WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, September 6, 2012

ไต่สวนการตาย 10 เมษา ตร.สายสืบคาดกระสุนสังหารฮิโรยูกิมาจากฝั่งทหาร

ที่มา ประชาไท

 
วานนี้(4 ก.ย.55)ที่ห้องพิจารณา 403 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้(ผู้ตายที่ 1) สัญชาติ ญี่ปุ่น ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) ที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 รวมทั้ง นายวสันต์ ภู่ทอง(ผู้ตายที่ 2)  อายุ 39 ปี และนายทศชัย เมฆงามฟ้า(ผู้ตายที่ 3) อายุ 44 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิต ในเวลาและบริเวณใกล้เคียงกัน จากการขอคืนพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร
โดยในวันนี้ได้มีประจักษ์พยานในเหตุการณ์ 2 ปากมาเบิกความ คือ ร.ต.ต.ชาตรี อุตสาหรัมย์ (ยศขณะเกิดเหตุคือ ด.ต.) อายุ 52 ปี จากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะตำรวจที่ได้รับมอบหมายเข้าไปติดตามและหาข่าวในที่ชุมนุมขณะเกิดเหตุ ส่วนอีกปากคือ นายอุดร วรรณสิงห์ แนวร่วม นปช. มีอาชีพทำนา จากจังหวัดร้อยเอ็ด
ร.ต.ต.ชาตรี เบิกความโดยสรุปได้ว่า วันเกิดเหตุ(10 เม.ย. 53) ได้รับมอบหมายให้ไปติดตามกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มนักรบพระองค์ดำ ที่ราชประสงค์ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุม และ 18.00 น. กลับไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล แล้วออกไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 19.00 น. เศษ ซึ่งขณะนั้นมีการปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมระหว่างทหารกับ นปช. หลังจากนั้นทราบว่าบริเวณสี่แยกคอกวัวมีการปะทะกันเช่นกันจึงได้เดินไป และเดินกลับมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีกครั้ง เมื่อเดินมาถึงร้านแมคโดนัลด์ซึ่งอยู่บริเวณหัวมุมถนนก่อนเลี้ยวเข้าถนน ดินสอ โรงเรียนสตรีวิทยา พบว่าบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการนำศพคลุมธงชาติ 2 ศพ ในขณะนั้นได้ยินเสียงคลายระเบิดและเสียงปืนในลักษณะต่อเนื่อง แต่ไม่ถี่ จากประสบการณ์ เสียงปืนที่ได้ยินเป็นเสียงปืนยาว ส่วนเสียงคลายประทัดเห็นว่าเกิดจากการที่กลุ่ม นปช. ใช้ระเบิดขวดที่ทำจากขวดเครื่องดื่มชูกำลังใส่น้ำมันขว้างไปยังที่ทหาร ปฏิบัติการอยู่ จากการสังเกตการณ์ไม่พบมีกลุ่ม นปช. ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ทหาร
ร.ต.ต.ชาตรี เบิกความต่อว่าจากนั้นได้เดินไปฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยาโดยเดินตาม กลุ่มผู้ชุมนุมที่มีประมาณ 30 กว่าคน บริเวณนั้นมีรถทหารจอดขวางประมาณ 2 คันในลักษณะป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินผ่านไปได้ ขณะที่กลุ่ม นปช.ขว้างระเบิดขวดข้ามแนวรถที่ขวางนั้น ก็มีเสียงปืนยาวดังจากแนวหลังรถของทหารที่เป็นลักษณะตอบโต้กันไปมา เห็นกลุ่ม นปช. แบกร่างผู้บาดเจ็บย้อนออกมาทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 2 คน โดยร่างผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนนั้นเห็นหน้าแต่ไม่ชัดเจน ส่วนผู้บาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บริเวณขา ส่วนบริเวณอื่นนั้นจำไม่ได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกกระสุนที่ยิงมาจากหลังแนวรถของทหาร หลังจากนั้นพยานได้เดินกลับไปบริเวณฝั่งหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา โดยยืนบริเวณบาทวิถีหน้าโรงเรียน ซึ่งขณะนั้นกลุ่ม นปช. ได้เดินผลักดันไปถึงกลางถนนดินสอ พยานเห็นเจ้าหน้าที่แต่งกายทหาร โดยเห็นครั้งละ 1 คน ทหารชะโงกหน้าดูเหตุการณ์อยู่บนบาทวิถีข้างถนน ฝั่งไปทางสะพานวันชาติและถืออาวุธปืนยาวที่ปากกระบอกปืนชี้ขึ้นฟ้า ขณะนั้นมีแสงสว่างจากหลอดไฟหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา
ร.ต.ต.ชาตรี ให้ความเห็นว่าเสียงอาวุธปืนยาวนั้นไม่น่าจะออกมาจากทางด้านข้าง แต่เป็นลักษณะที่พุ่งตรงมายัง นปช. หลังจากที่กลุ่ม นปช.ได้เดินผ่านโรงเรียนสตรีวิทยา ได้มีเสียงปืนยาวยิงตอบโต้กลับมาทำให้ กลุ่ม นปช. ต้องถอยร่นกลับที่บริเวณหัวถนนดินสออีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นพยานได้ยืนสังเกตการณ์ที่บริเวณบาทวิถีหน้าโรงเรียน ขณะนั้นได้ยินเสียงของหนักกระแทกพื้นห่างจากพยาน 1 เมตร และเห็นชายร่างใหญ่ ทราบภายหลังว่าเป็นนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ในลักษณะนอนหงาย สะพายกล้องแบบนักข่าว หันมุมกล้องชี้ไปบนท้องฟ้า ร่างนั้นนอนบนบาทวิถีหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาศีรษะหันไปทางโรงเรียน ปลายเท้าชี้ไปทางบ้านเลขที่ 149 ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา ในเบื้องต้นจะเข้าไปปฐมพยาบาล แต่เห็นร่างนายฮิโรยูกิมีจุดแดงบริเวณหน้าอกซ้าย จากนั้นจุดแดงดังกล่าวได้ขยายออกและมีเลือดไหล จากประสบการทำงานที่ผ่านมาคิดว่าแผลลักษณะนี้เกิดจากอาวุธปืนที่มีความเร็ว สูง และจากประสบการณ์ทำงานของพยาน บริเวณบาดแผลที่หน้าอกด้านซ้าย ถือเป็นจุดที่ผู้ยิงประสงค์ให้ถึงแก่ความตายทันที ซึ่งผู้ยิงจะต้องได้รับการฝึกฝนมาพอสมควร
พยานได้ประคองนายฮิโรยูกิ และตะโกนแจ้งให้ผู้ชุมนุมบริเวณนั้นทราบว่ามีนักข่าวถูกยิง ผู้ชุมนุมได้ช่วยกันแบกร่างนายฮิโรยูกิ ไปที่รถพยาบาล ซึ่งขณะนั้นมีลักษณะตาค้าง แต่พยานไม่ได้ตามไปด้วย ขณะนั้นกลุ่ม นปช.มีการผลักดันตอบโต้อยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นได้ยินเสียงประกาศจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแจ้งให้เจ้า หน้าที่ทหารหยุดการปฏิบัติการเนื่องจากมีการตกลงกับฝ่ายผู้บังคับบัญชาทหาร แล้ว หลังจากนั้นได้ยินเสียงปืนยาวดังออกมาประปรายบ้าง และพยานได้เดินทางกลับมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล อย่างไรก็ตาม ขณะที่ช่วยฮิโรยูกินั้นกางเกงยีนส์ที่ใส่ไปก็ได้เปื้อนเลือดของฮิโรยูกิด้วย และกรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำไปตรวจพบว่าตรงกัน จากการสังเกตกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ มีเพียงไม้กับมีดทำครัว หลังวันเกิดเหตุพยานได้กลับไปสำรวจที่เกิดเหตุพบว่า ต้นไม้ เสาไฟฟ้า ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ทั้ง 2 ฝั่งมีร่องรอยความเสียหายจากของแข็งกระทบ
พยานปากที่ 2 คือ นายอุดร เบิกความโดยสรุปได้ว่า ในวันเกิดเหตุประมาณ 18.00 น. มีการแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ทหารกำลังเข้าปฏิบัติการที่ถนนดินสอและสี่แยกคอกวัว พอทราบข่าวมวลชนก็ไปประจันหน้าทั้ง 2 จุดโดยพยานไปที่บริเวณถนนดินสอเพื่อดูเหตุการณ์ตรงชายขอบอนุสาวรีย์ มีรถหุ้มเกราะและรถถังของทหารจอดเรียงอยู่ประมาณ 6 คันตรงทางเข้าถนนดินสอ โดยมีทหารประจำอยู่หน้ารถถังประมาณ 100 นาย โดยขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารถือโล่และตะบอง ส่วนแถวหลังจะถือปืนยาว
นายอุดร กล่าว่า ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการผลักดันทหารให้ออกจากบริเวณนั้น แต่ทหารได้ยิงแก๊สน้ำตาหลายนัดจากหลังรถถังมาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม จึงทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกออก ระหว่างนั้นมีกระแสลมตีแก๊สน้ำตาย้อนกลับไปทางเจ้าหน้าที่ทหารๆ จึงได้ถอยร่นไปทางสะพานวันชาติ ขณะนั้นพยานได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้งท้ายรถหุ้มเกราะของทหาร โดยพยานยืนอยู่บริเวณทางม้าลายปากถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา จุดที่ระเบิดลงนั้นห่างจากตัวพยานประมาณ 10 เมตร ทหารก็แตก พากันวิ่งหนีกันไปทางสะพานวันชาติ ส่วนผู้ชุมนุมและพยานก็ได้ตามเข้าไปด้วย
นายอุดร เบิกความอีกว่า พอวิ่งตามไปหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ตรงทางม้าลาย เห็นทหาร 2 นายนอนบาดเจ็บร้องขอความช่อยเหลือบริเวณบาทวิถี ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน หลังรถถัง ขณะที่ผู้ชุมนุมกำลังเข้าไปช่วยเหลือได้ยินเสียงปืนดังจากทางแนวทหารจากทาง ไปสะพานวันชาติ ซึ่งตั้งแนวทั้ง 2 ข้างบาทวิถี ส่วนตรงกลางจะมีรถถังที่ถอยกลับไปกลับมาอยู่ ทหารจ้องเล็งอาวุธปืนมาทางกลุ่มผู้ชุมนุม เหตุที่สามารถเห็นได้เนื่องจากมีแสงสว่างจากหลอดไฟตามถนน ขณะที่มีเสียงปืนจากแนวทหารเข้ามามาก็เห็นประกายไฟซึ่งคาดว่าออกมาจาก ปลายกระบอกปืนด้วย แนววิถีที่ทหารยิงมานั้นสูงประมาณหน้าอกและศีรษะ โดยขณะนั้นไม่มีประกายไฟมาจากฝั่งโรงเรียนและฝั่งอาคารพาณิชย์ฝั่งตรงข้าม โรงเรียนแต่อย่างใด แล้วมีคนร้องว่า “โดนแล้วๆ” ขณะนั้นตนเองยืนอยู่ตรงทางม้าลายเข้าโรงเรียน ขณะนั้นหันไปดูต้นเสียง เห็นผู้ชายสวมเสื้อสีแดงถือธงแดง ทราบชื่อภายหลังว่านายวสันต์ ภู่ทอง(ผู้ตายที่ 2) ล้มลง หันหัวมาทางโรงเรียน นอนตรงทางม้าลายนั้นบนถนน ส่วนปรายเท้าหันไปทางตรงข้ามโรงเรียน ขณะนั้นเห็นเลือดและมันสมองกลิ้งมาที่พยานยืนห่างไป ห่างไป 3-4 เมตร บาดแผลมีลักษณะกะโหลกศีรษะเปิดด้วย ก่อนที่นายวสันต์จะล้มลงนั้นเห็นโบกธงแดงอยู่บริเวณนั้น
เมื่อเห็นนายวสันต์ (ผู้ตายที่ 2) ล้มลง ตนจึงวิ่งไปหลบที่บริเวณต้นไม้ ต้นที่ 2 หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา นับจากประตูโรงเรียนไปทางอนุสาวรีย์ ห่างจากจุดก่อนหน้าประมาณ 6 เมตร ขณะนั้นมีชายแบกกล้องในลักษณะนักข่าวมาถ่ายภาพตรงนั้น เดินอยู่หน้าพยานห่างไปประมาณ 3 เมตร (ทราบภายหลังว่าเป็นนายฮิโรยูกิ ผู้ตายที่ 1) พอเสียงปืนดังขึ้น ชายคนดังกล่าวก็ล้มบริเวณบาทวิถีหน้าโรงเรียน ก่อนที่จะล้มชายคนดังกล่าวหันหน้าไปทางทหาร 2 นายที่นอนเจ็บอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน การล้มเป็นการล้มแบบนอนหงาย โดยกระสุนมาจากแนวทหาร เสียงปืนดังและมีประกายไฟพุ่งมาทางชายที่แบกกล้องแล้วก็ล้มลงในจังหวะเดียว กัน
นายอุดร เบิกความต่อว่าในระหว่างที่จะเข้าไปช่วยนายฮิโรยูกิ ปรากฏเสียงปืนดังขึ้นอีก พยานจึงหลบเข้าที่เดิม ในระหว่างหมอบหลบเห็นชายอีกคนล้มลงอยู่เลยร่างนายวสันต์(ผู้ตายที่ 2 ) เลยไปแนวทหารประมาณ 3 เมตร บนถนนฝั่งตรงข้ามโรงเรียน ทราบชื่อภายหลังว่านายสยาม (เป็นผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เช่นกัน) และใกล้ตรงที่ทหารบาดเจ็บ 2 นายนั้น ก็มีชายที่ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่ตรงนั้นอีกคน ทราบชื่อภายหลังว่านายจรูญ (เป็นผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เช่นกัน) หลังจากนั้นเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจึงหาทางวิ่งออกจากบริเวณที่เกิด เหตุมาที่ร้านแมคโดนัลด์
นายอุดร ยืนยันอีกด้วยว่าในกลุ่มของตนเองแม้ใส่เสื้อคลุมดำบ้าง แต่ที่ชุมนุมชายชุดดำที่ติดอาวุธปืนนั้นไม่มี ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 21.00 น. ได้ยินเสียงประกาศจากสะพานวันชาติสั่งให้เจ้าหน้าที่ยุติการยิง เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ถอย

สำหรับคดีนี้จะมีการไต่สวนครั้งต่อไปวันที่ 5 ต.ค.55

แผนที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา :

 ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น