ที่มา ประชาไท
Sat, 2012-07-07 22:31
อดีตพลพรรคคอมมิวนิสต์ไทย หมดความเป็นคอมมิวนิสต์ไปนานแล้ว
ฐานะทางชนชั้นและจิตสำนึกทางชนชั้นก็หมดไปแล้ว ถ้าจะให้ตั้งพรรคใหม่
ก็รับรองได้ว่าคนเหล่านี้ไม่เอาแน่
บทความนี้ดัดแปลงมาจากบทความเดิมของผมเรื่อง
“อสังหาริมทรัพย์กับอดีตพลพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย”
ที่ได้จากการสำรวจครัวเรือนอดีตพลพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่บ้านใน
ปราบ ม.5 ต.บ้านเสด็จ อ.เคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม
2551 ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและไม่เคยเข้าป่า
เพียงแต่ไปสัมภาษณ์บุคคลมาเท่านั้น
อดีตพลพรรคฯ นั้นส่วนมากเป็นบุคคลในวัยกลางคนคืออายุเฉลี่ย 54 ปี
แต่เกือบทั้งหมดอยู่ในช่วงอายุ 44-64 ปี ช่วงที่ออกมาจากป่ายังหนุ่มแน่น
อายุเฉลี่ย 29 ปี แต่ในปัจจุบันมีครอบครัวแล้ว มีสมาชิกในครอบครัวรวม 4 คน
แต่ละครอบครัวมีที่ดินเฉลี่ย 55 ไร่ แรก ๆ
บางคนอาจได้รับการจัดสรรที่ดินบ้าง
แต่ส่วนมากซื้อหรือถากถางป่าเพิ่มเติมจนมีที่ดินมากขึ้น มีเพียง 4 จาก 33
ครอบครัวเท่านั้นที่ได้รับมรดกเป็นที่ดินมาจากบุพการี
รายได้เฉลี่ยจากการทำสวนยาง
สวนปาล์มและสวนผสมต่อครอบครัวจึงเป็นเดือนละ 35,355 บาท หรือมีรายได้ต่อหัว
111,117 บาทต่อปี
ซึ่งใกล้เคียงกับที่ทางอำเภอเคียนซาได้เคยสำรวจไว้ว่ารายได้ต่อหัวของตำบล
บ้านเสด็จเป็นเงิน 89,851 บาทต่อปี
รายได้นี้สูงเกือบเท่ารายได้เฉลี่ยของครอบครัวในเขตกรุงเทพมหานครและ 3
จังหวัดโดยรอบที่ 36,096 บาทต่อเดือน
บางท่านได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศหรืองานรวมญาติอดีตพลพรรคฯ
ในพื้นที่อื่นทั่วประเทศมาแล้ว
ครอบครัวพลพรรคฯ
มีทรัพย์สินเฉพาะที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินเกษตรกรรมเป็นเงินครอบ
ครัวละ 6.1 ล้านบาทหรืออยู่ระหว่างช่วง 2.5-9.7 ล้านบาท
ซึ่งยังสูงกว่าราคาบ้านเฉลี่ยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ราคา 3.1
ล้านบาท พวกเขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสขยับฐานะทางเศรษฐกิจได้ขนาดนี้
บ้างก็มีฐานะทางสังคมหรือเป็นนักการเมืองท้องถิ่น
ฐานะทางชนชั้นของครอบครัวพลพรรคฯ เหล่านี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ไม่ใช่ชาวนาผู้ไม่มีอะไรจะสูญเสีย แต่เป็น “นายทุนน้อย”
ตามศัพท์ของทางพรรคฯ
แม้ทุกคนที่สัมภาษณ์จะชื่นชมกับพรรคฯ ในอดีต แต่พอผมถามว่า ถ้ามีโอกาสก่อตั้งพรรคใหม่อีก จะเอาไหม ก็ไม่พบใครคิดจะฟื้นพรรคอีกเลย