ที่มา Voice TV
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ส้ัมภาษณ์พิเศษกับนิตยสาร
Forbes ที่นครดูไบ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยบทความดังกล่าวได้นำลงเผยแำพร่ในเวปไซต์ของนิตยสาร์ Forbes เมื่อวันที่
30 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยทีมข่าววอยซ์ทีวี
ได้แปลทุกถ้อยคำในบทสัมภาษณ์แบบคำต่อคำ
คุณใช้เวลาของคุณอย่างไรบ้าง
ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางเพื่อพบปะเพื่อนเก่า เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นว่าแต่ละประเทศจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร ผมต้องการรักษาสัมพันธภาพที่ดีเหล่านั้น ซึ่งประเทศต่างๆ ก็ให้การสนับสนุนผม เพราะสิ่งที่ผมสัญญา ผมทำได้จริง
มีที่ไหนบ้างหรือไม่ที่คุณอยากไปแต่คุณไม่ได้ไป
มีแต่ประเทศไทยเท่านั้น ผมมีวีซ่าเข้าได้ทุกประเทศ ผมใช้หนังสือเดินทางไทยด้วยวีซ่านักธุรกิจ ระหว่างสลายการชุมนุมในประเทศไทย รัฐบาลชุดก่อนหน้าได้ทำหนังสือส่งไปยังหลายประเทศเพื่อขอไม่ให้ประเทศต่างๆ ให้ผมเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งมีหลายประเทศได้ขอร้องไม่ให้ผมเดินทางเข้าไปเนื่องจากประเทศเหล่านั้น รู้ถึงปัญหาประเทศไทยดี และไม่ต้องการเกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลในสมัยนั้น
ทำให้ในช่วงนั้นผมเดินทางไปรัสเซียค่อนข้างบ่อย เพราะผมมีสัมพันธ์ที่ดี นอกจากนั้นผมก็ไปอาฟริกาที่ได้มีโอกาสพบปะเพื่อนเก่าที่นั้น และได้เชิญชวนให้ทำธุรกิจในประเทศเหล่านั้น ผมเลยถามว่าผมควรทำธุรกิจอะไร เขาก็เลยแนะนำว่าไม่ลองทำธุรกิจเหมืองแร่ล่ะ ผมก็เลยถามไปว่าเขามีอะไร เขาตอบว่ามีทองคำจำนวนมาก ซึ่งผมไม่มีประสบการณ์อะไร แต่ได้เรียนรู้จากที่นั่น
ผมได้สัมปทานในการทำเหมืองทองที่อูกานดาและแทนซาเนีย รวมถึงเหมืองไททาเนียมที่ซิมบับเว ซึ่งเราได้พบทั้งทองคำและไททาเนียมแล้ว
ซึ่งรายงานฉบับแรกจะออกมาในเดือนพฤศจิกายน บางส่วนจะออกมาในเดือนมกราคม เราจะเริ่มเหมืองทองคำในแทนซาเนียในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ตามมาด้วยเหมืองในอูกานดา ผมอยากรอรายงานสรุปที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังพบแหล่งแพลตินัมในอูกานดาอีกด้วย
คุณทำธุรกิจร่วมกับใครหรือไม่
ไม่เลย ในธุรกิจเหมือง ถ้าคุณนำพันธมิตรทางธุรกิจมาร่วมตั้งแต่แรก คุณจะไม่มีคุณค่าอะไร เพราะคนเหล่านั้นเป็นแหล่งทุนขนาดใหญ่ เราจะกลายเป็นคนตัวเล็กๆ แต่ผมทำตัวเหมือนเริ่มต้นเองใหม่หมด เริ่มต้นใหม่ที่อายุ 60 ไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ผมก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก เป็นการบุกเบิกการลงทุนใหม่ๆ มากกว่า
คุณบอกว่าไม่จริงจัง แสดงว่าคุณไม่ได้ลงทุนมากมายนัก
ก็ไม่มาก ผมลงทุนไปประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐแค่นั้น
คุณได้เงินจากการขายหุ้นชินคอร์ปกลับมาบ้างหรือไม่
ผมได้กลับมาประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ จึงทำให้ผมมีเงินไปลงทุน
คุณลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคมอีกหรือไม่
ผมได้รับการทาบทามให้เข้าไปขอใบอนุญาตโทรคมนาคมในหลายประเทศ แต่เนื่องจากผมเป็นคนรู้มาก ทำให้ผมรู้ว่าไม่ควรลงทุนในธุรกิจนี้เพราะมีผู้แข่งขันจำนวนมาก หลายๆ ประเทศจำนวนรายได้ค่าบริการต่อประชากรต่ำมาก ซึ่งไม่คุ้ม
กลับมาที่เรื่องเหมืองกันต่อ คุณเคยทำโครงการเหมืองถ่านหินในอาฟริกาใต้
ผมเคยทำแต่มีความขัดแย้งกับหุ้นส่วน ผมเลยถอนตัว
ส่วนที่คองโก คุณได้เป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดี
ไม่ใช่ครับ ผมเพียงแต่ไปที่นั่น ผมรู้จักประธานาธิบดีคาบิลาแห่งคองโก ได้เจอกัน แต่ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไร
ดูเหมือนว่าอาฟริกาเป็นที่ที่คุณสนใจ คุณรู้จักคนที่นั่นเพราะคุณเป็นคนมีสายสัมพันธ์กับพวกเขาหรือ
ผมไม่ได้รู้จักทุกคน รู้จักบางคน แต่ความสามารถในการช่วยเหลือคนยากจนของผมทำให้หลายคนอยากเจอผมเพื่อขอ ประสบการณ์ จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์มีมาตั้งแต่สมัยที่ผมบริหารประเทศอยู่ ต่างคนต่างรู้จักกัน แต่อาจจะไม่สนิทกันมากนัก จริงๆ แล้วผมวางแผนว่าในปี 2548 จะเป็นปีแห่งสัมพันธ์ไทยอาฟริกา แต่สถานการ์ในประเทศช่วงนั้นไม่ค่อยดี ผมเลยเดินทางได้ไม่เยอะ ผมเลยได้ไปแค่ประเทศเคนยา
น่าสนใจตรงที่คุณบอกว่าคุณเดินทางด้วยหนังสือเดินทางไทย แต่ผมเข้าใจว่าหนังสือเดินทางคุณถูกเพิกถอน แล้วคุณได้หนังสือเดินทางกลับมาได้อย่างไร
ผมได้รับหนังสือเดินทางหลังจากที่รัฐบาลชุดนี้ขึ้นมาบริหารประเทศ คุณก็รู้ว่าก่อนหน้านี้มีอคติมีความลำเอียง หนังสือเดินทางของผมถูกยกเลิกคนเดียว แต่คนอื่นที่มีคดีอาญากลับสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้สบาย นี่เป็นการแก้แค้นทางการเมือง เป็นการละเมิดการใช้กฎหมาย เลือกปฏิบัติ
มาคุยถึงเรื่องน้องสาวของคุณบ้าง เธออยู่ในอำนาจมากว่า 1 ปี หลายคนประหลาดใจว่าอยู่มาได้นาน แต่ก็เริ่มมีปัญหากับโครงการรับจำนำข้าว
นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นการอิจฉาจากการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่เกรงว่าเราจะได้พลังมากขึ้นจากราก หญ้า โครงการนี้เกษตรกรมีความสุข สามารถชำระเงินที่กู้มาได้ อีกกลุ่มที่มีปัญหากับโครงการนี้คือผู้ส่งออก เพราะก่อนหน้านี้ชีวิตของพวกเขาสบายเหลือเกิน เพราะรัฐบาลซื้อมาแล้วก็ขายให้ผู้ส่งออกถูกๆ แล้วก็ไปขายต่อในตลาดต่างประเทศราคาถูกเช่นกัน เราเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก ทำไมเราต้องขายข้าวในราคาถูก แต่ผู้เสียประโยชน์คือชาวนา รัฐบาลชุดนี้มีแนวคิดที่อยากให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง มิเช่นนั้นก็จะเลิกทำนาและไปทำอย่างอื่น เหมือนกับความพยายามที่เราจะสร้างแพทย์ขึ้นมา ซึ่งเมื่อเรียนจบแต่ให้เงินเดือนต่ำๆ พวกเขาก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นเมื่อเราตัดสินใจที่จะเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 เราต้องให้เกษตรกรอยู่ได้ นี่เป็นปรัชญาของเรา ดังนั้นกลุ่มผู้ส่งออกจะต้องทำงานหนัก อย่าสบายเกินไปนัก พวกคุณต้องรู้จักการทำการตลาด ต้องรู้จักการแข่งขัน และจะทำให้ทั้งโลกหันมาซื้อข้าวไทยประมาณ 7 – 10 ล้านตัน เมื่อเราเริ่มมีข้าวในสต็อค ทุกคนอยากให้เราขาย แต่เราไม่ทำ เพราะอินเดียลดราคาขายข้าวเหลือเพียง 400 ดอลลาร์ต่อตัน แต่ตอนนี้ราคาข้าวขึ้นไป 600 ดอลลาร์ต่อตัน หรือขึ้นไปเกือบ 50% ทำให้ข้าวในสต็อกของเรามีราคาขึ้น ดังนั้นถ้าเรารีบขาย แต่เราก็จะขาดทุนมาก โครงการนี้เราต้องการช่วยเกษตรกร ดูๆ ไปเหมือนจะขาดทุนจากเงินที่ใช้ไป 4 แสนล้านบาทจากกระเป๋าซ้าย แต่ขณะนี้เราได้กลับมาจากภาษีประมาณ 7% หรือ 27,000 ล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้จะกลับมา 3 เท่า เพราะคนยากจนเมื่อพวกเขาได้เงิน ก็จะใช้จ่าย เงินก็จะกลับเข้ามาถึง 3 เท่า ดังนั้นถ้าคุณทำเงินในกระเป๋าซ้ายหายไป 7 หมื่นล้าน แต่จริงๆ คุณจะได้กลับมาเกือบ 81,000 ล้านในกระเป๋าขวา ท้ายที่สุดแล้วนี่คือเศรษฐศาสตร์ในการเข้ามาช่วยเหลือคนจน
อาจจะไม่ใช่จำนวนมาก เพราะว่าระบบไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ เราจะเริ่มทำทุกอย่างให้เป็นดิจิตอล ซึ่งจะทำให้เราสามารถคำนวณได้ว่าผลตอบแทนต่อไร่ควรเป็นเท่าไหร่ จะทำให้ต้นทุนลดลง เราต้องยอมรับว่ามีการรั่วไหลบ้าง เจ้าหน้าที่รัฐระดับล่างอาจมีการเอาเปรียบชาวนาบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่ชาวนาพอใจกับโครงการนี้ ขณะเดียวกันเราไม่พยายามผลักดันให้ขายข้าวราคาแพง เราต้องการราคาเป็นธรรมต่อเกษตรกร
แต่นั่นทำให้เราเสียโอกาสให้กับผู้ส่งออกรายอื่น เช่น เวียดนาม?
ผมเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วเวียดนามก็ไม่อยากขายข้าวในราคาถูกต่อไป เวียดนามก็ไม่สามารถเพาะปลูกได้มากกว่านี้ แต่ทั้งโลกยังบริโภคประมาณเท่าเดิม ถ้าเวียดนามรีบขายก็ขายไป เราขายช้ากว่า ก็ไม่เห็นเป็นไร
ดูเหมือนว่าคุณจะคุ้นเคยกับทิศทางของโครงการนี้มาก
โครงการนี้ เป็นโครงการที่ผมคิดขึ้นมาคนเดียว เหมือนกับสโลแกนที่ใช้ตอนหาเสียง ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ
คุณมีส่วนร่วมกับนโยบายอื่นอีกด้วยหรือไม่
ผมชอบทำงานระดมสมองร่วมกับคนของเรา นักวางยุทธศาสตร์ในไทย ในพรรค รวมถึงคุณยิ่งลักษณ์ ที่มีส่วนร่วมวางนโยบายกับเรา
คุณคุยกับคุณยิ่งลักษณ์บ่อยแค่ไหน
เราคุยกันเหมือนคนในครอบครัว เราคุยกันบ่อย เพราะเราเป็นคนในครอบครัว ซึ่งเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน เราก็จะปรึกษาหารือกันในหลายด้าน รวมถึงการบริหารจัดการ ผมทำตัวเหมือนเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้คุณยิ่งลักษณ์ที่สามารถปรึกษาได้ตลอด เวลา แต่ไม่ได้เรียกร้องว่าจะต้องมาปรึกษาตลอด
คุณยิ่งลักษณ์โทร.หาบ่อยแค่ไหน สองสามครั้งต่อสัปดาห์?
บางครั้งสองสามครั้งต่อสัปดาห์ บางช่วงมีเรื่องร้อนก็จะคุยกันบ่อย เพราะผมรู้จักคน ผมรู้กฎหมาย ผมรู้ขั้นตอนพิธีการระหว่างประเทศ เธออาจจะยังใหม่ เธอไม่จำเป็นต้องโทร.หาก็ได้ แต่เมื่อเธอโทร.มา ผมสามารถให้คำตอบได้ทันที เพราะผมนั่งอยู่นี่ ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว
นี่รึเปล่าที่ทำให้คนวิจารณ์ว่าคุณอยู่เบื้องหลังคุณยิ่งลักษณ์?
ผมอยู่เบื้องหลังนโยบายของทางพรรคอยู่แล้ว เพราะในช่วงแรกคุณยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้ก้าวเข้ามาเล่นการเมือง เราได้พูดคุยกัน เธอมีประสบการณ์ที่ดีในด้านการบริหาร ด้วยวัยเพียง 35 ปีได้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอไอเอส ผู้ให้บริการมือถือที่ใหญ่ที่สุดในไทย ซึ่งขณะนั้นเรามีผู้ใช้บริการถึง 40 ล้านคน มีพนักงาน 22,000 คนภายใต้การบริหารของเธอ ทำให้เธอมีประสบการณ์ที่ดี นอกจากนี้ด้านไฟแนนซ์เธอก็เก่ง ดังนั้นเมื่อเราคิดอะไร เราก็จะปรึกษาหารือกัน บางครั้งเธอก็จะบอกไม่เห็นด้วยเพราะบางโครงการใช้จ่ายเงินมากเกินไป อาจจะไม่ดี เธอมีสัญชาติญาณเพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมา
คุณมีนโยบายอะไรที่อยากจะผลักดันให้เร็วกว่านี้หรือไม่
สิ่งหนึ่งที่เราต้องการทำและเราได้สัญญาไว้กับประชาชนแต่ถูกห้ามไม่ให้ทำ นั่นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบันเป็นผลพวงของรัฐประหาร ซึ่งคุณเข้าใจได้เลยว่ามันจะต้องไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าประเทศไทยยังเป็นเช่นนี้อยู่ เราจะไม่สามารถก้าวได้เร็ว เพราะเหมือนกับว่าคุณอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยกับระเบิด ก่อนคุณจะก้าวออกจากบ้านไปทำงานคุณต้องระมัดระวังเพราะอาจจะระเบิดได้ทุก เมื่อ และเมื่อเดินกลับบ้านเพื่อเข้านอน ก็ต้องระวัง ซึ่งนี่เป็นสถานการณ์ของไทยในปัจจุบัน
เพราะพรรคอาจถูกยุบได้
ใช่ ใช่ เพราะพวกเค้าไม่ต้องการให้เราอยู่ ต้องการเตะออกไปให้ไกลๆ ทั้งๆ ที่มาจากพลังของประชาชน พวกเค้าไม่เคารพประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เคารพในพลังของประชาชน
ในการที่จะแก้รัฐธรรมนูญได้ คุณจำเป็นหรือไม่ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากในวังก่อน?
ไม่เลย สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง แต่ปัญหาอยู่ที่ตัวรัฐธรรมนูญที่มีองค์กรอิสระมากมายที่ได้รับการคัดเลือก จากกลุ่มผู้ปฏิวัติ ซึ่งเท่ากับว่าพวกเขาได้เปลี่ยนการปฏิวัติจากที่เคยทำโดยทหารซึ่งไม่เป็นที่ ยอมรับในทางสากล มาเป็นการปฏวัติผ่านพลเรือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนที่โลกอาจจะไม่เข้าใจ เพราะโลกอาจจะมองว่านี่เป็นเรื่องปกติ ต้องเคารพ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นผลพวงของการปฏิวัติรัฐประหาร เราต้องแก้ไขให้ได้
เราต้องเดินฝ่ากับระเบิด ซึ่งถ้าเราสามารถทำได้ เราต้องแก้ไข เพราะเราได้สัญญาไว้แล้วตั้งแต่ตอนเลือกตั้ง และเมื่อเราไปทำงาน แต่เหยียบกับระเบิดตูมขึ้นมา คนก็จะเข้าใจ
คุณเห็นโอกาสหรือไม่ในการปรองดองระหว่างพรรคการเมือง
นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการเห็น แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ถ้ามีความยุติธรรมในเมืองไทย ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ บางพรรคการเมืองอาจะคิดว่าได้รับการหนุนหลัง และได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ ทำให้พวกเขาได้เปรียบกว่า ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์มากจนไม่สนใจความเท่าเทียมเป็นสิ่งไม่ดี เหมือนการเล่นฟุตบอล คุณอาจจะไม่อยากเล่นถ้าคุณรู้ว่ายังไงคุณก็ได้เป็นแชมป์ แต่ถ้าคุณต้องทำงานหนัก คุณต้องเดินตามมาตรฐานสากล คุณต้องแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งแชมป์
คุณบอกว่าสถาบันกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง คุณได้คุยกับใครในนั้นหรือไม่
ไม่ ไม่เลย สถาบันอยู่เหนือการเมืองเสมอ เมื่อครั้งผมเป็นนักการเมือง ผมไม่ดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ผมเคารพสถาบัน และผมก็อยู่แต่เฉพาะวงการเมืองเท่านั้น
มาที่เรื่องกีฬาที่คุณชอบบ้าง อนาคตของคุณที่จะข้องเกี่ยวกับการกีฬาเป็นอย่างไร
มีเพียงแค่แมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ได้ใจผม ผมได้ข้อเสนอมากมายแต่ผมตัดสินใจไม่เข้าไป เพราะใจผมยังผูกติดอยู่กับแมนเชสเตอร์ซิตี้
ทำไมตอนนั้นคุณตัดสินใจขายล่ะ
ตอนนั้นผมไม่มีเงิน ตอนนั้นผมถูกทำร้ายทางการเมือง ถูกยึดทรัพย์ ซึ่งไม่ยุติธรรม จนถึงวันนี้ผมยังได้รับการปฏิบัติไม่เป็นธรรม ซึ่งผมก็พยายามต่อสู้ต่อไป คุณก็รู้ว่าคนอย่างผมยอมจ่ายเงินเป็นพันๆล้าน ผมไม่แคร์อะไร เพียงแต่ต้องการความเป็นธรรม กฎหมายไทยไม่สามารถให้หลักการกับนักเรียนได้เลย เพราะการบังคับใช้กลับละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ในบางเรื่องไม่มีกฎหมาย ก็เขียนกฎหมายขึ้นมาเอง ด้วยภาษาของตัวเอง
เพียงเพราะคุณต้องการช่วยเหลือชาวนา?
ความคิดของผมอาจจะแตกต่างจากคนอื่น โดยเฉพาะพวกอนุรักษ์นิยม ผมอาจจะใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนมาก จนเห็นว่ามีประเทศยากจนเพียงไม่กี่ประเทศ ซึ่งรวมถึงไทย ดังนั้นผมจึงคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องหาทางช่วยให้คนหลุดพ้นจากความยากจน ความมุ่งมั่นของผมไม่ได้อยู่แค่เพียงเรื่องการเมือง ถ้าผมจะกลับเมืองไทย ผมก็จะกลับไปช่วยเหลือคนยากจนให้เข้มแข็งขึ้น เพราะผมเชื่อว่าถ้าคนหลุดพ้นความยากจนได้ จะทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง และเมื่อประเทศชาติรุ่งเรือง เหล่าอำมาตย์ที่นั่งอยู่ข้างบนก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น แต่พวกเขาไม่เข้าใจ พวกเขาต้องการแบบที่เป็นอยู่
คุณรู้จักบิลคลินตั้นใช่มั้ย คุณมีแผนที่จะร่วมโครงการ Clinton Global Initiative รึเปล่า
ครับผมรู้จัก แต่โครงการดังกล่าวไม่แน่ใจ คลินตั้นอาจจะคิดว่าผมลี้ภัยอยู่ แต่จริงๆ คลินตั้นเป็นคนแนะนำผมให้รู้จักกับชาวเปรูที่ชื่อ เฮอร์นานโด้ เดอ โซโต คนเขียนหนังสือเกี่ยวกับทุนนิยม และเพิ่มพลังให้คนจน ซึ่งผมได้เคยเชิญไปที่เมืองไทย ได้แลกเปลี่ยนกับนักคิด และนำหลายนโยบายของเขาไปใช้
ผมคงต้องถามเกี่ยวกับทหาร เข้ากับคุณยิ่งลักษณ์ได้ดีหรือไม่
ดีมาก
ดูแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหา
เท่าที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน เราทำงานด้วยกันเป็นอย่างดี แต่อำนาจทางการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่มีสูตรอะไรตายตัว สมัยที่ผมเป็นรัฐบาลผมก็ไม่มีปัญหา ผมได้แต่งตั้งหลายคนรวมถึงคนที่โค่นผมจากตำแหน่งคือพลเอกสนธิ แต่เมื่อถึงเวลา พวกเขาก็ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตาม
คุณเป็นนักการเมือง แต่ก็เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คุณมีเงินมากมาย แต่ทำไมคุณทำให้ตัวเองตกอยู่ในฐานะที่คนอื่นวิจารณ์คุณว่ากระหายเงิน
นักการเมืองย่อมวิจารณ์คนอื่นในทางที่แตกต่างกันออกไป ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือยุทธศาสตร์ยูโด คุณจะพบว่าจะต้องโจมตีคู่ต่อสู้ในจุดที่แข็งแรงที่สุดยามเคลื่อนไหว ซึ่งจุดที่แข็งแรงสุดคือขา ที่เมื่อกำลังเคลื่อนแล้วโดนเตะสกัด คุณก็จะล้ม ซึ่งฝ่ายตรงข้ามผมพยายามโจมตีจุดที่แข็งที่สุดของผมตลอดเวลา ผมพยายามชี้แจงมาตลอดว่าผมมีเท่าไหร่ก่อนเข้ามาเล่นการเมือง และเมื่อเล่นการเมืองผมมีลดลง หลังจากนั้นตลาดหุ้นก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแค่ผมเท่านั้น แต่พวกเขาพยายามทำให้คนเข้าใจผิด เช่นเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี ก็จะบอกว่า ขนาดขายก๋วยเตี๋ยว ยังต้องเสียภาษี ดังนั้นถ้าคุณขายกิจการ ก็ต้องเสียภาษีสิ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ทำให้เข้าใจผิด เพราะขายก๋วยเตี๋ยวคือการขายสินค้า คุณต้องจ่ายภาษี แต่บริษัทที่ขายโทรศัพท์มือถือจ่ายภาษีอยู่แล้ว และถ้าขายหุ้นในตลาดหุ้น ตามกฎหมายก็ไม่ต้องเสียภาษีกำไรส่วนต่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามผมนำมาใช้โจมตีว่าผมกระหายเงิน ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่ยอมเสียภาษี เพราะพวกเขารู้ดีว่าจุดอ่อนของสังคมคือความอิจฉา บางประเทศคุณอาจจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไป จนถึงทุกวันนี้ ประเทศไทยยังไม่มีการเก็บภาษีส่วนต่างกำไร หรือ CAPITAL GAIN TAX
คุณมีมุมมองอย่างไรต่อจีน อาเซียน และข้อพิพาทในทะเลจีนใต้
ผมได้คุยกับผู้นำอาเซียนหลายคน และได้บอกไปว่าข้อพิพาทในทะเลจีนใต้เกี่ยวพันกับชาติสมาชิกอาเซียนหลาย ประเทศ ซึ่งจีนเป็นประเทศคู่เจรจากับอาเซียนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ควรเป็นปัญหาระหว่างอาเซียนกับจีน แต่ควรเป็นการเจรจาระดับทวิภาคี จริงอยู่ที่ชาติสมาชิกอาเซียนอาจจะมีความกังวล แต่อาเซียนไม่ควรมีส่วนในการเข้าไปเจรจาหรือกดดัน เพื่อที่จะทำให้เราปลอดจากข้อขัดแย้ง เพราะการประชุมระดับรัฐมนตรีที่กัมพูชาเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีสัญญาณ ที่ไม่ดี ทำให้ไม่สามารถออกปฏิญญาร่วมกันได้เพราะปัญหานี้ ทำให้ผมได้บอกนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็นว่าเรื่องข้อพิพาทนี้ไม่ควรเป็นเรื่องของ อาเซียน ควรเป็นเรื่องของทวิภาคี โดยอาเซียนจะเป็นผู้ขับเคลื่อนการเจรจาที่สงบสุข
แต่จุดยืนของคนดูเหมือนว่าเป็นจุดยืนที่เอื้อต่อประเทศจีน
ผมไม่คิดเช่นนั้น ผมใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือสันติภาพ อาเซียนต้องมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ เรายังมีคนยากจนอีกมากมาย ทำไมเราไม่มองหาลู่ทางสันติและทำให้เกิดความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ คนจนไม่สามารถที่จะทนความจนไปได้อีกนานนัก ซึ่งปัญหาข้อพิพาทถ้าคุณยกออกไป รอก่อนได้ แต่ปัญหาเรื่องคน รอไม่ได้
สิ่งที่เราเรียกว่า การพัฒนาร่วมกันระหว่างไทยและมาเลเซีย เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เรากำลังนำแนวคิดนี้ไปใช้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น เราควรจะร่วมมือกันมากกว่าจะต่อสู้กัน ขณะเดียวกันเราต้องการเห็นสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ถ้ามีอะไรที่ผมทำให้ความสัมพันธ์นี้ดีขึ้นได้ ผมก็จะทำ ผมรู้จักผู้นำในภูมิภาคนี้ ผมต้องการนำเสนอทางออกแห่งสันติภาพ เพราะภูมิภาคนี้ต้องการความรุ่งเรือง โลกอยากเห็นเราสงบสุขและเจริญเติบโตเพราะขณะนี้โลกมีปัญหาทั้งในสหรัฐและ ยุโรป อาฟริกาก็ต้องให้มีความรุ่งเรืองเพื่อให้โลกเติบโต มิเช่นนั้นเศรษฐกิจโลกจะหยุดนิ่ง
คุณมีสายสัมพันธ์กับสมาชิกระดับคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาของรัฐบาลจีนหรือไม่
ไม่รู้จักใครในระดับคณะกรรมาธิการสามัญ แต่ผมสนิทกับรัฐบาลจีน และมีโอกาสได้พูดคุยกัน ฟังความเห็น ผมเพิ่งไปสหรัฐอเมริกาและได้พบเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ เราได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับจีนและสหรัฐ จีนและอาเซียน แลกเปลี่ยนมุมมองในสิ่งที่ควรจะเป็น
เขาเป็นอย่างไรบ้าง
เขาเป็นคนฉลาด สมองยังทำงานได้ดี เดินมาส่งผมถึงลิฟต์ ยังแข็งแรง เราคุยกันประมาณหนึ่งชั่วโมง
นี่เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตคุณหรือไม่
ผมไม่เคยคิดเช่นนั้น เพราะผมเป็นนักค้นหาทางออก เมื่อใดก็ตามที่มีปัญหา ผมจะต้องหาทางออกให้ได้ เมื่อผมหาทางออกได้ ผมจะไม่รู้สึกแย่หรือยากลำบาก ผมโอเค ผมเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก มองและคิดไปข้างหน้า มากกว่ามองกลับไปข้างหลัง
ถ้าคุณมีโอกาสได้กลับเมืองไทย คุณต้องการมีตำแหน่งอะไรหรือไม่
ผมต้องการช่วยเหลือผู้คนด้วยหนทางใดก็ได้ ถ้าผมสามารถทำได้ ผมจะทำ ผมมีประสบการณ์ที่จะช่วยเหลือทั้งในกระบวนการคิด หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราผมสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินให้ผม ผมยังเป็นคนตกงาน แต่ไม่ต้องการเงินเดือน
ในช่วงนั้นหลายประเทศต้องการให้ผมตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพราะพวกเขาเห็นใจผมและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมไม่ต้องการ รัฐประหารเกิดขึ้นในไทยบ่อยครั้งมากและทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติอย่างรวด เร็ว ปกติแล้วจะไม่ค่อยทำอะไรกับนายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นอำนาจลง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นายกที่ถูกโค่นยังได้รับความนิยมและพวกเขาพยายามล้าง แค้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในเมืองไทย โดยเฉพาะประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว และก็จะดำเนินต่อไป
ดูเหมือนว่าคุณยังไม่พอใจจนกว่าคุณจะแก้ให้ทุกอย่างถูกต้องได้
ไม่ ผมจะยังรอ แม้ว่าจะต้องนอนตายบนเตียงก็ตาม
คุณคิดถึงประเทศไทยหรือไม่
แน่นอน ทุกคนคิดถึงประเทศของตัวเอง แต่เนื่องจากผมจากบ้านมานาน ผมสามารถปรับตัวได้แล้ว ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ ผมพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
มีอะไรอีกหรือไม่ที่คุณอยากให้เราเข้าใจ
ผมค่อนข้างโชคร้ายที่ประเทศไทยมีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเพียง 2 ฉบับ และทั้ง 2 ฉบับอยู่ตรงข้ามกับผม ซึ่งคนนอกประเทศจะติดตามข่าวสารของไทยจากหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับนี้ ข้อความที่ใช้นั้นเต็มไปด้วยอคติ ลำเอียงตั้งแต่ต้น ไม่เพียงแค่ในเนื้อหา รวมถึงการพาดหัวที่อคติ ดังนั้นอย่าไปเชื่อ ถ้าคุณอยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนชื่อทักษิณ และไปอ่านหนังสือพิมพ์พวกนั้น คุณจะไม่รู้จักทักษิณที่แท้จริง
Soucre : เวปไซต์นิตยสาร Forbes
http://www.forbes.com/sites/timferguson/2012/10/30/qa-thaksin-sits-down-with-forbes/
คุณใช้เวลาของคุณอย่างไรบ้าง
ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางเพื่อพบปะเพื่อนเก่า เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นว่าแต่ละประเทศจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร ผมต้องการรักษาสัมพันธภาพที่ดีเหล่านั้น ซึ่งประเทศต่างๆ ก็ให้การสนับสนุนผม เพราะสิ่งที่ผมสัญญา ผมทำได้จริง
มีที่ไหนบ้างหรือไม่ที่คุณอยากไปแต่คุณไม่ได้ไป
มีแต่ประเทศไทยเท่านั้น ผมมีวีซ่าเข้าได้ทุกประเทศ ผมใช้หนังสือเดินทางไทยด้วยวีซ่านักธุรกิจ ระหว่างสลายการชุมนุมในประเทศไทย รัฐบาลชุดก่อนหน้าได้ทำหนังสือส่งไปยังหลายประเทศเพื่อขอไม่ให้ประเทศต่างๆ ให้ผมเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งมีหลายประเทศได้ขอร้องไม่ให้ผมเดินทางเข้าไปเนื่องจากประเทศเหล่านั้น รู้ถึงปัญหาประเทศไทยดี และไม่ต้องการเกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลในสมัยนั้น
ทำให้ในช่วงนั้นผมเดินทางไปรัสเซียค่อนข้างบ่อย เพราะผมมีสัมพันธ์ที่ดี นอกจากนั้นผมก็ไปอาฟริกาที่ได้มีโอกาสพบปะเพื่อนเก่าที่นั้น และได้เชิญชวนให้ทำธุรกิจในประเทศเหล่านั้น ผมเลยถามว่าผมควรทำธุรกิจอะไร เขาก็เลยแนะนำว่าไม่ลองทำธุรกิจเหมืองแร่ล่ะ ผมก็เลยถามไปว่าเขามีอะไร เขาตอบว่ามีทองคำจำนวนมาก ซึ่งผมไม่มีประสบการณ์อะไร แต่ได้เรียนรู้จากที่นั่น
ผมได้สัมปทานในการทำเหมืองทองที่อูกานดาและแทนซาเนีย รวมถึงเหมืองไททาเนียมที่ซิมบับเว ซึ่งเราได้พบทั้งทองคำและไททาเนียมแล้ว
ซึ่งรายงานฉบับแรกจะออกมาในเดือนพฤศจิกายน บางส่วนจะออกมาในเดือนมกราคม เราจะเริ่มเหมืองทองคำในแทนซาเนียในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ตามมาด้วยเหมืองในอูกานดา ผมอยากรอรายงานสรุปที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังพบแหล่งแพลตินัมในอูกานดาอีกด้วย
คุณทำธุรกิจร่วมกับใครหรือไม่
ไม่เลย ในธุรกิจเหมือง ถ้าคุณนำพันธมิตรทางธุรกิจมาร่วมตั้งแต่แรก คุณจะไม่มีคุณค่าอะไร เพราะคนเหล่านั้นเป็นแหล่งทุนขนาดใหญ่ เราจะกลายเป็นคนตัวเล็กๆ แต่ผมทำตัวเหมือนเริ่มต้นเองใหม่หมด เริ่มต้นใหม่ที่อายุ 60 ไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ผมก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก เป็นการบุกเบิกการลงทุนใหม่ๆ มากกว่า
คุณบอกว่าไม่จริงจัง แสดงว่าคุณไม่ได้ลงทุนมากมายนัก
ก็ไม่มาก ผมลงทุนไปประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐแค่นั้น
คุณได้เงินจากการขายหุ้นชินคอร์ปกลับมาบ้างหรือไม่
ผมได้กลับมาประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ จึงทำให้ผมมีเงินไปลงทุน
คุณลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคมอีกหรือไม่
ผมได้รับการทาบทามให้เข้าไปขอใบอนุญาตโทรคมนาคมในหลายประเทศ แต่เนื่องจากผมเป็นคนรู้มาก ทำให้ผมรู้ว่าไม่ควรลงทุนในธุรกิจนี้เพราะมีผู้แข่งขันจำนวนมาก หลายๆ ประเทศจำนวนรายได้ค่าบริการต่อประชากรต่ำมาก ซึ่งไม่คุ้ม
กลับมาที่เรื่องเหมืองกันต่อ คุณเคยทำโครงการเหมืองถ่านหินในอาฟริกาใต้
ผมเคยทำแต่มีความขัดแย้งกับหุ้นส่วน ผมเลยถอนตัว
ส่วนที่คองโก คุณได้เป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดี
ไม่ใช่ครับ ผมเพียงแต่ไปที่นั่น ผมรู้จักประธานาธิบดีคาบิลาแห่งคองโก ได้เจอกัน แต่ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไร
ดูเหมือนว่าอาฟริกาเป็นที่ที่คุณสนใจ คุณรู้จักคนที่นั่นเพราะคุณเป็นคนมีสายสัมพันธ์กับพวกเขาหรือ
ผมไม่ได้รู้จักทุกคน รู้จักบางคน แต่ความสามารถในการช่วยเหลือคนยากจนของผมทำให้หลายคนอยากเจอผมเพื่อขอ ประสบการณ์ จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์มีมาตั้งแต่สมัยที่ผมบริหารประเทศอยู่ ต่างคนต่างรู้จักกัน แต่อาจจะไม่สนิทกันมากนัก จริงๆ แล้วผมวางแผนว่าในปี 2548 จะเป็นปีแห่งสัมพันธ์ไทยอาฟริกา แต่สถานการ์ในประเทศช่วงนั้นไม่ค่อยดี ผมเลยเดินทางได้ไม่เยอะ ผมเลยได้ไปแค่ประเทศเคนยา
น่าสนใจตรงที่คุณบอกว่าคุณเดินทางด้วยหนังสือเดินทางไทย แต่ผมเข้าใจว่าหนังสือเดินทางคุณถูกเพิกถอน แล้วคุณได้หนังสือเดินทางกลับมาได้อย่างไร
ผมได้รับหนังสือเดินทางหลังจากที่รัฐบาลชุดนี้ขึ้นมาบริหารประเทศ คุณก็รู้ว่าก่อนหน้านี้มีอคติมีความลำเอียง หนังสือเดินทางของผมถูกยกเลิกคนเดียว แต่คนอื่นที่มีคดีอาญากลับสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้สบาย นี่เป็นการแก้แค้นทางการเมือง เป็นการละเมิดการใช้กฎหมาย เลือกปฏิบัติ
มาคุยถึงเรื่องน้องสาวของคุณบ้าง เธออยู่ในอำนาจมากว่า 1 ปี หลายคนประหลาดใจว่าอยู่มาได้นาน แต่ก็เริ่มมีปัญหากับโครงการรับจำนำข้าว
นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นการอิจฉาจากการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่เกรงว่าเราจะได้พลังมากขึ้นจากราก หญ้า โครงการนี้เกษตรกรมีความสุข สามารถชำระเงินที่กู้มาได้ อีกกลุ่มที่มีปัญหากับโครงการนี้คือผู้ส่งออก เพราะก่อนหน้านี้ชีวิตของพวกเขาสบายเหลือเกิน เพราะรัฐบาลซื้อมาแล้วก็ขายให้ผู้ส่งออกถูกๆ แล้วก็ไปขายต่อในตลาดต่างประเทศราคาถูกเช่นกัน เราเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก ทำไมเราต้องขายข้าวในราคาถูก แต่ผู้เสียประโยชน์คือชาวนา รัฐบาลชุดนี้มีแนวคิดที่อยากให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง มิเช่นนั้นก็จะเลิกทำนาและไปทำอย่างอื่น เหมือนกับความพยายามที่เราจะสร้างแพทย์ขึ้นมา ซึ่งเมื่อเรียนจบแต่ให้เงินเดือนต่ำๆ พวกเขาก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นเมื่อเราตัดสินใจที่จะเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 เราต้องให้เกษตรกรอยู่ได้ นี่เป็นปรัชญาของเรา ดังนั้นกลุ่มผู้ส่งออกจะต้องทำงานหนัก อย่าสบายเกินไปนัก พวกคุณต้องรู้จักการทำการตลาด ต้องรู้จักการแข่งขัน และจะทำให้ทั้งโลกหันมาซื้อข้าวไทยประมาณ 7 – 10 ล้านตัน เมื่อเราเริ่มมีข้าวในสต็อค ทุกคนอยากให้เราขาย แต่เราไม่ทำ เพราะอินเดียลดราคาขายข้าวเหลือเพียง 400 ดอลลาร์ต่อตัน แต่ตอนนี้ราคาข้าวขึ้นไป 600 ดอลลาร์ต่อตัน หรือขึ้นไปเกือบ 50% ทำให้ข้าวในสต็อกของเรามีราคาขึ้น ดังนั้นถ้าเรารีบขาย แต่เราก็จะขาดทุนมาก โครงการนี้เราต้องการช่วยเกษตรกร ดูๆ ไปเหมือนจะขาดทุนจากเงินที่ใช้ไป 4 แสนล้านบาทจากกระเป๋าซ้าย แต่ขณะนี้เราได้กลับมาจากภาษีประมาณ 7% หรือ 27,000 ล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้จะกลับมา 3 เท่า เพราะคนยากจนเมื่อพวกเขาได้เงิน ก็จะใช้จ่าย เงินก็จะกลับเข้ามาถึง 3 เท่า ดังนั้นถ้าคุณทำเงินในกระเป๋าซ้ายหายไป 7 หมื่นล้าน แต่จริงๆ คุณจะได้กลับมาเกือบ 81,000 ล้านในกระเป๋าขวา ท้ายที่สุดแล้วนี่คือเศรษฐศาสตร์ในการเข้ามาช่วยเหลือคนจน
อาจจะไม่ใช่จำนวนมาก เพราะว่าระบบไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ เราจะเริ่มทำทุกอย่างให้เป็นดิจิตอล ซึ่งจะทำให้เราสามารถคำนวณได้ว่าผลตอบแทนต่อไร่ควรเป็นเท่าไหร่ จะทำให้ต้นทุนลดลง เราต้องยอมรับว่ามีการรั่วไหลบ้าง เจ้าหน้าที่รัฐระดับล่างอาจมีการเอาเปรียบชาวนาบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่ชาวนาพอใจกับโครงการนี้ ขณะเดียวกันเราไม่พยายามผลักดันให้ขายข้าวราคาแพง เราต้องการราคาเป็นธรรมต่อเกษตรกร
แต่นั่นทำให้เราเสียโอกาสให้กับผู้ส่งออกรายอื่น เช่น เวียดนาม?
ผมเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วเวียดนามก็ไม่อยากขายข้าวในราคาถูกต่อไป เวียดนามก็ไม่สามารถเพาะปลูกได้มากกว่านี้ แต่ทั้งโลกยังบริโภคประมาณเท่าเดิม ถ้าเวียดนามรีบขายก็ขายไป เราขายช้ากว่า ก็ไม่เห็นเป็นไร
ดูเหมือนว่าคุณจะคุ้นเคยกับทิศทางของโครงการนี้มาก
โครงการนี้ เป็นโครงการที่ผมคิดขึ้นมาคนเดียว เหมือนกับสโลแกนที่ใช้ตอนหาเสียง ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ
คุณมีส่วนร่วมกับนโยบายอื่นอีกด้วยหรือไม่
ผมชอบทำงานระดมสมองร่วมกับคนของเรา นักวางยุทธศาสตร์ในไทย ในพรรค รวมถึงคุณยิ่งลักษณ์ ที่มีส่วนร่วมวางนโยบายกับเรา
คุณคุยกับคุณยิ่งลักษณ์บ่อยแค่ไหน
เราคุยกันเหมือนคนในครอบครัว เราคุยกันบ่อย เพราะเราเป็นคนในครอบครัว ซึ่งเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน เราก็จะปรึกษาหารือกันในหลายด้าน รวมถึงการบริหารจัดการ ผมทำตัวเหมือนเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้คุณยิ่งลักษณ์ที่สามารถปรึกษาได้ตลอด เวลา แต่ไม่ได้เรียกร้องว่าจะต้องมาปรึกษาตลอด
คุณยิ่งลักษณ์โทร.หาบ่อยแค่ไหน สองสามครั้งต่อสัปดาห์?
บางครั้งสองสามครั้งต่อสัปดาห์ บางช่วงมีเรื่องร้อนก็จะคุยกันบ่อย เพราะผมรู้จักคน ผมรู้กฎหมาย ผมรู้ขั้นตอนพิธีการระหว่างประเทศ เธออาจจะยังใหม่ เธอไม่จำเป็นต้องโทร.หาก็ได้ แต่เมื่อเธอโทร.มา ผมสามารถให้คำตอบได้ทันที เพราะผมนั่งอยู่นี่ ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว
นี่รึเปล่าที่ทำให้คนวิจารณ์ว่าคุณอยู่เบื้องหลังคุณยิ่งลักษณ์?
ผมอยู่เบื้องหลังนโยบายของทางพรรคอยู่แล้ว เพราะในช่วงแรกคุณยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้ก้าวเข้ามาเล่นการเมือง เราได้พูดคุยกัน เธอมีประสบการณ์ที่ดีในด้านการบริหาร ด้วยวัยเพียง 35 ปีได้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอไอเอส ผู้ให้บริการมือถือที่ใหญ่ที่สุดในไทย ซึ่งขณะนั้นเรามีผู้ใช้บริการถึง 40 ล้านคน มีพนักงาน 22,000 คนภายใต้การบริหารของเธอ ทำให้เธอมีประสบการณ์ที่ดี นอกจากนี้ด้านไฟแนนซ์เธอก็เก่ง ดังนั้นเมื่อเราคิดอะไร เราก็จะปรึกษาหารือกัน บางครั้งเธอก็จะบอกไม่เห็นด้วยเพราะบางโครงการใช้จ่ายเงินมากเกินไป อาจจะไม่ดี เธอมีสัญชาติญาณเพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมา
คุณมีนโยบายอะไรที่อยากจะผลักดันให้เร็วกว่านี้หรือไม่
สิ่งหนึ่งที่เราต้องการทำและเราได้สัญญาไว้กับประชาชนแต่ถูกห้ามไม่ให้ทำ นั่นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบันเป็นผลพวงของรัฐประหาร ซึ่งคุณเข้าใจได้เลยว่ามันจะต้องไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าประเทศไทยยังเป็นเช่นนี้อยู่ เราจะไม่สามารถก้าวได้เร็ว เพราะเหมือนกับว่าคุณอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยกับระเบิด ก่อนคุณจะก้าวออกจากบ้านไปทำงานคุณต้องระมัดระวังเพราะอาจจะระเบิดได้ทุก เมื่อ และเมื่อเดินกลับบ้านเพื่อเข้านอน ก็ต้องระวัง ซึ่งนี่เป็นสถานการณ์ของไทยในปัจจุบัน
เพราะพรรคอาจถูกยุบได้
ใช่ ใช่ เพราะพวกเค้าไม่ต้องการให้เราอยู่ ต้องการเตะออกไปให้ไกลๆ ทั้งๆ ที่มาจากพลังของประชาชน พวกเค้าไม่เคารพประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เคารพในพลังของประชาชน
ในการที่จะแก้รัฐธรรมนูญได้ คุณจำเป็นหรือไม่ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากในวังก่อน?
ไม่เลย สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง แต่ปัญหาอยู่ที่ตัวรัฐธรรมนูญที่มีองค์กรอิสระมากมายที่ได้รับการคัดเลือก จากกลุ่มผู้ปฏิวัติ ซึ่งเท่ากับว่าพวกเขาได้เปลี่ยนการปฏิวัติจากที่เคยทำโดยทหารซึ่งไม่เป็นที่ ยอมรับในทางสากล มาเป็นการปฏวัติผ่านพลเรือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนที่โลกอาจจะไม่เข้าใจ เพราะโลกอาจจะมองว่านี่เป็นเรื่องปกติ ต้องเคารพ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นผลพวงของการปฏิวัติรัฐประหาร เราต้องแก้ไขให้ได้
เราต้องเดินฝ่ากับระเบิด ซึ่งถ้าเราสามารถทำได้ เราต้องแก้ไข เพราะเราได้สัญญาไว้แล้วตั้งแต่ตอนเลือกตั้ง และเมื่อเราไปทำงาน แต่เหยียบกับระเบิดตูมขึ้นมา คนก็จะเข้าใจ
คุณเห็นโอกาสหรือไม่ในการปรองดองระหว่างพรรคการเมือง
นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการเห็น แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ถ้ามีความยุติธรรมในเมืองไทย ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ บางพรรคการเมืองอาจะคิดว่าได้รับการหนุนหลัง และได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ ทำให้พวกเขาได้เปรียบกว่า ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์มากจนไม่สนใจความเท่าเทียมเป็นสิ่งไม่ดี เหมือนการเล่นฟุตบอล คุณอาจจะไม่อยากเล่นถ้าคุณรู้ว่ายังไงคุณก็ได้เป็นแชมป์ แต่ถ้าคุณต้องทำงานหนัก คุณต้องเดินตามมาตรฐานสากล คุณต้องแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งแชมป์
คุณบอกว่าสถาบันกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง คุณได้คุยกับใครในนั้นหรือไม่
ไม่ ไม่เลย สถาบันอยู่เหนือการเมืองเสมอ เมื่อครั้งผมเป็นนักการเมือง ผมไม่ดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ผมเคารพสถาบัน และผมก็อยู่แต่เฉพาะวงการเมืองเท่านั้น
มาที่เรื่องกีฬาที่คุณชอบบ้าง อนาคตของคุณที่จะข้องเกี่ยวกับการกีฬาเป็นอย่างไร
มีเพียงแค่แมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ได้ใจผม ผมได้ข้อเสนอมากมายแต่ผมตัดสินใจไม่เข้าไป เพราะใจผมยังผูกติดอยู่กับแมนเชสเตอร์ซิตี้
ทำไมตอนนั้นคุณตัดสินใจขายล่ะ
ตอนนั้นผมไม่มีเงิน ตอนนั้นผมถูกทำร้ายทางการเมือง ถูกยึดทรัพย์ ซึ่งไม่ยุติธรรม จนถึงวันนี้ผมยังได้รับการปฏิบัติไม่เป็นธรรม ซึ่งผมก็พยายามต่อสู้ต่อไป คุณก็รู้ว่าคนอย่างผมยอมจ่ายเงินเป็นพันๆล้าน ผมไม่แคร์อะไร เพียงแต่ต้องการความเป็นธรรม กฎหมายไทยไม่สามารถให้หลักการกับนักเรียนได้เลย เพราะการบังคับใช้กลับละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ในบางเรื่องไม่มีกฎหมาย ก็เขียนกฎหมายขึ้นมาเอง ด้วยภาษาของตัวเอง
เพียงเพราะคุณต้องการช่วยเหลือชาวนา?
ความคิดของผมอาจจะแตกต่างจากคนอื่น โดยเฉพาะพวกอนุรักษ์นิยม ผมอาจจะใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนมาก จนเห็นว่ามีประเทศยากจนเพียงไม่กี่ประเทศ ซึ่งรวมถึงไทย ดังนั้นผมจึงคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องหาทางช่วยให้คนหลุดพ้นจากความยากจน ความมุ่งมั่นของผมไม่ได้อยู่แค่เพียงเรื่องการเมือง ถ้าผมจะกลับเมืองไทย ผมก็จะกลับไปช่วยเหลือคนยากจนให้เข้มแข็งขึ้น เพราะผมเชื่อว่าถ้าคนหลุดพ้นความยากจนได้ จะทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง และเมื่อประเทศชาติรุ่งเรือง เหล่าอำมาตย์ที่นั่งอยู่ข้างบนก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น แต่พวกเขาไม่เข้าใจ พวกเขาต้องการแบบที่เป็นอยู่
คุณรู้จักบิลคลินตั้นใช่มั้ย คุณมีแผนที่จะร่วมโครงการ Clinton Global Initiative รึเปล่า
ครับผมรู้จัก แต่โครงการดังกล่าวไม่แน่ใจ คลินตั้นอาจจะคิดว่าผมลี้ภัยอยู่ แต่จริงๆ คลินตั้นเป็นคนแนะนำผมให้รู้จักกับชาวเปรูที่ชื่อ เฮอร์นานโด้ เดอ โซโต คนเขียนหนังสือเกี่ยวกับทุนนิยม และเพิ่มพลังให้คนจน ซึ่งผมได้เคยเชิญไปที่เมืองไทย ได้แลกเปลี่ยนกับนักคิด และนำหลายนโยบายของเขาไปใช้
ผมคงต้องถามเกี่ยวกับทหาร เข้ากับคุณยิ่งลักษณ์ได้ดีหรือไม่
ดีมาก
ดูแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหา
เท่าที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน เราทำงานด้วยกันเป็นอย่างดี แต่อำนาจทางการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่มีสูตรอะไรตายตัว สมัยที่ผมเป็นรัฐบาลผมก็ไม่มีปัญหา ผมได้แต่งตั้งหลายคนรวมถึงคนที่โค่นผมจากตำแหน่งคือพลเอกสนธิ แต่เมื่อถึงเวลา พวกเขาก็ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตาม
คุณเป็นนักการเมือง แต่ก็เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คุณมีเงินมากมาย แต่ทำไมคุณทำให้ตัวเองตกอยู่ในฐานะที่คนอื่นวิจารณ์คุณว่ากระหายเงิน
นักการเมืองย่อมวิจารณ์คนอื่นในทางที่แตกต่างกันออกไป ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือยุทธศาสตร์ยูโด คุณจะพบว่าจะต้องโจมตีคู่ต่อสู้ในจุดที่แข็งแรงที่สุดยามเคลื่อนไหว ซึ่งจุดที่แข็งแรงสุดคือขา ที่เมื่อกำลังเคลื่อนแล้วโดนเตะสกัด คุณก็จะล้ม ซึ่งฝ่ายตรงข้ามผมพยายามโจมตีจุดที่แข็งที่สุดของผมตลอดเวลา ผมพยายามชี้แจงมาตลอดว่าผมมีเท่าไหร่ก่อนเข้ามาเล่นการเมือง และเมื่อเล่นการเมืองผมมีลดลง หลังจากนั้นตลาดหุ้นก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแค่ผมเท่านั้น แต่พวกเขาพยายามทำให้คนเข้าใจผิด เช่นเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี ก็จะบอกว่า ขนาดขายก๋วยเตี๋ยว ยังต้องเสียภาษี ดังนั้นถ้าคุณขายกิจการ ก็ต้องเสียภาษีสิ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ทำให้เข้าใจผิด เพราะขายก๋วยเตี๋ยวคือการขายสินค้า คุณต้องจ่ายภาษี แต่บริษัทที่ขายโทรศัพท์มือถือจ่ายภาษีอยู่แล้ว และถ้าขายหุ้นในตลาดหุ้น ตามกฎหมายก็ไม่ต้องเสียภาษีกำไรส่วนต่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามผมนำมาใช้โจมตีว่าผมกระหายเงิน ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่ยอมเสียภาษี เพราะพวกเขารู้ดีว่าจุดอ่อนของสังคมคือความอิจฉา บางประเทศคุณอาจจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไป จนถึงทุกวันนี้ ประเทศไทยยังไม่มีการเก็บภาษีส่วนต่างกำไร หรือ CAPITAL GAIN TAX
คุณมีมุมมองอย่างไรต่อจีน อาเซียน และข้อพิพาทในทะเลจีนใต้
ผมได้คุยกับผู้นำอาเซียนหลายคน และได้บอกไปว่าข้อพิพาทในทะเลจีนใต้เกี่ยวพันกับชาติสมาชิกอาเซียนหลาย ประเทศ ซึ่งจีนเป็นประเทศคู่เจรจากับอาเซียนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ควรเป็นปัญหาระหว่างอาเซียนกับจีน แต่ควรเป็นการเจรจาระดับทวิภาคี จริงอยู่ที่ชาติสมาชิกอาเซียนอาจจะมีความกังวล แต่อาเซียนไม่ควรมีส่วนในการเข้าไปเจรจาหรือกดดัน เพื่อที่จะทำให้เราปลอดจากข้อขัดแย้ง เพราะการประชุมระดับรัฐมนตรีที่กัมพูชาเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีสัญญาณ ที่ไม่ดี ทำให้ไม่สามารถออกปฏิญญาร่วมกันได้เพราะปัญหานี้ ทำให้ผมได้บอกนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็นว่าเรื่องข้อพิพาทนี้ไม่ควรเป็นเรื่องของ อาเซียน ควรเป็นเรื่องของทวิภาคี โดยอาเซียนจะเป็นผู้ขับเคลื่อนการเจรจาที่สงบสุข
แต่จุดยืนของคนดูเหมือนว่าเป็นจุดยืนที่เอื้อต่อประเทศจีน
ผมไม่คิดเช่นนั้น ผมใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือสันติภาพ อาเซียนต้องมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ เรายังมีคนยากจนอีกมากมาย ทำไมเราไม่มองหาลู่ทางสันติและทำให้เกิดความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ คนจนไม่สามารถที่จะทนความจนไปได้อีกนานนัก ซึ่งปัญหาข้อพิพาทถ้าคุณยกออกไป รอก่อนได้ แต่ปัญหาเรื่องคน รอไม่ได้
สิ่งที่เราเรียกว่า การพัฒนาร่วมกันระหว่างไทยและมาเลเซีย เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เรากำลังนำแนวคิดนี้ไปใช้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น เราควรจะร่วมมือกันมากกว่าจะต่อสู้กัน ขณะเดียวกันเราต้องการเห็นสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ถ้ามีอะไรที่ผมทำให้ความสัมพันธ์นี้ดีขึ้นได้ ผมก็จะทำ ผมรู้จักผู้นำในภูมิภาคนี้ ผมต้องการนำเสนอทางออกแห่งสันติภาพ เพราะภูมิภาคนี้ต้องการความรุ่งเรือง โลกอยากเห็นเราสงบสุขและเจริญเติบโตเพราะขณะนี้โลกมีปัญหาทั้งในสหรัฐและ ยุโรป อาฟริกาก็ต้องให้มีความรุ่งเรืองเพื่อให้โลกเติบโต มิเช่นนั้นเศรษฐกิจโลกจะหยุดนิ่ง
คุณมีสายสัมพันธ์กับสมาชิกระดับคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาของรัฐบาลจีนหรือไม่
ไม่รู้จักใครในระดับคณะกรรมาธิการสามัญ แต่ผมสนิทกับรัฐบาลจีน และมีโอกาสได้พูดคุยกัน ฟังความเห็น ผมเพิ่งไปสหรัฐอเมริกาและได้พบเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ เราได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับจีนและสหรัฐ จีนและอาเซียน แลกเปลี่ยนมุมมองในสิ่งที่ควรจะเป็น
เขาเป็นอย่างไรบ้าง
เขาเป็นคนฉลาด สมองยังทำงานได้ดี เดินมาส่งผมถึงลิฟต์ ยังแข็งแรง เราคุยกันประมาณหนึ่งชั่วโมง
นี่เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตคุณหรือไม่
ผมไม่เคยคิดเช่นนั้น เพราะผมเป็นนักค้นหาทางออก เมื่อใดก็ตามที่มีปัญหา ผมจะต้องหาทางออกให้ได้ เมื่อผมหาทางออกได้ ผมจะไม่รู้สึกแย่หรือยากลำบาก ผมโอเค ผมเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก มองและคิดไปข้างหน้า มากกว่ามองกลับไปข้างหลัง
ถ้าคุณมีโอกาสได้กลับเมืองไทย คุณต้องการมีตำแหน่งอะไรหรือไม่
ผมต้องการช่วยเหลือผู้คนด้วยหนทางใดก็ได้ ถ้าผมสามารถทำได้ ผมจะทำ ผมมีประสบการณ์ที่จะช่วยเหลือทั้งในกระบวนการคิด หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราผมสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินให้ผม ผมยังเป็นคนตกงาน แต่ไม่ต้องการเงินเดือน
ในช่วงนั้นหลายประเทศต้องการให้ผมตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพราะพวกเขาเห็นใจผมและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมไม่ต้องการ รัฐประหารเกิดขึ้นในไทยบ่อยครั้งมากและทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติอย่างรวด เร็ว ปกติแล้วจะไม่ค่อยทำอะไรกับนายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นอำนาจลง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นายกที่ถูกโค่นยังได้รับความนิยมและพวกเขาพยายามล้าง แค้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในเมืองไทย โดยเฉพาะประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว และก็จะดำเนินต่อไป
ดูเหมือนว่าคุณยังไม่พอใจจนกว่าคุณจะแก้ให้ทุกอย่างถูกต้องได้
ไม่ ผมจะยังรอ แม้ว่าจะต้องนอนตายบนเตียงก็ตาม
คุณคิดถึงประเทศไทยหรือไม่
แน่นอน ทุกคนคิดถึงประเทศของตัวเอง แต่เนื่องจากผมจากบ้านมานาน ผมสามารถปรับตัวได้แล้ว ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ ผมพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
มีอะไรอีกหรือไม่ที่คุณอยากให้เราเข้าใจ
ผมค่อนข้างโชคร้ายที่ประเทศไทยมีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเพียง 2 ฉบับ และทั้ง 2 ฉบับอยู่ตรงข้ามกับผม ซึ่งคนนอกประเทศจะติดตามข่าวสารของไทยจากหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับนี้ ข้อความที่ใช้นั้นเต็มไปด้วยอคติ ลำเอียงตั้งแต่ต้น ไม่เพียงแค่ในเนื้อหา รวมถึงการพาดหัวที่อคติ ดังนั้นอย่าไปเชื่อ ถ้าคุณอยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนชื่อทักษิณ และไปอ่านหนังสือพิมพ์พวกนั้น คุณจะไม่รู้จักทักษิณที่แท้จริง
Soucre : เวปไซต์นิตยสาร Forbes
http://www.forbes.com/sites/timferguson/2012/10/30/qa-thaksin-sits-down-with-forbes/
by
TEERAT
31 ตุลาคม 2555 เวลา 02:07 น.