WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, July 8, 2012

ชายแดนใต้ได้เปรียบแต่ไม่พร้อม ชี้ผลิตคน 7 อาชีพชั้นสูงไม่ทันสู้กระแสอาเซียน

ที่มา ประชาไท

 

เลขาธิการอาเซียน ชี้ชายแดนใต้ได้เปรียบ คนพื้นที่พูดมลายูเหมือนคนส่วนใหญ่ แต่ต้องปรับสำเนียงให้ถูกต้อง แนะรัฐปรับมุมมองต่อคนพื้นที่ ชี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ย้ำสถาบันการศึกษาต้องปรับตัว พร้อมผลิตบุคลากรคุณภาพสูง ปัจจุบันยังผลิตคน 7 อาชีพที่เปิดเสรียังไม่พอ เกรงแข่งขันคนต่างชาติไม่ได้
 
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 กรกฎาคม 2555 ที่สนามกีฬากลางจังหวัดปัตตานี นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน กล่าวปาฐกถา เรื่อง “เศรษฐกิจอาเซียน เศรษฐกิจชุมชน” ในงานครบรอบ 20 ปี สหกรณ์ออมทรัพย์อิบนูอัฟฟานว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความได้เปรียบมากกว่าส่วนอื่นของไทยในการเข้าสู่อา เซียน แต่สถาบันการศึกษาในพื้นที่โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามยังส่งคน เข้าเรียนใน 7 สาขาอาชีพที่จะเปิดเสรีได้ยังไม่เพียงพอ
 
นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า ในอาเซียนมี 7 อาชีพที่จะเปิดเสรี ซึ่งจะเรียนและทำงานที่ไหนก็ได้ ทั้ง 7 สาขาอาชีพดังกล่าว ได้แก่ อาชีพวิศวกร พยาบาล สถาปนิก การสำรวจ นักบัญชี ทันตแพทย์ และแพทย์ ซึ่งคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยิ่งได้เปรียบกว่าที่อื่นของประเทศหากมีคนที่ เรียนจบในสาขาอาชีพดังกล่าว 
 
นายสุรินทร์ กล่าวว่า ในภาคใต้มีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามหรือโรงเรียนปอเนาะกว่า 400 แห่ง สามารถผลิตนักเรียนได้ปีละ 5,000 คน แต่ยังไม่สามารถส่งคนไปเรียนหมอ หรือเรียนใน 7 สาขาอาชีพดังกล่าวได้อย่างเพียงพอ เพราะฉะนั้นสถาบันการศึกษาในพื้นที่ต้องปรับตัวให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของ ทุกกระแส ขณะเดียวกันพ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องเข้าใจอนาคตลูกหลานด้วยว่าจะต้องแข่งขันกับใครในเวทีอาเซียน ถ้าทำไม่ได้ ลูกหลานจะสู้คนอื่นไม่ได้ และจะอ่อนเปลี้ยทันทีเมื่อต้องแข่งขันกับคนอื่น
 
นายสุรินทร์ กล่าวว่า ครึ่งหนึ่งของประชาชนในกลุ่มประเทศอาเซียน คือ คนที่พูดภาษามลายู ซึ่งตนได้บอกกับรัฐบาลเสมอว่า คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้พูดมลายูด้วย แต่เป็นมลายูท้องถิ่นปัตตานี ซึ่งเป็นทุนทางสังคมและทุนทางเศรษฐกิจที่ดีในการเตรียมเข้าสู่อาเซียน เนื่องจากสามารถเชิญชวนต่างชาติให้มาลงทุนในประเทศไทยได้ และสามารถทำให้ตราสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับได้ของอาเซียนได้โดยคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นโอกาสของไทยในอาเซียน
 
“เมื่อวานที่กระทรวงมหาดไทย ผมพูดกับคนในกระทรวงมหาดไทยทั้งประเทศผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนท์ว่า ขอให้เปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองต่อคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ใหม่ เพราะคนในพื้นที่สามารถพูดกับคนในอาเซียนได้ ถ้ารู้วิธีผันสำเนียงให้เป็นภาษามลายูกลางได้ ซึ่งโอกาสก็จะยิ่งเปิดมากขึ้น แต่อนาคตอาเซียนจะมีแต่การแข่งขัน อาเซียนจะเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ทุกคนต่างมุ่งไปข้างหน้า ปัญหาคือ เรามีความพร้อมที่จะไปข้างหน้าหรือไม่” นายสุรินทร์ กล่าว