ที่มา thaifreenews
โดย เสรีชน คนใต้
พูดก็พูดเถอะแบบที่ อ.นิธิเขียนว่า “การแสดงความจงรักภักดีที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นอีกอำนาจหนึ่งที่เป็นอิสระจากอธิปไตยของปวงชน จึงกลับบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันเสียเอง” (ในบทความตามโพสต์ข้างล่าง) แม้จะมีเหตุผล และในระยะยาวอาจจะเป็นเช่นนั้นจริง
แต่ผมไม่คิดว่า ฝ่ายที่แสดงความจงรักภักดีด้วยวิธีดังกล่าวจะ get ไอเดียนี้ เพราะเราเห็นแต่ว่าพวกนี้นับวันจะ “กร่าง” มากขึ้นทุกที ดังที่พวกเขาตั้งคำถามกับฝ่ายเรียกร้องให้แก้ ม.112 ว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า? เห็นว่ากฎหมายไม่เป็นธรรมก็ให้ไปอยู่ต่างประเทศ หรือสื่อ ASTV ผู้จัดการ ก็กล่าวหาคนอื่นว่า “ล้มเจ้า” อยู่แทบทุกวัน
ดัง กรณีที่กล่าวหาว่า คำ ผกา “โชว์นมล้มเจ้า” (ซึ่งไม่รู้ว่านิยาม “ล้มเจ้า” มีความหมายอย่างไร มีขอบเขตกว้างแคบแค่ไหน ครอบคลุมถึงการกระทำอะไรบ้าง) และล่าสุดก็นำประวัติของเด็กนักศึกษาธรรมศาสตร์ที่ใช้นามแฝง “ก้านธูป” มาตีแผ่/ประจาน ในลักษณะที่ว่าถ้าไม่จงรักภักดี (ในความหมายของพวกเขา) ก็ไม่สมควรมีที่ยืนในสังคม (เช่น ม.ธรรมศาสตร์ก็ไม่น่ารับเข้าเรียน เป็นต้น)
ฉะนั้น พวกแสดงความจงรักภักดีในแบบที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นอีกอำนาจหนึ่งที่เป็นอิสระจากอธิปไตยของปวงชน นั้น นอกจากพวกเขาจะไม่ใส่ใจถกเถียงเหตุผลกับฝ่ายที่เรียกร้องให้แก้ไข/ยกเลิก ม.112 และปฏิรูปอุดมการณ์ โครงสร้าง กติกา เกี่ยวกับสถานะ อำนาจ บทบาทของสถาบันกษัตริย์ให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงแล้ว พวกเขายังกล่าวหาว่าฝ่ายที่เรียกร้องเช่นนี้ต้องการ “ล้มเจ้า” และอาวุธของพวกเขาที่ใช้จัดการฝ่ายตรงข้ามก็คือ “ม.112” นั่นเอง
แล้วพวกนี้ก็ทำอะไรไม่ผิด จะกล่าวหา ประณามคนอื่น ฝ่ายอื่นเสียๆ หายๆ อย่างไร หรือจะไล่คนอื่นออกนอกประเทศ (มีสิทธิ์อะไร?) ก็ไม่ผิด เพราะพวกเขากระทำในนามของ “ความจงรักภักดี”
แต่ ปัญหา “ผู้อ้างความจงรักภักดีทำอะไรก็ไม่ผิด” เป็นปัญหาที่สื่อกระแสหลักนอกจากจะไม่วิพากษ์วิจารณ์แล้ว ยังเป็น “กระบอกเสียง” ที่ดีให้พวกเขาเสียอีก!
จากเฟสบุค อ.สุรพศ ทวีศักดิ์https://www.facebook.com/profile.php?id=100002500442297