ที่มา เดลินิวส์
สองโพลสำคัญ สวนดุสิตโพล และ เอแบค เรียลไทม์โพล สะท้อนความต้องการของประชาชนที่จับต้องได้ สวนดุสิตโพล สำรวจ 24-26 เม.ย. 52 คนอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 3,079 ตัวอย่าง พบ 75.15% เห็นด้วยกับการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เห็นด้วย 24.85% เห็นด้วย แก้รัฐธรรมนูญ 68.75% ไม่เห็นด้วย 31.28% เห็นด้วยนิรโทษกรรม 64.89% ไม่เห็นด้วย 35.11%
ขณะที่เอแบค เรียลไทม์โพล สำรวจ 17 จังหวัดทั่วประเทศ 25 เม.ย. จำนวน 1,346 ครัวเรือน ต่อการเคลื่อนไหวของนปช. พบ 68.9 % สนับสนุน หากนปช.ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และ 51.9% ต้องการให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้องของนปช. แต่เป็นข้อเรียกร้องที่เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง ไม่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ไม่เอื้อประโยชน์ต่อคนใดหรือกลุ่มใด ขณะที่ 30.6% เห็นว่าไม่จำเป็นทำตาม ข้อเรียกร้องใด ๆ
ประชาชนนั้นมีความเป็นธรรมในหัวใจ ขอคารวะจริง ๆ แม้ยังห่างไกลกับการทำประชามติ
แต่ 2 โพลบอกได้ว่า คนไทย ต้องการให้บ้านเมืองคืนสู่ความสันติสุข ไม่อยากเห็นการแตกแยกของคนในชาติ ที่กำลังหยั่งรากลึกจนยากที่จะแก้ไขขึ้นทุกที ข้อเสนอของนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เสนอก่อนหน้านี้
ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และนิรโทษกรรมทางการเมือง
ถือว่ามาถูกที่ ถูกเวลา ตรงกับความต้องการของประชาชน ทั้งที่การแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติครั้งนี้ ทฤษฎีการเมืองฝั่งตะวันตก บอกว่า หากกลัดกระดุมเสื้อโค้ตผิดไป 1 เม็ด ก็จะทำให้การกลัดกระดุมเสื้อโค้ตผิดไปทั้งตัว
การจะแก้ ไม่ง่ายหรอก เพราะต้องเริ่มปลดกระดุมที่กลัดผิดตั้งแต่เม็ดล่างสุดออกทีละเม็ด ๆ นกว่าจะแกะออกหมดทุกเม็ด หลังจากนั้นจึงจะเริ่มต้นกลัดกระดุมใหม่ได้ แล้วก็ต้องไล่กลัดไป ทีละเม็ด ๆ ใหม่
ปัญหาบ้านเมืองตอนนี้ก็ไม่ต่างหรอก กลัดกระดุมผิดตั้งแต่ คิดตื้น ๆ แค่ลากรถถังออกมาปฏิวัติยึดอำนาจ 19 ก.ย. 49 แล้วทุกอย่างจะจบสวยงาม แต่พิสูจน์แล้ว ทุกอย่างตรงข้ามหมด ปัญหาชาติมีแต่ดำดิ่งลึกลงทุกวัน
แต่คนทำก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย !!!
การที่นายกฯเริ่มเปิดฉากให้แก้รัฐธรรมนูญและนิรโทษกรรมทางการเมือง ก็ขอให้จริงใจ อย่าทำแค่ให้ดูเท่ เล่นการเมืองไปวัน ๆ แบบที่คนในพรรคหลายคนถนัดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ก็แล้วกัน
นายกฯ เริ่มเดินถูกทาง แต่พวกชมรม ส.ส.ร., ส.ว.ลากตั้ง ที่ยังต้านการแก้ไขรธน.ปิศาจคาบไปป์ ทุกวิถีทาง เห็น ขยันเอาสีป้ายคนอื่น เป็นทาสคนนั้น คนนี้ ดีนัก แล้วตัวเองล่ะ ทาสใคร รู้ทั้งรู้ รธน.ฉบับนี้เต็มไป ด้วยอคติ ขัดหลักนิติศาสตร์เห็น ๆ แค่ ม.237 มาตราเดียวก็เห็นแล้ว ทำผิดคนเดียว ประหารทั้งพรรค
พูดกันนักต้องใช้ “ยาแรง” กำจัดนักการเมืองเลว ก็เอาสิแต่ใช้ให้เสมอภาคสิ ไม่ใช่มุ่งทำลายศัตรูการเมือง กรรมเดียวกัน วาระเดียวกัน กก.บริหารพรรคร่วมแจกตั๋วหนังกับลูกทีม คนอื่นโดนหมด ใบเหลือง ใบแดง แต่กก.บริหารขาวจั๊วะโด่เด่อยู่คนเดียว เลยไม่ต้องถูกยุบพรรค
แล้วมันยุติธรรมตรงไหน รธน.ฉบับ นี้ จึงสมควรโละทิ้ง แล้วเอา รธน.ฉบับ ประชาชน 2540 มาใช้ นั่นล่ะถูกต้องที่สุด อย่ามาบอกโละทิ้งไม่ได้ ก็ฉีกทิ้งมาแล้ว 17 ฉบับ จะฉีกอีกฉบับเป็นไร ทำประชามติกันไปเลย
ยังไม่นับ ม.309 ที่ถึงขนาดเขียนในรัฐธรรมนูญ ให้นิรโทษกรรมความผิดตัวเองทุกกรณี ชนิดไม่เคยมีมาก่อน แต่พอมีข่าวจะมีนิรโทษกรรมทางการเมืองให้นักการเมืองบ้าง กลับออกมาต่อต้านเสียงขรม ทั้งที่ยังไม่ตั้งไข่
ไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบกับวิกฤติที่เกิดขึ้นบ้างเลยหรือไร???
ดาวประกายพรึก