ที่มา Thai E-News
สนธิ ลิ้มทองกุล หัวโจกผู้ต้องหาหนีหมายเรียกคดีผู้ก่อการร้ายยึดสนามบิน ได้เริ่มงานในฐานะ"นักการเมือง"อย่างเป็นทางการวันนี้เป็นวันแรก ด้วยการด่ากราดว่าพรรคการเมืองอื่นเลวหมดเป็นน้ำเน่า ต้องได้คนมีศีลธรรมกล้าหาญอย่างเขามาล้าง แต่ก็เริ่มต้นได้แย่ที่สุด เมื่อปฏิเสธว่าพันธมิตรไม่ได้ยึดสนามบิน แต่การท่าอากาศยานฯสั่งปิดเอง ค้านกับหลักฐานโทนโท่ตำตาที่ผู้ก่อการร้ายพันธมิตรทิ้งรอยไว้ 2 เรื่อง คือมีแถลงการณ์ประกาศปิดสนามบิน และทำพิธีส่งมอบคืนสนามบิน
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
19 มกราคม 2553
กระบอกเสียงผู้ก่อการร้ายพันธมิตร เวบไซต์ผู้จัดการASTV รายงานว่า “สนธิ” ลั่นนำศีลธรรมพาการเมืองใหม่ล้างยุคน้ำเน่า มั่นใจเลือกตั้งใหม่กวาดที่นั่งเพียบ คุณไม่เบื่อบ้างรึอย่างไร ทุกๆ ครั้งเลือกแต่แมลงสาบเข้าสภา ให้เลือกแมวดุๆ ที่สะอาดอย่างการเมืองใหม่ ที่เสียสละ ที่ซื่อสัตย์ ไม่กินอะไรมากนอกจากปลาทูตัวเดียว ที่กล้าหาญที่จะตะปบแมงสาบ สู้กับหมาเกเร แล้วทำงานเป็น
จากนั้นสนธิลิ้ม ยังได้ชี้แจงถึงการชุมนุมภายในสนามบินสุวรรณภูมิว่า พันธมิตรฯไปที่สนามบินดอนเมืองเพื่อบล็อกประชุมครม.ซึ่งในขณะนั้นใช้แทนทำเนียบรัฐบาล และยืนยันว่าพันธมิตรฯไม่ได้เป็นคนไปปิดสนามบิน เพราะพันธมิตรยังปล่อยให้นักท่องเที่ยวใช้เครื่องบินเดินทางได้ แต่คนที่สั่งปิดสนามบินสุวรรณภูมิที่แท้จริงคือนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งถูกเปิดโปงความสัมพันธ์กับนายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ในเวลาต่อมา ซึ่งในภายหลังนายเสรีรัตน์ ก็ได้ออกมายอมรับว่า สั่งปิดจริง
ทั้งนี้เหตุการณ์ปิดสนาม บินสุวรรณภูมิ เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ไปจนถึงช่วงสายวั นที่ 3 ธันวาคม 2551
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ผ่านสายตา คนทั้งโลกไปแล้วว ่า คนปิดสนามบินคือนายเสรีรัตน์ หรือพันธมิตรกันแน่? โชคดีที่ว่าทุกๆอ าชญากรรมนั้น อาชญากรมักต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้เสมอ ต่อไปนี้คือร่องรอยสำคัญที่แม้แต่พันธมิตรก็เถียงไม่ออก คลิ้กดูรายละเอียดแถลงการณ์พันธมิตรปิดสนามบินทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ที่นี่
1.แถลงการณ์พันธมิตรปิดสนามบิน-หลักฐานโทนโท่
แถลงการณ์ ฉบับที่ 26/2551
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เรื่อง ยื่นคำขาดให้นายกรัฐมนตรีลาออกโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2551 เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ 2 ประการคือ
1. คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ยับยั้งมิให้สภาเผด็จการทาสระบอบทักษิณแก้ไข เพื่อฟอกความผิดให้ตัวเองและพวกพ้องทั้งการทุจริตคอร์รัปชัน และการทุจริตการเลือกตั้ง ยับยั้งมิให้แก้ไขเพื่อทำลายกระบวนการยุติธรรม และยับยั้งมิให้แก้ไขเพื่อล้มล้างสถาบันองคมนตรีซึ่งเป็นการลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยตรง
สภาเผด็จการทาสระบอบทักษิณนั้นมีที่มาจากการทุจริตและกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เป็นสภาที่อ้างว่าเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยแต่จริงกระทำตนเป็นทาสรับใช้นายทุนนักการเมือง และที่สำคัญเวลานี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำลังอยู่ระหว่างพิจารณายุบพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลจำนวนหลายพรรค สะท้อนให้เห็นว่าสภาเผด็จการทาสระบอบทักษิณนั้นมิได้เข้าสู่อำนาจในการปกครองประเทศโดยวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
2. ขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตกร ที่ทำตัวเป็นหุ่นเชิดให้กับนักโทษหนีอาญาแผ่นดิน เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องและวงศาคณาญาติ สนับสนุนและอยู่เบื้องหลังการเข่นฆ่าประชาชน ใช้สื่อมวลชนของรัฐโกหกหลอกประชาชน สนับสนุนการทำลายกระบวนการยุติธรรม ใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินอย่างไม่โปร่งใสจนประเทศชาติใกล้จะล่มจม สนับสนุนและอุ้มชูบริวารและพวกพ้องที่ดูหมิ่นและอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง และกระทำความผิดต่อจริยธรรม จึงย่อมหมดความชอบธรรมและหมดเวลาที่จะบริหารประเทศต่อไป
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงใช้สิทธิในการชุมนุมอย่างสงบ และปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 63 เพื่อทำหน้าที่ของชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้
อย่างไรก็ตามภายใต้ “สิทธิในการชุมนุม” และ “การทำหน้าที่ของชนชาวไทย” ตามรัฐธรรมนูญนั้น หาได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยรัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิดนี้ไม่ ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่ามีการจัดตั้งอันธพาลของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อีกทั้งยังมีพฤติกรรมสมรู้ร่วมคิด รู้เห็นเป็นใจ ให้มีการใช้อาวุธสงครามประเภทระเบิดยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมใจกลางพระนคร จำนวนกว่า 10 ครั้ง เป็นผลให้ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาได้มีประชาชนที่ชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธ ได้เสียชีวิตแล้วรวมทั้งสิ้น 4 คน บาดเจ็บอีกจำนวนหลายร้อยคนและพิการอีกจำนวนมาก ตลอดจนใช้อาวุธสงครามประเภทปืนและระเบิดยิงเข้าใส่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี หลายครั้งเพื่อหวังทำลายการถ่ายทอดสดการชุมนุม โดยที่รัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิด หาได้แสดงความรับผิดชอบแต่ประการใด
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2551 กรณีการสลายผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภา ภายใต้กรรมาธิการวุฒิสภา 3 คณะ ซึ่งมีผลสรุปอย่างชัดเจนตรงกับคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และคณะรัฐมนตรี เป็นผู้สั่งการทำให้เกิดการสังหารและทำร้ายประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ดังนั้นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์และคณะรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกอย่างไม่มีเงื่อนไข
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศระดมพลใหญ่เพื่อหยุดอำนาจรัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิด และหยุดสภาทาสระบอบทักษิณ ตั้งแต่เวลา 14.00 น.ของวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2551 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 50 ชั่วโมงแล้ว ที่พี่น้องประชาชนได้เข้าร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนไหวกดดัน เพื่อหยุดอำนาจรัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิดอย่าง สงบ สันติ อหิงสาโดยเคร่งครัด การเคลื่อนไหวโดยมวลชนสองมือเปล่าไปตามสถานที่ต่างๆ อันได้แก่ บริเวณรอบรัฐสภา กระทรวงการคลัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล และทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวที่สนามบินดอนเมือง แต่ทว่ารัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิดยังไม่แสดงความสำนึกยอมรับความผิดที่เกิดขึ้น ดึงดันจะอยู่ในอำนาจบริหารต่อไป และยังดื้อรั้นที่จะหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อพรรคพวกของตัวเองต่อไป
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับการชุมนุม และเพิ่มมาตรการอารยะขัดขืนโดยการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อยื่นคำขาดผ่านพี่น้องประชาชนทั่วประเทศและทั่วโลกไปยังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และคณะรัฐบาลให้ลาออกจากตำแหน่งโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
ทั้งนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กราบขออภัยมายังพี่น้องประชาชนทุกท่านที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการดำเนินการในครั้งนี้ แต่เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อหยุดอำนาจของรัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิดให้ได้อย่างถึงที่สุด
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องต่อพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกอาชีพร่วมมือกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วยกันเรียกร้องให้รัฐบาลคณะนี้ลาออกโดยเร็วที่สุด ขจัดเภทภัยของสังคมไทย นำประเทศไทยที่ดีงามด้วยจริยธรรมกลับคืนมาสู่สังคมโดยเร็วที่สุด
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
2.พันธมิตรฯทำพิธีส่งมอบสนามบินสุวรรณภูมิคืน
คืนพื้นที่ : พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ อ่านแถลงการณ์ พร้อมส่งมอบพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิคืนให้กับ นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ ประธานกรรมการบริษัทท่าอากาศไทยฯ เพื่อจะได้เปิดใช้สนามบินได้อย่างเต็มรูปแบบต่อไป (ภาพข่าว:1เดลินิวส์)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.20 น.วันที่ 3 ธันวาคม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ได้ดำเนินการส่งมอบพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิคืนอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพธม.เป็นตัวแทนในการส่งมอบและคาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเปิดให้บริการผู้โดยสารได้ในช่วงบ่ายโมงวันนี้ หลังจากเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมได้เปิดให้บริการด้านขนส่งสินค้าเรียบร้อยแบ้ว แต่จะเป็นการขนส่งผู้โดยสายภายในประเทศ ด้านการข่นส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศคาดว่าจะดำเนินการได้หลังเที่ยงคืนวันที่ 4 ธันวาคม
ปัญหามีอยู่ว่า หากพันธมิตรไม่ได้ยึดไม่ได้ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ผอ.ท่าอาศยานสุวรรณภูมิเป็นคนสั่่งปิดเอง ทำไมพันธมิตรจะต้ องมีพิธีส่งมอบคื นด้วยเล่า..
เอาแค่2ข้อนี้ก็พอ จะเห็นแล้วว่า อาชญากรได้ทิ้งร่องรอยอาชญากรรมสำคัญไว้มากเพียงใด คือเข้ายึดและปิดสนามบินก็มีแถลงการณ์ทนโท่ พอตอนเลิกยึดก็มี พิธีส่งมอบคืน
แล้วสนธิลิ้มจะดิ้นปฏิเสธความรับผิดชอบ และโยนความผิดไปให้ใครอื่นอีกทำไมเล่า? ไหนว่าการเมืองใหม่มาไล่น้ำเน่า ไหนว่ากล้าหาญ...ถุย!