ที่มา vattavan
วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
เมื่อ
ประมาณสักสี่สิบปีเห็นจะได้ บัณฑิตหนุ่มคนหนึ่ง
จบจากคณะสถาปัตยกรรมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้เข้ารับราชการในกองพลาธิการกรมตำรวจ ได้รับพระราชทานยศเป็นร้อยตำรวจตรี
กองพลาธิการกรมตำรวจ เป็นหน่วยงานซึ่งมีงานสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะเป็นแหล่งรวมงานพลาธิการ งานโยธา และงานสรรพาวุธไว้ด้วยกัน
มีลักษณะเป็นการ “รวมการ” ซึ่งต่างจากทหาร ที่แยกงานทั้งสามลักษณะออกจากกัน แต่ละส่วนราชการมี “เจ้ากรม” กำกับดูแล
สำหรับกองพลาธิการ กรมตำรวจ ในยุคนั้นเพียง “หัวหน้ากองพลาธิการ” (ต่อมาเปลี่ยนเป็นตำแหน่ง “ผู้บังคับการ”) รับผิดชอบเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งๆที่กำลังพลประจำการของตำรวจ มีจำนวนมากกว่าทหารประจำการ (ไม่รวมทหารเกณฑ์) ด้วยซ้ำไป
วันหนึ่ง นายตำรวจคนนี้
ได้รับมอบหมายให้ออกแบบอาคารหลังหนึ่ง ซึ่งเขาทำเสร็จภายในกำหนดเวลา
และนำไปให้นายตำรวจผู้รับผิดชอบแผนก ซึ่งในขณะนั้นมีร้อยตำรวจเอกคนหนึ่ง
เป็นผู้รักษาราชการในตำแหน่ง “สารวัตร” เพราะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสารวัตรตัวจริงสำหรับกองพลาธิการ กรมตำรวจ ในยุคนั้นเพียง “หัวหน้ากองพลาธิการ” (ต่อมาเปลี่ยนเป็นตำแหน่ง “ผู้บังคับการ”) รับผิดชอบเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งๆที่กำลังพลประจำการของตำรวจ มีจำนวนมากกว่าทหารประจำการ (ไม่รวมทหารเกณฑ์) ด้วยซ้ำไป
ผู้รักษาการณ์สารวัตรเอาแบบอาคาร ไปตรวจอยู่ข้ามวัน จึงได้เดินมาถามนายร้อยตำรวจตรีหนุ่ม ซึ่งเป็นสถาปนิก ว่า
คำว่า “คอม้า” ในแบบที่เขียนเสนอมานั้น หมายความว่าอย่างไร?
นายตำรวจหนุ่มถึงกับอึ้งกิมกี่ เพราะอย่าว่าแต่สถาปนิกเลย แม้แต่ช่างก่อสร้างธรรมดา จะมีวุฒิระดับ ป.ว.ช. หรือ ป.ว.ส. หรือไม่ก็ตาม จะต้องรู้ว่า
“คอม้า” นั้นคือ เหล็กลูกตั้ง หรือเหล็กคอม้า ที่วิศวกรผู้ออกแบบ จะเสริมเพื่อช่วยในการต้านทานแรงเฉือน ที่เกิดขึ้นในชิ้นส่วนขององค์อาคาร ดังนั้น การถามของสารวัตรนั้น มันเข้าลักษณะ “พิกล” ไม่ผิดอะไรกับผู้มีตำแหน่งเป็น “เชฟ” ใหญ่แผนกอาหารไทย แต่ดันไปถามพ่อครัวหนุ่มหน้าใหม่ ว่า
ขมิ้นชันคืออะไร?
ทำไมขมิ้น มันถึงต้อง“ชัน” ด้วยล่ะ!? อะไรทำนองนี้!!
หลังจากนั้น นายตำรวจสถาปนิกหนุ่ม ได้นำปัญหาในข้อสงสัยเรื่องวุฒิการศึกษา ของนายร้อยตำรวจเอก ผู้รักษาการณ์ในตำแหน่งสารวัตร ๆ ไปหารือกับผู้บังคับบัญชา
จากนั้นไม่นานนัก กรมตำรวจก็ส่งผู้แทนไปแจ้งความ ให้ดำเนินคดีกับนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอกคนดังกล่าว ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม เพราะ... เขาใช้วุฒิ “สถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิต” ปลอม มาสมัครเข้ารับราชการตำรวจ!
เรื่องที่เล่าให้ท่านผู้อ่านฟังข้างต้นนั้น ผู้คนอาจคิดว่า เป็นการ “ล้วงคองูเห่า” เพราะดันเอาเอกสารราชการ (ปริญญา) ปลอม มาใช้กับหน่วยงานผู้รักษากฎหมาย อย่างกรมตำรวจ แต่เมืองไทยของเรานั้น มีคนจำนวนมากมายเหลือเกิน ที่อยากเป็นตำรวจ จนพวกเขายอมเสียเงินเสียทอง และกล้าเสี่ยงแม้กระทั่ง ทำ “ทุจริต” ในการสอบเข้าด้วยซ้ำไป
ตัวอย่างเช่น
ในการสอบเข้าเป็นตำรวจชั้นประทวน ระหว่างสองสามปีที่ผ่านมานี้ ได้มีแก๊งทุจริตในการสอบ ทำเป็นขบวนการใหญ่โต โดยผู้เข้าสอบ ต้องจ่ายเงินจำนวนมาก ให้กับพวกขบวนการ เป็นค่าใช้บริการเพื่อทุจริตในการสอบ
จากนั้น ก่อนเข้าห้องสอบ ผู้เข้าสอบที่จ่ายเงินแล้ว ต้องนำโทรศัพท์มือถือ ซ่อนเข้าไปในห้องสอบ โดยยัดใส่กางเกงชั้นในบ้าง เอาไปใส่ไว้ชิดกับอวัยวะเพศบ้าง บางคนนำไปใส่ไว้ใกล้ทวารหนัก ทั้งนี้ เพื่อหลีกเหลี่ยงการตรวจค้น จากกรรมการคุมการสอบ
เมื่อเข้าห้องสอบเรียบร้อย และได้รับข้อสอบแล้ว จะต้องรอสัญญาณคำตอบ จากหัวโจกผู้จัดการทุจริตในการสอบ ซึ่งจะส่งสัญญาณแหวกอากาศ มาสั่นสะเทือนเครื่องรับ ที่ตั้งอยู่ใน
ซอกหลืบ-ซอกลับ แนบชิดกับร่างกายของผู้เข้าสอบเอง การสั่นสะเทือนนั้น ส่งเป็นรหัสที่รู้กัน ระหว่างผู้เข้าสอบ กับผู้อำนวยการทุจริตในการสอบ
รหัสสัญญาณนี้ อาจเป็นการสั่นสะเทือน 1-2-3 หรือ 4 ครั้ง ต่อ 1 คำตอบ ข้อสอบปรนัย วิชาหลักที่ออกเป็นปรนัยนั้น คือ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ อย่างละ 100 ข้อ นอกจากนั้นยังมีวิชาอื่นๆอีก สิริรวมเบ็ดเสร็จ ก็ตกหลายร้อยข้ออยู่
ดังนั้น สัญญาณจะถูกส่งไปกระตุ้นที่เครื่องรับ ต้องมีจำนวน
...หลายร้อยครั้งทีเดียว!
ตำรวจเมาท์กันอย่างสนุกสนานว่า หลังการสอบ อวัยวะเพศของผู้เข้าสอบ ถึงกับมีอาการ “ชา” ดิกๆ ไปหลายวัน จนชิ้นส่วนสำคัญของร่างกาย ซึ่งเป็นที่หวงแหนสำหรับคนทั่วไป นั้น
ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกได้ดี เหมือนก่อนเข้าห้องสอบ ผู้เข้าสอบชายบางคน ถึงกับบ่นว่า
ไม่สามารถปลุกชิ้นส่วนที่หวงแหน ให้ลุกขึ้นมา..
ทักทาย เซย์ “กู๊ดมอร์นิ่ง” ได้เหมือนเดิม!
ส่วนผู้เข้าสอบหญิง อาการหนักไม่แพ้ฝ่ายชาย คือ เธอเหล่านั้น ได้ซึมซับถึงอาการ “ชา” บริเวณผิวหน้าถนนรนแคม
ทั้ง สองซีก ที่วางโทรฯศัพท์มือถือ ทาบเอาไว้แน่น เพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือน จากสัญญาณที่ส่งมาถี่ๆ แบบซอยยิกๆนับร้อยๆครั้ง ยังผลให้ภายหลังการสอบเสร็จสิ้น ตำบลกระสุนตกบริเวณนั้น ถึงกับไร้ความรู้สึก ไปหลายวันเลยทีเดียว
ว่ากันว่า...
ถึงขั้นใช้เล็บ “หยิก” ยังไม่เจ็บ!!
นึกภาพแล้ว...ช่างน่ากลัว ซะจริงเชียว!!!
ส่วนพวกที่นำเครื่องรับ ไปไว้ใกล้กับทวารหนัก หรือแนบชิด
“รูตูด” เกินไป สร้างปัญหาที่เจ้าตัวคาดไม่ถึง เพราะบางคนที่ประสาทไวมาก พอเครื่องรับสั่นสะเทือน เคลื่อนไหวเข้าหน่อยเดียวเท่านั้น ถึงกับ “ตด” พรวดพราดออกมา เพราะควบคุม “หูรูด” เอาไว้ไม่ได้
บางคนถึงกับ “รัว” ออกมาเป็นชุด...แบบปืนกล! กรณีวางเครื่องรับไว้ ที่ตำแหน่งทวารบานใกล้ชิดริดสีดวง
นี้ มีอาการคล้ายคลึงกันหมด ทั้งในหมู่ผู้สมัครสอบ ไม่ว่าชายหรือหญิง
น่าสงสารมาก...คงเหม็นคละคลุ้ง ไปทั้งห้องสอบ!!
แต่...ที่ผมเห็นว่า น่า “ทุเรศ” กว่าผู้สอบเข้าตำรวจ ที่พยายามจะกระทำการ “ทุจริต” ในการสอบ นั่นก็คือ... เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว มีข่าวฉาวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ลูกสาวนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ดันเอาวุฒิปริญญาปลอม จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของสหรัฐ มาสมัครเข้าเป็นตำรวจ
เรื่องนี้เมื่อตรวจพบ มีการโวยวายกันแหลก แต่คนเป็นพ่อให้ลูกสาวชิงลาออกก่อน แล้วคนเป็นพ่อ ก็ลาออกตาม
คดีนี้เลยแบ๊ะๆ กันไป ไม่มีใครถูกลงโทษอะไร! น่าทุเรศมาก!!
การปลอม เอกสารนั้น มีในทุกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการปลอมหนังสือเดินทาง ในเมืองไทยของเรานั้น เป็นแหล่งใหญ่ของการปลอมแปลง เพราะเรามีความก้าวหน้าทางการพิมพ์ ทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ อีกทั้งช่างเทคนิคในวงการพิมพ์บ้านเรา ยังมีความสามารถ และแสนเก่งกาจอีกด้วย
ผมเคยพบเห็น การปลอมเอกสารมาหลายอย่าง ตั้งแต่ หนังสือเดินทาง, ล๊อตเตอรี่, โฉนด, ทะเบียนรถ ฯลฯ แต่มีเรื่องคาดไม่ถึง ที่จะนำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง เพราะเป็นเรื่องค่อนข้างแปลก ดังนี้
หญิงสาวนางหนึ่ง ที่คิดว่าตนจดทะเบียนสมรสกับข้าราชการ อีกทั้งมีการกินเลี้ยงฉลองกันใหญ่โต แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่า ทะเบียนสมรสนั้นเป็นของ
“ปลอม” เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เพราะฝ่ายเจ้าบ่าว ไปเอาพวกสิบแปดมงกุฎ ปลอมเป็นปลัดอำเภอ แต่งเครื่องแบบเรียบร้อยมาที่งาน และจดทะเบียนสมรสนอกสถานที่ ให้กับคู่บ่าวสาว โดยใช้แบบฟอร์มของทางราชการ
ทะเบียนสมรสที่เจ้าสาวได้รับ เป็น “ของปลอม” เพราะไม่มีต้นขั้ว ปรากฏในหลักฐานของทางอำเภอ
เธอถือใบทะเบียนสมรสอยู่นาน กว่าจะรู้ว่า ไม่ใช่ของจริง!
น่าสงสาร...เจ้าสาวเคราะห์ร้ายคนนี้มาก!!
การปลอมที่ฮอทฮิต และเป็นที่กล่าวขานกันมาก คือ การปลอมที่เกี่ยวข้องวุฒิศึกษา โดยเฉพาะปริญญาบัตรสูง เพราะมีกรณี “ลอกเลียน” วิทยานิพนธ์ เพื่อยื่นต่อคณาจารย์ ก่อนจบการศึกษาในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรี ที่กลายเป็นข่าวฮือฮากันในวงสังคม โดยเฉพาะกรณีที่มีคนดังมาเกี่ยวข้องด้วย
ที่โด่งดังมาก ประจำปี พ.ศ. 2555 และยังสดๆร้อนๆอยู่ คงไม่พ้นกรณี นาย ศุภชัย หล่อโลหการ ซึ่งเพิ่งถูกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีมติเพิกถอน ปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์ ที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2550 เพราะมีกรณีถูกกล่าวหา ว่า
วิทยา นิพนธ์ระดับปริญญาเอก ของนายศุภชัย หล่อโลหการ นั้น ลอกหรือลอกเลียน วรรณกรรมตามเอกสาร งานวิจัย หรือบทความอื่นอย่างมีนัยสำคัญ!
นายศุภชัย หล่อโลหการ คนนี้ แกเป็นอาจารย์สอนหลายสถาบัน ผมดูประวัติแล้ว ดูจะเป็นคนมีความสามารถทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น
บุคคลผู้นี้ ดำรงตำแหน่งสำคัญเกี่ยวกับ “นวัตกรรม” เพื่อการสร้างชาติในอนาคต เพราะปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่ง เป็น
ผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และดำรงตำแน่งนี้มา ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน เกือบสิบปีเข้าไปแล้ว พอมีเรื่องฉาวโฉ่อย่างนี้ คงไม่เป็นผลดีกับแวดวง “นวัตกรรม” ของบ้านเราเลย เพราะรู้ไปถึงไหน อายเขาไปถึงนั่น คนต่างด้าวท้าวต่างแดน จะพากันเยาะเย้ยไยไพ เอาได้ว่า
“นวัตกรรมของประเทศไทย ด้าน ‘ของปลอม’ หรือของลอกเลียนแบบ นั้นเยี่ยมจริงๆ จึงต้องนำคนที่ที่เก่งทางลอก หรือลอกเลียน มาเป็น ผอ.นวัตกรรมแห่งชาติ!”
อายเขาแย่เลย!! ที่ผมเห็นว่า แย่ยิ่งกว่าเรื่องของนายศุภชัย หล่อโลหการ อีก นั่นก็คือ กรณีของนาย กล้านรงค์ จันทิก ซึ่งมีตำแหน่งใหญ่โตในปัจจุบัน คือ เป็นหนึ่งในกรรมการ ป.ป.ช. ชุด “ไอ้บัง กบฏ” แต่งตั้ง ทั้งๆที่สังคมรู้กันทั่วว่า
มีเรื่องความไม่สุจริต ในการลอกวิทยานิพนธ์ของบุคคลอื่น!
เรื่องมีอยู่ว่า
นาย กล้านรงค์ กบาลเกลี้ยง ได้ทำวิทยานิพนธ์สมัยเป็น
นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 36 ปีการศึกษา 2536-2537 เรื่อง
"ปัญหาขององค์กรในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการไทย ศึกษาเปรียบเทียบกรณีฮ่องกงกับไทย"
ชื่อวิทยานิพนธ์ ก็พอไปได้ ฟังดูเกลี้ยงเกลา มีเค้าว่าจะดี แต่มาเสียตรงที่วิทยานิพนธ์ของแกนั้น ดันทะลึ่งไปลอกมาจากวิทยานิพนธ์ต้นฉบับ ซึ่งมีชื่อว่า
"องค์กรป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ : ศึกษาเปรียบเทียบองค์กรของฮ่องกงกับไทย" วิทยานิพนธ์ฉบับหลัง จัดทำโดย นายชิดชัย พานิชพัฒน์
ซึ่งทำไว้ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2533 ซึ่งเจ้าตัวเสนอต่อทางวิทยาลัยการทัพเรือ ระหว่างการศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยทหารแห่งนี้
ที่ตลกมากที่สุด คือ เมื่อตรวจสอบในรายละเอียดทั้งหมด ปรากฏว่า เนื้อหาในวิทยานิพนธ์ เหมือนกันทุกหน้า ตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย
จะมีเพียง "บทนำ" ย่อหน้าแรกเท่านั้น ที่ถูกเขียนขึ้นใหม่! อพิโถ อพิถัง กะละมังแตก!! ผมสงสัยจริงๆว่า ทำไม ทาง ป.ป.ช. ไม่ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย กับอีตาคนนี้ ฐานประพฤติตนไม่สมควร เสียตั้งแต่ตอนนั้น?
ผมว่ามันน่าอับอายมาก เพราะเรื่องอย่างนี้ หากเกิดขึ้นในต่างประเทศ เช่น สหรัฐ อังกฤษ หรือแม้แต่สิงคโปร์ จะเป็นกรณีที่ใหญ่โตมาก แต่สำหรับในเมืองไทย เห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ เพราะไม่มีการดำเนินการอะไร อีตาหัวล้านแกเล่นจึงเล่นบทตีลูกเฉยเมย
ใครจะด่าก็ด่าไป
อย่างหนาตราช้างซะอย่าง...ใครจะทำไม!? ไม่น่าเชื่อว่า ไอ้คนพรรค์นี้ ยังได้ดิบได้ดี ได้รับแต่งตั้ง จาก ค.ม.ช. ของ “ไอ้บัง กบฏ” ให้ดำรงตำแหน่ง ใน ค.ต.ส. สอบสวนเอาผิดทักษิณ นอกเหนือจากการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ใน ป.ป.ช. อีกด้วย
เลย “กร่าง” ซะไม่มีละ!
แปลกแต่จริง คือ กรรมการ ป.ป.ช.ชุดนายกบาลเกลี้ยงนี้ เป็น ป.ป.ช.ชุดที่ “ไอ้บัง กบฏ” มันตั้งเอง
ในหลวง...ไม่ได้ทรงตั้ง...ไอ้พวกนี้! แม้จะขอให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯย้อนหลัง แต่ก็ไม่ทรงโปรดฯ จึงเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดแรก ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่...
ในหลวงท่าน...ไม่ได้ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง!!
ปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีกรรมการเพียง 1 นายเท่านั้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แทนกรรมการคนเก่า ที่หมดวาระไปแล้ว
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ “ไอ้บัง กบฏ” เป็นผู้ตั้งมากับมือ จึงยังนั่งป๋อหลอในตำแหน่ง จำนวน 8 คน และมีเพียง 1 คน เท่านั้น ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
นี่คือผลพวงของการยึดอำนาจ โดยคณะทหาร นำโดย “ไอ้บัง กบฏ” ที่สร้าง “ความแตกแยก-ฉิบหาย” ให้กับบ้านเมืองของเรา!
แต่คนไทย ที่หัวใจมันเป็น “ทาส” ยังไม่รู้สำนึก!!
ได้อ่านข่าวเรื่องที่ “นายมาร์ค มุกควาย” (ตอนนี้ผมตั้งฉายาให้ใหม่ เป็น “นายมาร์ค หัวปลอก” เพราะดันทะลึ่งเอา “ปลอก” หรือ “ถุงยาง” สวมจู๋ ไปตั้งโด่เด่ บนกบาลตัวเอง ตามภาพที่เห็น) โต้เถียงกับนักการเมืองฝั่งตรงข้าม กรณีเกี่ยวกับหลักฐานใบ ส.ด. ที่เจ้าตัวอ้างว่า เป็นเอกสารจริง เพราะสัสดีอำเภอพระโขนงออกให้ นั้น
เอกสารฉบับดังกล่าว ทางหน่วยทหารที่เกี่ยวข้อง มีหลักฐานว่า ออกโดยนายทหารสัสดี ที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว เรื่องทำเอกสารเท็จ
ทั้ง “นายมาร์ค หัวปลอก” และฝ่ายค้าน จึงไปไม่ถูก เพราะไม่มีทางไปแล้ว จำเป็นจะต้องนั่งยัน-ยืนยัน ว่า
เอกสารที่ฝ่ายตนครอบ ครองอยู่นั้น ทางราชการได้ออกให้ ย่อมถูกต้องเสมอ โดยไม่แยแสว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะแท้ที่จริงแล้ว เอกสารที่ “นายมาร์ค หัวปลอก” ถืออยู่และใช้เป็นหลักฐาน ในการโต้เถียง นั้น
ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า มันไม่มีหลักฐาน ที่สามารถยืนยัน ให้สอดคล้อง ถูกต้องตรงกันกับเอกสาร “ต้นฉบับ” ที่แท้จริงของทางราชการได้ จึงเป็นเรื่องเป็นราวกัน ยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้!
ในที่สุดความชัดเจน ก็เกิดขึ้นจนได้ คือ เมื่อ 27 ก.ค.2555 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงข่าวเรื่อง “นายมาร์ค หัวปลอก” หนีทหาร ซึ่งตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมาหลายวัน ว่า
จากการตรวจสอบ พบว่า มีการใช้หลักฐาน สด.9 ปลอม ในการขึ้นทะเบียนบัญชีทหาร ซึ่งได้นำหลักฐาน สด.9 ตัวจริงมาแสดงด้วย รัฐมนตรีว่าการฯ จึงมีคำสั่งไปยังกรมพระธรรมนูญ ให้ทำเรื่องเสนอขอถอดยศ ร.ต.อภิแสบ เรียกเงินเดือนคืนอีกต่างหาก
คงจะจบสิ้นกันได้เสียที สำหรับเรื่องการหนีทหารของ “นายมาร์ค หัวปลอก” ซึ่งกวนใจผู้คนในประเทศนี้ มาเนิ่นนานกว่าทศวรรษแล้ว เพราะผู้ร้องใช้เวลาในการร้องเรียน และติดตามเรื่องนี้มา...
...ยาวนานกว่า 12 ปี ทีเดียว!
ส่วน “มิสเตอร์ หัวปลอก” จะ แถ-ถู-ไถ หรือตะแบงต่อไปอีกอย่างไร คงไม่ใช่ปัญหาแล้ว เพราะในสายตาพี่น้องประชาชน และผู้คนจำนวนมาก ในบ้านนี้เมืองนี้ นั้น
“นายมาร์ค หัวปลอก” ฉายาใหม่ หรือ “นายมาร์ค มุกควาย” ฉายาเดิม ที่ผมตั้งให้ บัดนี้ ได้กลายเป็น “มาร์ค มุก (ทหาร) ปลอม” ควบอีกหนึ่งตำแหน่ง ไปเรียบร้อยแล้วครับ!!
บ๊ายบาย นะ...มาร์ค มุกปลอม!!!
...................
ท้ายบท เพื่อความสมบูรณ์ในเรื่องข้อมูล ขอแนะนำให้ท่านอ่านคอลัมน์ต่อไปนี้ด้วยไอ้คนหนีทหาร มันลากชาติไทยเรา เข้าสู่…สงคราม!!!(http://vattavan.com/detail.php?cont_id=279)
*** อนึ่ง บทความสัปดาห์ก่อน อย่าให้เปลี่ยนชื่อ เป็น “มหาวิทยาลัย...เนชั่ว!!!”
(http://vattavan.com/detail.php?cont_id=378) มีผู้โพสต์แสดงความเห็น ดังต่อไปนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 1
แหม!!! รวดเร็วจังเลย อ่านแล้วสะใจจังค่ะ สว.แล้ว แต่ความคิดอ่านท่านไม่ สว.ไปด้วยเลย โปรด"จิก"ทุกรายที่คิด-ทำชั่ว ต่อไปค่ะ เชียร์ๆๆๆ
โดยคุณ dawraiy@gmail.com 101.109.3.XXX
ความคิดเห็นที่ 2
ปากกา ใช้เขียนสิ่งที่ดีเป็นความรู้ย่อมคู่ควรกับบัณฑิต แต่ถ้าอยู่ในมือของสื่อที่ไร้จรรยาบรรณจะมีพิษสงร้ายกาจราวกับปืนหรือระเบิด เขียนให้ใครฉิบหายก็ได้ เสร็จแล้วค่อยออกมาขอโทษว่าเกิดความผิดพลาดอย่างนั้นอย่างนี้ คนพวกนี้อเวจีนรกเปิดประตูรออยู่แล้วครับ
โดยคุณ วาดฝัน ตะวันชิงชัง 125.24.0.XXX
ความคิดเห็นที่ 3
ขอบ คุณครับอาจารย์ที่คุ้ยได้อย่างสะใจ เปิดเสียจนเห็นเม็ดในเลยใครอยากให้ลูกหลานชั่วก็ส่งลูกเข้าไปเรียนที่มหาลัย "เนชั่ว"ได้ บางทีอาจได้รับเชื้อชั่วไปจากมหาลัย เอาอีกครับอาจารย์
โดยคุณ narong subsangar 125.24.73.XXX
ความคิดเห็นที่ 4
จาก การติดตามอ่านข้อเขียนของท่านมานานพอสมควร มีข้อมูลบ่งบอกว่า ผมอาวุโสน้อยกว่าท่านไม่น่าจะเกิน ๓ ปี เมื่ออยู่ในวัยต้องวางมือจากภารกิจหนัก ขอเรียนว่าทุกวันนี้ท่องอยู่บนโลกออนไลน์เสียเป็นส่วนใหญ่ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป กระหายอยากเป็นที่สุด คือได้อ่านข้อเขียนของท่าน ตามด้วยคอลัมน์"เปิดฟ้าส่องโลก" และการ์ตูน"เซีย"ในไทยรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกจริตตนเองมากที่สุด ขอขอบคุณท่านวาทฯ ที่ยังยืนหยัดผลิตข้อเขียนทรงคุณค่า ประเทืองปัญญา ให้ข้อคิด สะกิดเมื่อเห็นบางอย่างไม่เข้าท่า ด่าไม่ไว้หน้าเมื่อเห็นว่าสิ่งที่พวกสูทำมันไม่ถูก จึงเป็นผู้กล้าอย่างแท้จริงในยุคนี้ ไม่กระแดะเหมือนพวกที่ชอบลวงโลกและคิดว่าพวกฉันนี่แน่อยู่กลุ่มเดียว ขอท่านวาทฯอยู่เป็นคลังสมองและเข็มทิศชี้นำให้กับอนุชนรุ่นหลังตราบนานเท่า นานเถิด จะเป็นกุศลอย่างยิ่ง
โดยคุณ แฟนท่านวาทฯ 124.122.66.XXX
ความคิดเห็นที่ 5
zEuJhK
jniimakbntfghttp://jniimakbntfg.com/">jniimakbntfg>, [
โดยคุณ kdsemsnwy 208.66.75.XXX
ความคิดเห็นที่ 6
อยากฝากลิงค์เรื่องไฟใต้มาให้พิจารณาค่ะ เผื่อมีทางใดที่ท่านจะช่วยเหลือ รบ.ได้บ้าง
โดยคุณ alippreeya 124.122.43.XXX
ความคิดเห็นที่ 7
1. ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในการที่สำนักเครือข่ายสมองสีขี้จะสะตอเบอแหลเป็นจิต วิญญาณ ทำอะไรก็ได้ให้อีแอบเห็นและตบมือดีใจที่ได้สนองตัณหามัน มีอะไรที่พวกสำนักสมองสีขี้เล่าความจริงบ้าง ล้วนแต่เป็นเรื่องปั้นแต่งมาเพื่อเอาใจอีแอบทั้งสิ้น สุดท้ายก็พาเอาองค์กรเพื่อนร่วมสายงานบรรลัยวายวอด แต่ก็ไม่เห็นมีใครหน้าไหน "กล้า" ออกมาต่อว่าหรือตัดเนื้อร้ายออก ก็เห็นแต่จะมีท่านวาทฯ ของกระผมเท่านั้นแหละที่ "กล้า" ไม่ใต้ชายกระโปรงอีแอบ เพื่อบอกเล่าความจริงแบบหวั่นเทวดานางฟ้ากำมะลอที่ไหน ....... ขายจรรยาบรรณ คืองานสำคัญในการเอาใจอีแอบ
2. บรรดารางวัลบ้าบอคอแตกในประเทศด้อยพัฒนาบางประเทศ ก็แค่ตั้งขึ้นเพื่อใช้ในการตลาดทั้งนั้น ยิ่งเยอะยิ่งไร้ค่า ยิ่งเยอะยิ่งเลอะเทอะ ยิ่งมีเอาไว้ให้สิ่งมีชีวิตเน่าๆ บางตัวขึ้นเวทีไปแอบด่าใครต่อใครแบบหน้าบาน ยิ่งทุเรศสุดๆ ตั้งกันไปเถอะ รางวัลบ้าบอแบบนี้ ไม่มีใครเขาสนใจหรอก
3. สะใจที่เห็น teen ใหญ่ๆ ถีบไอ้หน้าโหนกตาหยี กับอีออหรี่หลาวกรวดออกไปจนเดินโชกเลือดกลับไปนั่งเน่าเห่าในซ่องเดิมของตัว เอง ไม่รู้ว่าพวกที่จ่ายเงินจ้างพวกบัดซบพวกนี้ไปเห่าในบ้านตัวเอง ใช้อะไรในสมองปลายเล็บตีนข้างซ้ายคิด ดีเหมือนกันเขี่ยๆ พวกจัญไรพวกนี้ไปอยู่ในที่ในทางของพวกมัน จะได้ไม่ไปหลงเดินเห่าในที่สาธารณะจนโดนเขาเตะปากให้เป็นข่าว
4. เห็นภาพที่ท่านวาทฯ เอามาลงซ้ำอีกครั้ง ก็เลยจำได้ว่าเคยมีสื่อชั่วสำนักหนึ่งจัญไรถึงขนาดปลอมแปลงภาพเพื่อใช้หากิน (และเสริมภาพความรุนแรงของการก่อการร้าย ซึ่งน่าจะเข้าข่ายบ่อนทำลายชาติ) ดูแล้วเวทนาในความคิดอัปรีย์ของมันจริงๆ (ก็ไม่ได้เห็นว่ามีเพื่อนร่วมอาชีพกับมันเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร เห็นวางเฉยกันเป็นแถว นอกจากท่านวาทฯ แล้วก็ไม่เห็นจะมีใคร "กล้า" ต่อว่ามัน ช่างมากบารมี (ชั่ว) จริงๆ)
5. อย่ายุให้มันเป็นสถาบันการศึกษา เพื่อสอนวิชาจัญไรเลยครับท่าน ทุกวันนี้ก็มีสำนักการศึกษาชั่วๆ คอยสั่งสอนพวกสมองสีขี้กันออกเกร่อ อย่าเพิ่มอีกเลยถือว่าเป็นเรื่องบาปของแผ่นดิน
โดยคุณ ???? 110.164.195.XXX
ความคิดเห็นที่ 8 กลัว พวกโฆษณาเกินความจริง ว่าจบมาแล้วมีงานให้ทำทันที เกรงว่าจบมาแล้ว จะจูงมือบัณฑิตนิเทศฯ ไปเป็นพนักงานขายร้านสะดวกซื้อ seven น่ะ เพราะพนักงานขายของเขา จบปริญญาแล้วมาขายของ ระหว่างรองานกันคนละหลายๆปี
โดยคุณ 7-11 125.25.148.XXX
(คอลัมน์ประจำสัปดาห์ ตอน “นายมาร์ค หัวปลอก” กับเรื่องปลอมๆ ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 4 สิงหาคม 2555)