ที่มา Thai E-News
โดย ลูกชาวนาไทย
11
2 พฤศจิกายน 2555
ผมเพิ่งดูข่าวจากเอเซียอัพเดท ว่า อัยการของ ICC หรือศาลอาญาระหว่างประเทศ
ได้ขอเข้าพบ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
เมื่อเย็นวันนี้คือ วันที่ 1 พ.ย. 55 เวลา 19.00 น. เพื่อให้
รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลของ ICC ตามมาตรา 12 วรรค 3
ของธรรมนูญกรุงโรม
เพื่อที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะได้มีอำนาจในการสืบสวนคดี
การสังหารหมู่ประชาชนกลางกรุงเทพฯ เมื่อปี 2553 หรือที่ฝรั่งเรียกว่า
Bankok Masacre
ผมทราบจากฝ่ายที่ผลักดันเรื่องนี้ ที่มี ดร.จารุพรรณ กุลดิลก
สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ว่า กรณีการสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ
หรือรัฐบาลอภสิทธิ์๋ฆ่าคนเสื้อแดงไป 99 คนนี้ ศาล ICC ได้รับในกรณี
ของนายอภิสิทธิ์ ที่มีสัญชาติอังกฤษไปแล้ว แต่ ICC
ไม่ต้องการที่จะดำเนินคดีเพียงคนเดียว
เพราะผู้ที่ก่อการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ในสังคมไทยครั้งนี้ มีหลายคน
ในกลุ่มที่เราเรียกว่าอำมาตยาธิปไตย ICC
จึงต้องการเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อไทย ลงนามยอมรับเขตอำนาจศาลของ ICC เท่านั้น
เนื่องจาก ไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบัน "ธรรมนูญกรุงโรม"
แต่ก็มีช่องให้ออกคือ แม้ไม่ให้ สัตยาบัน แต่มาตรา 12 วรรค 3 ก็เปิดช่องให้
รัฐบาลยอมรับเขตอำนาจศาลได้ ซึ่ง ICC
ต้องการแค่ให้รัฐมนตรีต่างประเทศลงนามรับรองเท่านั้น
ไม่ต้องถึงกับนายกรัฐมนตรี ลงนาม
ผมทราบมาว่า ICC เขาต้องการทำคดีนี้มาก เพราะว่าตั้งแต่ก่อตั้ง ICC เมื่อปี
2002 เป็นต้นมา ICC ยังไม่เคยได้ทำคดีในทวีปเอเซียเลย มีแต่ทำคดีในแอฟริกา
เช่น รวันดา เป็นต้น ซึ่ง ICC อยากทำคดีในประเทศเอเซียมาก
และกรณีของไทยก็เข้าข่าย "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8
กรณีของ ICC เช่น การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ อาชญากรสงคราม การค้ามนุษย์เป็นต้น
หาก ICC ทำคดีในประเทศไทยได้
ก็จะเป็นการปรามไปทั่วโลกถังรัฐบาลทหารที่สังหารประชาชน
ว่าต่อไปต้องได้รับกรรม
คดีของ ICC นี้ไม่มีอายุความ
แต่ข่าวล่าสุด รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ปฎิเสธที่จะลงนามยอมรับเขตอำนาจศาลของ ICC นะครับ
ผมว่าเขาก็คงรอกระแสก่อน เพราะประชาชนยังไม่รู้ หากด่วนพลีผลาม ลงนามรับรองไป หากคนต่อต้านขึ้นมา รัฐบาลก็อาจจะแย่
แต่หากคนเสื้อแดง ออกมากดดันรัฐบาลมากๆ มีการชุมนุมใหญ่ที่ราชประสงค์
เพื่อกดดันให้ รมต.ต่างประเทศลงนาม รับรองเขตอำนาจศาลของ ICC ผมว่า
เขาก็คงกล้าลงนาม
เพราะเรื่องนี้ทักษิณเริ่มเอง โดยการจ้าง โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม มาทำคดีนี้
เสียเงินจ้างไปเป็นร้อยล้านบาท ผลักดันจน อัยการของ ICC
เข้ามาติดต่อรัฐบาลไทย ของให้ลงนามยอมรับอำนาจศาล
เพื่อที่เขาจะได้ดำเนินการต่อไปได้ ลูกเข้าเท้าแบบตูมเบอเริ่มขนาดนี้
ตอนนี้ก็คงรอมติมหาชนเท่านั้น คือ
รอกระแสว่าประชาชนสนับสนุนมากขนาดได้เท่านั้น
รมต.ต่างประเทศอาจถ่วงเวลาไปสักพักหนึ่ง เพื่อหยั่งกระแสก็เป็นได้
แต่ที่แน่ๆ ในชีวิตนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ไม่มีทางพ้นที่จะต้องเดินทางไปกรุงเฮก เพื่อขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศแน่
ชีวิตของอภิสิทธิ์คงหลบไม่พ้น
จงสังวรไว้ว่า อำนาจนั้นเป็นของชั่วคราว แต่ "บาป"
ที่สังหารเพื่อนมนุษย์นั้นมันติดตัวข้ามภพข้ามชาติ
จงอย่าถึงกับต้องฆ่าคนเพื่อรักษาอำนาจชั่วคราวไว้เลย
การลงนามรับรองเขตอำนาจศาลของ ICC นี้ ผมว่าคือเครื่องมือ
ป้องกันรัฐประหารดีที่สุด และต่อไปจะไม่มีทหารคนใด กล้ายิงประชาชนอีก
เพราะเขาจะต้องได้รับผลจากการกระทำในภายหลัง แม้ว่าไทยอาจจะออก
พรบ.นิรโทษกรรมได้ แต่ศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น
ไม่มีการนิรโทษกรรมตัวเองได้
ดังนั้นทหารหากทำรัฐประหาร ช่วงที่มีอำนาจอยู่ อาจไม่โดน
แต่เมื่อหมดอำนาจแล้ว ก็ไม่พ้นที่จะต้องโดนส่งตัวให้ ICC ดำเนินคดีในที่สุด
อำนาจมีชั่วคราว แต่หากฆ่าประชาชน ก็มีวันที่ต้องใช้กรรมแน่นอน
วันนี้ ไม่โดนวันใด วันหนึ่งก็ต้องขึ้นศาล
นี่คือ เครื่องมือป้องกันรัฐประหารอย่างถาวร