ที่มา มติชนออนไลน์
"จตุพร"ขู่นำ"ภาพ-เสียง"ทหารสังเวยชีวิตป้องนายกฯมาเผยแพร่ ศิริราชแถลงศพ"อภินพ"กะโหลกแตก ถูกกระทบกับของแข็งอย่างแรงมีรอยร้าวยาว 5-7เซนติเมตร มีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มไขสันหลังชัดเจน รอผลตรวจพิสูจน์ชิ้นเนื้ออีก7วัน พท.ตั้ง3ปมสงสัยการตายทหารนายกฯรู้ผลชันสูตรยันไม่เกี่ยวรบ.
คลิกอ่าน - เปิดผลชันสูตรศพพลทหาร"อภินพ"ดับคาบ้าน "มทภ.1" "จตุพร"เผยจะมี "ภาพ-เสียง" กรณีพลทหารตาย เร็วๆ นี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวเมื่อวันที่ 27 เมษายน ถึงการผ่าพิสูจน์ศพพลทหารอภินพ เครือสุก ที่เสียชีวิตภายในบ้านพักกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ว่า ครอบครัวพลทหารได้รับเงินทำศพ 17,000 บาท แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุทำนองว่า พลทหารอภินพเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ตนขอตั้งคำถามเดียวว่า ชายไทยอายุ 21 ปีที่รับราชการทหารต้องเสียชีวิตจากการลื่นล้ม ในการดูแลนายอภิสิทธิ์ ใครจะเชื่อถือ ครอบครัวระบุว่าจะไม่เผาศพจนกว่าจะทราบความจริง แต่อีกไม่กี่วันนี้ จะมีภาพและเสียงในเรื่องนี้ปรากฏออกมาว่า การสังเวย 1 ชีวิต เพื่อปกป้องนายอภิสิทธิ์นั้นสมควรหรือไม่ ศิริราชแถลงศพทหารกะโหลกแตก คณะแพทย์ศิริราชสรุปเบื้องต้นผลการผ่าชันสูตรพลิกศพ พลทหาร อภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ทหารเกณฑ์ที่เสียชีวิตภายในบ้านพักกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ของ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เกิดจากกะโหลกศีรษะแตกเป็นรอยยาว โดยต้องมีของแข็งมากระทบ หรือผู้ตายไปกระทบของแข็ง รอผลตรวจชิ้นเนื้ออีก 7 วัน หาสาเหตุแน่ชัด ทั้งนี้ ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แถลงเมื่อวลา 13.30 น. วันที่ 27 เมษายน ที่โรงพยาบาล (รพ.) ศิริราช ว่าตามที่ได้มีการนำศพของพลทหาร อภินพ เข้ามาทำการตรวจศพที่ รพ.ศิริราช เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ตามคำร้องขอของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เลขที่ ยธ. 0800/พิเศษ ลงวันที่ 26 เมษายน 2552 คณะแพทยฯได้แต่งตั้งคณะกรรมการการตรวจศพ พลฯ อภินพ เครือสุข ประกอบด้วย1. รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการตรวจศพฯ 2.ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.สมชาย ผลเอี่ยมเอก และ 3.รศ.พญ.สมบูรณ์ ธรรมเถกิงกิจ
ชี้ถูกกระทบกับของแข็งอย่างแรง
รศ.นพ.วิสูตรเปิดเผยว่า ผลการตรวจพบว่า ส่วนที่บริเวณคอมีรอยช้ำที่ต้นคอ (ด้านหลังของคอ) มีการแตกของกะโหลกศีรษะ โดยเนื้อส่วนฐานของศีรษะด้านซ้ายมีรอยร้าวต่อเนื่องจากด้านซ้ายไปถึงบริเวณกึ่งกลางกะโหลกศีรษะยาว 5-7 เซนติเมตร ( ซม.) พบมีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มไขสันหลังบริเวณต้นคอชัดเจน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต คือกะโหลกศีรษะส่วนหลังแตก ทำให้เลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่กดเนื้อสมอง ซึ่งมีลักษณะเป็นรอยกดที่เกิดจากเลือดยุบลงไปทับเนื้อสมองความลึกประมาณ 0.5 ซม. เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งดูจากเนื้อสมองที่เหลืออยู่จากการผ่าศพครั้งแรก
"คณะแพทย์สรุปเบื้องต้นว่า สาเหตุที่ทำให้พลฯ อภินพ เสียชีวิต เกิดจากกะโหลกศีรษะแตกเป็นรอยยาว มีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่ยังคงค้างอยู่และเลือดกดเนื้อสมองเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเป็นร่องรอยชัดเจนจากการผ่าตัดตรวจครั้งนี้"
เมื่อถามว่ากะโหลกแตกหมายถึงมีของแข็งมากระทบใช่หรือไม่ รศ.นพ.วิสูตรกล่าวว่า ต้องมีของแข็งมากระทบ หรือผู้ตายไปกระทบของแข็ง แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดในขณะนี้ ซึ่งกะโหลกบริเวณดังกล่าว เป็นการแตกร้าวเป็นรอยยาวแบบครั้งเดียว ซึ่งการกระทบที่ทำให้กะโหลกแตกได้นั้นถือว่าเป็นการกระทบที่ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร แต่ต้องดูในข้อเท็จจริงด้วยว่าตำแหน่งและสภาพของการถูกกระทบกระแทกเป็นอย่างไร ซึ่งแพทย์ตอบไม่ได้ อาจจะต้องอาศัยพนักงานสอบสวนไปดูในที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นอย่างไร
รอผลตรวจพิสูจน์ชิ้นเนื้ออีก7วัน
เมื่อถามว่าระยะเวลาที่ผู้ตายถูกกระทบที่กะโหลกรวมทั้งรอยแผล ตอบได้หรือไม่ว่าถูกกระทบอย่างไร รศ.นพ.วิสูตรกล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ อยู่ที่ทีมแพทย์จะต้องเอาชิ้นเนื้อแต่ละส่วนไปทำการตรวจอีกครั้ง ซึ่งจะรู้ว่าแผลแต่ละจุดเกิดเร็วหรือช้า เพราะถ้าเกิดเพียงสั้นๆ จะไม่เกิดอันตราย แต่ถ้าเกิดล่วงมานานแล้ว ก็อาจเกิดปฏิกิริยาแห่งชีวิตได้ที่จะแสดงให้เห็นได้ ซึ่งต้องรอผลจากการผ่าตัดชิ้นเนื้อภายใน 7 วันเป็นอย่างช้า ขณะที่ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ชัยภูมิ เข้าร่วมรับฟังด้วยกล่าวว่า ผลชันสูตรฯเห็นได้ว่า บาดแผลผู้เสียชีวิต มีโอกาสทั้งจากการถูกทำร้ายและการหกล้ม ส่วนตัวเชื่อว่า หากหกล้มต้องล้มแรงมากซึ่งจะทำการประสานกับญาติจะพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งยืนยันว่าการทำหน้าที่นักการเมืองก็เพียงเพื่อช่วยให้ราษฎรคนหนึ่งที่มาร้องทุกข์สบายใจ ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแลดีเอสไอกล่าวว่า ได้กำชับดีเอสไอ สืบสวนข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของพลทหาร อภินพอย่างเป็นกลางตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ต้องการเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร หากผลสืบสวนเป็นความสลับซับซ้อนมากก็เสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)รับเป็นคดีพิเศษก็ได้ หากไม่พบความสลับซับซ้อน ก็ยุติเรื่องได้
พท.ตั้ง3ปมสงสัยการตายทหาร
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เดิมทีพรรคเพื่อไทยและญาติของพลทหาร อภินพได้รับอนุญาตให้เข้าสังเกตการณ์การชันสูตรศพจากหัวหน้าภาควิชาแพทยศาสตร์ รพ.ศิริราช แต่ภายหลังมีคำสั่งจากคณบดี คณะแพทยศาสตร์ไม่อนุญาต ถือเป็นความผิดปกติอย่างมาก
"พรรคตั้งข้อสงสัยการเสียชีวิตไว้ 3 ประเด็น คือ 1.ภายหลังเกิดเหตุมีการส่งพลทหาร อภินพไปรักษาตัวที่ รพ.รามาธิบดี แต่ภายหลังเสียชีวิตกลับได้รับในมรณะบัตรจาก รพ.พระมงกุฎเกล้า 2.ข้อสงสัยจากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และแม่ทัพภาคที่ 1 ออกระบุว่า พลทหาร อภินพศีรษะฟาดพื้นและเสียชีวิต แต่เมื่อไปดูใบมรณะบัตรเขียนว่าคอหัก และเมื่อญาติไปตรวจศพกลับพบมีบาดแผลที่มือและร่างกาย และ 3.การจัดพิธีศพ ที่ทางกองทัพไม่ให้เกียรติจัดพิธีอย่างสมศักดิ์ศรี และเร่งจัดฌาปนกิจแบบลุกลี้ลุกลน จนครอบครัวต้องนำศพไปซ่อนไว้และนำมาฟ้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังจากนี้จะพยายามต่อสู้ให้ญาติได้รับความกระจ่างจากสาเหตุการตายต่อไป" นายกฯรู้ผลชันสูตรยันไม่เกี่ยวรบ.
เวลา 19.25 น. ที่กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับทราบผลการชันสูตรของ รพ.ศิริราชแล้ว โดยเข้าใจว่าตรงกับผลการชันสูตรของ รพ.รามาธิบดี ที่บอกว่าผู้เสียชีวิตได้รับแรงกระแทกและมีเลือดออก คงเป็นอาการของคนที่หมดสติไปและฟื้นมาช่วงหนึ่ง เสร็จแล้วเข้าใจว่ามีเลือดออกในสมองและทำให้เสียชีวิต สำหรับแรงกระแทกนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ คงมีการตรวจสอบต่อไป รวมทั้งเรื่องการส่งข้อความสั้นด้วย
"ไม่เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไปเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมตรงไหน และเกี่ยวได้อย่างไร เพราะเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำ 14 เมษายน โดยไม่ได้พักอยู่ที่นั่นแล้ว และเหตุการณ์ต่างๆ ก็ยุติแล้ว ดังนั้นจะมีเหตุผลอะไรที่จะเข้าไปเอาชีวิตของคนคนนี้"
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านพยายามโยงว่าการตายของพลทหารอภินพเพราะนายกฯไปพักที่บ้านพักรับรองนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "อ๋อ แล้วไงครับ ผมก็ยังมองไม่เห็นว่าเป็นความรุนแรงที่เกิดจากฝ่ายรัฐบาลได้อย่างไร" เมื่อถามอีกว่า พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่าการกระทบด้วยของแข็งนั้นอาจจะเป็นเพราะถูกตี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รพ.ศิริราชไม่ได้สรุปอย่างนั้น แต่ตนก็ไม่รู้สึกกังวลว่าจะถูกนำไปขยายความ ถือเป็นเรื่องตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป
โฆษก"มาร์ค" ชี้พท.มุ่งดิสเครดิตรบ.
ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้พรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้ญาติของพลทหาร อภินพไม่ติดใจ แต่กลับมีคนไปยุแหย่ ที่น่าสงสัยคือทำไม ส.ส.พรรคเพื่อไทยถึงเจ้ากี้เจ้าการสนใจมากกว่าญาติของพลทหาร อภินพถึงขนาดนำศพมาผ่าพิสูจน์ รวมถึงการเสนอตัวเข้าร่วมพิสูจน์ศพซึ่งถือว่าขัดระเบียบปฏิบัติของสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ ขอตั้งข้อสังเกตว่าการย้ายที่พิสูจน์ศพไปให้หน่วยงานอื่นเป็นการหวังประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ถือเป็นการสร้างเรื่องหวังดิสเครดิตรัฐบาล
นายเทพไทกล่าวอีกว่า พรรคได้รับข้อมูลมาว่ามีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงไปหว่านล้อมชายคนหนึ่งที่บาดเจ็บจากถูกลูกหลงการปะทะระหว่างชาวบ้านนางเลิ้งกับคนเสื้อแดง ในวันที่ 13 เมษายน เข้าพักที่ รพ.รามาธิบดี ซึ่งมีความพยายามหว่านล้อมให้ชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นการ์ดเสื้อแดงและถูกทหารยิง แต่ชายดังกล่าวปฏิเสธรับข้อเสนอของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีหลักฐานเป็นนามบัตรที่ให้ไว้ ในนามบัตรระบุชื่อ 3 หน่วยงานคือ สมาพันธ์ประชาธิปไตย มูลนิธิญาติวีรชนประชาธิปไตย และมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ไทยรักไทย
"พรรคพบว่าทั้ง 3 องค์กรมีตัวแทนอยู่บนเวทีของคนเสื้อแดง แสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำของคนเสื้อแดง ที่พยายามหาเหตุให้เกิดผลเสียกับรัฐบาล และเชื่อว่าคงไม่จบแค่เรื่องศพของพลทหาร อภินพ แต่มีความพยายามอื่นอีกเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลต่อไป ขณะนี้ทราบแล้วว่าคนที่นำนามบัตรดังกล่าวมาให้เป็นใครและรัฐบาลก็มีข้อมูลในส่วนนี้เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะดำเนินคดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ได้รับบาดเจ็บ" นายเทพไทกล่าว
ผบ.ทบ.เชื่อการเมืองมุ่งบิดเบือน
ที่กองทัพบก เวลา 17.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การเสียชีวิตของพลทหารอภินพกองทัพยินดีที่จะให้มีการผ่าศพพิสูจน์เพราะข้อเท็จจริงคือข้อเท็จจริง กองทัพเข้าใจความรู้สึกของมารดาและญาติ หากจะพิสูจน์โรงพยาบาลไหนก็ยินดี ซึ่งมีความพยายามของนักการเมืองบางกลุ่ม ต้องการนำเรื่องเสียชีวิตของพลทหารมาผูกโยงการเมือง
"พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. บอกว่า ทุกสิ่งสามารถพิสูจน์ได้ด้วยความคิดเห็นของแพทย์ สำหรับสิ่งที่สังคมตั้งข้อสงสัยกรณีที่นายกรัฐมนตรีเข้าไปปฏิบัติภารกิจแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและไปพักที่บ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 และมีพลทหารส่งข้อความสั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นใครก็รู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เป็นใครต้องทำอย่างนั้นเป็นปกติ แต่เป็นประเด็นที่นักการเมืองบางคนอาจพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง" โฆษกทบ.ระบุ