ที่มา มติชน
โดย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ซึ่งดิฉันได้แสดงความคิดเห็นและวิงวอนไว้หลายครั้งแล้วว่า ทุกฝ่ายต้องหยุดดึงฟ้าต่ำ สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ทั้งในแง่กฎหมาย และในข้อเท็จจริงที่สถาบันพระมหากษัตริย์มิได้ยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงกิจการทางการเมืองแต่อย่างใดๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราคนไทยทุกคนที่จะร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงจัง แต่มิใช่แก้ไขปัญหาด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร ! ดิฉันขอเตือนว่าการปฏิวัติยิ่งจะทำให้สถานการณ์ของประเทศเลวร้ายยิ่งขึ้น ความแตกแยกจะมากยิ่งขึ้น ประเทศจะถอยหลังไปอีกหลายสิบปี
ดิฉันสนับสนุนให้มีการจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และเป็นระบบ โดยยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การที่ กกต.จะออกระเบียบห้ามพรรคการเมืองในเรื่องการแอบอ้างหรือจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งควรกำหนดความผิดถึงขั้นยุบพรรคได้ รวมไปถึงการดำเนินคดีกับผู้จาบจ้วงให้ร้ายสถาบันให้ได้รับโทษอย่างถึงที่สุด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่การดำเนินการต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม เสมอภาค โปรดอย่าใช้กฎหมายเพื่อทำลายล้างกันอย่างไม่ยุติธรรม เพราะจะทำให้เกิดปัญหาความแตกแยกไม่จบสิ้น ดั่งคำโบราณท่านว่า "อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก" เป็นการนิยามที่สมบูรณ์ที่สุด
สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง อยู่เหนือความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองไม่ควรดึงมายุ่งเกี่ยว หน้าที่ของคนไทยทุกคนไม่ว่าสีใด พรรคใด คือต้องมีความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบัน เพราะหากปราศจากสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ดูแลปกป้องแผ่นดินไทยมาตั้งแต่ครั้งอดีต วันนี้เราอาจไม่มีประเทศไทยให้ได้อยู่ ได้อาศัย จนถึงทุกวันนี้
การเมืองต้องอยู่ส่วนการเมือง การเมืองต้องสู้กับพรรคการเมืองด้วยกันเท่านั้น !
พรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่แอบอ้างความจงรักภักดี แอบอ้างสถาบัน เพื่อทำลายคู่แข่ง โดยกล่าวหาว่าคู่แข่งไม่จงรักภักดี และมีเฉพาะพรรคตนเอง หรือ กลุ่มของตนเองเท่านั้นที่จงรักภักดี หรือปกป้องสถาบัน คนพวกนี้เป็นพวกจงรักภักดีแต่ปาก ที่ทำให้เกิดผลเสียต่อสถาบันเช่นกัน เพราะพรรคการเมืองมีทั้งคนรัก คนเกลียด ความจงรักภักดีเป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่แค่สมาชิกพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น
และดิฉันขอแสดงความห่วงใย ต่อท่าทีของพรรคเพื่อไทย ในฐานะมิตร แต่อาจจะไม่ถูกหูบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง แต่ก็เป็นไปด้วยความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง และต่อพรรค ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ดิฉันเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ที่ถูกการกระทำอย่างไม่เป็นธรรมเช่นเดียวกับอีกหลายๆ ท่าน ดิฉันได้รับความเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าทุกๆ ท่าน ซึ่งทุกวันนี้ยังต้องต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมและได้รับความยากลำบากหลายๆ ประการอยู่
แต่ดิฉันเห็นว่า เพื่อไทยต้องปรับยุทธวิธีครั้งใหญ่! ให้สามารถดำรงความเป็นพรรคการเมืองที่เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนต่อไปและสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ในอนาคต จุดอ่อนสำคัญของเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง คือ การถูกมองว่าไม่จงรักภักดี จะด้วยการถูกป้ายสีหรือจะด้วยข้อผิดพลาดประการใดก็แล้วแต่ ซึ่งถ้าปล่อยให้มีภาพว่าไม่จงรักภักดีเช่นนี้ต่อไป หนทางข้างหน้ายากที่จะได้รับการยอมรับจากสังคม และถ้ายอมรับความจริงกัน ก็คงจะรู้ได้ว่าการที่พรรคเพื่อไทยเพียรเชิญผู้มีความสามารถมาเป็นหัวหน้าพรรคแต่ไม่ได้สักที หรือแม้แต่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถหลายท่านก็เคยทำงานร่วมกันมา ก็ไม่กล้าเข้าพรรคเพื่อไทย ก็เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ทั้งๆ ที่เขาอยากเข้าใจจะขาด
การเมืองชนะกันด้วยการเลือกตั้ง ก็ควรจำกัดการต่อสู้อยู่แค่พรรคการเมืองด้วยกันเท่านั้น อย่าไปถึงเอาองค์กรที่อยู่นอกเหนือการเมืองมาเป็นคู่ต่อสู้ เพราะเขาไม่ได้ลงแข่งในสนามเลือกตั้งกับท่าน แล้วท่านจะไปชนะเขาได้อย่างไร? ตรงกันข้ามกลับจะทำให้ทางเดินตีบตันไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เป็นพรรคที่มีศักยภาพ มี ส.ส.มากที่สุด มีนโยบายที่ดีที่สุด มีผลงานในอดีตเป็นเครื่องประกัน และเป็นความหวังของประชาชนมากที่สุด และประชาชนได้พิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ไร้ฝีมือ เก่งแต่ปาก ทำให้ประชาชนลำบากมากขึ้น ด้วยวิกฤตข้าวยาก หมากแพง มีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร และทำประเทศชาติเสียหายมากมาย
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเรียกร้องความยุติธรรม เป็นสิ่งที่ทุกคนสนับสนุนรวมทั้งการเรียกร้องให้มีผู้รับผิดชอบ และเอาผิดผู้ที่สั่งปราบประชาชนจนทำให้เกิดการเสียชีวิตทั้งประชาชนและทหารในการชุมนุม เป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการสั่งปราบประชาชนคือนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลมิใช่หรือ จึงไม่มีประโยชน์อันใดเลยที่จะไปดึงเอาองค์กรอื่น หรือสถาบันมาเกี่ยวข้อง วิธีการที่จะทำให้รัฐบาลที่สั่งปราบประชาชนถูกลงโทษได้ มีเพียงวิธีเดียว คือต้องเปลี่ยนรัฐบาล ด้วยการชนะเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตยเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าต้องการได้รับชัยชนะและได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมาก็ต้องแก้ไขเรื่องนี้ให้ได้ และต้องแก้อย่างจริงจัง ทั้งภาพลักษณ์ และการกระทำ ทั้งกาย วาจา ใจ อย่าให้เป็นที่กังขาหรือง่ายต่อการใส่ร้ายป้ายสีอีกต่อไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะดิฉันเชื่อว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยต่างก็จงรักภักดีทั้งสิ้น
ท่านที่เคารพคะ ดิฉันอยากให้เราได้ตั้งสติ แล้วลองหลับตาย้อนนึกดูสักนิดว่า ภาพความจำของเราตั้งแต่เล็กจนโต ต่อในหลวง คือภาพอะไร? ซึ่งดิฉันเชื่อว่า ภาพที่ทุกคนจำได้คือภาพที่ในหลวงและพระราชินี เสด็จออกไปช่วยเหลือประชาชนในถิ่นทุรกันดารจากเหนือจรดใต้ ลุยน้ำ ลุยป่าเขา ลุยโคลนอย่างไม่ทราบเหน็ดเหนื่อย เราไม่เคยเห็นภาพในหลวงเสด็จไปเที่ยว หรือไปทรงสำราญส่วนพระองค์เลย แล้วทั้งสองพระองค์ทรงงานอย่างหนักตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี เพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อความผาสุกของราษฎรของท่าน
บัดนี้ พระองค์ท่านทรงมีพระชนมายุมากแล้ว แล้วเราจะไม่ดูแลพระองค์ท่าน เพื่อทดแทนพระคุณพระองค์ท่านบ้างเลยหรือ?