ที่มา มติชน
โดย ฐากูร บุนปาน
ไม่มีอะไรต้องปิดบังอ้อมค้อมกันต่อไปอีกแล้ว
เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาประกาศตัวในแผนการหาเสียง ′ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ′ เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์
เพราะแม้ที่ผ่านมาจะรู้ๆ กันอยู่แก่ใจว่าพรรคการเมืองนี้ ที่จริงก็ของคุณทักษิณ โดยคุณทักษิณ และเพื่อคุณทักษิณ (ส่วนหนึ่ง) นั่นแหละ
แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่าหนนี้
คำถามก็คือทำไมต้องให้ชัดขนาดนั้น เมื่อรู้ทั้งรู้อยู่ว่าการเปิดตัวออกมาแบบเปิดเผยครั้งนี้เป็น ′ดาบสองคม′
คำตอบง่ายๆ ก็คือ เพราะประเมินว่าถ้าเปิดตัวออกมา จะมีโอกาสชนะมากกว่าไม่เปิด
เพราะในแง่ของ ′นโยบาย′ ที่จะเอามาหาเสียงต่อไปนั้น ให้ใครมาพูดก็ไม่ ′ขลัง′ เท่าคุณทักษิณที่ชาวบ้านรู้มืออยู่แล้วมาพูดเอง
ซึ่งส่วนหนึ่งก็จริงตามนั้น
ตัวอย่างเช่นเรื่องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เมื่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศว่าจะผลักดันให้ค่าแรงปรับขึ้นไปร้อยละ 25
มีคนตั้งคำถามว่าจะทำได้อย่างไร และอีท่าไหนถึงจะไม่กระทบต้นทุนของภาคธุรกิจ
คุณอภิสิทธิ์ไม่ได้ตอบคำถามนี้ ไม่แน่ใจว่าไม่ได้ยินหรือด้วยสาเหตุอื่น
แต่คุณทักษิณที่เพิ่งประกาศว่าจะปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน บอกว่าจะลดต้นทุนนายจ้างด้วยการลดภาษีนิติบุคคลลงมาร้อยละ 7
คือจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 23
ซึ่งหักกลบแล้ว ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกับเงินที่ประหยัดได้จะครือๆ กัน
ตรงนี้ชัดเจนแจ่มแจ้งกว่าเยอะ
เช่นเดียวกับตัวอย่างของนโยบายอื่นๆ ที่มีความเป็น ′รูปธรรม′ มากกว่า หรือแม้แต่จะ ′ขายฝัน′ ก็ขายได้เห็นภาพชัดเจนมากกว่า
การเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยโดยมีคุณทักษิณออกแรงดัน จึงเป็นต่อในเรื่อง ′นโยบาย′ ด้วยประการฉะนี้
แต่ช้าก่อน โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี
เมื่อได้อานิสงส์จากงานเก่า ก็มีวิบากจากกรรมเก่าควบคู่กันมาด้วย
ขณะที่ได้เปรียบอย่างมหาศาลในเรื่องผลงานและนโยบาย คุณทักษิณก็ตกเป็นรองหรือมีจุดอ่อนให้คู่แข่ง (หรือคู่แค้น?) เอามาขยี้ได้ในเรื่อง ′ความจงรักภักดี′ กับ ′การล้างแค้น′
จนต้องออกมาประกาศให้สองเรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ควบคู่กันไปในวันประกาศนโยบาย
ส่วนจะสำเร็จ-คือดึงใจ (และคะแนน) จากคนที่อยู่กลางๆ นอกเหนือไปจากที่ได้คะแนนเสียงแน่ๆ อยู่แล้วจากแฟนประจำได้หรือไม่
ยังต้องอาศัยพฤติกรรมอื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมความมั่นใจ
ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์ ซึ่งไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังตรงนี้ มีปัญหาอยู่อย่างเดียว ซึ่งยังแก้ไม่ตกและเรียกความเชื่อมั่นของคนมาไม่ได้
คือเรื่องนโยบายและความสามารถในการทำงาน
ไปดูกันในสนามเลือกตั้งว่าจริงๆ แล้วชาวบ้านต้องการอะไร
ใครอย่าเผลอไปตัดหรือไปตอน (เพราะรู้ผลล่วงหน้าแล้ว) ก่อนเชียว
เดี๋ยวได้พังกันทั้งหมด