WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, April 25, 2011

มนุษย์ถ้ำ

ที่มา ประชาไท

แด่ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และคณาจารย์นิติราษฏร์
ผู้เสียสละเพื่อให้ประชาชนได้ออกมาพูด “ความจริง” นอกถ้ำ

เพลโตเปรียบเราทุกคนเป็นเสมือน “มนุษย์ถ้ำ” ที่ไม่มีทางจะรู้ได้ว่า โลกแห่งความเป็นจริงภายนอกถ้ำนั้นเป็นอย่างไร เนื่องจากมนุษย์ถ้ำถูกมัดตรึงให้หันหลังมาทางปากถ้ำ และหันหน้าไปทางผนังถ้ำด้านใน เขาเห็นเพียงแสงสว่างที่ส่องเข้ามาจากปากถ้ำและเห็นเงาของสัตว์ต่างๆ ที่เดินผ่านปากถ้ำเคลื่อนไหวไปมาที่ผนังถ้ำเท่านั้น เขาจึงทึกทักเอาว่าเงาที่เห็นนั้นคือ “ความจริง”

ในทัศนะของเพลโต เราเป็นเหมือนมนุษย์ถ้ำในความหมายว่า เราสามารถเห็นได้เพียง “เงาของความจริง” เพราะโลกที่ปรากฏต่อการรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้งห้าของเรา ไม่ใช่โลกของความจริงแท้ ส่วนโลกของความจริงแท้คือ “โลกแห่งแบบ” (Forms) นั้นเป็นโลกที่เราไม่มีทางจับต้องมองเห็นได้ ทุกสิ่งที่เราจับต้องมองเห็นได้ไม่ใช่ความจริงแท้ เป็นเพียงภาพสะท้อนหรือ “เงาของความจริงแท้” เท่านั้นเอง

ผมคิดว่าเราทุกคนเวลานี้ก็เป็นคล้ายๆ มนุษย์ถ้ำ ที่ว่า “คล้ายๆ” หมายความว่า ไม่เหมือนเป๊ะๆ เลย แต่อาจเทียบเคียงในบางด้านได้

“มนุษย์ถ้ำ” อย่างเราไม่ถึงขนาดว่าไม่มีทางรู้ความจริงที่แท้จริงได้เหมือนมนุษย์ถ้ำของเพลโต เรารู้ความจริงได้ แต่สามารถพูดความจริงได้ภายในถ้ำเท่านั้น จึงทำให้สังคมของมนุษย์ถ้ำอย่างพวกเราเป็น “สังคมลับๆ ล่อๆ” เพราะในภาวการณ์ปัจจุบันนี้ เรา (ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน ปัญญาชน นักวิชาการ สื่อ รัฐบาล ทหาร พระสงฆ์ ฯลฯ) ต่างโผล่หน้าออกมาจากถ้ำเพื่อที่จะพูด “ความเสมือนจริง” แล้วก็กลับเข้าไปพูด “ความจริง” กันในถ้ำของใครของมัน (ใกล้เลือกตั้งครั้งนี้คอยดูพวก “นักวิชาการดารา” จะแข่งกันจ้อ “ความเสมือนจริง” ออกทีวี)

เมื่อเราต่างออกมาพูดกันได้บนเวทีสาธารณะแค่เพียง “ความเสมือนจริง” ปัญหาความขัดแย้งที่เราสามารถหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันได้อย่างตรงไปตรงมา จึงเป็นเพียง “ปัญหาเทียม” และแนวทางแก้ไขต่างๆ ที่เราระดมต้นทุนจำนวนมากทั้งสมอง งบประมาณ เวลา ฯลฯ เพื่อให้ได้มา มันจึงเป็นเพียงแค่แนวทางแก้ “ปัญหาเทียมๆ” เท่านั้น

ทุกแนวทางแก้ปัญหาที่ได้มา ไม่มีแนวทางใดๆ ที่สามารถตอบได้ว่า ประเทศนี้จะไม่มีรัฐประหารและการนองเลือดของประชาชนเกิดขึ้นอีก ไม่มีคำตอบว่าประเทศนี้ทหารจะไม่อ้างสถาบันทำรัฐประหารอีก ไม่มีคำตอบว่าจะสิ้นสุดการอ้างสถาบันเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองทั้งในเชิงหาเสียง และในเชิงทำลายคู่แข่งทางการเมือง ฯลฯ

ที่ไม่สามารถมีคำตอบเช่นนั้นได้ เพราะเราไม่สามารถหาทางแก้ปัญหาพื้นฐานของประชาธิปไตยได้ว่า ทำอย่างไรหลักเสรีภาพและหลักความเสมอภาคจึงจะถูกนำมาใช้แก่ทุกคนที่เป็นสมาชิกแห่งรัฐอย่างเท่าเทียมกัน

โดยเฉพาะเมื่อไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 8 และกฎหมายหมิ่นฯ มาตรา 112 หลักเสรีภาพและความเท่าเทียมในความเป็นคนตามระบอบประชาธิปไตยไม่มีทางเป็นจริงได้ เราจะตกอยู่ในสภาพเป็น “มนุษย์ถ้ำ” คือมนุษย์ที่สามารถพูดความจริงทุกด้านเกี่ยวกับประมุขของรัฐได้ภายในถ้ำใครถ้ำมันเท่านั้น

แต่ปัญหาคือ “มนุษย์ถ้ำ” ไม่ใช่มนุษย์ที่ได้มาตรฐานขั้นต่ำของความเป็นมนุษย์ เพราะ “มาตรฐานขั้นต่ำสุด” ของความเป็นมนุษย์ในสังคมประชาธิปไตยคือ เราต้องมีเสรีภาพที่จะคิด พูด ทำ เชื่อ เลือกแนวทางการดำเนินชีวิตเป็นต้น ตราบใดที่ไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น

และในฐานะ “ประชาชน” เราต้องมีเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบ “ทุกอำนาจสาธารณะ” ที่ดำรงอยู่และใช้อำนาจนั้นด้วยอาศัยเงินภาษีของเรา

ฉะนั้น สิ่งที่พิสูจน์ว่าเราผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของ “ความเป็นมนุษย์” เราต้องพูดความจริงได้ทั้งในถ้ำและนอกถ้ำ และในฐานะ “ประชาชน” ผู้ชุบเลี้ยงชนชั้นปกครอง เราต้องวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบและเรียกร้องความรับผิดชอบกับทุกอำนาจสาธารณะที่ใช้เงินภาษีของเราได้

แต่เหตุใดในประเทศนี้ เมื่อประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่ง “มาตรฐานขั้นต่ำสุด” ของความเป็นมนุษย์ และเพื่อให้ได้มาซึ่ง “อำนาจของตนเอง” พวกเขาจึงต้องถูกจับ ถูกฆ่าตายและบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า

ณ ปี พ.ศ.นี้แล้ว มีเหตุผลอะไรบ้างครับที่ประเทศนี้ไม่สมควรจะมีประชาธิปไตยที่ทำให้เราทุกคนสามารถมี “มาตรฐานขั้นต่ำสุด” ของความเป็นมนุษย์ และสามารถเป็นประชาชนที่มีอำนาจปกครองตนเองอย่างแท้จริง พร้อมๆ กันกับมีประมุขแห่งรัฐที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบได้บนพื้นฐานของหลักเสรีภาพและหลักความเสมอภาคในความเป็นคน

ผมมองไม่เห็นเหตุผลใดๆ เลย การใช้อำนาจและความรุนแรงปราบปรามประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เพราะสู้กับข้อเรียกร้องที่มีเหตุผลบนพื้นฐานประชาธิปไตยของประชาชนไม่ได้ !

แต่เมื่อใช้อำนาจและความรุนแรงแล้ว จะมั่นใจได้อย่างไรว่า “ความจริง” จะไม่ทะลักออกจากถ้ำ และหากความจริงมันทะลักออกจากถ้ำ อำนาจและความรุนแรงจะหยุดยั้งได้หรือไม่ การใช้อำนาจและความรุนแรงต้นทุนแรกสุดคือภาษีประชาชน จะใช้ภาษีประชาชนเพื่อกดขี่ประชาชนผู้มีบุญคุณชุบเลี้ยงตลอดไปได้อย่างไร

สิ่งที่อาจารย์สมศักดิ์ และคณาจารย์นิติราษฎร์พยายามทำ คือการพยายาม “สร้างระบบ”ให้เราทุกคนผ่าน “เกณฑ์ขั้นต่ำสุด” ของความเป็นคน และเป็นประชาชนที่มีอำนาจเป็นของตนเอง และเป็นการปกป้องสถาบันให้อยู่ได้ควบคู่กับความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง

อันเป็นวิธีการรักษาสถาบันอย่างถูกต้อง ด้วยวาระการต่อสู้ที่มีความหมายสำคัญว่า “เราจะสู้เพื่อประชาชน” เพื่อให้ “ในหลวง” เป็นของประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง ไม่ให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งผูกขาดความจงรักภักดีและอ้างสถาบันเป็นเครื่องมือทางการเมือง และเป็นเครื่องมือทำรัฐประหารได้อีกต่อไป

ถึงเวลาที่เราต้องออกมานอกถ้ำ เพื่อทวงความเป็นมนุษย์ตาม “เกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ” และทวงความเป็น “ประชาชน” ในระบอบประชาธิปไตยที่เราจำเป็นต้องมี!