ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
21 มกราคม 2553
ยุทธต้องคืนเขายายเที่ยง ป่าไม้ลงมติ ต้องออกใน30วัน
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่กรมป่าไม้ มีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบสำนวนร่วมระหว่างกรมป่าไม้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรณีการครอบครองที่ดินเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี โดยมีนายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้ เป็นประธานการประชุม ใช้เวลาหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายสมชัยได้ลงนามในหนังสือสรุปผลตรวจ สอบข้อเท็จจริงระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินจัดสรรดังกล่าวตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2518 ที่ให้จัดสรรที่ทำกินเพื่อการเกษตร โดยไม่สามารถซื้อขาย ยกเว้นตกทอดถึงลูกหลานได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขั้นตอนต่อไปนายสมชัยจะนำเสนอผลสอบของคณะกรรมการต่อนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับทราบต่อไป จากนั้นนายสุวิทย์จะต้องแจ้งกับ พล.อ.สุรยุทธ์เพื่อรับทราบผลการสอบ และหลังจากที่ได้รับหนังสือแจ้งแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์จะต้องออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน รวมทั้งต้องรื้อถอนทรัพย์สินออกให้หมด อย่างไรก็ตาม พล.อ. สุรยุทธ์สามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน
ตอกย้ำสองมาตราฐาน“มาร์ค” ไม่สนแก้ปัญหาที่ดินคนจนสุราษฎร์ธานี
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) หลายร้อยคนปักหลักชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาลเป็นวันที่สอง เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนจากนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วานนี้ (20 ม.ค.53) เมื่อเวลา 12.30 น. ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ในคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครื่อข่ายปฎิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย โดยมีนายอภิสิทธิ์ร่วมประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอของทางเครือข่ายเป็นเวลา 20 นาที
ไม่มีความชัดเจนในข้อเรียกร้องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของคนจนไร้ที่ดิน เครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ประสบความสำเร็จในการเจรจาครั้งนี้น้อยมาก โดยในข้อเรียกที่ให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาความสูญเสียแก่ครอบครัวนายสมพร ผู้เสียชีวิตจากการเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกิน ที่ทางภาครัฐควรต้องร่วมรับผิดชอบต่อการสูญเสียอันเนื่องมาจากความล่าช้าในการแก้ปัญหา ในครั้งนี้ด้วย แต่นายกรัฐมนตรีกลับตอบว่า เรื่องดังกล่าวทางเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ควรไปเจรจากับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในส่วนข้อเรียกร้องที่ว่า ให้ประกาศให้พื้นที่ในเขต ส.ป.ก.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทุกพื้นที่ที่เป็นสมาชิกของเครือข่ายปฎิรูปที่ดินฯ อยู่อาศัย เป็นพื้นที่คุ้มครองพิเศษด้านความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จนกว่ารัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จ โดยให้มีมาตรการในการดำเนินงานอย่างชัดเจน และเพื่อการยุติข้อขัดแย้งและความรุนแรงให้ดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวตามแนวทางโฉนดชุมชน
ทางนายกรัฐมนตรีบอกว่ากรณีนี้ต้องไปคุยกับอัยการ เนื่องจากขณะนี้ที่ดิน ส.ป.ก.ส่วนใหญ่อยู่ในกระบวนการฟ้องร้องทางคดีระหว่าง ส.ป.ก.กับบริษัทเอกชน และเป็นอำนาจของศาลในการพิจารณาคดี ในส่วนของรัฐบาลไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ เพราะรัฐบาลต้องดำเนินการทุกอย่างภาคใต้ของกฎหมาย
ขณะที่ตัวแทนเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน กำลังพูดนำเสนอข้อมูลอยู่ นายกได้รีบเดินออกจากห้องประชุมไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีควรจะฟังให้จบก่อน เพราะไม่ใช่แต่เวลาของนายกคนเดียวที่มีค่า เวลาของชาวบ้านทุกคนที่มาร่วมกันเรียกร้องการแก้ไขปัญหาก็มีค่าเช่นเดียวกัน
กระบวนการทางคดีต่อผู้ที่มีอำนาจ มีเงิน มีนายทุน หรือผลประโยชน์หนุนหลังอยู่เป็นที่รู้กันว่าจะมีความล่าช้า ดังกรณีที่ดินแปลงที่ ส.ป.ก.ฟ้องต่อ บริษัทจิวกังจุ้ย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นายสมพรเสียชีวิต ศาลได้ตัดสินให้ ส.ป.ก.ชนะคดีในชั้นต้น แต่ขณะนี้ 2 ปีกว่ายังไม่มีคำตัดสินจากศาลอุทธรณ์ และไม่มีใครกล้าไปก้าวก่าย หรือวิพากษณ์วิจารณ์การทำงานของศาล
กระบวนการจึงมีความเชื่องช้า ไม่สามารถกำหนดได้ และในความล่าช้าดังกล่าวไม่มีใครมายืดอกรับรองว่าชาวบ้านสามารถจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนต่างๆ ได้โดยปลอดภัย แม้แต่นายกรัฐมนตรี ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่สื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำสูงสุดฝ่ายบริหารว่าหล่อหลักลอย เพราะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ไม่มีความกล้าหาญและไร้สภาวะความเป็นผู้นำ
การที่ฝ่ายการเมืองไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มผลประโยชน์การเมืองใน จ.สุราษฎร์ธานี ถือเป็นการประกาศลอยแพประชาชน และเท่ากับบอกกับกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ว่าจะทำอย่างไรกับประชาชนที่ต่อสู้เพื่อการปฎิรูปที่ดินก็ได้ตามสบาย เพราะรัฐบาลนี้ไม่สามารถพึ่งพาได้
และไม่รู้ว่าที่ดินในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะมีอภิสิทธิ์ชนคนใดหนุนหลังนายทุนอิทธิพลอยู่หรือนายทุนอิทธิพลเกี่ยวข้องกับนักการเมืองฝ่ายอำมาตยาธิไตยเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ยึดครองที่ดินหรือไม่? คงต้องตรวจสอบกัน
แต่ที่แน่ๆก็คือนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เคยบอกว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาที่ดินให้คนจน โดยการทำโฉนดชุมชน จึงเป็นเพียงแต่ลมปาก โวหารสร้างภาพเท่านั้นเอง และนายกอภิสิทธิ์ก็ตอย้ำถึงสองมาตรฐานอีกด้วย เพราะเขาไม่มีเวลาให้คนจนไร้ที่ดิน เวลาของคนเขามีค่าสำหรับอภิสิทธิ์ชน นายทุนหนุนหลังเขา และเหล่าอำมาตยาธิปไตยมากกว่าคนจนๆ