WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, May 31, 2011

จดหมายเปิดผนึก (เปิดใจ)... ถึงอาจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์ (กรณีวิพากษ์ TCIJ)

ที่มา ประชาไท

สวัสดีค่ะ อาจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์

ก่อนอื่นก็อยากขอบคุณอาจารย์ด้วยใจจริงค่ะที่เขียนถึง TCIJ. (ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง) อย่างทันทีทันควัน อันแสดงว่า อาจารย์ติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ทุกขณะ ที่สำคัญคือ มองเห็นว่า เว็บไซต์ TCIJ. ไม่ใช่เว็บไซต์ดาดๆ ธรรมดาที่เพียงแต่อาศัยพื้นที่สื่อสารของสาธารณะมาตอบสนองความอยากทำเป็น ส่วนตัว เพราะข้อท้วงติงของอาจารย์ แสดงชัดถึงความใส่ใจในปัญหาของบ้าน เมือง แม้ว่าอาจารย์จะยังคงมองผ่านแว่นสายตาของอาจารย์ใจเองก็ตาม

ประเด็นที่จะท้วงติงอาจารย์ดังต่อไปนี้ ไม่ใช่การท้วงติงตัวของใจ อึ๊งภากรณ์ ในฐานะส่วนบุคคล หากแต่เป็นการท้วงติงแนวคิดหรือวิธีคิด ที่อาจารย์ใจได้กล่าวถึง TCIJ. ค่ะ

1. การด่วนตัดสินว่า TCIJ. เป็นสื่ออำมาตย์ หรือค่อนไปในทางเป็น ”พวกเสื้อเหลือง”
หลาย ปีมานี้ สังคมไทยจ่อมจมอยู่ใน ”การกล่าวหา” ว่าคนนี้เป็นสีนั้นและคนนั้นเป็นสีนี้ จนแทบทำให้สังคมไทยและ ชีวิตของผู้คนไม่เหลือมิติอื่นใดอีกนอกจากมิติการเมืองและการหมกมุ่นโต้แย้ง แก่กัน ทั้งที่ในความเป็นจริง การแสดงจุดยืนทางการเมืองและความเห็นต่อ สถานการณ์หนึ่งๆ นั้น เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของข้อมูลข่าวสารที่ได้ รับ และกระแสครอบงำต่างๆ เราจึงได้เห็นคนที่เคยใส่เสื้อเหลืองเฝ้าดูแต่ ASTV จำนวนไม่น้อย หันมาปรับเปลี่ยนท่าทีหรือแม้กระทั่งเลิกใส่เสื้อสีเหลือง หันไปใส่เสื้ออีกสีหนึ่งแทนหรือเลิกใส่เสื้อสีไปเสียเลยก็มี

อย่างไร ก็ดี ท่าทีต่อสถานการณ์เป็นคนละอย่างกับจุดยืนและโลกทัศน์ทางการ เมือง ซึ่งแท้จริงแล้ว คนที่ลุกขึ้นใส่เสื้อสีใดสีหนึ่งในห้วงหลายปีมา นี้ ล้วนกำลังใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย จนกล่าวได้ ว่า คนเสื้อสองสี แสดงการยืนยันโลกทัศน์และจุดยืนของเขา ( ที่เพียงแต่ “ไม่เหมือน” กับเรา) เช่นกับที่อาจารย์ใจกำลังยืนยันถึงจุดยืนและโลกทัศน์ของตนอยู่เช่นกัน

การ ใส่เสื้อสีอะไรจึงไม่ได้เป็นปัญหาในตัวของมันเอง หากแต่มันเป็นปัญหา เพราะถูกใช้เป็นเครื่องมือและสัญลักษณ์ในการกีดกันคนที่มีความคิดเห็นทางการ เมืองต่างออกไปให้เป็น ”คนอื่น” หรือ ”ไม่ใช่พวกเรา” แม้กระทั่งเป็นพวกที่สมควรต้องถูกเกลียดชังกำจัดออกไป

ประเด็นที่น่า เป็นห่วงจึงอยู่ที่ว่า การด่วนตัดสินของอาจารย์ใจในเรื่อง นี้กำลังถูกผลักออกไปให้เป็นการด่วนตัดสินของสาธารณชน ที่อาจไม่ทันได้อ่านข่าวสารข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนกระบวนความจาก TCIJ. ซึ่งก็ได้ประกาศอย่างชัดเจนในบทบรรณาธิการและ “เกี่ยวกับเรา” ไว้ แล้ว เห็นได้จากข้อวิพากษ์ของอาจารย์ใจในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าว ที่มุ่งเจาะนักการเมือง ซึ่งอาจารย์ใจพาดพิงว่า ทำไมเจาะแต่ถุงเงินคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทย โดยที่อาจารย์ใจละเลยการพูดถึงข่าวเจาะของ TCIJ. ที่เปิดโปงทั้งถุงเงินและเครือข่ายของพรรคการเมืองถึง 4 พรรคด้วยกัน

นอก จากนี้ ที่อาจารย์ใจบอกว่า เว็บลิงค์ของ TCIJ. ค่อนไปในทางกลุ่มเว็บที่เป็นเสื้อเหลือง เช่น Siam intellegent หรือเว็บของ ปปช. สตง. นั้น ขอเรียนโดยสัจจริงว่า ตัวดิฉันเองยังไม่เคยมองว่า Siam Intellegent เป็นของคนใส่เสื้อสีอะไร แม้จะเห็นชื่อกลุ่มคนทำเว็บตามที่เขาประกาศไว้ ก็ เพียงแต่เห็นว่าเว็บนี้มีเนื้อหาสาระดี มีบทความเข้มข้น แล้วก็ประเมินเอา เองว่าคนอ่านเว็บ TCIJ. น่าจะเป็นกลุ่มคนอ่านคุณภาพเช่นเดียวกับของเขา จึงอยากให้คนที่เข้า เว็บเราได้ read more and more เท่านั้นเอง ซึ่งก็เป็นการอ้างอิงเชื่อมต่อโดยเจ้าตัวเขาไม่รู้เรื่องเลยค่ะ

ใน ส่วนการทำเว็บลิงค์ถึง ปปช. สตง. ก็เช่นเดียวกัน ดิฉันเพียงแต่คิดว่า ในเมื่อกระแสข่าวใหญ่ช่วงนี้ของเราเป็น การเปิดข้อมูลนักการเมือง ก็อาจมีคนอยากรู้ข้อมูลในมิติต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องขยายผล เช่น ไปดูคดีเกี่ยวกับนักการเมืองที่ค้างอยู่ที่ ปปช.ถึง 4.000 กว่าคดี อีกอย่างหนึ่ง เว็บลิงค์ย่อมไม่ใช่ศิลาจารึก ความตั้งใจของ TCIJ. ก็คือ จะคอย up date เว็บลิงค์ โดยการปลดออกเพิ่มเข้าให้สอดคล้องกับกระแสข่าวใหญ่ที่เรานำเสนอใน แต่ละช่วง

2. ขอเล่าถึงจุดยืนและเป้าหมายการก่อเกิดของเว็บไซต์ TCIJ. ว่า มาจากงานวิจัยสื่อหนังสือพิมพ์ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาของดิฉัน ที่พบปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้ข่าวสืบสวนหายไปจากสื่อ ทั้งจากการเซ็นเซอร์ ตัวเอง จากอำนาจธุรกิจ และการแทรกแซง คุกคาม จนมาถึงคำตอบสุดท้ายว่า เราต้องสร้างพื้นที่ใหม่ให้ เป็นสื่อเสรีและเป็น ”ทางเลือก “ สำหรับคนที่ต้องการบริโภคข่าวสารคุณภาพ เป็น “พื้นที่ส่วนกลาง” ที่นักข่าวมืออาชีพจะได้ทำงานข่าวสืบสวนโดยปลอดจากอำนาจ แทรกแซง

ดังนั้น ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน และเป็นสื่อที่ไม่ได้ ทำมาค้าขายข่าว หากแต่อยากให้คนมาเสพข่าวของเราฟรีๆ มากๆ TCIJ. จึงไม่มีธุรกิจมาชี้นำ และกล้าพูดได้ว่า เราจะทำหน้าที่สื่อที่พึงประสงค์ให้ได้มากที่สุด กล่าว คือ ซื่อสัตย์ต่อข้อมูลข้อเท็จจริงที่เป็นสิทธิการรับรู้ (right to know) ของประชาชน โดยการทำความจริง (ที่ถูกซุกซ่อน) ให้ปรากฏ ให้ความจริงและข้อมูลเป็นช่องทางของการเรียนรู้ ไม่ว่าความจริงนั้นจะถูกซุกซ่อนไว้โดยนักการเมือง นักธุรกิจใหญ่ นักวิชาการ คนในเสื้อสีเหลือง คนในเสื้อสีแดง ฯลฯ และหากว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในข่าวจะโต้แย้งกล่าวหาว่าข่าวสารที่เรา นำเสนอไม่เป็นความจริง เราก็ยินดีจะ “เปิดพื้นที่” ให้ผู้ตกเป็นข่าวได้มาแบ่งปันข้อมูล เปิดเผยข้อเท็จจริงอีก ด้านหนึ่งเพื่อโต้แย้ง เพราะนี่คือ พื้นที่สาธารณะ ที่ทุกคนมีสิทธิมีส่วนร่วมได้

นี่ อาจเป็นเรื่องใหม่ที่อาจารย์ใจ ตัวดิฉัน สื่อมวลชนทั้งหลายและวิญญูชน จะได้มาร่วมกันพิสูจน์ความเป็นพื้นที่สาธารณะ ที่ปราศจากอคติหรือคติครอบงำ นี้... ร่วมกันค่ะ

3. ที่อาจารย์ใจด่วนตัดสิน TCIJ. ด้วยประเด็นการรับเงินสนับสนุนจาก สสส. นั้น ดิฉันได้ประกาศอย่างโปร่งใสไว้ในหน้าเว็บไซต์ “เกี่ยวกับเรา”แล้ว ว่า เราได้รับงบประมาณ 1 ปีแรกจาก สสส. แต่มีแผนงานที่จะพึ่งตัวเองโดยการหารายได้อย่างเหมาะสมในปีที่ 2 เป็นต้นไป (รบกวนอาจารย์ใจกลับไปอ่านนะคะ) ซึ่ง TCIJ.มีแผนธุรกิจและการพึ่งตัวเองที่เป็นไปได้หลายประการอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเปิดเผยไม่ ได้ และหากว่าอนาคตข้างหน้าเราไม่สามารถจะพึ่งตัวเองได้จริงตามแผนงานที่วาง ไว้ TCIJ. ก็คงจำเป็นที่จะต้องหยุดตัวเองลงก็เท่านั้นเอง ซึ่งก็จะได้เป็นบทพิสูจน์ ว่า ผู้บริโภคข่าวสารและสังคมไทยไม่ต้องการสิ่งนี้ !... หรือไม่สักวันหนึ่งก็อาจมีใครหรือกลุ่มสื่อใดอยากทำงานข่าวสืบสวนให้ เป็นพื้นที่สาธารณะแบบนี้ขึ้นมาอีกก็ได้ เราก็ได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว ในการ เป็น “อิฐก้อนแรก” ที่จะถมทางสร้างถนนให้แก่แผ่นดินแม่ของเรา

อาจารย์ ใจคะ น่าเศร้านะคะที่ชีวิตเราสองคนซี่งอยู่มาจนถึงใกล้บั้นปลาย ขนาดนี้ เพิ่งจะได้เห็นและเป็นอยู่ในบรรยากาศของบ้านเมืองที่วิกฤต ไร้อนาคต ถึงเพียงนี้ ผู้คนต่างลดทอนพลังซึ่งกันและกัน เกลียดชังซึ่งกัน ระแวงสงสัย ซึ่งกัน โดยมิพักต้องแสวงหา “ความจริง”อะไรเลย และโดยไม่ตั้งคำถามกับปัญหาใหญ่ที่อยู่ลึกไปกว่า ปรากฏการณ์ที่ตามองเห็นและหูได้ยิน เราจึงต่างตกเป็นเหยื่อของผู้ชี้นำบ้าน เมือง ปล่อยให้อำนาจอันไม่ชอบธรรมต่างๆ กลับเป็นฝ่ายเติบใหญ่เข้ม แข็ง...มากกว่าประชาชนอย่างเราๆ

ด้วยจิตคารวะและน้ำใสใจจริง
สุชาดา จักรพิสุทธิ์
31 พฤษภาคม 2554

บทความอ้างอิง: "ใจ อึ๊งภากรณ์" วิพากษ์เว็บ "ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง"