ที่มา Thai E-News
"..สิบประเทศในอาเซียน มีประชากรประมาณครึ่งหนึ่งของโลกค่ะ.." (นาทีที่ ๐.๑๕)โดย ระยิบ เผ่ามโน
โอว..ผมขอร้องเถอะครับ ถ้าจะปล่อยหล่อนไปข้างนอกไกลๆ ช่วยหาอะไรครอบปากเธอไว้ได้มั๊ยครับ? ผมไม่ไหวละ..pleaseeee
2 สิงหาคม 2555
เป็นข้อความที่ขบวนการเสรีไทยเฟชบุ๊คแปะไว้ โดยนำมาจากหน้า
Kanok
Ratwongsakul Fan Page ของนายกนก รัตน์วงศ์สกุล บุคคลสาธารณะระดับ “หัวหน้า” ภายในเครือข่ายสื่อเนชั่น พาดพิงถึงคำปาฐกถาของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมสัมมนาเศรษฐกิจโลกเกี่ยวกับเอเซียตะวันออก
(World Economic Forum on East Asia) ในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่
๓๐ พฤษภาคม ถึง ๑ มิถุนายน ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เนื่องจากมีการขุดเอาเอาคลิปคำปาฐกถานายกฯ
๔๒ วินาฑี บนยูทู้ปมาบริภาษณ์กัน ตัดตอนเฉพาะช่วงที่ปรากฏถ้อยคำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า "..ten
countries altogether contain half the number of the population of the
world" ซึ่งเธอได้กล่าวว่าสามารถใช้เป็นความแข็งแกร่งถ้ากลุ่มประเทศอาเซียนประสาน
(synchronize) เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้
อ่านโพสต์ของกนกแล้วไม่รู้สึกว่านี่เป็นการอ้างถึงการประชุมระดับนานาชาติ
ในประเด็นสาธารณะของภูมิภาค และอยู่บนมาตรฐานของศักดิ์ศรีแห่งชาติแต่อย่างใด ไม่ต่างอะไรกับความสุกเอาเผากินปั้นเรื่อง
“ว.๕ และสวรรค์ชั้น ๗” ที่ร่วมด้วยช่วยกันยำหลายประสาน
ทั้งประชาธิปัตย์ ผู้จัดการ และกนก สมกับที่นานาชาติมองไทยว่าหมกมุ่นแต่เรื่อง “เซ็กส์ๆ”
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดอย่างใดสำหรับมาตรฐานการลงข้อความในหน้าเฟชบุ๊คของนายกนกเกี่ยวกับนายกฯ
สตรีคนนี้ เพราะกนกมักจะจัดหนักเสมอ ดูตัวอย่างได้จากการนำคำพูด “เอาอยู่”
ของน.ส.ยิ่งลักษณ์เกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมมาล้อเลียนในทางลามก
(กลัวไม่รู้ว่าต้องการให้ลามกจึงลงรูปประกอบสองฝ่าเท้าคว่ำประกบกับสองฝ่า
เท้าหงายให้เห็นเสียด้วย)
มาครั้งนี้กนกใช้วลี
“หาอะไรครอบปากเธอไว้” จัดว่าเพิ่มความร้อนแรงเข้าไปอีกโสดหนึ่งด้วยการสบประมาทสติปัญญา
แล้วยังเทียบเคียงกับสุนัข เนื่องจากคำว่า “ครอบปาก” ในภาษาไทยมีที่ใช้อยู่อย่างเดียวคือกับ “ตะกร้อ” ถึงจะทำตัวหัวหมอไม่กล้าเขียนตรงๆ ก็คงจะเบี่ยงเบนเจตนาไปไม่ได้
ผู้เขียนจึงช่วยอธิบายให้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้เป็นบันทึกวิชามารของนายกนกสำหรับเวลาที่ชีวิตเขาหาไม่แล้ว
วิธีการของนายกนก
เช่นเดียวกับการกระทำของคณะสายล่อฟ้าที่โดนฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทอยู่ขณะนี้
ซึ่งมักใช้ข้อความ และ/หรือคารมส่อเสียด ดูถูก เหยียดหยาม แถมด้วยคำหยาบ ให้ร้าย โป้ปด
และบิดเบือน ชนิดที่บางคนอาจตลึงว่ากลุ่มการเมือง (รวมทั้งผู้ที่ให้การสนับสนุน)
ที่อ้างตนว่าเป็นผู้ดีมีความรู้จะกระทำต่ำช้าขนาดนี้ได้
จะว่าไปการแสดงออกทางการเมืองอย่างไร้จรรยาเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่มีให้เห็นในประเทศที่ก้าวหน้าทางวิถีประชาธิปไตยในโลกตะวันตก
ในสหรัฐอเมริกาก็มีกลุ่มการเมืองขวาตกขอบที่ไม่ชอบประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า
เพราะเป็นคนผิวดำ ได้นำรูปลักษณ์ และสายเลือดข้างบิดาของประธานาธิบดีไปสร้างเรื่องมดเท็จว่าโอบาม่าเป็นมุสลิมบ้าง
นิยมลัทธิสังคมนิยมบ้าง คนทั่วไปที่ได้พบเห็น
รับฟังข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จอย่างไร้สาระเช่นนี้ ส่วนใหญ่มักยักไหล่ว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ขันถ่อยๆ
เท่านั้น คนที่สร้างเรื่องอาจไม่ถูกฟ้องร้อง หรือไม่มีการสืบสาวหาต้นตอมาลงโทษแต่อย่างใด
ก็เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้รับการใส่ใจให้คุณค่าจากปวงชนโดยรวม
ที่สำคัญอย่างยิ่ง
ข้อกล่าวหาห่ามห้าว บิดเบือน มดเท็จ หรือลามกทั้งหลายไม่มีโอกาสได้ปรากฏในสื่อสายหลักเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีแม้แต่การนำไปลงในสื่อสังคมส่วนตัวของผู้ที่มีฐานะเป็นบุคคลสาธารณะ
ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ผู้ปฏิบัติราชการ หรือบรรดานักข่าว ผู้ปฏิบัติงานสื่อมวลชนใดๆ
แต่ในประเทศไทยกลับมีครบถ้วนกระบวนสถุน เราจึงได้เห็นการลงข้อความอย่างไร้รสนิยม
ขาดวุฒิภาวะ และปั้นน้ำเป็นตัวจากผู้เป็นโฆษกพรรคฝ่ายค้านทั้งชาย
และหญิงอยู่เนืองๆ เป็นที่สะอารมณ์อย่างเหลือหลายของแฟนคลับที่สนับสนุน
วิธีการทำนองเดียวกันยังกระจายออกไปในแวดวงการเมืองระดับมวลชนอีกด้วย
มีการตามเหน็บแนมกันในโซเชียลมีเดียแล้วเลยเถิดไปกระทั่งใส่ร้าย
กล่าวหาอย่างเสียหายในเรื่องส่วนตัว นอกเหนือจากการใช้ถ้อยคำผรุสวาทด่าทอหยาบคาย ดังกรณีที่สตรีวัย
๓๖ ปีผู้ใช้นามแฝงว่า k
u n o w หรือ “กูนาว”
ไล่ล่านายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด
บนทวิตเตอร์ กระทั่ง @nuling ท้าทายให้ไปพิสูจน์ความจริงกันที่โรงพัก
เปิดช่องให้สื่อนักเป่าป่วนอย่างผู้จัดการออนไลน์นำไป “blown out of
proportion” ในข่าว"บก.ลายจุดยัวะ
ถูกหญิงแฉปล่อยพ่อเสียชีวิตอืดคาบ้าน" เป็นตัวอย่างหนึ่งของการล่าแม่มด
อีกตัวอย่างกรณีล่อเป้า
ลงข้อความสามหาวท้าทาย ไม่เพียงให้ร้าย แต่มุ่งหมายให้โทษ (จำคุก)
ด้วยการนำเอาช่องโหว่วิชามารในกฏหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
มาใช้ทำลายบุคคลที่แสดงความเห็นในที่สาธารณะเพื่อประกาศสิทธิ
และความเท่าเทียมทางการเมืองของปัจเจกชน ดังกรณีที่นายนิธิวัติ วรรณศิริ
นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยผู้ใช้นาม “ป๋าจอมตั๊ป”
บนเฟชบุ๊ค ถูกนายวิพุธ สุขประเสริฐ ทำการ ล็อคเป้า
แล้วยื่นหมายจับเสียเลยล่วงหน้า
สมาชิกเสื้อเหลืองตัวเอ้ฉายา IPAD ผู้นี้เป็นนักไล่ล่าแจ้งจับผู้รณรงค์ประชาธิปไตยด้วยข้อหา ม. ๑๑๒
ไปแล้วหลายคน นับแต่ สมศักดิ์
เจียมธีรสกุล นักประวัติศาสตร์ มธ. จิรนุช เปรมชัยพร บก. ประชาไท สุรพจน์
ทวีศักดิ์ นักปรัชญาชายขอบ และประวิตร โรจนพฤกษ์ บรรณาธิการอาวุโสเนชั่น
ได้
เห็นกระบวนการปฏิเสธประชาธิปไตยที่แฝงมาในรูปของการจงเกลียดจงชัง
จองล้างจองผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่ผูกพันกับทักษิณ (อดีตนายกรัฐมนตรี)
เหล่านี้แล้วชวนให้อดตั้งข้อสงสัยกับวิชาชีพสื่อมวลชนในประเทศไทยไม่ได้
ว่าเขาสอนกันมาอย่างไร
คนอย่างนายกนกที่ได้รับยกย่องเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของคณะวารสารศาสตร์
มธ. คณะที่แตกหน่อมาจากสังคมศาสตร์
และสามารถส่งลูกหม้อเข้าไปเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของมหาวิทยาลัยหลายคน
กลับเห็นแก่ฝักฝ่ายในทางการเมืองเสียจนละทิ้งจรรยาทางวิชาชีพ
ก่อนที่จะลงข้อความสามหาวอย่างนั้นควรตรวจสอบรูปการณ์แห่งภาพรวมเสียก่อนว่าเป็นอย่างไร
เรื่องการประชุมอันเป็นสากลก็น่าที่จะเงี่ยหูฟังถึงความเป็นไปรายรอบจากนานาชาติเสียก่อนที่จะปล่อยอาจมจากภายในออกมาให้คละคลุ้ง
เพียงเพื่อที่จะสร้างกลิ่นทำลายบรรยากาศ
แท้
จริงแล้วสิ่งที่เป็นผลพวงจากการประชุมควรแก่การขานรับมากกว่าความผิดพลาดใน
ถ้อยคำปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีเล็กน้อยที่ว่าประชากรในกลุ่มประเทศอาเซียนมี
จำนวนครึ่งหนึ่งของทั้งโลก
หากแต่ผลกระทบที่ได้จากการประชุม และประโยชน์อันจะเกิดแก่ประเทศชาติ
ปรากฏอย่างละเอียดชัดเจนอยู่ในรายงานของนิตยสารการตลาดบลูมเบิร์ก
ฉบับประจำเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
จนทำให้ประเด็นอ้างข้อมูลผิดพลาดโดยนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย
เป็นเพียงเรื่องเล่าเอามันของหมู่คนที่ระดับสติปัญญาหมกมุ่นแต่เรื่องไร้สาระ
นายยูลิม
ลี ผู้สื่อข่าวบลูมเบิร์กเขียนไว้ในรายงานเรื่อง Thai
billionaires embracing Yingluck soft power for Asia exports โดยเล่าว่าขณะที่เขากำลังสัมภาษณ์นายฐาปนา
สิริวัฒนภักดี อยู่นั้น พอเห็นนายกรัฐมนตรีเดินผ่านมาประธานกรรมการ
บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ วัย ๓๗ ปีรีบลุกขึ้นไปยกมือไหว้ ยิ้มทักทาย
ทายาทคนสำคัญของนายเจริญ
สิริวัฒนภักดี อภิมหาเศรษฐีกิจการเบียร์ และสุรา
บอกกับบลูมเบิร์กว่าเขาป็นผู้ที่ชื่นชมนายกฯ
หญิงคนนี้อย่างไม่มีทางวอกแวกเลยทีเดียว “เธอเป็นตัวแทนอำนาจนุ่มนวลของประเทศไทย” และ “เสน่ห์ของเธอในความอดทน อดกลั้น สุภาพ
และยืดหยุ่น
ช่วยให้เสถียรภาพทางการเมืองในประเทศไทยฟื้นคืนกลับมาได้นับแต่เธอเข้ารับตำแหน่งในเดือนสิงหาคม
๒๕๕๔”
บทความของนายยูลิมกล่าวถึงโครงการลงทุนสร้างโรงงานผลิตเบียร์
และสุราที่ใหญ่ที่สุดในพม่า อันเป็นส่วนหนึ่งในแนวโน้ม
หรือเทร็นด์ใหม่ของนักธุรกิจระดับข้ามชาติในประเทศไทย ในการออกไปลงทุนโพ้นทะเลไม่ว่าจะเป็นนายธนินทร์
เจียวรานนท์ แห่งอาณาจักรกิจการยักษ์เจริญโภคภัณฑ์ หรือนายอโลเก โลเฮีย
แห่งอินโดรามาเว็นเจอร์
ทั้งนี้เนื่องจากความสามารถเอาตัวรอดจากภาวะวิกฤติเครดิตโลกในปี ๒๕๕๑
และอุทกภัยครั้งมโหฬารเมื่อปีที่แล้วทำให้ธุรกิจไทยที่มีทุนสะสมมากมาย
ประกอบกับทักษะในทางธุรกิจอุตสาหกรรม
และความสนิทสนมคุ้นเคยกับนักธุรกิจนานาชาติในภูมิภาค เริ่มมองหาตลาดใหม่ๆ
ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่นกัมพูชา ลาว พม่า และเวียตนาม
ตามฐานข้อมูลบลูมเบิร์ก
ผู้ผลิตถ่านหินอย่างบ้านปู พีซีแอล บรรษัทพลังงานอย่าง ปตท. สยามซีเม็นต์
และไทยยูเนียน (สินค้าแช่แข็ง)
เป็นบรรษัทขนาดใหญ่ของไทยที่กว้านซื้อกิจการในต่างประเทศนับแต่ปี ๒๕๕๑
เป็นต้นมาถึงวันที่ ๑๘ กรกฎาคมนี้ มีมูลค่ากว่า ๒๐,๔๐๐ ล้านดอลลาร์ เทียบกับช่วงปี
๒๕๔๖ ถึง ๒๕๕๐ ซึ่งมีมูลค่าเพียง ๑,๔๐๐ ล้านดอลลาร์เท่านั้น
เฉพาะการขยายกิจการของไทยเบฟเวอเรจเข้าไปในพม่า
ประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างสำคัญนี้
ทำให้เปิดตลาดผู้บริโภคแห่งใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีใครเข้าไปถึงได้ราว ๖๐ ล้านคน
และในเดือนกรกฎาคมนี้เอง บริษัทของฐาปนาก็เพิ่งเข้าไปซื้อหุ้นส่วน ๒๒
เปอร์เซ็นต์มูลค่า ๒.๒
พันล้านดอลลาร์ในบริษัทเฟรเซอร์แอนด์นี้ฟแห่งสิงคโปร์ซึ่งถือหุ้นในบริษัทเอเซียแปซิฟิคบริวเวอรี่
ผู้ผลิตเบียร์ไทเกอร์
แม้
แต่นางออง
ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านวัย ๖๗
ปีของพม่าอันเป็นที่ชื่นชมนักหนาโดยพรรคฝ่ายค้านอาชีพของไทย
ยังกล่าวถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทยในการเปรียบเทียบกับบ้านเกิดของ
เธอว่า
ระหว่างบินเข้าไปร่วมประชุมเวิร์ลเอคอนอมิคฟอรั่มในกรุงเทพฯ เห็นแสงสี
และอาคาร-สิ่งก่อสร้างแน่นหนาแล้ว “completely
fascinated” (ประทับใจอย่างสุดซึ้ง) ทีเดียว
หรือจะเป็นเพราะกนกและฝ่ายแค้นทั้งหลายไม่สามารถหาเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญมาใช้อ้างเพื่อจองล้างจองผลาญได้อีก
เรื่องเก่าๆ ที่ว่า (พี่ชาย) คดโกง และไม่จงรักภักดี ใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้ผลจนกร่อยไปแล้ว
จึงหันมาเล่นเรื่องหยุมหยิมไม่เป็นสาระ ทั้งการแต่งตัว คำพูดจา
(เน้นภาษาอังกฤษมากกว่าไทย) และท่าทาง ก็ยังไม่อาจทำให้นายกฯ หญิงไทยระคายเคือง
ไม่ช้าคงหันไปเล่นเรื่องประจำเดือนจนได้
ไม่ช้าคงหันไปเล่นเรื่องประจำเดือนจนได้