ที่มา ประชาไท
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.54 ที่ผ่านมา ที่ศาลปกครองกลาง นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่าชาวบ้านรอบบึงทุ่งกะโล่ ต.ป่าเส้าและ ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ กว่า 60 คน เดินทางมาศาลปกครองกลางตามหมายเรียกของศาล เพื่อทำการไต่สวนคำขอการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา กรณีที่ชาวบ้านรอบบึงทุ่งกะโล่ได้ฟ้องปฏิรูปที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เลขาธิการ สปก. และรมต.กระทรวงเกษตรฯ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริตต่อศาลปกครองกลาง
ในการไต่สวนนั้น ตัวแทนชาวนา ได้เปิดเผยว่าผู้ถูกฟ้องคดีได้ละเมิดสิทธิประชาชนและสิทธิสิ่งแวดล้อม โดยอนุญาตให้หน่วยงานราชการจำนวนมากในจังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าไปใช้ประโยชน์และถมที่ดิน ทำคันดินกั้นน้ำในทุ่งบึงกะโล่กว่า 2,000 ไร่ เพื่อสร้างตึก อาคาร สถานที่ จนทำให้สภาพบึงซึ่งเป็นแหล่งรองรับน้ำตามธรรมชาติหรือแก้มลิง ที่มีพื้นที่กว่า 7,500 ไร่เปลี่ยนสภาพไป ได้รับผลกระทบตื่นเขิน และไม่สามารถรองรับน้ำที่ไหลบ่ามาจำนวนมากได้ ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมที่นาของชาวบ้าน ทำให้นาข้าวที่กำลังงอกงามถูกน้ำท่วมขังเสียหายไปนับพันไร่ โดยไม่มีหน่วยงานราชการใดออกมารับผิดชอบ
ทั้งนี้หน่วยงานราชการผู้ถูกฟ้องคดีได้ละเมิดกฎหมายหลายฉบับ อีกทั้งเป็นการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2552 ห้ามหน่วยราชการใดเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชุ่มน้ำโดยเด็ดขาด แต่หน่วยงานราชการในจังหวัดอุตรดิตถ์กลับฝ่าฝืน และไม่สนใจมติและข้อห้ามทางกฎหมายต่าง ๆ ยังคงเดินหน้าปล่อยให้หน่วยราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์เข้าไปทำคัดดิน ทำถนน และก่อสร้างอาคารในพื้นที่ชุ่มน้ำทุ่งบึงกะโล่ได้อีกในปัจจุบัน
การที่หน่วยงานราชการละเว้นเพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ละเว้นเพิกเฉยเสียเองนั้น น่าที่จะเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤตน้ำท่วม 2554 ที่ผ่านมา เพราะแหล่งรองรับน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่ได้ถูกทับถมเป็นคันดิน ก่อสร้างตึกอาคารแทน ทำให้แก้มลิงตามธรรมชาติหายไป ที่สำคัญบางหน่วยงานราชการได้นำงบประมาณแผ่นดินนับ 100 ล้านไปถมที่ดินและสร้างอาคารเสร็จแล้วแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ปล่อยให้เป็นที่ อยู่อาศัยของนกหนูงูและตัวเงินตัวทอง โดยที่ สปก.อ้างว่าไม่ทราบเรื่องมาก่อน ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่สมาคมฯและชาวบ้านจะยอมไม่ได้ จะได้รวบรวมข้อมูลร้องต่อ ปปช.เพื่อสอบสวนลงโทษหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด