WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, November 16, 2010

มติพรรค ใหญ่กว่า มติมาร์ค!!

ที่มา บางกอกทูเดย์

มติพรรค  ใหญ่กว่า มติมาร์ค!!



เมื่อลูกแกะโดดขวิดหมาป่า!
ไม่ลาออกมีอะไรมั้ย?
ถ้าเป็นมวย ก็ต้องเรียกว่าสถานการณ์พลิก
เพราะในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มีการอ้างบรรทัดฐานการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ในการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังต้องลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ก่อนที่จะไปลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม

ดังนั้นกรณีของนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงคมนาคม และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงมหาดไทย ก็จะต้องลาออกก่อนไปลงเลือกตั้งซ่อมด้วยเหมือนกัน

ทำเสียงเข้มกำชับ โดยเน้นย้ำให้เห็นถึงจริยธรรมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเหนือชั้นกว่า คนอื่น ตามสไตล์ประชาธิปัตย์ ที่ถูกแซวมาตลอดว่า เป็นประเภทเอาดีใส่ตัวมาตลอด

แถมงานนี้นายอภิสิทธิ์ออกมาเอง ทั้งให้สัมภาษณ์ทั้งออกรายการวิทยุโทรทัศน์ ระบุชัดเจนว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลาออก

ในขณะที่ได้ให้นายสุเทพ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ไปย้ำอีกรอบด้วยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีสั่งให้ออก ก็ต้องออก เรื่องจะได้จบ

กระแส ที่เกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ฟอร์มเหนือชั้นมาก นายอภิสิทธิ์ได้คะแนนไปเต็มๆ ในขณะที่ทั้งนายเกื้อกูลและนายบุญจง รวมทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย ตกเป็นจำเลยสังคม โทษฐานยึกยักทำท่าว่าจะไม่ลาออก

จนกระทั่งสุดท้ายนายสุเทพ ได้มีการรายการนายอภิสิทธิ์ว่าเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย ยอมเรียบร้อยแล้ว

งาน นี้พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ มีแต่ได้ฝ่ายเดียว ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลมีแต่เสียกับเสีย เพราะตอนแรกไม่ออกก็ถูกด่า พอทำท่าจะออกก็ถูกมองว่าหงอ ยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่เป็นรัฐบาล

เพราะ แรงกดดันแบบนี้แหละที่ทำให้เกิดอาการเกมพลิก หลังจากที่โดนถลุงมา 3 ยก ขึ้นยก 4 ดูเหมือนทั้ง 2 พรรคร่วมรัฐบาล เกิดอาการทนไม่ได้ที่ถูกเพื่อนตีกิน โกยภาพลักษณ์ไปฝ่ายเดียวเช่นนี้

แถม ยังมีการพูดคุยกันในระดับผู้ใหญ่ภายในแต่ละพรรคด้วยว่า ตอนนายสุเทพลาออกก็จริง แต่มีใครเชื่อบ้างว่าในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล จะไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ไม่ว่ามีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ยังไงก็ได้เปรียบ

ข้าราชการประจำ ก็รู้อยู่แล้ว ว่าเป็นเพียงการลาออกเพื่อสร้างภาพ แล้วสุดท้ายก็กลับมาเป็นรองนายกฯใหม่อีกครั้ง ฉะนั้นจะต่างอะไรกับการที่ไม่ลาออก

ขึ้นยก 4 ทั้ง 2 พรรคก็เลยเกิดอาการดื้อแพ่งขึ้นมาอีกรอบ
นาย ศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าหลังจากที่นายสุเทพ มีการชี้แจงกรณีการเข้าพบหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงเหตุผลที่รัฐมนตรีที่โดนพิษหุ้นต้องลาออกนั้น จริงๆแล้วหลังการพบปะหารือกัน ทุกคนตอบชัดเจน

การตัดสินใจขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคของแต่ละพรรค
ดัง นั้นในส่วนของกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยจะตัดสินใจ ด้วยพื้นฐานการรับฟังความเห็นของประชาชน และภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ใช่ด้วยเหตุผลว่า พรรคอื่นมีมติอย่างไร

“พรรคอื่นจะมีมติอย่างไร เป็นเรื่องของพรรคนั้นๆ ไม่มีผลต่อพรรคภูมิใจไทย ว่าจะต้องยึดเอาแนวทางนั้นเป็นบรรทัดฐาน โดยหากกรรมการบริหารพรรคมีความเห็นว่า คุณบุญจง สมควรลาออก ก็ไม่ใช่เพราะบรรทัดฐานของพรรคประชาธิปัตย์”

เช่นกันกับนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ที่บอกว่าก็ต้องเป็นไปตามมติเสียงส่วนใหญ่ หากเห็นว่าไม่ควรลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี

“เท่า ที่ฟังก็ทราบว่าเสียงส่วนใหญ่ให้สู้ และมีแต่คนมาให้กำลังใจ ซึ่งครอบครัวในพรรคชาติไทยพัฒนาก็อบอุ่นดี ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะวันที่ประชุมพรรคก็ยังไม่มีมติออกมาแต่อย่างใด แต่ก็จะดูถึงความรอบคอบอีกครั้ง”

นายเกื้อกูล ย้ำว่า เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องของพรรค แต่ขอให้ใจเย็นๆเพราะเรื่องนี้มีคำตอบแน่นอน เพราะท้ายที่สุดก็ต้องลงรับสมัครเลือกตั้งส.ส. ซึ่งก็ว่าไปตามกติกา

“ยืนยันว่าเคารพกติกา สบายใจได้ ผมอยู่ในกติกามาตลอดไม่เคยฝ่าฝืนกติกา”
ส่วนว่าหากสุดท้ายเกิดไม่มีการลาออกจะชี้แจงกับนายอภิสิทธิ์ อย่างไรนั้น นายเกื้อกูล กล่าวเพียงว่า อย่าไปพูดถึงขั้นนั้นดีกว่า ที่สำคัญกกต.ก็ได้กำหนดไว้อยู่แล้วว่าสิ่งใดทำได้สิ่งใดทำไม่ได้

ซึ่ง ก็ปรากฏว่า นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวหลังการประชุมพรรคว่า พรรคชาติไทยพัฒนามีมติส่งนายเกื้อกูล ลงสมัครสส.เขต 1 อยุธยา ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมพรรคเห็นว่าตามข้อกฏหมายไม่ได้ระบุให้ลาออกจาก ตำแหน่งรัฐมนตรี
ดังนั้นก็จะนำมติของพรรคไปแจ้งให้นายอภิสิทธิ์ ได้รับทราบและจะมีการพูดคุยในเรื่องนี้ต่อไป

นาย บรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหน.พรรคชาติไทยพัฒนา เชื่อว่าแม้นายเกื้อกูลจะไม่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง คมนาคม ตามที่นายกฯต้องการก็ไม่มีผลกระทบต่อเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล

ส่วน ว่าถ้ามีการนำเอาเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับกรณีของนายสุเทพจะ ตอบอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบเดี๋ยวคณะกรรมการการเลือกตั้งเล่นงานอีก อยากพูด มันคันปาก ที่อยากจะพูดเยอะเลย แต่พูดไม่ได้ มันคันปากยิกเลย

“ถ้าต่อยได้ก็ต่อยแล้ว คือต่อยอย่างปาเกียว”
ส่วน เรื่องที่นายชุมพล จะเดินทางไปทำความเข้าใจกับนายกฯในเรื่องนี้ ยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่า เรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ตอนนี้มันใกล้ปีใหม่ วันเฉลิม น้ำท่วมมากมาย มาช่วยกันตรงนี้ก่อน หลังปีใหม่ค่อยมาว่ากัน

ซึ่งบางเรื่องอยากพูด แต่ว่า น้ำท่วมปาก
เจองานเข้าแบบนี้เชื่อว่านายอภิสิทธิ์มีหวังขมวดคิ้วนิ่วหน้ากว่าเดิมแน่

เพราะ แม้แต่นายสุเทพ ก็ยังพูดถึงข่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนามีมติที่จะส่งนายเกื้อกูล ลงเลือกตั้งซ่อมโดยไม่ต้องลาออกจากตำแหน่ง ว่า ไม่มีอะไรที่ผิดความคาดหมาย และไม่มีอะไรที่จะเป็นปัญหา

“เราต้องไม่ตระหนกตกใจแตกตื่นไปกับข่าวที่ปรากฎออกมา โดยที่ไม่ได้มีการวิเคาระห์ให้ชัดเจน”

โดย ยังเชื่อว่ามติของแต่ละพรรคที่จะมีขึ้น เป็นเรื่องของการจะส่งหรือไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ถ้าส่งจะส่งใคร มติของแต่ละพรรคมีแค่นั้น ที่เหลือเป็นข่าวที่คนอื่นบวกให้ เพิ่มเข้าไปให้เพื่อให้มีสีสันให้เกิดความตื่นเต้น เพราะฉะนั้น อย่าไปตื่นเต้น

ส่วนรัฐมนตรี ถ้าลงสมัครรับเลือกตั้ง จะลาออกหรือไม่ลาออก ก็ไปดูวันที่รับสมัคร วันนั้นเป็นของจริงว่า ลาออกหรือไม่

“ผม พยายามพูดจากับพวกเราหลายครั้งว่า ผมคิดว่าเราควรรายงานข่าวเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ถ้าเราเอามาคาดการณ์และมาถาม มันจะเป็นเรื่อง เพราะฉะนั้น รอให้ถึงเวลาแล้วมาถามใหม่ก็ไม่สาย ผมก็ตอบ”นายสุเทพ กล่าว

นายสุ เทพย้ำว่า ที่ผ่านมาได้ทำตามที่นายกฯต้องการทุกอย่าง และทำให้ดีที่สุด ซึ่งก็ได้พูดจาชี้แจงอธิบายชัดเจนแล้วในทุกประเด็น โดยส่วนตัวแล้วมองโลกแง่ดี ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยในที่สุด

ขณะที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า และการแต่งตั้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขต (ผอ.กต.เขต)เลือกตั้งส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างทั้ง 5 เขต 5 จังหวัด ได้แก่ กทม.เขต 2 พระนครศรีอยุธยา เขต 1 สุรินทร์ เขต 3 นครราชสีมา เขต 6 และขอนแก่น เขต 2

เพราะการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมาได้พบปัญหา สำคัญจากข้อบกพร่องของหลัก เกณฑ์การเลือกตั้งล่วงหน้า ที่กกต.กำหนดไว้ในการขอใช้เลือกตั้งล่วงหน้า สามารถไปกรอกแบบฟอร์มขอใช้สิทธิในวันเลือกตั้งและมีสิทธิลงคะแนนได้ในวัน เดียวกัน โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้มงวดในการตรวจสอบเหตุผลและความจำเป็นที่ไม่ สามารถมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันจริงได้

จึงเป็นช่องทางในการขนคนไป ลงคะแนน ทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามมาตรา 95 และมาตรา 95 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ. 2550 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า

ผู้ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าต้องเป็นผู้ ที่ได้รับคำสั่งจากทางราชการ ให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง นั้น หรือต้องเดินทางไปนอกเขตเลือกตั้ง หรือในวันเลือกตั้งไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ จึงอยากให้กกต.พิจารณาถึงหลักเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้มีเวลา ตรวจสอบข้อมูล ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใส และเป็นธรรมสำหรับการเลือกตั้ง

ส่วน การแต่งตั้งผอ.กต.เขตแต่ละเขตในต่างจังหวัด ที่ผ่านมาปรากฏว่า กกต.ได้แต่งตั้งให้นายอำเภอ เป็น ผอ.ประจำเขตเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยมองว่านายอำเภอเป็นข้าราชการทางปกครองที่อยู่ภายใต้บังคับ บัญชาของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเกรงว่าจะมีการช่วยเหลือ จึงขอให้ กกต.ทบทวน

โดยขอให้ข้าราชการในจังหวัด เช่นอัยการจังหวัด หรือข้าราชการที่อยู่ในกระทรวงอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทยมาทำหน้าที่แทน

อีก ทั้งพรรครัฐบาลพยายามดำเนินการทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตนเองแพ้การเลือก ตั้ง จึงขอให้กกต.มีมาตรการที่เข้มงวดและเตรียมความพร้อมมากกว่าทุกครั้ง เพื่อป้องกันการร้องเรียน เพราะเชื่อว่าจะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง

สำหรับ การที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร จะลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่ลาออกจากตำแหน่ง นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการเอาเปรียบคู่แข่งขันทางการเมือง และไม่มีความสง่างาม เช่น รมช.มหาดไทยที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างชัดเจน เพราะเป็นผู้มีอำนาจ และให้คุณให้โทษในพื้นที่ได้ แม้ว่าจะไม่ขัดต่อกฎหมายแต่ก็ไม่มีความชอบธรรมทางการเมือง จะทำให้มีโอกาสถูกร้องเรียนสูง รวมถึงจะกระทบต่อน้ำหนักเสถียรภาพของรัฐบาลที่มีการเอาเปรียบเลือกตั้งในสาย ตาประชาชนจึงควรลาออกจากตำแหน่งก่อนลงสมัครจะดีกว่า

ไม่น่าเชื่อว่าแค่เรื่องลาออกไม่ลาออกก่อนลงเลือกตั้ง ยังสะท้อนภาพความไม่แน่นแฟ้นเหมือนเดิมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลได้ถึงขนาดนี้

งาน นี้เป็นเรื่องที่คงต้องจับตาดูกันต่อไป ว่าหลังจากที่ปล่อยให้ประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ ไล่บี้จี้เรื่องมารยาททางการเมือง เรื่องจริยธรรม มา 3 ยก จนทนไม่ไหวขึ้นยก 4 ก็เลยต้องสวนกลับกันบ้าง จะได้รู้เสียบ้างว่า พรรคร่วมรัฐบาลก็มีจุดเหมือนกัน

เมื่อทนไม่ไหวงานนี้ฝ่ายเป็นรอง ก็ขอตีศอกกลับสวนฝ่ายรุกไล่กันบ้าง เพื่อรักษาศักดิ์ศรี
ปัญหาตอนนี้จึงเหลืออยู่แค่ ยก 5 ยกสุดท้าย ว่าใครจะเป็นฝ่ายถอดใจยอมถอย
แต่ดูแล้ว มาร์คน่าจะซาดิสม์กว่าเยอะ สุดท้ายอาจจะเป็นอย่างที่นายสุเทพบอกใบ้ก็ได้ ให้ดูตอนจบ ทุกอย่างจะเรียบร้อย

ก็ไม่รู้หมายถึงว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะกลับมาหงอเหมือนเดิมใช่หรือไม่?!?
เพราะตอนนี้ไม่ว่าพรรคร่วมพรรคไหน ก็ยังไม่พร้อมที่จะถูกเขี่ยออกจาการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันทั้งนั้น