บ้านเอ็งนี้
บ่มีดอก ไอ้วันชาติ
มีแต่วัน
ให้เป็นทาส กันถ้วนหน้า
วันกราบโค
กราบควาย วันไหว้หมา
วันแบกหาม
เทวดา ธิปไตย
Credit: Khun konsankao
โดย RED USA
กลุ่มคนไทยในท้องที่มณฑลลอส
แองเจลีส สหรัฐอเมริกา ที่เรียกตัวเองว่า “Heart for Homeland” ซึ่งเคยร่วมกันจัดผ้าป่ามหากุศลช่วยบ้านเกิดในคราวเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี
พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นเงินราว ๔ หมื่นดอลลาร์ ได้นัดพบปะสังสรรค์ และฉลองวันชาติสหรัฐ (The 4th
of July) ในเมืองมอนเทอเรย์พาร์ค เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ด้วยความรู้สึกละล้าละลังผสมกันระหว่าง “ปริ่มเปรม
และปลอดเปลี่ยว”
“ปริ่มเปรม”
ต่อความอลังการในการฉลองวันชาติของชาวอเมริกัน
แม้นว่าสหรัฐจะเป็นประเทศค่อนข้างใหม่ ประกาศเอกราชมาไม่ถึง ๓๐๐ ปี
ถึงจะเป็นดินแดนที่มีความเจริญอย่างกว้างขวางมหาศาลกว่าแห่งใดในโลก
แต่ถ้าประชาชนที่พื้นฐานถิ่นเกิดมาจากโลกเก่าหลากหลายแหล่งเหมือนดั่งพร้อมใจมาลงเบ้าหลอมเดียวกัน
มิได้มีจิตวิญญานอันแน่วแน่ร่วมกันในวิถีชีวิตตามปรัชญา “ของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน” แล้วละก็
การฉลองวันชาติคงจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าที่เป็นมา และกำลังเป็นไป
“ปลอดเปลี่ยว”
ด้วยความที่ผู้มาร่วมฉลองล้วนหวนหาถิ่นกำเนิดประเทศไทยของตน ซึ่งอ้างอิงกันมาว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า
๗๐๐ ปี (แท้จริงอาจเพียง ๑๕๐
กว่าปีดังที่นักประวัติศาสตร์ยุคใหม่ให้ความเห็นว่าประเทศสยามเริ่มมีฐานะเป็นรัฐชาติในทางสากลหลังจากการทำสัญญาบาวริ่งกับอังกฤษในปี
พ.ศ. ๒๓๙๘ ก่อนหน้านั้นเป็นเพียงหนึ่งในรัฐศักดินา หรือ Feudal states ที่มีอยู่หลายแห่งในภูมิภาค อาทิ รัฐล้านนา
รัฐจำปา รัฐทาวารวดี และรัฐปาตานี ซึ่งต่างเคยอยู่ภายใต้อิทธิพล
หรือการปกครองของอาณาจักรพุกาม อาณาจักรศรีวิชัย และอาณาจักรขแมร์)
แต่หาได้มีวันชาติอันเป็นศูนย์รวมจิตวิญญานของประชาชนเฉกเช่นสหรัฐไม่
เดิมนั้นวันชาติของไทยถูกกำหนดเป็นครั้งแรกหลังการอภิวัฒน์การปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชมาสู่ประชาธิปไตยโดยคณะราษฎร
ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕
หากแต่พลังแห่งการช่วงชิงอำนาจกลับคืนโดยฝ่ายกษัตริย์ ด้วยการสนับสนุนของผู้เผด็จการทางทหาร
คือจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และนักการเมืองค่ายราชาธิปไตย เช่นนายควง อภัยวงศ์ และ
ม.ร.ว. เสนีย์-ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นต้นมา
จอมพลสฤษดิ์ได้สั่งยกเลิกวันชาติที่ ๒๔ มิถุนายน ซึ่งให้ความปริ่มเปรม
และภาคภูมิใจแก่ประชาชนไปเสีย
จากนั้นได้มีการเชิดชูวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์
พระราชินี พระบรมโอรสาธิราช พระสยามราชกุมารี
และวันสวรรคตของอดีตกษัตริย์รัชกาลต่างๆ ขึ้นมาเฉลิมฉลองแทน
โดยกำหนดให้เป็นสัญญลักษณ์แห่งการนอบน้อมถ่อมตน
และกรอบความคิดของประชาชนที่ยับยั้งความทะเยอทะยานไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
แทนการเริงร่าประกาศจิตวิญญานการเป็นเจ้าของแผ่นดินดังเช่นคนอเมริกัน
หรือประชาชนในประเทศที่ได้ประกาศเอกราชปลดแอกจากอาณานิคม
ดูไปแล้วประเทศที่ได้ประกาศเอกราชจากการอยู่ภายใต้
“ใครมาเป็นจ้าวเข้าครอง”
กลับทำให้ประชาชนมีความผูกพันกับแผ่นดินของตนมากกว่าประเทศที่ไม่เคยถูก
เข้าครอง
แต่ประชาชนไม่เคยมีฐานะเป็นเจ้าของแผ่นดินอันเรียกว่ารัฐชาตินั้นเลย
ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น
เป็นปัญหาทางจิตสำนึก และอารมณ์ทางอุดมการณ์
เมื่อในขณะที่สภาพความเป็นจริงแล้วประชาชน (โดยทั่วไปที่เรียกกันในสมัยนี้ว่า “รากหญ้า”)
มิได้ถูกจัดวางไว้ให้เป็นองคาพยพทางการปกครองแห่งความเป็น “ของ-เพื่อ-โดย” ในรัฐชาติ ดังนิยามของระบอบประชาธิปไตยที่อ้างกันมาเป็นเวลา ๘๐ ปี
ด้วยการจำกัดความหมายให้แคบลงโดยวลีที่ว่า “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
นั่นคือตีความเกินควรกันว่าองค์
“ประมุข”
ทรงอธิปไตยเหนือกว่า “ประชา”
ทุกวิถีทาง อันขัดแย้งกับหลักการที่วางไว้ และยอมรับกันมาตลอดค่อนศตวรรษ
ว่ารัฐธรรมนูญโดยสัญญาประชาคมคือองค์อธิปไตยสูงสุดเหนือทุกๆ อณูในรัฐชาติ
ความเศร้าสลดจากการที่อดมีวันชาติอย่างอเมริกันมิได้เกิดจากการที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแต่อย่างใด
หากแต่การตีความให้พระมหากษัตริย์ทรงอธิปไตยเหนืออื่นใดนั่นสิกลายเป็นช่องทางให้เกิดการเลือกที่รักมักที่ชังในสังคม
จนถึงขั้นแตกร้าวเป็นสองฝ่าย
โดยฝ่ายที่อยู่ “ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท” และ “เคียงข้างยุคลบาท”
ถึงจะมีจำนวนน้อยกว่า แต่ว่ามีกำลังอำนาจมากกว่า สามารถปรักปรำให้อีกฝ่ายกลายเป็น
“ขบวนการล้มเจ้า” และ “ผู้ไม่จงรักภักดี”
ที่ถูกข้อหาอาญาว่าประพฤติตนขัดต่อความมั่นคงแห่งรัฐไปได้
การนัดพบปะของกลุ่มคนไทยรักบ้านเกิดครั้งนี้ จึงมีนัยยะเป็นอุทธาหรณ์ได้ว่า
ความเป็นปึกแผ่นแห่งรัฐชาติขึ้นอยู่กับจิตวิญญานอันผูกพันต่อแผ่นดินของประชาชน มากกว่าการมีศูนย์รวมอันศักดิ์สิทธิ์ใดๆ
ยิ่งเมื่อดูตัวอย่างที่เกิดในกลุ่มประเทศอาหรับด้วยแล้วจะเห็นว่า
การดำรงสถานะสูงส่งของผู้ปกครองไว้ให้มั่นคงไม่สามารถกระทำได้ด้วยการกดขี่ กำจัด
และกวาดล้างส่วนที่เป็น “เสี้ยนหนาม” อีกต่อไป
เพราะเสี้ยนหนามเหล่านั้นแท้จริงคือประชาชนในสิ่งแวดล้อมโลกาภิวัตรที่รู้มากขึ้นเสียจนไม่มีใครที่จะยอมให้กดขี่
กำจัด และกวาดล้างอีกแล้ว
***************
ภาพกลุ่มคนไทยในท้องที่มณฑลลอส แองเจลีส สหรัฐอเมริกา ที่เรียกตัวเองว่า “Heart for Homeland” ซึ่ง เคยร่วมกันจัดผ้าป่ามหากุศลช่วยบ้านเกิดในคราวเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นเงินราว ๔ หมื่นดอลลาร์ ได้นัดพบปะสังสรรค์ และฉลองวันชาติสหรัฐ (The 4th of July) ในเมืองมอนเทอเรย์พาร์ค เมื่อวันพุธที่ผ่านมา