ที่มา thaifreenews
โดย เสรีชน คนใต้
การประกาศเรียกทหารให้ออกมายึดอำนาจของกลุ่ม "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำระหว่างการชุมนุม
บาง ช่วงอาจเป็นแค่สัญญานควันที่ไม่ชัดเจนนัก แต่บางครั้งก็ใช้วิธีการยั่วยุท้าทายว่ากองทัพยุคนี้ไม่กล้า แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นครั้งที่ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ประกาศชัดเจนที่สุด
...เรียกร้องให้ทหารออกมายึดอำนาจ
กลุ่มพันธมิตรฯ จัดงานตรุษจีนปีใหม่ที่ลานหน้าบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา
บน เวทีมีการเสวนาเปิดใจแกนนำพันธมิตรฯ ดำเนินรายการโดยนายประพันธ์ คูณมี ส่วนแกนนำฯที่เข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายพิภพ ธงไชย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
แต่ "ไฮไลท์" ของการเสวนาไม่ได้อยู่บนเวที แต่กลับอยู่ที่เสียงของ "สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำคนสำคัญจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่โทรศัพท์มาปราศรัยกับพี่น้องพันธมิตรฯ
เพราะ "สนธิ" เรียกร้องให้กองทัพออกมายึดอำนาจ
"ทหารอย่านั่งเฉย รีบออกมาปฏิวัติเสีย"
พร้อมกับประกาศชัดว่าการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯครั้งต่อไป จะไม่เพียงแค่การประท้วงบนท้องถนนเท่านั้น
แต่มีเป้าหมายคือ "ยึดอำนาจรัฐ"
และนี่คือ "คำต่อคำ" ของ "สนธิ"
"พี่ น้องครับ ผมพูดสั้นๆ ขอบคุณที่คุณประพันธ์ตั้งคำถามเรื่องผมรับเงิน ผมกราบเรียนพี่น้องอย่างนี้ ผมเบื่อที่จะพูด ใครที่ฟังแล้วเชื่อ ไปไกลๆผมเลยดีกว่า ผมรำคาญ คือ ผมไม่อยากคบ ไม่ต้องเคารพอะไรผม ผมคบเฉพาะแกนนำ 3 - 4 คน คุณประพันธ์ และพี่น้องที่ยังรักและศรัทธาเชื่อมั่นในตัวผม การกระทำของผมและเอเอสทีวีเป็นบทพิสูจน์
ผมจะบอกให้รู้ว่าผมไม่ได้ นั่งเฉยๆ ผมเตรียมพร้อมทุกวินาทีที่จะออกมาสู้ และสู้ครั้งนี้ ไม่ใช่ประท้วงที่ถนน จะต้องสู้เพื่อยึดอำนาจรัฐเลย
ต้องสู้เพื่อแตกหัก เพราะถ้าไม่แตกหักแล้ว พระเจ้าอยู่หัวเราไปไม่รอด
ผม เป็นคนแรกที่บอกว่าทหารเท่านั้นที่จะเป็นเสาค้ำพระเจ้าอยู่หัว แต่ถ้าทหารไม่สามารถจะค้ำได้ อีกไม่นานพวกเราคงต้องออกมาค้ำประเจ้าอยู่หัว
และถ้าออกมาครั้งนี้ ต้องชนะอย่างเด็ดขาด ไม่มีการตีงูให้กากิน แล้วก็ไม่มีการให้แมลงสาปตีกินพวกเราอีก
ผมเชื่อว่าในที่สุดจะมีเพียงพลังของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะค้ำจุนประเทศชาติได้
ทหารอย่านั่งเฉย รีบออกมาปฏิวัติเสีย
แล้วพันธมิตรฯทั่วประเทศจะออกมาร่วมกับทหารยึดประเทศไทยคืนมาจากไอ้พวกชั่วๆ
เท่านี้ล่ะครับ พี่น้องครับ ขอบพระคุณพี่น้องมากครับ"
นี่คือ "จุดยืน" ที่เด่นชัดของแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ...
...ประชาธิปไตย"
หลัง จาก "สนธิ" ประกาศจุดยืนแค่วันเดียว พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานมูลนิธิโรงเรียนเตรียมทหารก็ออกมาย้ำในเรื่องการยึดอำนาจอีกครั้งใน รายการ "ลับ ลวง พราง" ทางวิทยุอสมท. 100.5
พล.อ.บุญเลิศ เป็นนายทหารเตรียมทหารรุ่น 1 รุ่นเดียวกับพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
เขาเคยร่วมกับพล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ ยึดอำนาจเมื่อปี 2520 แต่ล้มเหลว
พล.อ.บุญเลิศ ยกเรื่องการแก้ไขประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 มาเป็นประเด็น
"ผมอยากให้ทหารทำด้วยซ้ำ ถ้ามีสถานการณ์จำเป็น ไม่ใช่เพื่ออำนาจ แต่เพื่อปกป้องสถาบัน"
พล.อ.บุญ เลิศกล่าวว่าเขาพอใจกับบทบาทของกองทัพต่อการออกมาปกป้องสถาบันพระมหา กษัตริย์ เห็นกองทัพเอาจริงเอาจังเรื่องการต่อต้านการหมิ่นสถาบัน โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และท่านอื่นๆ ด้วย แต่อาจไม่มีโอกาสได้แสดงออกให้เห็น
พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า อยากให้ทหารแสดงออกกันมากๆ ปกป้องชาติ สถาบันกษัตริย์ และดูแลประชาชน ส่วนเรื่องมีความพยายามในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้นมองว่าจะต้องไม่แก้ ไม่แตะต้อง อะไรที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
ถ้า มันถึงที่สุด ทางกองทัพก็ต้องพูดกันบ้าง ไม่ใช่พูดแค่มันปาก ต้องเอาจริง หากมันเกินเลยจนทหารทนไม่ได้ เพราะใน 7 - 8 ปี มีการทำลายสถาบันกษัตริย์มากเหลือเกิน ถ้าถึงที่สุด ถ้ามันมากเกินไปจนทนไม่ไหว ทหารก็อาจจะปฏิวัติแน่นอน และต้องมี ตนเป็นทหารเก่า และกบฏเก่า เชื่อว่าจะต้องมี
พล.อ.บุญ เลิศ กล่าวว่า มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะเกิดการปฏิวัติ ถ้ายังไม่เลิกดูหมิ่นสถาบัน ผมว่าไม่ช้า ไม่นาน ผมอยากให้ทหารทำด้วยซ้ำ ถ้ามีสถานการณ์จำเป็น ไม่ใช่เพื่ออำนาจ แต่ต้องเพื่อปกป้องสถาบัน
แม้พล.อ.บุญเลิศ เป็นนายทหารที่เกษียณอายุแล้ว และไม่มีบารมีมากเท่าไรในกองทัพ
แต่อย่าลืมว่าพล.อ.บุญเลิศ มีอีกสถานะหนึ่งคือเป็น "เพื่อนร่วมรุ่น" ของพล.อ.สุรยุทธ์
การ ประสานเสียงของ "สนธิ" และ "พล.อ.บุญเลิศ" จึงเป็นความพยายามที่จะย้อนเวลากลับไปสู่ปี 2549 ที่เริ่มต้นการจุดเชื้อไฟของการยึดอำนาจจากกลุ่มพันธมิตรฯ และ "ทหารแก่" โดยอาศัยปมเงื่อนสำคัญ 2 เรื่อง คือ
1.สร้างเงื่อนไขเรื่องหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
และ 2. สร้างความหวาดระแวงเรื่องจะโดนปลดให้เกิดกับนายทหารที่กุมอำนาจอยู่
บาง ทีที่เกมนี้ถูกจุดขึ้นมาในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะเห็น "โอกาส" จากการแต่งตั้งพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่
การสร้าง "หมอกควัน" ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกหวาดระแวง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก
นี่คือ "โอกาส" ที่ผู้โหยหาการรัฐประหารมองเห็น
โดยไม่สนใจเลยว่าการรัฐประหารทำให้ประเทศไทยเสียหายยับเยินขนาดไหน