WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, December 31, 2010

ว.วชิรเมธี ยกเครื่องชีวิต รับปี 2554 "ตั้งศูนย์ถ่วงล้อสังคมไทย"กันใหม่

ที่มา มติชน



กำลังจะผ่านปีเสือดุไปอีกปี เข้าสู่ปีกระต่าย...

แม้ว่าปีที่ผ่านมา ชีวิตคนไทยจะเจออะไรที่หนักหนามามากมาย แต่เมื่อชีวิตยังอยู่ ก็ต้องสู้กันไป ถ้ามีกำลังใจ ชีวิตเริ่มใหม่ได้เสมอ

ว่าแต่ว่า ก่อนเริ่มปีใหม่นี้ เรามีแนวทางชีวิตใหม่ที่ดีให้เริ่มต้นเดินกันหรือยัง ? ถ้ายัง มาฟังกันทางนี้

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี พระนักคิดที่แหลมคมท่านหนึ่งในสังคมไทย มาพูดคุยถึงเข็มทิศชีวิตใหม่เพื่อความเป็นสิริมงคลรับปี พ.ศ. 2554

ท่านเริ่มจากการมองย้อนกลับไปปีเสือ ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงทั้งปีว่า...

"พระอาจารย์คิดว่า การดำเนินชีวิตใหม่ของปีหน้าต้องดูจากปีนี้ก่อน ปีนี้เป็นปีที่สังคมไทยเข้าสู่โหมดของความรุนแรงในทุกด้าน ทั้งเรื่องความรุนแรงทางด้านความคิดที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ปีหน้าเราต้องหันมาลดทัศนคติที่เป็นรากฐานความรุนแรงตัวนี้ให้ได้ มิเช่นนั้นแล้ว สิ่งนี้จะเป็นอาวุธร้ายที่น่ากลัวยิ่งกว่าเอ็ม-79 เอ็ม-79 ยิงไปที่ไหนก็ระเบิดเฉพาะที่ เฉพาะจุด แต่ทัศนคติอันตราย ถ้าจุดไปแล้ว จะกระจายแทรกซึมเข้าไปในทุกมิติของสังคมไทย"

ความรุนแรงต่อมาคือ ความรุนแรงทางการเมือง "การเมืองทุกวันนี้ยังคงเป็นธนาธิปไตย หมายความว่า ยังคงเป็นการเมืองเพื่อเงิน ยังไม่ใช่การเมืองเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและของประชาชน เราต้องช่วยกันติง ช่วยกันเตือน ช่วยกันส่งเสียงร้อง ให้นักการเมืองทั้งหลายได้ตระหนักรู้ว่า การเมืองหลงทิศผิดทางออกไปมาก ต้องนำการเมืองที่เป็นธนาธิปไตย การเมืองที่รองรับหรือขับเคลื่อนด้วยกระบวนการคอร์รัปชั่นระดับชาติ ลดน้อยถอยลงให้มากที่สุด"

ท่าน ว.วชิรเมธีหยุดพิจารณาครู่หนึ่งแล้วเล่าต่อว่า...

"อีกเรื่องคือ ความรุนแรงทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข่นฆ่าประชาชนคนไทยด้วยกันเอง กลายเป็นเรื่องที่ถูกทำให้ดูเหมือนธรรมดา ถ้าเรายอมรับการเข่นฆ่าว่าเป็นเรื่องปกติ วันหนึ่ง สิ่งนี้จะกลายเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของสังคมไทย วันไหนไม่ฆ่า วันนั้นแปลก จะเป็นเรื่องที่อันตรายที่สุดสำหรับสังคมไทยในอนาคต เพราะฉะนั้น เราจะต้องถอดถอน การข่มเหงซึ่งกันและกันให้เหลือน้อยที่สุด ให้เราหันมาอยู่กันด้วยเมตตา"

ประการต่อมา สิ่งที่จะต้องช่วยกันกำจัดก็คือปัญหาทางศีลธรรมของสังคม เช่น ปัญหาการพบเด็กที่ถูกทำแท้งกว่าสองพันชีวิต แล้วสถิติการทำแท้งสามแสนคนต่อปี อันนี้เฉพาะตัวเลขบนดิน นี่เป็นตัวเลขที่อันตรายมาก สะท้อนปัญหาของสังคมไทยว่า ความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมขึ้นถึงจุดที่อันตรายมาก ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถลดความเสื่อมโทรมของศีลธรรมเหล่านี้ให้กลับมาสู่ความเป็นสังคมที่ศีลธรรมนำหน้า

"และอันตรายอีกประการหนึ่งก็คือ ค่านิยมวัตถุนิยมซึ่งครอบงำสังคมไทยอย่างเข้มข้นและรุนแรงมาก เราวัดค่าของคนกันที่ความมั่งมีศรีสุข ซึ่งไม่ถูกต้อง สมัยก่อนเขาใช้คำว่า อยู่เย็นเป็นสุข มั่งมีศรีสุขเป็นเกณฑ์วัดความสำเร็จของมนุษย์โดยใช้วัตถุและการบริโภคเป็นตัวตั้ง ถ้าเราวัดกันอย่างนี้ คนที่ประสบความสำเร็จก็มีน้อยมาก แล้วทรัพยากรก็จะไม่ถูกกระจายไปถึงคนส่วนใหญ่ จะก่อให้เกิดภาวะสุขกระจุกและทุกข์กระจาย ในระยะยาวอาจจะเกิดสงครามแย่งชิงทรัพยากรระหว่างชนชั้นได้ ฉะนั้น ต้องช่วยกันลดทอนค่านิยมวัตถุนิยมให้มาก หันมาบริโภคกันอย่างมีสติ"

เมื่อมองย้อนปีที่ผ่านมาแล้ว ท่าน

ว.วชิรเมธี ได้บรรยายถึงแนวทางชีวิตใหม่ที่ควรจะเป็นในปีหน้าว่า...

"ปีหน้า พระอาจารย์อยากให้สังคมไทยมาตั้งศูนย์ถ่วงล้อกันใหม่ ให้เป็นสังคมที่อยู่บนพื้นฐานของสมดุล หมายความว่า การเมืองก็ต้องมองหาทางสายกลาง ทางสายกลางของการเมืองก็คืออะไร ? การเมืองเป็นเรื่องของการทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทุกข์ของประชาชน ประโยชน์สุขหมายความว่า นโยบายต่าง ๆ ที่รัฐบาลผลิตออกมานั้น จะต้องก่อให้เกิดประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน"

ความสมดุลทางสังคมก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน..."สังคมต้องกลับมาหาความสมดุล เราจะต้องทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ยกย่องคนดี แล้วใช้ข้อเท็จจริง ใช้สติปัญญา ใช้เหตุผล ใช้ศีลธรรมในการขับเคลื่อนสังคมของเรา ที่ผ่านมา สังคมไทยนั้นเหยียบย่ำซ้ำเติมคนดี แล้วก็ยกย่องบูชาคนเลวที่ใช้เงินไต่เต้าขึ้นมาสู่ความสำเร็จ มากุมชะตาของชาติบ้านเมือง ทำให้ชาติบ้านเมืองผิดทิศผิดทางไป คนเหล่านี้สนใจแต่เพียงว่าทำอย่างไรเขาจะร่ำรวยและมั่งคั่งให้ได้มากที่สุดเท่านั้น เป็นเหตุให้เรื่องพื้นฐานทางสังคมหลายเรื่อง เช่น บรรทัดฐานทางจริยธรรมก็ดี ค่านิยมของสังคมก็ดี ซึ่งเป็นสิ่งดี ๆ ที่สังคมอุ้มชูอยู่นั้น ถูกทำลาย ถูกบั่นทอนลงไปมาก"

ในมุมธุรกิจ ก็ไม่ควรจะตื้นเขินเพียงแค่ทำซีเอสอาร์กับสังคมเท่านั้น...

"ต่อไปเป็นเรื่องธุรกิจ ภาคธุรกิจจะต้องร่วมรับผิดชอบให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่หันไปทำซีเอสอาร์ให้มากขึ้นเท่านั้น แต่คุณต้องทำให้มากกว่านั้น นั่นก็คือ ภาคธุรกิจต้องมีจิตสำนึกร่วมต่อสังคม ไม่ใช่ทำให้แต่องค์กรธุรกิจของคุณดีขึ้น ภาคธุรกิจต้องมีจิตสำนึกในแบบที่ว่า ถ้าเราไม่ทำธุรกิจที่เบียดเบียนสังคม เราก็จะได้อยู่ในสังคมที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีร่วมกัน ให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าคุณได้กำไร แล้วสังคมขาดทุนหรือเปล่า"

ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ปีนี้เป็นปีที่สังคมไทยพบกับภัยพิบัติมากมาย ท่าน ว.วชิรเมธี อยากให้เรามาทบทวนกันใหม่ ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติใน 3 เรื่อง

"หนึ่ง อย่าแยกตัวเองออกมาจากธรรมชาติ เพราะแท้ที่จริง มนุษย์ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ แต่มนุษย์เป็นตัวธรรมชาติเองเลยทีเดียว ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องว่า มนุษย์กับธรรมชาติคือองค์รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จะทำให้เรามาสู่ข้อที่สอง นั่นคือ จะไม่ทำให้เราหลงผิดคิดว่าเรามีอาญาสิทธิ์เหนือธรรมชาติ ที่ผ่านมา มนุษย์เข้าใจผิดว่ามีอาญาสิทธิ์เหนือธรรมชาติ จึงสูบดินสูบฟ้ามาปรนเปรอกิเลสตัวเองอย่างไม่ปรานีปราศัย ทำให้ทรัพยากรต่าง ๆ ถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองอย่างรวดเร็ว ทำให้โลกนี้เสียสมดุล ขอให้เราทั้งหลายวางท่าทีกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยท่าทีที่เรียกกันว่า กัลยาณมิตร พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้ใดนั่งหรือนอนใต้ต้นไม้ต้นใด ไม่ควรหักราญกิ่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ที่หักราญกิ่งไม้ของต้นไม้นั้น เป็นผู้ประทุษร้ายมิตร และผู้ประทุษร้ายมิตร นับเป็นคนเลว ถ้าเราเปลี่ยนทัศนคติต่อธรรมชาติ ปฏิบัติการเบียดเบียนธรรมชาติจะลดน้อยถอยลง แล้วเราก็จะสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างฉันพี่น้อง มีความสุขกันมากขึ้น...

...ประการที่สำคัญที่สุด อยากให้คนไทยไม่เพียงแต่ช่วยกันรับมือภัยธรรมชาติเท่านั้น แต่ขอให้ช่วยกันถอดรหัสด้วยว่า ธรรมชาติต้องการส่งสัญญาณอะไรให้คุณตระหนักรู้หรือเปล่า หน้าหนาวทำไมจึงหนาวขึ้น ทำไมฝนจึงตกมากขึ้น ทำไมน้ำจึงท่วมหนักหนาสาหัส ธรรมชาติกำลังส่งจดหมายมาให้คุณหรือเปล่าว่า เกิดการผิดสำแดงบางสิ่งบางอย่างในธรรมชาติโดยน้ำมือของมนุษย์ และเราสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อธรรมชาติได้บ้าง...

...เหล่านี้คือ สิ่งที่พระอาจารย์คิดว่า เป็นทิศทางที่เราจะมองร่วมกันไปข้างหน้าในปีพุทธศักราช 2554"