ที่มา ประชาไท
Royal Pardon for Vira and Ratri
เรื่อง การสร้างสัมพันธไมตรีอันดี และการขอพระราชทานอภัยโทษ
เรียน นรม. หญิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ รมต. กต. (ผ่านกัลยาณมิตร และสื่อฯ)
อ้างถึง จดหมายเปิดผนึกลงวันที่ 4 สิงหาคม 2554 (2011) ที่แนบมา
สืบเนื่องจากจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ที่ผมได้เสนอเรียนต่อท่าน นรม. หญิง ในการดำเนินวิเทโศบายเพื่อบ้านเมืองของเรา โดยให้เน้นความสำคัญในกรอบของ “อาเซียน” และ “เปลี่ยนสนามรบ ให้เป็นเขตสันติภาพถาวร” นั้น ผมมีข้อเสนอเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ คือ
(1) ในการไปเยือนกลุ่มประเทศอาเซียนตามธรรมเนียมนั้น ขอให้จัดลำดับความสำคัญ โดยเน้นประเทศข้างเคียง คือ ลาว และกัมพูชา เป็นเบื้องต้น
(2) ในการสร้างความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรม และวาระของความเป็นสตรี (women’s agenda) ด้วยการไปเยือนแหล่งมรดกโลกของประเทศเพื่อนบ้านนั้น ผมขอเสนอให้ไปเยือน “ปราสาทสมบูรณ์ไพรกุก” ที่กัมพูชากำลังดำเนินการบูรณะ และเสนอเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง และที่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับวิทยาลัยกัมปงเฌอเตียล
ซึ่งเป็นความร่วมมือและเปิดร่วมกันโดยสมเด็จพระเทพรัตนฯ และสมเด็จฮุนเซ็น เมื่อปี พ.ศ.2548 (2005)
(3) ในการไปเยือนกัมพูชานั้น นอกจากจะเป็นไปเพื่อสร้าง “เขตสันติภาพถาวร” ระหว่างประเทศของเราทั้งสองแล้ว ขอเสนอให้ปรึกษากับ ฯพณฯ สมเด็จฮุนเซ็น ในการเร่งรัดการดำเนินคดี และการหาลู่ทางในการขอพระราชทานอภัยโทษจากสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งกัมพูชาให้ กับคุณวีระ สมความคิด และคุณราตรี พิพัฒนไพบูรณ์ ซึ่งถูกจองจำและคุมขังมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว ทั้งนี้เพื่อความสมานฉันท์ระหว่างชาติในสุวรรณภูมิ-อาเซียน-อุษาคเนย์ของเรา
(4) ในการไปเยือนดังกล่าวขอให้เน้นในการสร้าง “ประชาคมอาเซียน” ASEAN Community ที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปี พ.ศ.2558 (2015) ทั้งนี้เพื่อความเป็นปึกแผ่น ความเจริญ และสันติภาพของภูมิภาคของเรา
(5) ท้ายที่สุด ในกรณีการไปเยือนประเทศลาวนั้น ขอให้ใช้การ “อู้คำเมือง” เป็นหลัก
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
น เกาะสิงหปุระ (26 August 2011)
...................................
จดหมายเปิดผนึกลงวันที่ 4 สิงหาคม 2554
Turn the Demilitarized Battlefield into a Peace Zone
เรียน นรม. หญิงคนแรกของ “สยามประเทศไทย” และ ครม. ชุดใหม่ (ผ่านกัลยาณมิตร และสื่อมวลชน)
(1) เนื่องในโอกาสที่ ฯพณฯ เป็นสตรีคนแรกที่ดำรงตำแหน่ง นรม. ของประเทศ ผมขอส่งความปรารถนาดีมายัง “พณฯ” และ ครม. ชุดใหม่
(2) ต่อสถานการณ์การเมือง (ที่) เป็นพิษ และสภาพที่เสี่ยงต่อ “สงครามที่คนอื่น (อาจ) ก่อ” ขึ้นได้อีกรวมทั้งความเป็น “หญิง” ความเป็น “แม่” ผมหวังว่า ฯพณฯ นรม. จะใช้ทั้งแรงกายแรงใจ สติปัญญา และความเป็น “ภริยา” ในการบริหารบ้านเมือง เพื่อประโยชน์สุขของประชามหาชน ตลอดจนเพื่อสันติสุขของมนุษย์ “ ข้ามพรมแดน” ใน “ประชาคมอาเซียน” อุษาคเนย์
(3) ผมมีข้อเสนออีกครั้ง ดังต่อไปนี้
ก. โปรดให้ความสำคัญต่อ “อาเซียน” ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศและการทูตของไทย
ข. โปรดสร้างสัมพันธไมตรีอันดีกับเพื่อนบ้านใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัมพูชา ลาว และพม่า
ค. โปรดไปเยี่ยมเยียน และสร้างความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมเป็นหลัก โดยไปเยือนประเทศอาเซียนที่เคยมี หรือกำลังจะมีผู้นำระดับชาติที่เป็นสตรี (สร้าง Female Premier's Agenda not Male)
ง. โปรดไปเยือนสถานที่ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เช่น บรมพุทโธ (Borobudur) มัสยิดอีสติกัล (Istigal) หรือโบสถ์บาร๊อคฟิลิปปิน (Philippine Baroque Church) นาขั้นบันไดบานาเว (Banawe Rice Terraces) มหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwe Dagon) พุกาม (Pagan) ตลอดจนปราสาทวัดพู (Vat Phou) ปราสาทนครวัด-นครธม (Angkor) ปราสาทจามปาหมี่เซิน (Myson) และ/หรือเมืองประวัติศาสตร์ เช่น เว้ (Hue) มะละกา (Melaka) และปีนัง (Pinang)
(4) อนึ่ง ผมมีข้อเสนอเฉพาะหน้าที่ควรเร่งดำเนินการกับกัมพูชา คือโปรด “เปลี่ยนเขตปลอดทหาร ให้เป็นเขตสันติภาพถาวร” Turn the Demilitarized Battlefield into a Permanent Peace Zone –วัฒนธรรมร่วมให้มีลักษณะเป็น “เขตแดนร่วม” shared border-shared heritage ทั้งนี้เพื่อใช้สำหรับกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ด้านเศรษฐกิจ และการทำมาหากิน ที่ปลอดจากการเมือง (อชาตินิยม) เป็นพิษ ทำให้ "เขตแดน" เป็นสมบัติร่วมของ "ชาวบ้าน" ของประชามหาชนทั้งสองชาติสืบไปชั่วกัลปาวสาน
ขออวยพรให้ ฯพณฯ นรม. หญิง ประสบความสำเร็จในการทำงาน “เพื่อชาติ และราษฎรของสยามประเทศไทย"
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
น เกาะสิงหปุระ (4 August 2011)