ที่มา ประชาไท เสื้อแดง แฉเอกสารลับล้อมปราบเสื้อแดง-บังอาจสร้างสถานการณ์ รพ.ศิริราช อ้างตัวหนังสือเป็นรหัสทหาร/ โวยรัฐบาลสร้างสถานการณ์เบียดรถ ยิงเอ็ม 79 วางระเบิดศาล/เตรียมบุกบ้านป๋า บางเขน ทำนิติกรรมอำพรางกับที่ปรึกษาเจริญเบียร์ช้าง 15 ก.พ. 53 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. แถลงว่าเวทีชุมนุมหน้า กกต. วันนี้จะเปิดไฮไลท์โดยนำ ส.ต.อ.ทชภณ พรหมจันทร์ ผู้ร้องคดี 258 ล้านของพรรคประชาธิปัตย์ มาขึ้นเวทีอธิบายว่านายประจวบ สังข์ขาวไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร และพรรคประชาธิปัตย์ใช้นายประจวบอย่างไร นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 16 ก.พ. ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว เวลา 10.00 น. จะแถลงข่าว โดยอ้างว่าจะเปิดเผยเอกสารลับ เป็นแผนล้อมปราบคนเสื้อแดงโดยรัฐบาลใช้โมเดลของเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 มาประยุกต์กับแผนสงกรานต์เลือด เพื่อใช้เป็นวิธีล้อมปราบประชาชน ซึ่งระบุจะมีการสร้างสถานการณ์หลายแห่ง โดยหนึ่งในสถานที่ดังกล่าวคือ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นการกระที่บังอาจมาก ทำให้คนที่เข้าร่วมประชุมด้วยบางคนรับไม่ได้ จึงนำเอกสารดังกล่าวมาให้ตนเป็นเพาเวอร์พอยท์ 37 หน้า จากวอร์รูมที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานที่ประชุมร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นั่งเป็นประธานต่อจากนายอภิสิทธิ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. เข้าร่วมประชุมกันวางแผนล้อมปราบคนเสื้อแดงด้วย นายจตุพรอ้างว่า ภายในเอกสารลับมีการกำหนดเขตพื้นที่ กำหนดวัน กำหนดการวางกำลังอาวุธ มีรายละเอียดว่าหน่วยไหนรับผิดชอบอย่างไร ชุดไหนใช้ M16 แต่เอกสารดังกล่าวต้องใช้เวลาอธิบาย เนื่องจากใช้รหัสทหารที่คนทั่วไปไม่รู้ความหมาย อย่างไรก็ตาม ตนขอถามนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นประธานวางแผนฆ่าประชาชนได้อย่างไร นายจตุพร กล่าวถึงเหตุการณ์ยิง เอ็ม 79 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพาณิชย์พระนครและการนำระเบิดไปวางบริเวณศาลฎีกาว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ให้กลุ่มคนเสื้อแดงตกเป็นจำเลยของสังคม นอกจากนี้ยังเป็นการยิงเพื่อวัดระยะเวทีของกลุ่ม นปช.ที่จะตั้งเวทีบนสะพานชมัยมรุเชษฐ์หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยคนของรัฐบาลยิงมาจากสนามม้านางเลิ้ง แต่เมื่อพลาดก็ได้ภาพความรุนแรง ส่วนเรื่องระเบิดซีโฟร์ที่วางห่างจากศาลฎีกา 250 เมตร ตนเชื่อว่าเรื่องนี้ทำให้รัฐบาลได้ประโยชน์ และทำให้ประชาชนเสื้อแดงกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เสียประโยชน์ “ขอตั้งข้อสังเกตว่าทั้งเหตุการณ์ระเบิดเอ็ม 79 และระเบิดซีโฟร์ รัฐบาลไม่ตกใจเลย เพราะเป็นการกระทำของรัฐบาล สอดคล้องกับกรณีรถมิตซูบิชิเบียดขบวนรถนายกฯ ถามว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยเบียดรถตกขอบแล้วทำไมไม่ให้ตำรวจสอบเจตนา แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รวมทั้งกรณีแท็กซี่ติดสติกเกอร์แดงไม่เอาอำมาตย์ ก็ไม่มีการสอบว่ารถคันดังกล่าวมาอย่างไร แต่กลับให้เอแบคโพลล์ไปสัมภาษณ์ว่านายกฯ ได้รับคะแนนนิยมมากขึ้น” นายจตุพร กล่าว นายจตุพร กล่าวว่า กลุ่ม นปช. ยืนยันว่าจะไม่มีการนัดชุมนุมที่ศาลฎีกา ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ เพราะจุดยืนของ นปช. ชัดเจนว่ากระบวนการพิจารณาคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ชัดเจนตั้งแต่ต้น ส่วนเหตุที่ยังไม่กำหนดวันชุมนุมใหญ่นั้น เพราะอยากเห็นอิทธิฤทธิ์ของรัฐบาล ซึ่งเบื้องต้นก็ปรากฎในเอกสารลับนี้ ส่วนกำหนดการชุมนุมครั้งต่อไป อาจจะไปชุมนุมที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ หรือไปที่บ้านเลขที่ 111 ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี ที่ท่าแร้ง เขตบางเขน ซึ่งเชื่อว่ามีการทำนิติกรรมอำพรางกับที่ปรึกษาของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เพื่ออธิบายว่าพล.อ.เปรม ไม่มีบ้าน ซึ่งนี่เป็นเป้าหมายหนึ่งของการดาวกระจายครั้งต่อไปของคนเสื้อแดง วีระเปรย อาจไปเยี่ยมหนังสือพิมพ์บางฉบับ ด้านนายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำนปช. ปราศรัย บนเวทีตอนหนึ่งว่า ประเหมาะเคราะห์ดี นปช. อาจจะไปเยี่ยมหนังสือพิมพ์บางฉบับ เพื่อจะไปถามว่า นักเขียน คอลัมนิสต์ที่เขียนว่า มีเงินจากต่างประเทศไหลเข้ามาให้เสื้อแดงป่วนบ้านป่วนเมืองนั้น มีข้อมูลแค่ไหนและถ้าไม่มีข้อมูลอยู่ในมือแล้วจะเป็นปรปักษ์กับคนเสื้อแดง ทำให้เสื้อแดงประกาศไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นหรือไม่ ซึ่งผู้บริหารหนังสือพิมพ์ต้องเลือกระหว่างคอลัมน์นิสต์เฮงซวยที่เขียนตามโฆษกหมาเน่าบอกว่าเงินค่าจ้างมาจากทักษิณ หรือจะเลือกลูกค้าที่เป็นกลุ่มเสื้อแดง นายวีระ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 26 ก.พ. เสื้อแดงไม่ได้นัดชุมนุมไม่มีการตั้งเวที แต่เป็นอิสระของพี่น้องเสื้อแดงจะไปหรือไม่ไปศาลฎีกาก็ได้ตามใจชอบ 'ณัฐวุฒิ' เตรียมแฉข้อมูลบ่อพักน้ำเลี้ยง 17 ก.พ. ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ได้ขึ้นปราศัยและกล่าวถึงกรณีการสั่งจ่ายเช็คจำนวน 3.6 ล้านบาท จากนางกัลยาณี พรรณเชษฐ์ มารดาของนายวัชระ พรรณเชษฐ์ เข้าบัญชีของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่า เหตุใดจึงเป็นการโอนให้โดยตรงกับ พล.อ.เปรม ซึ่งจริงๆแล้วควรโอนผ่านมูลนิธิรัฐบุรุษหรือวัดสวนแก้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือได้ว่า พล.อ.เปรมได้รับประโยชน์จากลุ่มทุนรวมทั้งเงินจำนวนดังกล่าวก็ไม่ยอมนำไปเสียภาษีทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังทราบอีกว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของ พล.อ.เปรม และมูลนิธิรัฐบุรุษอีกหลายครั้งเป็นเวลาติดต่อกัน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ เปรียบ พล.อ.เปรมเหมือนเป็นบ่อพักน้ำเลี้ยงของระบบอำมาตย์ ซึ่งรัฐบาลควรออกมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่นายวัชระ ออกมาปฏิเสธ กรณีดังกล่าว ถือว่ามีข้อเท็จจริงที่ไม่เพียงพอ และเชื่อถือไม่ได้เนื่องจากมีหลักฐานชี้ชัดว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชี พล.อ.เปรมโดยตรง อย่างไรก็ตามในวันที่ 17 ก.พ. นี้ตนจะออกมาเปิดเผยข้อมูลซึ่งเป็นหลักกฐานเกี่ยวกับการโอนเงินไหลเข้าสู่บัญชีของ พล.อ.เปรม. ที่มาข่าวบางส่วนจาก: เว็บไซต์เดลินิวส์