ที่มา ข่าวสด
เมื่อ เวลา 13.30 น. ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด้จการแห่งชาติ(นปช.)แดงทั้งแผ่นดิน แถลงถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจและกอ.รมน. เข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมนุมเสื้อแดง 13 แห่ง โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ พร้อมทั้งมีความพยายามหลายรูปแบบจากฝ่ายรัฐที่จะทำลายการต่อสู้ของประชาชน โดยล่าสุดมีการออกหมายจับและหมายค้นสถานีวิทยุเสื้อแดง รวมทั้งพยายามจะยึดอุปกรณ์ออกอากาศ ทำให้สถานีวิทยุหลายแห่งต้องหยุดการออกอากาศ ซึ่งถือว่าเป็นการใช้อำนาจข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ซึ่งไม่เคยมีในยุคที่บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย แต่จะเกิดขึ้นในยุคเผด็จการ
นาย ณัฐวุฒิ กล่าวว่า การกระทำที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของรัฐบาลในสถานการณ์ที่ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ คนเสื้อแดงไม่มีการนัดหมายชุมนุมใหญ่ และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ และยังประกาศพร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างนี้ ทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่ามีความพยายามที่จะปิดหูปิดตา และปิดช่องทางการสื่อสารกับประชาชนเพื่อเตรียมการปล้นประเทศครั้งใหญ่ใช่ หรือไม่ และคิดเป็นอย่างอื่นไมได้นอกจากเป็นการวางแผนเพื่อทำรัฐประหารและกลัวว่า สถานีวิทยุชุมชนจะกลายเป็นกองบัญชาการต่อต้านการรัฐประหาร ทำให้คิดไปได้อีกว่าการหลุดวงโคจรของดาวเทียมไทยคมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ เกี่ยวพันกับการเข้าไปกดดันสถานีวิทยุชุมชน ทั้งนี้แกนนำนปช.ได้ประชุมหารือมีมติเรียกร้องให้ผู้ประกอบการสถานีวิทยุ ชุมชนที่ถูกคุกคาม ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับชุดปฏิบัติการที่เข้าตรวจค้นในข้อหาปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนการกระทำของเจ้าหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือมีบุคคล ได้รับบาดเจ็บก็ให้แจ้งความไปตามกรณี
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นอกจากนี้ขอให้ผู้บริหารสถานีวิทยุชุมชนทั่วประเทศได้ประชุมเพื่อกำหนดแนว ทางในการป้องกันการบุกยึดตรวจค้นของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะตามกำหมายแล้ววิทยุชุมชนทุกแห่งยังคงเปิดทำการได้ เพราะยังไม่มีกสทช.เข้ามาทำหน้าที่ออกใบอนุญาตเรื่องนี้ และขอให้ระมัดระวังอุปกรณ์ส่งสัญญาณ เพื่อให้การออกอากาศเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากมีการรัฐประหาร สถานีวิทยุชุมชนจะเป็นจุดที่จำเป็นต้องใช้หากมีการยึดอำนาจ ขอยืนยันว่าที่ระบุออกมานี้ไม่ใช่แค่การวิตกจริต แต่บ้านเมืองอยู่ภาวะสุ่มเสี่ยงจริงๆ เพราะแม้แต่คนบ้านเลขที่ 111 และ 109 ที่ไปร่วมกับรัฐบาลก็ยังกังวลว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวว่า น่าสังเกตว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นสถานีวิทยุชุชน 13 แห่ง นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจากกสทช. ยังมีเจ้าหน้าที่กอ.รมน.เข้าร่วมด้วย โดยมีพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุบรรณ เสธ.ทบ. รู้เห็นการดำเนินการ ซึ่งการปฏิบัติการสอดคล้องกับที่ครม.อนุมัติงบประมาณให้กอ.รมน.จำนวน 8,792 ล้านบาท รวมทั้งการตบเท้าให้กำลังใจผบ.ทบ.จากทหารหลายหน่วย การจัดชุดมวลชนใส่เสื้อสีชมพูจำนวน 7 แสนคน มีการเคลื่อนไหวปลุกกระแสชาตินิยมอย่างเต็มที่ มีการปะทะกับเพื่อนบ้านจนน่าสงสัยว่าเหตุใดภรรยาของจ.ส.อ.คนหนึ่งให้ สัมภาษณ์ว่าสามีโทรศัพท์มาหาตอนเวลา 01.00 น. เพื่อบอกว่าเวลา 06.00 น.จะมีการปะทะ ซึ่งอยากรู้ว่าจ.ส.อ.คนนั้นรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีการใส่ความปฏิปักษ์ทางการเมืองมาตลอด จนตนได้ทราบข้อมูลจากวงในว่ามีการเตรียมที่จะก่อการในวันที่ 30 เม.ย. นี้ซึ่งอยากท้าว่าขอให้ทำเลย ประชาชนที่เขาต่อต้านจะได้ออกมาครั้งเดียว
“ขอให้คนเสื้อแดงทุกคน สถานีวิทยุชุมนุมตั้งมั่นไว้ให้ดี อย่าหวั่นไหวกับการสร้างสถานการณ์ เพราะเขาเริ่มตั้งแต่ปลุกเรื่องล้มสถาบัน มาตอนนี้ก็เป็นเรื่องของการสร้างกระแสชาตินิยม จากนั้นจึงพยายามปิดกั้นการสื่อสารของประชาชน ด้วยการเข้าไปบุกค้นตรวจยึด แล้วก็หวังว่าจะเช็คกำลังฝ่ายตรงข้ามว่าจะมีใครออกมาต่อต้านมากน้อยขนาดไหน หากต่อต้านมากก็จะใช้เป็นการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายเพื่อรัฐประหารทันที ดังนั้นขอให้ทุกคนอยู่ในที่ตั้ง หากมีการบุกค้นตรวจยึดก็ขอให้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี แต่อย่าออกมาให้เกิดความวุ่นวายไม่งั้นจะเข้าทางเขา ตอนนี้เขากำลังจะเข้าฮอสแล้ว อย่าไปเปิดโอกาสให้เขา เอาไว้ยึดอำนาจแล้วเราไปเจอกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเลยทันที"นายจตุพร กล่าว
ด้านนางธิดา โตจิราการ รักษาการประธานนปช.กล่าวว่า หากมีการรัฐประหาร ขอเรียกร้องให้แกนนำระดับต่างๆที่อยู่ในกลุ่มนั้นๆปฏิบัติการแทนแกนนำเดิม ที่ถูกคุกคามจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้ และขอให้ใช้แนวทางสันติวิธีและสามัคคีคนให้มากที่สุดเพื่อต่อต้านรัฐประหาร โดยขอให้ปฏิบัติการต่อต้านรัฐประหารในฐานะบุคคล หรือกลุ่มองค์กร ตามคู่มือของยีนส์ชาร์ป จากสถาบันอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ 10 ข้อ ประกอบด้วย 1.ออกมายืนตามถนน ถ้ามีการปราบให้สลายตัวแล้วออกมาใหม่ ไม่เป็นเป้านิ่ง เคลื่อนไหวเร็วไม่ต้องมีเวที 2.จอดรถ นำสิ่งของมาทิ้งไว้กลางถนนเพื่อขัดขวางการเคลื่อนกำลัง 3.ปฏิเสธคำสั่ง หรือประกาศใดๆ ไม่ให้ความร่วมมือกับคณะรัฐประหาร
นางธิดา กล่าวว่า 4.ชวนทหารที่เป็นมิตรออกมาร่วม 5.ยึดมั่นสันติวิธี 6.สร้างสัญลักษณการต่อต้านที่เสื้อ หรือผูกผ้าสีดำที่แขนเสื้อหรือสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหารเป็นสติ๊กเกอร์หรือ ธง ติดในทุกที่ หากถูกเอาออกให้นำไปติดใหม่ 7.บันทึกภาพการปราบปรามประชาชนหรือการเคลื่อนกำลัง ใช้เครือข่ายออนไลน์เผยแพร่ 8.ต่อต้านการสนับสนุนรัฐประหารทุกกรณี ทำจดหมายจกาประชาชน เรียกร้องไม่ให้ศาลรับรองคณะรัฐประหารว่าได้รัฐาธิปัตย์ 9.ต่อต้านพวกสนับสนุนการทำรัฐประหารทางเศรษฐกิจ ประจานและประท้วงกลุ่มทุนที่สนับสนุน และ 10.หยุดงานและมีการชุมนุมประท้วง อธิบายเหตุผลต่อประชาชนให้มาร่วมชุมนุมมากที่สุด
นางธิดา กล่าวว่า สำหรับการเข้าคุกคามสถานีวิทยุชุมชนนั้น ทางนปช.กำลังพิจารณาเพื่อจะยื่นหนังสือถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนสากล เพราะถือว่าเป็นการคุกคามตามสิทธิมนุษยชนสากลด้วย รวมทั้งยื่นเรื่องให้องค์กรฮิวแมนไรต์วอชต์เข้ามาตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำนปช.และผู้จัดรายการสถานีวิทยุคนแท็กซี่ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าคลื่นวิทยุคนแท็กซี่ได้แจ้งความจำนงต่อกทช.ในขณะนั้นว่าจะประกอบ กิจการวิทยุชุมชน โดยต่อมาทางกสทช.ได้อนุญาตให้สถานีวิทยุชุมชนทดลองออกอากาศไปก่อน เพราะยังไม่มีองค์กรที่จะเข้ามาดูแล แต่กลับมีการเข้ามาตรวจค้นและอ้างว่าประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งที่คลื่นวิทยุชุมชนทั้งหมดของประเทศนี้ก็ไม่มีใครได้รับอนุญาต เพราะยังไม่มีองค์กรและกฎหมายออกมาดูแล และสถานีวิทยุของพรรคภูมิใจไทย และกลุ่มพันธมิตร ก็ไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นขอยืนยันว่าจะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว มีการนัดประชุมผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชนของเครือข่ายคนเสื้อแดง เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติตัวหากถูกเข้าบุกค้นตรวจยึดอีก โดยได้กำชับให้รักษาอุปกรณ์ส่งสัญญาณไว้ให้ดีที่สุด