามใจ กิเลสทำนองนั้นอะไร ที่ผมแปลกใจมากอีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องปฏิวัติจิตสำนึกหรือ จิตใหญ่ของคุณหมอนี่ เห็นพูดถึงแต่เรื่องเห็นความจริงทั้งหมด แยกส่วน ไม่แยกส่วน เป็นต้น แต่ไม่เห็นพูดถึงจิตสำนึกรักเสรีภาพเลย เวลาพูดเรื่องเสรีภาพคุณหมอออกจะมองในเชิงลบด้วยซ้ำ เช่นที่วิจารณ์บ่อยๆว่า ปัจจุบันผู้คนบูชาลัทธิปัจเจกชนนิยมเสรี ที่ชอบมีเสรีภาพแบบเห็นแก่ตัว ตามอำเภอใจ ตามใจกิเลส อะไรทำนองนั้น

ซึ่งผมก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นคุณหมอชอบอ้างพุทธศาสนาอยู่เสมอ ๆ เลย แต่ให้คุณค่าน้อยกับ"จิตสำนึกรักเสรีภาพ"เพราะตามความเข้าใจของผมหลักกาลามสูตรคือสิ่งที่แสดงว่าพุทธศาสนาให้ ความสำคัญสูงสุดในจิตสำนึกรักเสรีภาพทั้งเสรีภาพในการแสวงหาความจริงและ เสรีภาพทางศีลธรรมคือให้เรามีเสรีภาพในเรื่องดังกล่าวนี้โดยไม่สยบยอมต่อใด ๆ อำนาจ ซึ่งผมก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นคุณหมอชอบอ้างพุทธศาสนาอยู่เสมอๆเลย แต่ให้คุณค่าน้อยกับ จิตสำนึกรักเสรีภาพเพราะ ตามความเข้าใจของผมหลักกาลามสูตรคือสิ่งที่แสดงว่าพุทธศาสนาให้ความสำคัญสูง สุดในจิตสำนึกรักเสรีภาพ ทั้งเสรีภาพในการแสวงหาความจริง และเสรีภาพทางศีลธรรม คือให้เรามีเสรีภาพในเรื่องดังกล่าวนี้โดยไม่สยบยอมต่ออำนาจใดๆ

แต่ วิธีคิดของปัญญาชนในปัจจุบันก็มีปัญหามากลองสังเกตข้อความต่อไปนี้นะครับ เป็นความเห็นของเสกสรรประเสริฐกุลที่ตอบคำถามว่าโลกทัศน์ เรื่อง"ประชาธิปไตย"ของคุณเป็นอย่างไรทักษิณ แต่วิธีคิดของปัญญาชนในปัจจุบันก็มีปัญหามาก ลองสังเกตข้อความต่อไปนี้นะครับ เป็นความเห็นของ เสกสรร ประเสริฐกุล ที่ตอบคำถามว่า โลกทัศน์เรื่อง "ประชาธิปไตย" ของคุณทักษิณเป็นอย่างไร

"ผม คิดว่าคงไม่ต่างจากนักการเมืองในระบบเลือกตั้งมากนักคือมองประชาธิปไตยเป็น แค่กระบวนการสรรหาผู้กุมอำนาจแล้วก็ถือว่าเรื่องจบลงแค่ตรงนั้นก็คือถ้ามี การเลือกตั้งแล้วมีการแพ้ชนะในการเลือกตั้งก็ถือว่า มีประชาธิปไตยตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่เพราะจริง ๆ แล้วระหว่างใน 4 ปี ที่ยังไม่มีการเลือกตั้งผู้คนในสังคมที่ซับซ้อนอย่างสังคมไทยย่อมมีเรื่อง ที่อยากจะแสดงความคิดความเห็นมีเรื่องที่จะต้องโต้แย้งกับรัฐบาลหรือแม้แต่ คนที่เลือกรัฐบาลเข้ามาก็อาจจะไม่เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาลในระหว่างนี้ ก็ได้ปี 4 มคิด ว่าคงไม่ต่างจากนักการเมืองในระบบเลือกตั้งมากนัก คือมองประชาธิปไตยเป็นแค่กระบวนการสรรหาผู้กุมอำนาจ แล้วก็ถือว่าเรื่องจบลงแค่ตรงนั้น ก็คือถ้ามีการเลือกตั้ง แล้วมีการแพ้ชนะในการเลือกตั้ง ก็ถือว่า มีประชาธิปไตย ตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะจริง ๆ แล้วในระหว่าง 4 ปีที่ยังไม่มีการ เลือกตั้ง ผู้คนในสังคมที่ซับซ้อนอย่างสังคมไทยย่อมมีเรื่องที่อยากจะแสดงความคิด ความเห็น มีเรื่องที่จะต้องโต้แย้งกับรัฐบาล หรือแม้แต่คนที่เลือกรัฐบาลเข้ามาก็อาจจะไม่เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาลใน ระหว่าง 4 ปีนี้ก็ได้

แต่ ดังที่เรารู้ ๆ กันคุณทักษิณไม่ค่อยชอบให้ใครมาโต้เถียงแล้วก็ถือว่าตัวเองได้รับความชอบ ธรรมมาจากการเลือกตั้งจึงเที่ยวไปทะเลาะกับคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ รัฐบาลหรือวิจารณ์นายกรัฐมนตรีดังเราจะเห็นว่าในระยะ นั้นคุณทักษิณได้ออกมาโต้กับนักวิชาการแทบจะทุกคนไม่มีใครเหลือรอดกระทั่ง ถูกนายกฯ ว่ากล่าวเสีย ๆ หาย ๆ ตรงจุดนี้ผมคิดว่าคุณทักษิณพลาดและมันเท่ากับไปลดพื้นที่ทางการเมืองของคน อื่นให้เหลือน้อย เรื่อย ๆ ลง แต่ดังที่เรา รู้ ๆ กัน คุณทักษิณไม่ค่อยชอบให้ใครมาโต้เถียง แล้วก็ถือว่าตัวเองได้รับความชอบธรรมมาจากการเลือกตั้ง จึงเที่ยวไปทะเลาะกับคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หรือวิจารณ์นายกรัฐมนตรี ดังเราจะเห็นว่าในระยะนั้นคุณทักษิณได้ออกมาโต้กับนักวิชาการแทบจะทุกคน ไม่มีใครเหลือรอด กระทั่งถูกนายกฯว่ากล่าวเสีย ๆ หาย ๆ ตรงจุดนี้ ผมคิดว่าคุณทักษิณพลาด และมันเท่ากับ ไปลดพื้นที่ทางการเมืองของคนอื่นให้ เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ

เพราะ ฉะนั้นแม้เราอาจจะยอมรับว่าคุณทักษิณเป็นนักการเมืองที่เก่งเป็นนักบริหาร ธุรกิจที่มีความสามารถ แต่ก็พบว่าคุณทักษิณไม่เข้าใจศาสตร์ของการปกครองศาสตร์ของการปกครองนั้นมัน ลึกซึ้งและต้องการความเข้าใจมนุษย์มากกว่าการใช้อำนาจตรง ๆ " เพราะ ฉะนั้น แม้เราอาจจะยอมรับว่า คุณทักษิณเป็นนักการเมืองที่เก่ง เป็นนักบริหารธุรกิจที่มีความสามารถ แต่ก็พบว่าคุณทักษิณไม่เข้าใจศาสตร์ของการปกครอง ศาสตร์ของการปกครองนั้นมันลึกซึ้ง และต้องการความเข้าใจมนุษย์มากกว่าการใช้อำนาจตรง ๆ (มติชนออนไลน์, 7 ต.ค. 53) (มติชนออนไลน์, 7 ต.ค.53)

ผมไม่ต้องการจะปกป้องคุณทักษิณจากข้อวิจารณ์นี้นะครับ แต่ ความจริงมันไม่น่าจะรุนแรงถึงขนาดว่าเลือกตั้งจบชนะเลือกตั้งก็ถือว่าเป็น ประชาธิปไตยแล้วมันยังมีการนำนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนมาปฏิบัติด้วยและ นั่นจึงทำให้มี คนรักทักษิณมาจนทุกวันนี้ส่วนที่ว่าคุณทักษิณไม่ชอบให้ใครมาโต้เถียงหรือด่า ใครต่อใครที่เห็นต่างนั้นมันก็ไม่ถึงกับจับใครต่อใครที่วิพากษ์วิจารณ์หรือ ด่าคุณทักษิณไปติดคุกไม่ปิดสื่อไม่คุกคามเสรีภาพ ประชาชนทุกรูปเหมือนทุกวันนี้แบบ ผมไม่ต้องการจะปกป้องคุณทักษิณจากข้อวิจารณ์นี้นะครับ แต่ความจริงมันไม่น่าจะ Extreme ถึง ขนาดว่าเลือกตั้งจบ ชนะเลือกตั้งก็ถือว่าเป็นประชาธิปไตยแล้ว มันยังมีการนำนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนมาปฏิบัติด้วย และนั่นจึงทำให้มีคนรักทักษิณมาจนทุกวันนี้ ส่วนที่ว่าคุณทักษิณไม่ชอบให้ใครมาโต้เถียงหรือด่าใครต่อใครที่เห็นต่างนั้น มันก็ไม่ถึงกับจับใครต่อใครที่วิพากษ์วิจารณ์หรือด่าคุณทักษิณไปติดคุก ไม่ปิดสื่อ ไม่คุกคามเสรีภาพประชาชนทุกรูปแบบเหมือนทุกวันนี้

และที่บอกว่าคุณทักษิณไป"ลดพื้นที่ทางการเมืองของคนอื่นให้เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ " และที่บอกว่าคุณทักษิณไป ลดพื้นที่ทางการเมืองของคนอื่นให้เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ถ้าเทียบกับตอนนี้แล้วมันก็ต่างกันมากแล้วที่ว่า"ศาสตร์ของการปกครองนั้นมันลึกซึ้งและต้องการความเข้าใจมนุษย์มากกว่าการใช้อำนาจตรง ๆ " ถ้าเทียบกับตอนนี้แล้วมันก็ต่างกันมาก แล้วที่ว่า ศาสตร์ของการปกครองนั้นมันลึกซึ้ง และต้องการความเข้าใจมนุษย์มากกว่าการใช้อำนาจตรง ๆ นั้น มันก็ไม่มียุคไหนที่การปกครองมันไปทำลายความเป็นมนุษย์ (เสรีภาพ) และใช้อำนาจตรงๆกับมนุษย์มากเท่ากับยุคนี้ใช้อำนาจตรงๆถึงขนาดประชาชนตาย 91 ศพก็ยังไม่จริงจังกับการทำความจริงให้ปรากฏและแสดงความรับผิดชอบ ๆ ใด นั้น มันก็ไม่มียุคไหนที่การปกครองมันไปทำลายความเป็นมนุษย์ (เสรีภาพ) และใช้อำนาจตรงๆ กับมนุษย์มากเท่ากับยุคนี้ ใช้อำนาจตรงๆถึงขนาดประชาชนตาย 91 ศพ ก็ยังไม่จริงจังกับการทำความจริงให้ปรากฏและแสดงความรับผิดชอบใดๆ

จึง น่าแปลกใจว่าอาจารย์เสกสรรค์มองเห็นปัญหาการใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ของทักษิณ แต่ทำไมมองไม่เห็นการใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยยิ่งกว่าในยุคนี้แล้ว ทำไมเมื่อมองย้อนไปก่อนจึงมองเห็น 49 19 กันยา แต่"ทักษิณ"แต่ไม่มองเห็น"ประชาชน"เลยแม้จนบัดนี้ก็ดูจะไม่เชื่อในเรื่อง"การเลือกตั้ง" จึง น่าแปลกใจว่า อาจารย์เสกสรรค์มองเห็นปัญหาการใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของทักษิณ แต่ทำไมมองไม่เห็นการใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยยิ่งกว่าในยุคนี้ แล้วทำไมเมื่อมองย้อนไปก่อน 19 กันยา 49 จึงมองเห็นแต่ ทักษิณแต่ไม่มองเห็นประชาชนเลย แม้จนบัดนี้ก็ดูจะไม่เชื่อในเรื่องการเลือกตั้ง

คือ ถ้านักวิชาการอย่างคุณหมอประเวศสายปฏิรูปประเทศเสื้อเหลืองจะซื่อสัตย์ต่อ ตัวเองเขาควรจะยอมรับตรงๆว่าเขาไม่เชื่อถือการตัดสินใจของประชนไม่ยอมรับ เสรีภาพทางศีลธรรมของประชาชนฉะนั้นเขาจึงควรคิดแทนตัดสินถูก -- ผิดแทนและ ไม่แคร์กับอำนาจที่ปิดกั้นเสรีภาพในการพูดความจริงและผูกขาดการตัดสินถูก -- ผิดทางศีลธรรมเชิงบรรทัดฐานต่างๆของสังคมนี้ คือ ถ้านักวิชาการอย่างคุณหมอประเวศ สายปฏิรูปประเทศ เสื้อเหลือง จะซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เขาควรจะยอมรับตรงๆ ว่า เขาไม่เชื่อถือการตัดสินใจของประชน ไม่ยอมรับเสรีภาพทางศีลธรรมของประชาชน ฉะนั้น เขาจึงควรคิดแทน ตัดสินถูก-ผิด แทน และไม่แคร์กับอำนาจที่ปิดกั้นเสรีภาพในการพูดความจริงและผูกขาดการตัดสิน ถูก-ผิดทางศีลธรรมเชิงบรรทัดฐานต่างๆ ของสังคมนี้

แล้วอย่าง นี้จะปฏิวัติจิตสำนึกใหม่อย่างไรจะมีจิตใหญ่อย่างไรในเมื่อไม่ส่ง เสริม"จิตสำนึกรักเสรีภาพ"ซ้ำยังมี"สองมาตรฐาน"ในการตัดสินอำนาจรัฐที่ไม่ เป็นประชาธิปไตยอีกด้วย! แล้วอย่างนี้จะปฏิวัติจิตสำนึกใหม่อย่างไร จะมีจิตใหญ่อย่างไร ในเมื่อไม่ส่งเสริม จิตสำนึกรักเสรีภาพซ้ำยังมีสองมาตรฐานในการตัดสินอำนาจรัฐที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอีกด้วย!