ที่มา Thai E-News
โดย คุณจักรภพ เพ็ญแข
ที่มา หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์วิวาทะ Thai Red News ปีที่ 1 ฉบับที่ 34
23 มกราคม 2553
การเชือด พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ โดยย้อนความผิดที่ได้อุ้มฆ่าชาวซาอุดิอาระเบียเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นตัวอย่างที่ดีของวิถีโจรในระบอบอำมาตยาธิปไตย จับขึ้นมาขึงพืดบูชายัญ เป็นแพะถูกเชือด เพื่อไม่ให้ถึงตัวมหาอำมาตย์ห รือทำให้ระบอบอำมาตย์เสียหาย ทั้งที่ใช้วิชาโจรและสันดานดิบของฆาตกร ช่วยทำงานให้กับอำมาตย์มาไม่น้อยกว่าลูกหาบคนอื่นๆ
กระเทือนใจอย่างแสนสาหัสไปจนถึงคนเป็นพี่ อย่าง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้ออกโรงมาตลอดจนบัดนี้ ก็เพราะต้องการช่วยเหลือสมคิด ให้พ้นภัยจากคดีฆ่าชาวซาอุฯ พอสุดท้ายพบว่า ตัวเองและน้องชาย เป็นเพียงแพะบูชายัญของมหาอำมาตย์ ป่านนี้ก็คงนอนก่ายหน้าผากรำพึงว่า ไม่น่าเลย ทำลายโคตรตระกูลบุญถนอม เพราะไปเชื่อว่าอำมาตย์เขาจะจริงใจด้วย
เรื่องนี้เป็นอนุสติล่าสุดของคนที่ยึดมั่นถือมั่นในระบอบเผด็จการอำมาตยาธิปไตย และมีปกติวิสัยวิ่งไปกราบตีนเขา
ถ้าอ่านประวัติศาสตร์กันสักเล็กน้อย จะรู้ทันทีว่า การหลอกให้คนมาเป็นพวก และใช้งานเขาจนน้ำแห้งไปทั้งตัว เหลือเพียงกากหรือซากก่อนจะโยนทิ้งอย่างไม่แยแส เป็นธรรมชาติของมหาอำมาตย์ไทย ที่ได้ทำต่อเนื่องมานานแล้ว จนเป็นมากกว่านิสัย ถ้าไม่ใช่สันดอนก็ต้องเป็นสันดานไปแล้ว
คนในวัยรุ่นที่มีจิตใจปกติธรรมดา ถ้ากระทำความผิดขนาดทำให้คนตายโหงไปต่อหน้า เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากคนที่รักเขาและผูกพันกับเขาจนถึงขั้นเข้ารับความผิดแทน หรือช่วยปกปิดความผิดจนมิดชิด มักจะสำนึกบุญคุณของคนๆ นั้น หรือคนเหล่านั้นไปจนตาย หรืออาจใช้หนี้กรรมข้ามชาติข้ามภพเลยด้วยซ้ำ
แต่ถ้ามีจิตใจชนิดผิดปกติ นอกจากไม่สำนึกในบุญคุณแล้ว ยังจับไปฆ่าจนตาย เพื่อกำจัดพยานรู้เห็น ยึดเอาความอยู่รอดของตัวเป็นที่ตั้ง ทำลายทั้งชีวิตและจิตใจของผู้คนเหล่านั้น ตลอดจนครอบครัวของเขาขนาดไหน หรือกี่ชั่วอายุคนก็ช่าง
คนบางคนเห็นแก่ตัวชนิดข้นคลั่ก มองทะลุไปจนถึงหัวใจสีดำและความโหดเหี้ยมเลือดเย็น แววตาที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึกรู้สมที่เพียงเห็นก็ขนลุก เมื่อเวลาผ่านไป เขี้ยวยาวขึ้น ก็รู้จักเอาใจคนหนึ่ง ไปฆ่าอีกคนหนึ่งในทางการเมือง ดร.ปรีดี พนมยงค์ เตียง ศิริขันธ์ ดร.ทองเปลว ชลภูมิ ทองอินทร์ ภูริพัฒน์ ถวิล อุดล จำลอง ดาวเรือง จอมพลแปลก พิบูลสงคราม จิตร ภูมิศักดิ์ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ถนอม กิตติขจร-ประพาส จารุเสถียร กฤษณ์ สีวะรา เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ประจักษ์ สว่างจิตร ณรงค์เดช นันทโพธิเดช ฯลฯ สูญเสียชีวิตหรือโอกาสที่จะได้รับใช้บ้านเมืองเช่นนี้ทั้งนั้น นี่ยกเฉพาะผู้มีชื่อเสียงเท่านั้น คนทั่วไปที่ไม่โด่งดังและต้องล้มหายตายจากไปด้วยแรงตัณหา (ความกระเสือกกระสนเอาตัวรอด) ของมหาอำมาตย์ ยังมีอีกมากมายเหลือคณานับ
ก่อนกรณีของ สมคิด บุญถนอม ก็มีเรื่องของ สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งรับใช้เขาด้วยการใช้สติปัญญาที่มีมาตลอดชีวิต และไปลากเครือข่ายทั้งหมดที่ตัวสร้างไว้มารองรับ จนประสบความสำเร็จในการทำลายระบอบประชาธิปไตยในระยะตั้งไข่ได้ เมื่อถึงคราววางบิล และวางโฉ่งฉ่างแบบสนธิชอบทำ เขาก็พร้อมลืมผลงานเหล่านั้น และส่งลูกตะกั่วมาฝังไว้ในหัวให้แทน
แต่กรณีของคุณสนธิ น่าเห็นใจน้อยกว่า เพราะคุณสนธิทำโดยคาดคะเนผลประโยชน์ของตนแล้วอย่างเต็มที่ ทำสัญญากับปิศาจ แล้วโดนปิศาจหักหลังเข้าให้ จะไปร้องแรกแหกกระเชอกับใครได้เล่า นรกขุมนี้เป็นของมหาอำมาตย์ อสุรกายน้อยใหญ่เป็นของเขาทั้งสิ้น ถึงคุณสนธิจะเลี้ยงตำรวจ ทหาร ข้าราชการ นักการเมือง มาขนาดไหน ถึงเวลาที่อำมาตย์เขาเรียกตรวจแถว คนที่คุณสนธิเผลอคิดว่าเป็นเด็กของตัว มักเป็นคนแรกๆ ที่อาสาเข้ามาเด็ดชีพของคุณสนธิเสียเอง
คติของเรื่องนี้อยู่ที่ว่า ระบอบเผด็จการ มันก็คือระบอบเผด็จการวันยังค่ำครับ เราอาจเผลอไผลคิดไปว่า เผด็จการทหารหนักกว่าพลเรือนเพราะมีกำลังสรรพาวุธ หรือเผด็จการพลเรือนโลกแคบอย่างสมัยองคมนตรีธานินทร์ กรัยวิเชียร น่าจะอันตรายยิ่งกว่า
แต่ในที่สุดแล้วเผด็จการต่างมีธรรมชาติ (สันดาน) อย่างเดียวกันหมด ระบอบเผด็จการต้องมีผู้เผด็จการ ซึ่งอาจใหญ่โตอยู่คนเดียว ไม่แบ่งลูกแบ่งเมีย ไม่มีใครร่วมใช้อำนาจด้วย (ตามแนว The Prince ของนิโคโล แมคเคียเวลลี่) หรือใช้อำนาจกันเป็นหมู่คณะ (power-sharing) แต่ก็ต้องมีศูนย์อำนาจที่จะ “ฟันธง” ได้เมื่อจำเป็น ตรงศูนย์อำนาจนี่ล่ะที่คนจะวิ่งกันเข้าไปเอาอกเอาใจ เสนอตัวทำงานและอาสาประสานประโยชน์ให้กับผู้มีอำนาจ ไม่ต่างนักกับวิถีของรัฐบาลประชาธิปไตย
แต่ระบอบเผด็จการจบที่ตัวผู้เผด็จการ ไม่มีใครต่อรองได้อีก แต่ระบอบประชาธิปไตยไปจบลงที่ประชาชนส่วนใหญ่ เพราะโครงสร้างบังคับให้ต้องคิดถึงผลประโยชน์ของคนทั้งหลายก่อนตัวเองและพรรคพวก ถ่วงน้ำหนักอย่างเหมาะสมระหว่างคนมี (the haves) และคนไม่มี (the havenots)
ในสังคมนั้น ผู้เผด็จการก็จะเลือกและทดลองใช้คน ด้วยความที่มีตัวเลือกมาก ก็เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะงานสกปรกและงานใต้ดินต่างๆ ที่ต้องใช้คนที่มีความสามารถอำพรางตัวเองสูง อย่างที่เกิดมาตลอดในช่วงสามปีเศษที่ผ่านมา และเมื่องานจบแล้ว คนเหล่านั้นต้องการรางวัลตอบแทนเกินกว่าที่จะให้ได้ ก็จะเรียกคนใหม่มาฆ่าคนเก่า หรือทำลายทิ้งอย่างเลือดเย็น เหมือนกับการฆ่าหมู่ยิวสมัยนาซี
ใครก็ตามที่มีความต้องการแรงกล้าที่จะได้อำนาจรัฐ ซึ่งเป็นสมบัติสาธารณะของประชาชน ไม่มีทางลัดด้วยการสถาปนาตนเองเป็นผู้เผด็จการ หรือเกาะหางเผด็จการไปสู่อำนาจรัฐ ต้องนอบน้อมถ่อมตัวและเข้าหามวลชน ให้มวลชนตัดสินว่า ตนสมควรจะได้รับโอกาสหรือไม่ จึงจะได้มาซึ่งอำนาจและใช้อำนาจนั้นได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องใช้วิธีมืดดำอย่างเผด็จการในการประคองตัว หรือต้องคิดกำจัดคู่แข่งทางการเมือง
ผมรู้มาว่า มหาอำมาตย์ไทยจะกำจัดลูกหาบของตนอีกหลายคน เพราะความดื้อรั้นของตัวเอง ได้นำบ้านเมืองเข้าสู่ทางตัน จนลูกหาบทั้งหลายเริ่มละล้าละลัง จะทำงานต่อก็ไม่กล้า จะย้อนไปล้างความผิดที่กระทำมาตลอดช่วงปีที่ผ่านมานี้ก็ทำไม่ได้ จึงเริ่มคิดที่จะโดดเรือหนี เพื่อให้ชีวิตอยู่รอด แต่ก็สายเกินไป ทั้งสำหรับลูกน้องและเจ้านาย คนบางคนจึงต้องถูกทำลายทิ้ง เพราะเป็นพิษ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความเนรคุณ คือลักษณะประจำของเผด็จการทุกชนิด รวมทั้งไม้ตายซากในเมืองไทยด้วย