WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 29, 2011

มื่ออดีตผู้นำประเทศต้องคำพิพากษาให้จำคุก

ที่มา ประชาไท

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมาศาลฝรั่งเศสได้มีคำพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ ว่าอดีตประธานาธิบดีฌากส์ ชีรัก วัย 79 ปี มีความผิดข้อหายักยอกเงินหลวง ละเมิดความไว้วางใจของประชาชนและมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากการใช้ภาษีประชาชนจ่ายเงินให้สมาชิกพรรคการเมืองและหัวคะแนนของตน โดยการทำสัญญาจ้างงานปลอมขึ้นมา 19 ตำแหน่ง ทั้งที่ไม่ได้ทำงานจริง ในสมัยที่ชีรักดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครปารีส ระหว่างปี 2533-2538 ก่อนที่เขาจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งทำให้นครปารีสเสียหายคิดเป็นมูลค่า 1.4 ล้านยูโร หรือประมาณ 54 ล้านบาท โดยศาลมีคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ หลังจากใช้เวลาในการค้นหาความจริงมาอย่างยาวนาน

จากคำพิพากษาดังกล่าวทำให้ชีรักกลายเป็นอดีตผู้นำสูงสุดรายแรกของ ฝรั่งเศสที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญานับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ขณะที่จำเลยร่วมในคดีนี้อีก 9 คน ศาลตัดสินไปก่อนหน้านี้แล้วให้ 2 คนพ้นผิด ส่วนอีก 7 คนที่เหลือถูกตัดสินว่ามีส่วนช่วยให้ชีรักใช้ระบบตำแหน่งงานปลอมในเทศบาลนคร ปารีส เพื่อนำเงินจากเทศบาลนครปารีสไปจ่ายแก่คนใกล้ชิดที่มาช่วยงานการเมือง และหนึ่งในจำนวนนี้ คือ นายอแลง จุปเป อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ เขาถูกตัดสินลงโทษจำคุก 14 เดือนโดยให้รอลงอาญาเมื่อปี 2547 และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 1 ปี ก่อนกลับเข้าสู่การเมืองจนก้าวสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในปัจจุบัน

เหตุที่คดีของอดีตประธานาธิบดีชีรักเพิ่งมีคำพิพากษาออกมาเพราะชีรักได้ ใช้เอกสิทธิ์ของการเป็นประธานาธิบดีของตนคุ้มกันมาโดยตลอดทำให้อายุความได้ สะดุดหยุดอยู่ เมื่อเขาลงจากตำแหน่งจึงสามารถดำเนินคดีต่อไป

ชีรักเริ่มเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสสมัยแรกเมื่อปี 2538 และได้เป็นประธานาธิบดีสมัย 2 อีกในปี 2545 ด้วยคะแนนนิยมอย่างถล่มทลายถึง 82% ชนิดที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และที่โด่งดังที่สุดก็คือ การงัดข้อกับ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อเขาคัดค้านการบุกอิรักในปี 2546 และหลังจากพ้นวาระประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในปี 2550 แล้วเขายังได้รับตำแหน่งเป็นสมาชิกตลอดชีพของสภารัฐธรรมนูญแห่งฝรั่งเศสอีก ด้วย

ที่ผมยกกรณีของอดีตประธานาธิบดีชีรักขึ้นมานี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและความเป็นอิสระของศาล ฝรั่งเศส และแสดงให้เห็นว่าแม้ผู้นำของเขาจะได้รับความนิยมสักปานใดก็ตาม ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของกฎหมายไปได้ แม้ว่าในระหว่างดำรงตำแหน่งจะไม่สามารถดำเนินคดีได้ก็ตาม แต่เมื่อลงจากตำแหน่งแล้วคดีก็ว่ากันต่อไป เพราะความนิยมทางการเมืองกับการกระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองนั้นเป็นคนละเรื่อง กัน

แต่ที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งก็คือท่าทีของอัยการที่ขอให้ศาลยกฟ้องคดี พัวพันคอร์รัปชั่นของชีรัก โดยให้เหตุผลว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าตำแหน่งงานผีเหล่านั้น เป็นเรื่องที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา แต่ศาลยืนยันที่จะนำคดีเข้าสู่การพิจารณา เพราะภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส ผู้พิพากษาสามารถนำคดีเข้าสู่กระบวนการไต่สวนได้ แม้อัยการจะคัดค้านก็ตาม

จากกรณีของประธานาธิบดีชีรักในข้อกล่าวหาว่าทุจริตนั้นไม่ได้แตกต่างจาก คดีของคุณทักษิณเท่าใดนัก แต่ที่แตกต่างก็คือฝรั่งเศสใช้กระบวนการของศาลปกติธรรมดา ไม่ได้มีการปฏิวัติรัฐประหารโค่นล้มเพื่อเอาออกจากตำแหน่งแล้วตั้งคณะ กรรมการที่ส่วนใหญ่เป็นอริกับผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวนเพื่อหาความผิด มิหนำซ้ำยังมีการออกกฎหมายของคณะรัฐประหารย้อนหลังไปยุบพรรคการเมืองเสียอีก ด้วย

ภายหลังที่ศาลยุติธรรมฝรั่งเศสมีคำพิพากษา ชีรักออกแถลงการณ์ว่าเขาจะไม่อุทธรณ์ต่อในคดีนี้ เพราะสุขภาพและพละกำลังที่ถดถอยลงตามอายุที่มากขึ้น ทำให้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายที่อาจกินเวลา ยาวนาน แต่เขาก็ยังยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตนเอง(ตามฟอร์ม) และหวังว่าความรู้สึกของประชาชนฝรั่งเศสที่มีต่อเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก เดิม

แต่กรณีของคุณทักษิณกลับตรงกันข้ามเพราะมีการดำเนินการทั้งสับขาหลอก ทั้งสับขาจริงเพื่อให้ได้มาซึ่งการนิรโทษกรรม ตลอดจนการจุดประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ซึ่งผมเห็นด้วยบางส่วนและไม่เห็นด้วยบางส่วน

ที่เห็นด้วยก็คือการถูกรัฐประหารเตะออกจากตำแหน่งแล้วตั้งคณะกรรมการที่ เป็นอริกันมาสอบสวนแล้วยังมีการใช้กฎหมายย้อนหลังไปยุบพรรคการเมืองนั้นยอม รับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง และไม่มีประเทศไหนที่เจริญแล้วสามารถยอมรับได้เช่นกัน และเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่เพื่อลบล้างผลพวง ของรัฐประหารให้หมดสิ้นไป ไม่ให้กลายเป็นตราบาปฝังใจอยู่ดังเช่นในปัจจุบันนี้

ที่ไม่เห็นด้วยก็คือการพยายามผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมให้คุณทักษิ ณและยอมแม้กระทั่งจะนิรโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดี 91 ศพ เพียงเพื่อคุณทักษิณเพียงคนเดียว

ความหมายของผมก็คือ ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยกเลิกกระบวนการที่เป็นผลพวงของการรัฐประหาร 19 กันยา 49 เสียทั้งสิ้น แล้วดำเนินคดีไม่ว่าจะกี่คดีก็ตามกับคุณทักษิณในช่องทางปกติเช่นเดียวกับคดี ของอดีตประธานาธิบดีชีรักของฝรั่งเศส หากคุณทักษิณมีความผิดจริงก็ย่อมสมควรที่จะได้รับโทษไม่ว่าจะได้รับความนิยม ทางการเมืองสักปานใดก็ตาม

ที่สำคัญที่สุดนอกจากการนำเอาตัวคุณทักษิณมาพิจารณาคดีในกระบวนการปกติ แล้ว ย่อมต้องดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี 91 ศพ เพื่อเป็นตัวอย่างในการใช้อำนาจที่เกินกว่าเหตุจนทำให้มีคนเสียชีวิตอย่าง มากมายเช่นนี้

เมื่อทำได้ดั่งนี้แล้ว คงไม่ต้องให้ใครมากล่าวอ้างถึงความเป็นนิติรัฐหรือนิติธรรมให้เปลืองน้ำลาย เพราะสิ่งที่ผมเสนอนี้คือการเป็นนิติรัฐและนิติธรรมอยู่อย่างสมบูรณ์ในตัว แล้วอย่างที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้

----------------

หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 28 ธันวาคม 2554