ที่มา Thai E-News
โดย จรรยา ยิ้มประเสริฐ
27 ธันวาคม 2554
ย่ำรุ่ง 27 ธันวาคม 2554
การ เขียนจดหมายถึงนักโทษการเมืองเป็นอะไรที่ทำได้ยากมากจริง เราเริ่มเขียนจดหมายฉบับนี้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม แต่ก็มาในช่วงเวลาดึกสงัดในเวลาไกล้รุ่งของวันที่ 27 ธันวาคม 2554 จึงสามารถเขียนจบจนได้
* * * * * * * * *
ทั้ง นี้ เพราะเราไม่สามารถจะเขียนปลอบใจทุกท่านได้อย่างไรว่า "ให้อดทน หนักแน่น เราให้กำลังใจท่านนะ" ในเม่ือเราไม่ได้อยู่ร่วมชะตากรรมแห่งความโหดร้ายเบื้องหลังกรงขังกับพวก ท่าน . . .
ในเมื่อ (พวก) เรา ยังอาจจะสามารถดื่มกินและสนุกสนานได้บ้างในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ . . .
โดย เฉพาะอย่างยิ่งในเมือเราตระหนักว่า ท่านทั้งหลาย ร่วมทั้งสหายที่เรารู้จักและทำงานด้วยมาร่วมยี่สิบปี เช่น สมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกจับโยนเข้าคุกโดยไม่ได้ทำอะไรผิด
ในเมื่อเราท่านต่างทราบดีว่า . .
ท่าน ....... ไม่ได้ฆ่าคน
ท่าน ....... ไม่ได้ปล้นจี้ใคร
ท่าน ....... ไม่ได้ขับรถชนคนตายโดยประมาท
ท่าน ....... ไม่ได้ฉ้อโกงเงินใครเป็นแสนเป็นล้าน และ
ท่าน ....... ไม่ได้ทำอะไรอีกมากมาย ที่ถูกกว่าหาได้ว่าเป็นอาชญากร
แต่ท่าน .. ถูกตัดสินโทษราวกับอาชญากรร้ายแรง ให้ต้องถูกจองจำเป็นเวลาตั้งแต่ 3 ปี จนถึงร่วม 40 ปี
เพียงเพราะ . . ท่านได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นประมุขของชาติ เพราะต้องการเห็นผู้นำในประเทศไทยรับฟังเสียงของประชาชนในประเทศบ้าง
หรือเพียงเพราะว่า . . ท่านถูกฟ้องร้องกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากใครก็ไม่รู้ แล้วก็ถูกจับโยนเข้าคุก ไม่ได้รับการอนุญาตให้ประกันตัว พร้อมกับข่าวการถูกกลั้นแกล้งต่างๆ นาๆ ในคุกของท่านก็ดังออกมาจนพวกเราต่างได้ยินจนแสบแก้วหู
* * * * * * * * *
ท่าน “ถูกริดรอนสิทธิแห่งการเป็นผู้ต้องหา” ใน (เกือบจะเรียกได้ว่า) ทุกๆ ด้าน
แม้ แต่ สำนวนคำตัดสินของศาลก็ยังถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข ไม่ตรงกันระหว่างฉบับที่อ่านจริงในวันตัดสินคดีท่านบางคน กับฉบับที่เผยแพร่ต่อสาธารณะชน
และท่าน รวมทั้งนักโทษอีกมากมายในประเทศไทย “ถูกตัดสินว่าผิดไว้ก่อนแล้ว แม้ว่าในช่วงเวลาที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการตัดสินโทษจากศาล”สิทธิ ผู้ต้องหาของท่านถูกละเมิด - ครั้งแล้วครั้งเล่า - และมันก็ละเมิดกระบวนการยุติธรรมในอารยะประเทศ โดยเฉพาะหลักการพื้นฐานที่ทุกประเทศสมาชิกสหประชาชาติให้สัตยาบัน ที่ระบุไว้ว่า . .
“บุคคล ที่ถูกกล่าวหาด้วยความผิดทางอาญา มีสิทธิ์ที่จะได้รับการสันนิฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ จนกว่าจะจะมีการพิสูจน์ว่า มีความผิดตามกฎหมาย ในการพิจารณาโดยเปิดเผย ณ ที่ซึ่งตนได้รับหลักประกันทั้งหมดที่จำเป็นในการต่อสู้คดี” คำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ข้อ 11)
* * * * * * * * *
ใน ปัจจุบัน เราไม่รู้ว่านอกจากจำนวนนักโทษการเมืองกว่าร้อยคนที่อยู่ในคุกทั่วประเทศไทย ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นผู้ต้องหาการเมือง ยังมีนักโทษการเมืองและ "เหยื่ออธรรม" อีกกี่ร้อยกี่พันคนที่ถูกโซ่ตรวนพันธนาการให้ห้องข้งกว่าร้อยยแห่งใน ประเทศไทยนอกจากนี้ เราไม่ทราบว่า ผู้ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีการนำเสนอตัวเลขนับรวมกันตั้งแต่ปี 2548 มาถึงปัจจุบันกว่า 1,000 คดี ต่างมีชะตากรรมเช่นไร และมีจำนวนกี่ร้อยคนที่อยู่ในคุก?
* * * * * * * *
ด้วย ประการนี้ จดหมายถึงท่าน ที่เป็น "เหยื่ออธรรม" ฉบับที่สองในครั้งนี้ จึงเป็นจดหมายของ "สหายนอกคุก" ที่ไม่อาจฉลองเทศกาลปีใหม่ได้อย่างสนุกสนาน เพราะนึกถึง "เพื่อนและสหายในคุก" ทั้งหลาย ที่คงจะเศร้าใจและทุกตรม ที่ไม่มีโอกาสได้ฉลองกับครอบครัว
ด้วยประการนี้ จดหมายฉบับนี้ จึงไม่ใช่จดหมายปลอบใจท่าน หรือบอกว่าให้ท่านเข็มแข็งและอดทน เพราะท่านได้ทำเช่นนั้น มามากเกินพอแล้ว
แต่ เป็นจดหมายที่จะบอกกันท่านว่า แม้ว่าท่านจะทุกข์ทรมานในคุก แต่ท่านก็ยังยืนหยัดพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยความกล้าหาญ เราที่อยู่นอกคุก ขอคารวะในความกล้าหาญของทุกท่าน และก็็ปาวารณาตัวว่า
จะร่วมสมานฉันท์กับทุกท่าน จะร่วมทุกข์กับท่าน โดยไม่ฉลองเฉลิม" และ
จะ เดินหน้ารณรงค์เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวท่าน และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 เพื่อที่คนทั้งสังคมไทยจะได้ลิ้มรสคำว่า "เสรีภาพ" อย่างแท้จริง
ถ้าท่านคิดว่าเรานอกคุกต่างพากันลืมท่านในคุก ขอจงให้รับทราบไว้ด้วยเถิดว่า . .
เราไม่เคยลืมทุกท่านเลย และกระหายใครรู้เหลือเกินว่าทุกท่านอยู่กันเช่นไร "เบื้องหลังลูกกรง" เหล่านั้น
เรา "สหายนอกคุก" จะร่วมต่อสู้เพื่อเรียกร้องอิสระภาพของทุกท่าน และต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่ง " อิสรภาพ ภราดรภาพ เสรีภาพ" และประชาธิปไตยที่แท้จริงในประเทศไทย
"ร่วมทุกข์-ร่วมสุข"
จรรยา ยิ้มประเสริฐ
เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
จรรยา ยิ้มประเสริฐ
เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
* * * * * * * * *
ขอมอบ บทกวีจากห้องขังเมื่อกว่า 40 ปี ที่ผ่านมาของ จิตร ภูมิศักดิ์ ให้กับพวกเราและนักโทษการเมืองทุกท่าน เพื่อเตือนความจำว่า แม้ว่าจะผ่านไปกว่าสี่สิบปี แต่พวกเราเราก็ยังคงร่วมสมัยกับบทกวีของจิตร ภุมิศักดิ์ ในการต่อสู้เพื่อความเป็น "ไท"
"โคลงสรรเสริญเกียรติกรุงเทพมหานครยุคไทยพัฒนา"
โดย จิตร ภูมิศักดิ์
(อาจารย์ เกษียร เตชะพีระ เขียนเล่าว่า "จิตรแอบส่งบทกวีนี้ จากคุกมาลงหนังสือพิมพ์ หลังจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ เสียชีวิตไม่นาน ภายใต้นามปากกา "กวีการเมือง")
"ฟ้าลวกด้วยเปลวเลือด ......... ระอุเดือดทั้งแผ่นดิน
วอดวายทุกชีวิต ................. แต่คนยังจะหยัดยืน
ถึงยุคทมิฬมาร ................. จะครองเมืองด้วยควันปืน
ขื่อแปจะพังครืน .................. และกลิ่นเลือดจะคลุ้งคาว
แต่คนย่อมเป็นคน ................ ในสายธารอันเหยียดยาว
คงคู่กับเดือนดาว ................. ผงาดเด่นในดินแดน
ถึงปืนก็เถอะปืน ................. เจ้ายิงคนอย่างหมิ่นแคลน
ใจสู้นี้เหลือแสน ................. กว่าปืนสูจะตัดสิน
คาวเลือดที่ไหลอาบ ............... ซึมกำซาบในเนื้อดิน
ปลุกใจอยู่อาจิณ .................. . ให้กวาดล้างพวกกาลี
ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ....................... ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี
แสงทองเหนือธรณี ................. จะท้าทายอย่างทรนง
เมื่อนั้นแหละคนนี้ .................. จะยืดตัวได้หยัดตรง
ประกาศด้วยอาจอง ................ กูใช่ทาสหากคือไท หากคือไท...ฮา!!
. . . . .
"แต่คนย่อมเป็นคน ................. ถึงยากจนก็รวยใจ
รวยแรงที่แกร่งไกร ................. จะต่อสู้ศัตรูคน
กูไทยต้องเป็นไท ................. จะเป็นทาสบ่ยอมทน
ชื่อไทยที่เรียกตน ................. จะเย้ยตัวจนยามตาย
ถึงแพ้สักสิบแพ้ ................... บ่ท้อแท้จะท้าทาย
สู้ใหม่อย่างไว้ลาย .............. ให้โลกลือกูคือไท"
โดย จิตร ภูมิศักดิ์
(อาจารย์ เกษียร เตชะพีระ เขียนเล่าว่า "จิตรแอบส่งบทกวีนี้ จากคุกมาลงหนังสือพิมพ์ หลังจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ เสียชีวิตไม่นาน ภายใต้นามปากกา "กวีการเมือง")
"ฟ้าลวกด้วยเปลวเลือด ......... ระอุเดือดทั้งแผ่นดิน
วอดวายทุกชีวิต ................. แต่คนยังจะหยัดยืน
ถึงยุคทมิฬมาร ................. จะครองเมืองด้วยควันปืน
ขื่อแปจะพังครืน .................. และกลิ่นเลือดจะคลุ้งคาว
แต่คนย่อมเป็นคน ................ ในสายธารอันเหยียดยาว
คงคู่กับเดือนดาว ................. ผงาดเด่นในดินแดน
ถึงปืนก็เถอะปืน ................. เจ้ายิงคนอย่างหมิ่นแคลน
ใจสู้นี้เหลือแสน ................. กว่าปืนสูจะตัดสิน
คาวเลือดที่ไหลอาบ ............... ซึมกำซาบในเนื้อดิน
ปลุกใจอยู่อาจิณ .................. . ให้กวาดล้างพวกกาลี
ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ....................... ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี
แสงทองเหนือธรณี ................. จะท้าทายอย่างทรนง
เมื่อนั้นแหละคนนี้ .................. จะยืดตัวได้หยัดตรง
ประกาศด้วยอาจอง ................ กูใช่ทาสหากคือไท หากคือไท...ฮา!!
. . . . .
"แต่คนย่อมเป็นคน ................. ถึงยากจนก็รวยใจ
รวยแรงที่แกร่งไกร ................. จะต่อสู้ศัตรูคน
กูไทยต้องเป็นไท ................. จะเป็นทาสบ่ยอมทน
ชื่อไทยที่เรียกตน ................. จะเย้ยตัวจนยามตาย
ถึงแพ้สักสิบแพ้ ................... บ่ท้อแท้จะท้าทาย
สู้ใหม่อย่างไว้ลาย .............. ให้โลกลือกูคือไท"
* * * * * * * * *
หมายเหตุ
ขอ ขอบพระคุณอาจารย์เกษียร เตชะพีระ มา ณ ที่นี่เป็นอย่างสูง ในความกรุณา แนะนำบทกวีชิ้นนี้ของ “จิตร ภูมิศักดิ์” ให้กับพวกเราและนักโทษการเมือง เมื่ออาจารย์ทราบว่า เรากำลังเขียนจดหมายถึงนักโทษการเมือง
* * * * * * *
อ่านเพิ่มเติม: จดหมายถึง “เหยื่ออธรรม” ทุกคน (ฉบับแรก)