ที่มา ประชาไท
“ม.ล.ปนัดดา ” เปลี่ยนแผนเข้าศาลากลางรับหนังสือ-ช่อดอกไม้จาก กลุ่ม นปช.แดงเชียงใหม่ ยันไม่เคยคิดเรื่องถูกส่งมาปราบคนเสื้อแดง ส่วนกรณีจับนักรบแดงต้องรอตรวจสอบ ส่วนคนเสื้อแดงออกแถลงการณ์ต้อนรับผู้ว่าคนใหม่ เสนอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เหมือนกรุงเทพฯ
วันนี้ (4 ต.ค.53) ศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่ และกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดเชียงใหม่ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต้อนรับ และอ่านแถลงการณ์ ต้อนรับ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ที่เดินทางไปรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่ ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งโยกย้าย เมื่อ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่บริเวณ หน้าศาลากลาง จ.เชียงใหม่
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่าง ม.ล.ปนัดดากำลังตระเวนสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของจังหวัด ได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางมุ่งเข้าศาลากลางจังหวัด เพื่อไปรับมอบช่อดอกไม้และแถลงการณ์จากกลุ่มคนเสื้อแดง
ม.ล.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่อหน้ากลุ่มคนเสื้อแดงว่า ในฐานะผู้ว่าคนใหม่จะพยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มความสามารถ ส่วนเรื่องที่ทางมวลชนเสนอให้มีการรู้รักสามัคคีตามแนวพระราชปณิธานของพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เป็นเรื่องที่อยู่ในใจของเราทุกคนที่จะช่วยกัน เสริมสร้างทัศนคติดังกล่าว
"อย่ามองผมเป็นคนอื่น เป็นอันขาด วันเวลาที่ผมอยู่เชียงใหม่มีความพร้อม มีความยินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกท่านเพื่อช่วยกันเสริมสร้าง จ.เชียงใหม่ให้เป็นเอกลักษณ์อย่างที่เป็นมาสืบต่อไป ขอความร่วมมือให้คนไทยรักใคร่ปรองดองให้อภัยซึ่งกันและกัน มารวมตัวเสริมสร้างทัศนคติที่ดีงาม"
ม.ล.ปนัดดา กล่าวถึงนโยบายการทำงานว่าตนจะเป็นผู้เสริมสร้างแนวทางรู้รักและสามัคคีของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งเสริมคุณภาพของสิ่งแวดล้อม เน้นป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เนื่องจากเชียงใหม่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 5 อำเภอ โดยบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปถึงเด็กและเยาวชน ที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไป ขณะเดียวกันจะส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่และเร่งฟื้นฟูเรียกความมั่นใจให้เชียงใหม่กลับมาเป็นเมืองแห่ง เสน่ห์ล้านนาเช่นกับอดีตอีกครั้ง
ต่อกรณีที่มอง ว่าเป็นผู้ว่าฯ ที่ถูกส่งมาเพื่อปราบคนเสื้อแดงนั้น ยืนยันว่าเป็นข้าราชการคนใหม่ใน จ.เชียงใหม่ที่รับใช้ใต้เบื้องยุคลบาท มีหน้าที่สร้างความรักความสามัคคีให้คนในชาติไม่เคยคิดในเรื่องดังกล่าว และพร้อมจะทำงานเพื่อประชาชนโดยแสวงหาความร่วมมือและพร้อมจะรับฟังเหตุผลของ ทุกฝ่ายก็จะพยายามทำหน้าที่ทุกอย่าง
ม.ล.ปนัดดา กล่าวถึงกรณีตำรวจจับกุมนักรบเสื้อแดง 11 คนใน จ.เชียงใหม่วานนี้ว่า ผมเพิ่งมาและทราบข่าวเท่าๆ กันกับพวกเราทางหน้าหนังสือพิมพ์ ก็รอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมารับหนังสือและช่อดอกไม้จากกลุ่มแดงครั้งนี้ พบว่าไม่มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบจราจลหรือชุดรักษาความปลอดภัยอย่าง เข้มงวดเช่นกับทุกครั้งที่ผ่านมา มีเพียง พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ซึ่งนำตำรวจในและนอกเครื่องแบบติดตามมาดูแลเพียงไม่เกิน 10 นายเท่านั้น นอกจากนี้ที่ศาลากลางจังหวัดยังงดการตรวจสอบการเข้าออกของผู้มาติดต่อราชการ
ทั้งนี้ หนังสือและแถลงการณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดงมีรายละเอียดดังนี้
วันที่ 4 ตุลาคม 2553
เรื่อง ยินดีต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
เรียน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
สิ่งที่แนบ แถลงการณ์ของ ประชาชนชาวเชียงใหม่ผู้รักความเป็นธรรมและรักประชาธิปไตย
ตาม ที่ท่านได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตามคำสั่งแต่งตั้งจากกระทรวงมหาดไทย และจากการที่ปัจจุบันนี้ประเทศชาติของเราเกิดวิกฤตปัญหาทางการเมืองมีความ แตกแยกทางความคิดเป็นฝักเป็นฝ่าย โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่มีกระแสการเมืองที่แข็งแกร่ง มีกลุ่มบุคคลและกลุ่มการเมืองอยู่มากมายหลายกลุ่ม มีการต่อสู้ทางความคิดและการรวมตัวแสดงพลังกันอยู่เป็นประจำในจังหวัด เชียงใหม่ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดเหตุสุดวิสัยที่จะทำให้บ้านเมืองไม่มีความสันติ สุข เพราะที่ผ่านมาคนเชียงใหม่ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ล้วนมีความเข้าอกเข้าใจ ต่อกัน มีการประสานงานกัน และร่วมมือกัน ในการแสดงออกตามแนวทางประชาธิปไตยตามกฎหมาย ร่วมกันสร้างความรักความสามัคคี สร้างความสงบสุข ภายในจังหวัดเชียงใหม่ของเรา
ใน การมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ของท่านในครั้งนี้ เราประชาชนชาวเชียงใหม่คาดหวังอย่างยิ่งว่า ท่านผู้มีสายเลือดของ องค์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้ทรงริเริ่มก่อตั้งและทรงเป็นปฐมเสนาบดีพระองค์แรกของกระทรวงมหาดไทย จะเป็นผู้สร้างนิมิตหมายอันดีในการเป็นผู้ว่าราชการที่คอยบำบัดทุกข์บำรุง สุข พัฒนาท้องถิ่น สร้างขวัญกำลังใจ สร้างความรักความสามัคคี ให้แก่ราษฎรประชาชนชาวเชียงใหม่
เราประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่จึงยินดีต้อนรับ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในการมาดำรงตำแหน่งในครั้งนี้
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
ประชาชนชาวเชียงใหม่ผู้รักความเป็นธรรมและรักประชาธิปไตย
ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่
..............................
แถลงการณ์
ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่
เรื่อง ยินดีต้อนรับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คนใหม่
ตาม ที่กระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้ง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เราประชาชนชาวเชียงใหม่ ยินดีต้อนรับท่านผู้ว่าคนใหม่ ผู้ที่จะมาเป็นพ่อเมืองเชียงใหม่ มาเป็นผู้นำในการพัฒนาสร้างเมืองเชียงใหม่ให้เจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านศาสนา วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ การเมือง สร้างความรักความสามัคคี และความสงบสุขร่มเย็น ต่อจังหวัดเชียงใหม่
ถึง แม้ว่าก่อนหน้านี้ ที่ท่านดำรงตำแหน่งอื่น เช่นเป็นโฆษกกระทรวงมหาดไทย หรือเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม จะมีข่าวว่าท่านสนับสนุนต่อบางกลุ่ม ไม่ชอบใจต่อบางกลุ่ม จะเพราะเหตุผลที่ไม่อาจกล่าวถึงอย่างไรก็ดี แต่เราประชาชนชาวเชียงใหม่ส่วนใหญ่ ผู้ที่รักและเคารพต่อ อดีตนายกรัฐมนตรีคนเชียงใหม่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นวีรบุรุษขวัญใจคนรากหญ้าทั่วประเทศ ก็คาดหวังว่าด้วยจิตใจของผู้ใหญ่ และจิตใจของผู้บริหาร จิตใจของชาวมหาดไทย และหลังจากได้ร่วมมือทำงานกับประชาชนชาวเชียงใหม่แล้ว เราจะได้เห็นการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุข ที่จริงจังและจริงใจจากท่าน ผู้มีสายเลือดสิงห์มหาดไทยอย่างเข้มข้น
ประชาชน คนเสื้อแดงเชียงใหม่ในนามศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่ เกิดขึ้นมาจากการรวมตัวกันของพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ทุกอำเภอ เป็นผู้ประสานงานในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตย และต่อต้านการใช้อำนาจเผด็จการ มาตั้งแต่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่เราบ่งชี้ว่าเป็นจุดกำเนิดของวิกฤติการณ์ทางการเมืองของประเทศชาติของเรา อยู่ในขณะนี้ การรัฐประหารในครั้งนั้นนอกจากไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้แล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมปัญหาทุกอย่างให้แย่ลงกว่าเดิม สิ่งที่จะเป็นคุณประโยชน์ของการรัฐประหารมีอยู่อย่างเดียว คือการปลุกจิตสำนึกของประชาชนผู้รักชาติได้ตระหนักว่าระบอบประชาธิปไตยมีคุณ ค่ามากมายแค่ไหน ประชาธิปไตยสามารถสร้างเศรษฐกิจที่ดีกว่าได้อย่างไร เหมือนอย่างกับที่บอกกันว่าประชาธิปไตยสามารถกินได้ และการรัฐประหารในครั้งนั้นคือการเปิดเผยตัวเองอย่างล่อนจ้อนของผู้มีอำนาจ และใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ใช้อำนาจอย่างไม่เป็นประชาธิปไตย นั่นก็คือการใช้อำนาจแบบเผด็จการ กดขี่ และเหยียดหยามประชาชน
ประชาชน คนเสื้อแดงเชียงใหม่เป็นกลุ่มประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นในบ้านเมืองของเรา เราก็ไม่อาจนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์เหล่านี้เพราะการนิ่งเฉยของประชาชนอาจทำให้ เหล่าเผด็จการคิดไปเองว่าเราให้การสนับสนุนพวกเขา เราจึงต้องออกมารวมตัวกันแสดงพลังว่าเราขอต่อต้านอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ เราได้รับการปลูกฝังในการรักษาบ้านเมืองตามพระราชดำรัสที่ว่า “ใน บ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้” และเราก็เห็นว่าประชาชนต้องออกมาควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ซึ่งก็คือรัฐบาลชุดนี้ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาเป็นรัฐบาลอย่างไม่ชอบธรรม มาเป็นรัฐบาลเพราะได้รับการสนับสนุนและกรุยทางจากทหารและเผด็จการที่ทำรัฐ ประหารมาก่อนหน้านี้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนทั่วประเทศมาเป็นลำดับ ที่สอง มี ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้งห่างจากลำดับแรกถึงกว่า 70 คน แต่ด้วยการใช้อำนาจเผด็จการนอกระบอบประชาธิปไตยพลิกแพลงฉันทามติของประชาชน ตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาในค่ายทหาร เราจึงเห็นว่านั่นคือการตบหน้าประชาชนเจ้าของอำนาจทั่วประเทศ
และ เมื่อเราประชาชนยืนยันหลักการประชาธิปไตยเดินทางไปทวงถามสิทธิ์ของเรา โดยการเรียกร้องให้มีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งกันใหม่ตามแนวทางที่ถูกต้องตาม ระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลทรราชย์ของนายอภิสิทธิ์ไม่แค่เพียงไม่สนองตอบเท่านั้น แต่กลับเข่นฆ่าสังหารชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปอย่างมากมายหลายร้อยคน บาดเจ็บ และถูกจับกุมคุมขังในคุกอีกหลายพันคน ในสถานการณ์ไม่ปรกติเช่นนี้ ที่เหตุการณ์รุนแรงยิ่งกว่าสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร รัฐบาลพล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายน้อยกว่านี้ ถามว่าถ้าหากไม่ได้รับการหนุนหลังจากอำนาจเผด็จการที่ครอบงำประเทศแล้ว รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์จะลอยหน้าอยู่เช่นนี้ได้อย่างไร เราจึงเห็นว่าการที่ประชาชนต่อต้านรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ก็คือการปฏิบัติตาม แนวทางพระราชดำรัสในการไม่สนับสนุนคนไม่ดีให้เข้ามาปกครองบ้านเมืองนั่นเอง
จังหวัด เชียงใหม่เป็นจังหวัดใหญ่ก็จริง แต่ในหลายปีมานี้การทำงาน หรือการพัฒนา และแก้ไขปัญหาทุกอย่างของจังหวัดกลับดำเนินไปได้อย่างเชื่องช้า สาเหตุหนึ่งที่สำคัญก็คือการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าราชการบ่อยครั้ง บางท่านมาอยู่ไม่ถึงปี บางท่านมาอยู่ ปี 2 ปีก็ย้ายออกไป ไม่ได้ทำงานแบบต่อเนื่อง ไม่เหมือนจังหวัดสุพรรณบุรีที่เจริญอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ว่าอยู่ทำงานต่อเนื่องถึง 5 ปี แต่จังหวัดเชียงใหม่ยังมีงานพิเศษอีกมากมาย ทั้งเป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองทหาร เมืองศูนย์กลางราชการของภาคเหนือ ทำให้งานสังคมพวกนี้ ทั้งงานต้อนรับบุคคลสำคัญ งานประสานงาน งานประชุม งานสังคม กลายเป็นงานสำคัญและจำเป็นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จนเป็นที่มาของการพูดประชดประชันของบุคคลทั่วไปที่มองว่าหน้าที่ของผู้ว่า ราชการจังหวัดเชียงใหม่คือ “ฮับแขก แดกเหล้า เฝ้าสนามบิน ตัดริบบิ้น (ตี๋ก๊อง) แล้วไปตี๋กอล์ฟ”
เรา มองเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นผู้นำในการพัฒนา เมือง และเราก็มองเห็นความเป็นจริงที่ว่า ผู้ว่าราชการของเชียงใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งมาดำรงตำแหน่ง พวกท่านมาแล้วก็ไปๆ ไม่เคยได้ทำงานให้บ้านเมืองของเรา ปัญหาของจังหวัดเราจึงไม่ได้รับการแก้ไขเพราะขาดคนทำงาน การพัฒนาเมืองของเราจึงไม่เกิดขึ้นเพราะขาดผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปัญหาเหล่านี้จะแก้ไขได้ก็โดยแต่การมีผู้นำที่อยู่อาศัยในท้องถิ่น มีผู้นำที่อาสาและแข่งขันกันเข้ามาทำงาน มีวาระในการดำรงตำแหน่งที่แน่นอน ซึ่งนั่นก็คือต้องมีการเลือกตั้ง ต้องให้อำนาจต่อประชาชนคนเชียงใหม่เป็นผู้เลือกคนเข้ามาทำงาน เมื่อนั้นปัญหาต่างๆ ของจังหวัดเชียงใหม่จะได้รับการแก้ไขที่ถูกจุด เราจึงคาดหวังไว้ว่าเมื่อประเทศชาติของเราเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ประชาชนคนเชียงใหม่จะมีโอกาสเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดของเราโดยตรง
เราจึงขอเสนอให้มีการ “เลือก ตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่” เข้ามาทำงานให้จังหวัดเชียงใหม่มีความเจริญทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ที่เจริญแล้วอย่าง กรุงเทพมหานคร
ด้วยความเคารพ
กลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ผู้รักความเป็นธรรม และรักประชาธิปไตย
ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่
แถลง ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่
วันจันทร์ ที่ 4 ตุลาคม 2553