WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, July 2, 2012

บทบาทของสภาคณาจารย์และข้าราชการต่อการเคลื่อนไหวของพนักงาน: กรณีมหาวิทยาลัยราชภัฏ

ที่มา ประชาไท


ชนะชัย บุญเพิ่ม
กรรมการสภาคณาจารย์ และข้าราชการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
ชื่อเรื่องเดิม:  บทบาทของสภาคณาจารย์และข้าราชการต่อการส่งเสริมกระบวนการเคลื่อนไหวของ เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา: กรณีมหาวิทยาลัยราชภัฏ



กรณีการเคลื่อนไหวของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศผ่านเครือข่าย สังคมออนไลน์ (Facebook) ที่ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน กว่า 9,000 คน เพื่อทวงถามสิทธิ และสวัสดิการต่อรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาไม่ได้ปรากฏตัวตนในระบบการทำงานถึงแม้จะ มีสถานะเป็นถึงอาจารย์ และบุคลากร ทำงานในมหาวิทยาลัย ที่ทำการสอน การวิจัย และบริการวิชาการ ตามหน้าที่ทุกประการ เนื่องพนักงาน ฯ ได้รับผลกระทบจากการประกาศขึ้นเงินเดือนแก่ข้าราชการตามมติคณะรัฐมนตรี มกราคม พ.ศ. 2555 ที่ไม่ครอบคลุม ถึงพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ที่ปรากฏตัวตนตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ฉบับที่ 2  พ.ศ 2551 เพียงน้อยนิดในมาตรา 3 ที่ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ระหว่างบทนิยามคำว่า“ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา” และคำว่า “สภาสถาบันอุดมศึกษา” ในมาตรา  4แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาพ.ศ.2547 “ พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” หมายความว่าบุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้างให้ทำงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากเงินงบประมาณแผ่นดินหรือเงินรายได้ของ สถาบันอุดมศึกษา”  มิหนำซ้ำ ยังขังตายความก้าวหน้าของพนักงาน ด้วยหมวด 9 มาตรา 65/1 กล่าวว่าการกำหนดตำแหน่งระบบการจ้างการบรรจุและการแต่งตั้งอัตราค่าจ้างและ ค่าตอบแทนเงินเพิ่มและสวัสดิการการเลื่อนตำแหน่งการเปลี่ยนและการโอนย้าย ตำแหน่งการลาจรรยาบรรณวินัยและการรักษาวินัยการดำเนินการทางวินัยการออกจาก งานการอุทธรณ์และการร้องทุกข์และการอื่นที่เกี่ยวกับการบริหารงาน บุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาให้เป็นไปตามข้อบังคับของสภาสถาบันอุดม ศึกษา ที่สภาแต่ละสถาบันก็ออกข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคล ด้วยการได้มาซึ่งกรรมการรบริหารงานบุคลสำรับพนักงานมหาวิทยาลัย (ก.บ.ม.) มาทำหน้าที่ออกประกาศ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคลสำหรับพนักงานทั้งหมด
พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ.2547 กำหนดให้สภาคณาจารย์และข้าราชการมีหน้าที่ ดังนี้ 1) ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะในกิจการของมหาวิทยาลัย และการพัฒนามหาวิทยาลัยต่ออธิการบดีหรือสภามหาวิทยาลัย, 2) แสวงหาแนวทางร่วมกันเพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของคณาจารย์ และข้าราชการในการปฏิบัติหน้าที่แห่งจรรยาบรรณวิชาชีพ, 3) พิทักษ์ผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยและปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่อธิการบดีมอบ หมาย, 4) เรียกประชุมคณาจารย์และข้าราชการเพื่อพิจารณากิจกรรมของมหาวิทยาลัย และนำเสนอต่อสภามหาวิทยาลัย เมื่อตีความหน้าที่ของสภา ฯ ตาม พ.ร.บ. แล้วจะเห็นว่าสภาฯ มีอำนาจเต็มในการปกป้องส่งเสริม เพื่อหาแนวทางพัฒนาศักยภาพของคณาจารย์และข้าราชการ ภายในมหาวิทยาลัย องค์กรสภาฯ ประกอบไปด้วยกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนที่ได้รับการเลือกตั้งมาจาก หน่วยงานระดับคณะ, ศูนย์ สำนัก และสถาบัน หากพิจารณาถึงบทบาทของสภาฯ ต่อการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ฯ ในปัจจุบันนั้นพบว่ายังมีบทบาทน้อยมากต่อการชี้นำ ช่วยเหลือ และส่งเสริมศักยภาพของพนักงาน ฯ ภายในองค์กรให้ได้รับรู้รับทราบถึงสิทธิและสวัสดิการเกื้อกูล ผลประโยชน์ที่พึงได้รับจากองค์กรนายจ้าง
การผลักดันสิทธิและสวัสดิการเกื้อกูล ที่ดีให้บังเกิดต่อพนักงานอย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นหน้าที่อันสมบูรณ์ตาม พ.ร.บ. ที่สภา ฯ พึงปฏิบัติ โดยสภาฯต้องสร้างกระบวนการช่วยเหลือ ส่งเสริม และผลักดันด้วยมติประชาคม (การเรียกประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาคม) การเรียกร้องผ่านตัวแทน (ประธานสภาฯต้องทำหน้าที่เรียกร้องผ่านการประชุมสภามหาวิทยาลัย) การนำเสนอปัญหาต่ออธิการบดี ร่วมหาทางออกที่เป็นธรรมแก่องค์กรและพนักงานทั้งมวล เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ต่อมวลหมู่พนักงาน อันจะส่งผลประโยชน์และประสิทธิภาพต่อองค์กรเป็นสำคัญ
สรุปองค์กรสภาคณาจารย์และข้าราชการนับเป็นองค์กรที่มีความใกล้ชิดกับ ชีวิตและความเป็นอยู่ของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งเป็นบุคลกรที่มีความ สำคัญอย่างยิ่งต่อระบบการศึกษาของประเทศ หากยังคงเพิกเฉยต่อกระบวนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดม ศึกษา ก็นับว่าสภาตีความหน้าที่ตาม พ.ร.บ. คลาดเคลื่อนดังนั้นจึงขอถือโอกาสนี้เรียกร้องมายังสภา ฯ และกรรมการสภาคณาจารย์ และข้าราชการจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ให้ร่วมกันส่งเสริมกระบวนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายบนพื้นฐานความถูกต้อง เพื่อกอบกู้วิกฤตแห่งการอุดมศึกษา เนื่องจากพนักงานทั้งหลายอยู่ภายใต้ความสิ้นหวังต่อระบบที่ไร้เสถียรภาพ ขาดความมั่นคง ในชีวิตการทำงาน เช่นในสภาพปัจจุบัน...
โปรดช่วยกันครับเพื่อประเทศชาติที่เราพร่ำบอกว่ารักเสมอมา...